บทที่ 1105 มืดมิดดั่งที่เป็นมา
“อันดับแดนดาราทิศใต้ อันดับที่ 1,145…”
บนท้องฟ้า ใต้แสงเรืองรองแห่งขั้วโลก ร่างของสวี่ชิงประดุจรุ้งยาว พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ไม่ได้ผ่อนคลายลงจากการสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้นเลย ตรงกันข้าม ความระแวดระวังในใจกลับยิ่งทวีขึ้น
เพราะหลังจากที่กระตุ้นป้ายอนุมัติเมืองเซียนและหลอมรวมเข้าไปในร่างแล้ว เขาก็นับว่าก้าวเข้าสู่การทดสอบล่าเหยื่อของเมืองเซียนอย่างแท้จริงแล้ว
อีกทั้งยังสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงภยันตรายและวิกฤติที่อาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ
ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะระหว่างป้ายมีการเพิ่มขึ้นของขอบเขตการรับรู้
ป้ายอนุมัติเมืองเซียนนี้พิเศษยิ่งนัก หากไม่ได้หลอมรวมมันเข้าไว้ ก็จะไร้ซึ่งความสามารถในการรับรู้ แม้จะมีป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่นอยู่ข้างกาย พลังจิตของตนก็ไม่อาจรับรู้ได้แม้เพียงน้อยนิด
หากต้องการตรวจสอบป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่น มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือการหลอมรวมป้าย
อาศัยพลังของป้ายตนเพื่อรับรู้ถึงป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่น
ในระดับหนึ่ง ป้ายอนุมัติเมืองเซียนนี้ไม่เพียงเป็นคุณสมบัติ แต่ยังเป็นเครื่องมือเฉพาะสำหรับการรับรู้ด้วย
และก่อนที่จะสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้น หลังจากที่สวี่ชิงหลอมรวมป้ายอนุมัติเมืองเซียนของตน เขาสามารถรับรู้ขอบเขตของป้ายที่สามารถตรวจสอบได้ในรัศมี 1 แสนลี้
ภายในระยะ 1 แสนลี้ ขอเพียงมีป้ายอนุมัติเมืองเซียนแผ่นอื่นปรากฏขึ้น เขาก็จะรับรู้ได้ในทันที
เดิมทีเขาคิดว่าผู้อื่นก็เป็นเช่นนี้
แต่…จากการสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้ที่ถือป้ายอนุมัติเมืองเซียนเช่นกัน สวี่ชิงก็สัมผัสได้ว่า ตัวเขาไม่เพียงแค่อันดับเลื่อนขึ้นเท่านั้น แม้แต่ป้ายอนุมัติเมืองเซียนก็ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
ราวกับว่า จากขั้นที่ 1 เปลี่ยนเป็นขั้นที่ 2
การแสดงออกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือขอบเขตการรับรู้ป้ายอนุมัติเมืองเซียนแผ่นอื่นที่พุ่งเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า
แตะถึงระยะ 1 ล้านลี้
เรื่องนี้ก็คือต้นตอที่ทำให้ใจของสวี่ชิงหนักอึ้ง
“ข้าเพียงแค่ได้รับเพิ่มมา 1 อัน แต่ขอบเขตการรับรู้เฉพาะของป้ายอนุมัติเมืองเซียนกลับเพิ่มขึ้นมากมายถึงเพียงนี้”
“สามารถยืนยันได้ว่าดูดซับป้ายอนุมัติเมืองเซียนมากขึ้น ขอบเขตการรับรู้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกตามไปด้วย”
“เช่นนั้นผู้อื่นเล่า…”
รูม่านตาของสวี่ชิงหดเล็กลงเล็กน้อย ผลลัพธ์นี้สำหรับเขาแล้วไม่สู้ดีนัก
นี่หมายความว่า ยิ่งสังหารมากเท่าไร ยิ่งได้รับป้ายมากเท่าไร ขอบเขตการรับรู้ก็จะยิ่งกว้างไกลขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น โดยธรรมชาติแล้ว ก็จะเกิดข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของขอบเขตการรับรู้ขึ้น
ผู้แข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอยิ่งอ่อนแอ
สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดสถานการณ์หนึ่งขึ้นอย่างแน่นอน ศัตรูที่มีป้ายจำนวนมากจะสามารถรับรู้สวี่ชิงได้จากระยะไกล ในขณะที่ภายในขอบเขตของสวี่ชิงกลับไม่มีร่องรอยของอีกฝ่าย
เรื่องนี้ในการล่าสังหาร ถือว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต
เพราะยิ่งมีป้ายมากขึ้น ก็หมายถึงอันดับในแดนดาราทิศใต้ของอีกฝ่ายสูงกว่า พลังบำเพ็ญย่อมแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
อีกทั้ง จากเวลาที่หมุนผ่านไปจากการปรากฏตัวของผู้แข็งแกร่งที่มากขึ้น ขอบเขตการรับรู้ก็จะขยายไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว
ทำให้ไม่อาจหนี ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
“มิน่าเล่า ข้าฆ่าไปเพียงแค่คนเดียว อันดับก็พุ่งขึ้นมากมายถึงเพียงนี้”
“ท่าทาง หลังจากขั้นที่ 2 เริ่มขึ้น การสังหารอย่างที่ข้าเพิ่งลงมือไปเมื่อครู่ ก็คงจะปะทุขึ้นทั่วทั้งแดนดาราทิศใต้นี้”
“นี่คือการทดสอบล่าสังหารขั้นที่ 2 ของเมืองเซียน…”
“สมควรกับคำว่าล่าเหยื่อแล้ว 2 คำนี้แล้วจริงๆ”
สวี่ชิงพึมพำ
ผ่านจากการเพิ่มขอบเขตการรับรู้ของป้ายอนุมัติเมืองเซียน สวี่ชิงรับรู้ถึงความโหดร้ายและดุเดือดของการล่าสังหารระหว่างผู้ที่ถือครองป้ายอนุมัติเมืองเซียนด้วยกันเองครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้ง
และสำหรับการวิเคราะห์เรื่องการเลี้ยงกู่ของเมืองเซียน ก็มีหลักฐานแล้วเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า เมืองเซียนโยนอันดับรายชื่อออกมา สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจก แต่เป็นราชาหมาป่า ต้องการอัจฉริยะฟ้าประทานที่ฝ่าฟันสังหารออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือดอย่างแท้จริง
ดังนั้น ความแตกต่างของขอบเขตการรับรู้แม้จะดูไม่ยุติธรรม แต่เรื่องนี้หากมองจากอีกมุมหนึ่งก็ยุติธรรมเช่นกัน
ความยุติธรรมของระบบในขั้นต้น
ส่วนหนทางข้างหน้าจะก้าวเดินเช่นไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน
ความเป็นความตายไม่แน่นอน
สวี่ชิงหรี่ตาลง เลียริมฝีปาก แววตาเผยประกายเย็นชา
เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า แบบนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
อย่างน้อยก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาล
ที่แห่งนี้ไม่ใช่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ที่นี่ไม่มีอาจารย์มาช่วย ไม่มีจักรพรรดินีมาช่วย และยิ่งไม่มีศิษย์พี่ใหญ่มาช่วยเหลืออีกแล้ว
แม้แต่ตุ๊กตาจิ้งจอกก็ยังหลับใหลอย่างอ่อนแรงอยู่ในระบบดาวที่ 5 ที่ต่อต้านเทพเจ้า
“ทุกสิ่งล้วนต้องพึ่งพาตนเอง”
“ผลลัพธ์จากการตัดสินใจใดๆ ล้วนต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง”
ความระแวดระวังของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นถึงระดับสู่ขีดสุดในใจ จากนั้นก็หรี่ตาลง เก็บทุกความคิด แล้วมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่ได้รับจากการต่อสู้ศึกนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ของตน
การแปรสภาพอำนาจสูงสุดของธาตุทั้ง 5 คือสิ่งแรก
“อำนาจของข้าความจริงแล้วไม่ได้มีแค่ธาตุทั้ง 5 เท่านั้น ยังมีมิติและกาลเวลา เพียงแต่การแปรสภาพพลังอำนาจของทั้ง 2 อย่างนี้ยังคงต้องฝึกฝนและค้นหาอีกมาก”
“ถัดมาคืออำนาจลบเลือน และรอยแห่งเต๋าที่แปรสภาพมาจากวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา”
“ดังนั้น พูดให้ถูกต้องคือ หากแปรสภาพอำนาจทั้งหมด เช่นนั้น อำนาจของข้าก็จะมี 9 อย่าง”
“ส่วนการบำเพ็ญของข้าหลังจากนี้ ด้านหนึ่งคือทำให้อำนาจธาตุทั้ง 5 เพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่งคือการสำรวจมิติและกาลเวลาให้มากขึ้น เพื่อลองนำมาอนุมานวิถีสุดยอดที่ 8 ของข้าจากการนั้น”
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง
สำหรับผลเก็บเกี่ยวอื่นๆ จากการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างเช่น การเพิ่มพลังของป้าย นี่คือสิ่งลำดับที่ 2
และสิ่งที่ได้รับในขั้นที่ 3…คือแหวนมิติ 1 วง
ตราประทับบนนั้น จากการตายของเจ้าของเดิมก็ได้สลายไปแล้ว ดังนั้นสวี่ชิงหลังจากหยิบออกมา จิตเทพก็กวาดไป ก็สำรวจแหวนมิติวงนี้ทั้งหมดได้อย่างราบรื่น
ต้องพูดเลยว่า ภายในระบบดาวที่ 5 แห่งนี้ ผู้ที่สามารถก้าวไปถึงระดับเจ้าเหนือหัวได้ ของสะสมที่มีล้วนมั่งคั่งไม่ธรรมดาเลย
แน่นอนว่าสวี่ชิงก็คาดเดาสาเหตุได้คร่าวๆ
ผู้พิทักษ์เหมืองวิญญาณ เนื่องจากเฝ้าปกปักษ์คุ้มครองอยู่ที่นั่นหลายปี ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วสิ่งของทั้งหมดจึงอยู่กับตัว
ส่วนคนที่ 2 ที่ถูกสวี่ชิงสังหารนั้น…
คนที่กล้าหลอมผสานป้ายอนุมัติเมืองเซียน ย่อมเตรียมพร้อมสำหรับพายุฝนคาวเลือดในอนาคต บุคคลเช่นนี้หากไม่ใช่ผู้ที่มั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง ก็เป็นผู้ที่เตรียมจะทุ่มสุดตัวเพื่อต่อสู้
แบบแรกนั้นพูดยาก แต่แบบหลังย่อมต้องพกสิ่งของมีค่าของตัวเองไปด้วยอย่างแน่นอน
แหวนมิติวงนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ในนั้นไม่ว่าจะเป็นหินวิญญาณหรือหยกเซียนล้วนมีจำนวนมหาศาล
แต่สมบัติมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเข็มทิศอันหนึ่ง ทั้งยังชำรุดทรุดโทรมสาหัส เห็นได้ชัดว่าเคยเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซม
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สวี่ชิงก็ยังคงได้ผลเก็บเกี่ยว
นั่นคือลูกกลอน
เรื่องที่ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนคนนี้เน้นเป็นพิเศษก็คือการเตรียมยาลูกกลอน
ดังนั้นจึงมีลูกกลอนมากมาย
แต่เห็นได้ชัดว่า… การลงมือของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ ใช้อำนาจสยบกำราบ ยิ่งกว่านั้นคือใช้มิติจับเป้าหมายอีกฝ่าย อีกทั้งความเร็วในการต่อสู้ก็รวดเร็วยิ่ง
ดังนั้นต่อให้จะหยิบลูกกลอนออกมา ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ทุกสิ่งได้ในระยะเวลาอันสั้น
ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง สวี่ชิงหลังจากที่รับรู้และจำแนกโอสถเหล่านี้แล้ว ก็เก็บแหวนลงไป ก่อนจะทะยานไปอย่างรวดดเร็วในท้องนภา
เป็นเช่นนี้ เวลาผ่านไป
ไม่นาน 5 วันคลื่นวนก็ผ่านไป
บางทีอาจเป็นเพราะที่แห่งนี้คือสถานที่รกร้างห่างไกลในแดนดาราทิศใต้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะสวี่ชิงแม้จะพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วแต่ก็หลบเลี่ยงอันตรายทั้งหมดที่รับรู้ได้ด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นตลอด 5 วันนี้เขาจึงไม่พบเจอผู้ใดอีก
สิ่งนี้ทำให้ความรู้สึกถึงอันตรายที่อยู่ในใจบรรเทาลงไปเล็กน้อย
สุดท้าย ก่อนที่แสงเรืองรองแห่งขั้วโลกจะก่อตัวเป็นคลื่นวนใหม่ ท่ามกลางค่ำคืนอันสั้นที่มาเยือน สวี่ชิงก็หาภูเขารกร้างได้ลูกหนึ่ง บุกเบิกถ้ำภายในนั้น แล้วนั่งขัดสมาธินั่งลง
ข้างนอกคือรัตติกาล
ภายในถ้ำก็มืดสนิทเช่นกัน
นั่งอยู่ในความมืด รอบด้านเงียบสงัด
สวี่ชิงก็ค่อยๆ หลอมรวมไปกับความมืด ซ่อนเร้นอำพรางกลิ่นอาย และฝึกฝนอย่างเงียบๆ
บรรลุในวิถีแห่งตน แสวงหาเส้นทางของตน
เวลาไหลไปในรัตติกาล คลื่นวนแสงเรืองรองแห่งขั้วโลกภายนอกปรากฏขึ้นทีละหนึ่ง
7 วันคลื่นวนผ่านไปอีกครั้ง
ภายในถ้ำมืดมิด ดวงตาทั้ง 2 ของสวี่ชิงค่อยๆ ลืมขึ้น
ความเงียบสงัดยังคงอยู่เช่นเดิม มืดมิดดั่งที่เป็นมา
“ราวกับ…กลับไปในวัยเด็ก”
สวี่ชิงมองไปรอบๆ พึมพำเบาๆ ในใจ
และความรู้สึกที่เหมือนยืนอยู่เพียงลำพังในโลกอันกว้างใหญ่ราวกับเดินอยู่ในป่าอันตรายนี้ ความจริงสวี่ชิงก็คุ้นเคยกับมันดี
ทุกวันในวัยเด็กของเขาล้วนผ่านไปเช่นนี้
ประสบการณ์หลังจากที่ไปจากเมืองเป็นเอก จนกระทั่งก่อนที่จะฝากตัวเป็นศิษย์กับนายท่านเจ็ดอย่างแท้จริง ความจริงล้วนอยู่ในอันตรายมาโดยตลอด ราวกับมือสังหารที่ไม่ชอบปรากฏกายให้เห็นในสายตา
กระทั่งว่ายามเดิน เขาล้วนเลือกที่จะเดินในที่มืด
เพราะความมืดสามารถปกป้องตัวเองได้ ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองหลอมรวมไปในนั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืด ซ่อนอำพรางได้จากการนั้น
เช่นเดียวกับในตอนนี้
เป็นการปรากฏตัวของหัวหน้าเหลยในตอนนั้น มอบความรู้สึกผูกพันฉันท์ญาติที่ห่างหายไปนานให้แก่เขา
เป็นการปรากฏตัวของศิษย์พี่ใหญ่ ที่นำแสงตะวันมาสู่ชีวิตของเขา
เป็นการรับเขาเป็นศิษย์และการปกป้องของนายท่านเจ็ด ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการคุ้มครองจากผู้อาวุโส
เป็นหลิงเอ๋อร์ ที่ทำให้ใจของเขาผ่อนคลายลงได้
เป็นจื่อเสวียน ที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกที่ไม่รู้ว่าเกิดจากความหวั่นไหวหรือไม่
เป็นเจ้าวังครองกระบี่ชราแห่งเขตปกครองผนึกสมุทร ที่ทำให้เขาเข้าใจความเป็นผู้ครองกระบี่
เป็นจักรพรรดินี ที่ทำให้เขาเห็นว่า แท้จริงแล้วเทพเจ้าก็มีความเป็นมนุษย์เช่นกัน
เป็นมหาจักรพรรดิครองกระบี่ ที่ทำให้เขาตระหนักรู้ว่า แท้จริงแล้วคนคนหนึ่งสามารถมีชีวิตที่ผู้คนจดจำไปตลอดได้ถึงเพียงนี้
สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นกระบวนการเติบโตของเขา เติมเต็มประสบการณ์ของเขา เติมเต็มชีวิตของเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแยกออกได้ของตัวเขา และหล่อหลอมเขาในวันนี้ออกมา
และตอนนี้ เมื่อรวมทุกประสบการณ์แล้ว เขามายังระบบดาวที่ 5 อันแปลกหน้าแห่งนี้ อยู่เพียงลำพังใหม่อีกครั้ง เผชิญหน้ากับวิกฤตอันตรายทั่วทุกด้านใหม่อีกครั้ง
“นี่ก็เป็นประสบการณ์ของข้าเช่นกัน”
สวี่ชิงลูบไปยังบนร่างกายบริเวณที่เคยเก็บเหล็กแหลมตามสัญชาตญาณ
แต่ก็คลำเจอเพียงความว่างเปล่า
ราวสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นอารมณ์ของเขา เจ้าเงาแผ่ระลอกคลื่นบ่งบอกถึงการมีอยู่ของมันออกมาอ่อนๆ แม้แต่เถาวัลย์เทพก็ยังงอกกิ่งก้านเล็กบางออกมาจากร่างของสวี่ชิง ปัดผ่านแก้มของเขาเบาๆ
เถาวัลย์เทพ ในระหว่างที่เดินทางร่วมกันไปในมหาสมุทรบรรพกาล ก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงไปพร้อมกับซากเจดีย์ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัวกลับมา
รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน สวี่ชิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กำลังจะหลับตาฝึกบำเพ็ญต่อ
แต่ในตอนนี้เอง ดวงตาทั้ง 2 ของเขาก็พลันเบิกกว้างขึ้นทันที หันหน้าทอดสายตามองไปยังทิศใต้
สีหน้าของเขาก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที
ภายในขอบเขตการรับรู้ป้ายอนุมัติเมืองเซียนของเขา ตอนนี้ในทิศทางที่เขากำลังมอง พลันมีดวงดาวที่เป็นตัวแทนของป้ายอันหนึ่งปรากฏขึ้นมา
คนคนนี้เดิมทีดูเหมือนจะเพียงแค่ผ่านมา แต่ในเสี้ยวพริบตาที่เข้ามาในขอบเขตการรับรู้ป้ายของสวี่ชิง กลับเปลี่ยนทิศทางมาทางสวี่ชิงทางนี้ กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
“คนคนนี้มีขอบเขตการรับรู้ป้ายเช่นเดียวกับข้า!”
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาวขึ้นวูบ
ในสมองเขายิ่งมีความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในทันที
“ตอนนี้หนีไม่ได้ ทันทีที่ข้าเคลื่อนไหว เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะสามารถตัดสินได้ทันทีว่า ข้ามีขอบเขตการรับรู้ป้ายเช่นเดียวกับเขา”
“เช่นนั้นแล้ว สำหรับข้าแล้ว ก็คือการเดิมพัน”
“เดิมพันว่าอีกฝ่ายจะยังคงไล่ล่าโจมตีต่อไปหรือไม่ หากไม่ก็ช่างเถิด แต่หากไล่ล่าโจมตี ก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้”
“เช่นนี้…จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกินไป!”
ดังนั้น แสร้งทำเป็นไม่รู้ ในช่วงที่อีกฝ่ายมาที่นี่ก็เตรียมแผนรับมือรอบๆ ให้ที่นี่กลายเป็นสนามศึกที่เหมาะกับข้า”
“นี่ถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!”
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ยกมือสะบัด สวี่ชิงก็นำค่ายกลผนึก 49 ที่ได้มาจากหลิงเฟิงผู้พิทักษ์เหมืองวิญญาณออกมา
สิ่งนี้ เขายังคงอยู่ระหว่างการสำรวจ และก็ศึกษาอะไรออกมาได้บ้างแล้ว ในตอนนี้เอาออกมาวางได้พอดี
นอกจากนี้ เจ้าเงาที่อยู่ใต้ร่าง ภายใต้จิตเทพของสวี่ชิง ก็แผ่ขยายออกไปรอบๆ
จากนั้น สวี่ชิงก็รีบวางแผนจัดเตรียมมากมาย
ในขณะที่พลังแห่งผืนดินที่นี่เข้มข้น พืชพรรณก็ถูกเคลื่อนย้ายมาด้วย
ระหว่างนั้น เขายังหยิบธูปออกมา 1 ดอก วางไว้ตรงหน้า พร้อมจุดได้ทุกเมื่อ
สุดท้าย หลังจากเตรียมพร้อมทุกสิ่งแล้ว สวี่ชิงสะบัดมือเอาต้นไม้วิเศษกระจกแก้วออกมา วางไว้ตรงหน้าตัวเอง หลังจากกระตุ้นมัน ก็แผ่กลิ่นอายของตนออกมา
ไม่นาน ต้นไม้วิเศษกระจกแก้วก็สั่นไหว ปรากฏเงาร่างหนึ่งที่เหมือนกับสวี่ชิงทุกประการ แม้แต่กลิ่นอายก็ยังเหมือนกันออกมา
“นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่” สวี่ชิงเอ่ยปากอย่างสงบนิ่ง
เงาร่างนั้นพยักหน้า พลันนั่งขัดสมาธิ
ส่วนสวี่ชิง ร่างก็จมดิ่งลงไป หลอมไปในผืนดิน ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากเงาร่างที่แปลงมาจากต้นไม้วิเศษกระจกแก้วมากนัก เพราะหากเป็นเช่นนั้น จะถูกรับรู้ได้ว่าป้ายไม่ได้อยู่ที่นี่
และเมื่อระยะทางไม่ไกล กลิ่นอายย่อมซ้อนทับกันโดยธรรมชาติ
เมื่อทำทุกสิ่งเสร็จสิ้น ในดวงตาของสวี่ชิงจิตสังหารพวยพุ่งเดือดพล่าน รอคอยอย่างเงียบงัน
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
