Skip to content

Outside Of Time 1132


บทที่ 1132 เหตุใดเรียกว่าบัญญัติ!

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ทอดมองนอกม้วนภาพ

ทิศที่มองคือ… สำนักเซียนมรรคา

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงสำนักเซียนมรรคา การสัมผัสผ่านกายเนื้อเขาถือว่าไม่สังเกตเห็นสิ่งใด

แต่ห้วงคิดเขาต่างออกไป

ความรู้สึกลึกลับปรากฏในห้วงคิดสวี่ชิง เหนือกว่าการสัมผัสผ่านกายเนื้อชั่วพริบตา

‘ยืมมรรคา?’ สวี่ชิงครุ่นคิด สักพักค่อยดึงจิตกลับมา

ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว เรื่องสำคัญที่สุดคือทำความเข้าใจขั้วที่ 8 ของตน

การปรากฏตัวของขั้วที่ 8 นี้ แม้ว่าสอดคล้องกับสิ่งที่เขาเคยคิด แต่ต้องบอกว่าการก่อเกิดของบัญญัติทำลายความเข้าใจในอดีตของเขาระดับหนึ่งเช่นกัน

ทั้งล้มล้างความคิดดั้งเดิม

ขั้วนี้เกิดขึ้นหลังจาก 7 ขั้วก่อนรวมตัวกัน ผลักดันเป็นจุดสูงสุดใหม่

5 ขั้วแรกเป็นพื้นฐาน เวลากับห้วงมิติคือเชื้อเพลิง หลังจากแผดเผา คราวนี้ค่อยก่อตัวเป็นขั้วที่ 8 ตามที่เขาเคยคิด

รวมถึงวัฏจักร กฎกรรม ทุกสิ่งอย่าง กลายเป็นวิถีกาลอวกาศ

เมื่อวิถีนี้ปรากฏ ความรู้แจ้งเกิดขึ้นในใจ

‘คล้ายการยกระดับอย่างหนึ่ง’

‘ไม่เกี่ยวกับกายเนื้อ แต่เป็นการยกระดับห้วงคิดรวมถึงจิตวิญญาณ’

สวี่ชิงหลับตา สัมผัสขั้วที่ 8 ในกายตน

‘นี่คือสภาวะกาลอวกาศซึ่งเข้าถึงได้ทุกเมื่อ!’

‘หลังจากเข้าถึง กายเนื้ออยู่ภายนอก แต่ห้วงคิดเหนือกว่าอดีต ถึงขั้นรอบรู้ทุกสิ่ง’

‘ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกสรรพสิ่งที่เห็นก็เหมือนภาพซึ่งปรับเปลี่ยนได้ตลอด’

‘สร้างผลกระทบ กระตุ้น ควบคุมได้’

ยามครุ่นคิดขั้วที่ 8 ในตัวสวี่ชิงพลันแผ่ขยาย ครู่ต่อมา… ความรู้สึกถึงกาลอวกาศเกิดขึ้นอีกครั้ง

ทอดมองทั่วทิศ สัมผัสได้ลึกซึ้ง

‘การต่อสู้ด้วยสภาวะเช่นนี้เหนือกว่าแนวคิดทั่วไปอย่างแต่ก่อน’

‘ในสายตาข้าสรรพสิ่งไม่มีความลับใด วิชาเวทก็ดี ร่างกายก็ดี แม้แต่ความคิด ชะตา วัฏจักร รวมถึงอดีตและอนาคต ทั้งหมดล้วนโปร่งใส’

‘ข้าสร้างผลต่อทางเลือก ก่อความผิดพลาด ตัดสินเป็นตายยามศัตรูไม่ทันสังเกตได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดข้า’

‘ท่ามกลางวิชาเวทของศัตรู ข้าปรับเปลี่ยนวิชาเวทได้ ไม่ว่ามาจากต้นกำเนิดหรือแก่นแท้ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับ 1 ห้วงคิดของข้า’

‘ข้ามุ่งหน้าไปกาลอวกาศหรือสถานที่ใดก็ได้ ถึงขั้นปรากฏตัวช่วงศัตรูถือกำเนิดแล้วทำลายพวกเขาได้’

‘นี่คือความสามารถของบัญญัติหรือ… ในโลกชั้นล่าง แม้ข้าไม่ใช่เซียน แต่ความสามารถเช่นนี้คงไม่ต่างกับเซียนนัก’

‘ทว่าที่นี่คือ 36 วงแหวนชั้นบน มีบัญญัติสูงกว่า กลายเป็นข้อจำกัดของข้า’

สวี่ชิงเงียบไป

‘บัญญัติ…’

การปรากฏตัวของบัญญัติ รวมถึงเสียงจากความว่างเปล่าเมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้เขาเข้าใจคำว่าบัญญัติโดยปริยาย

ส่วนหนึ่งมาจากตัวเอง ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลเพิ่มเติมที่แฝงอยู่ภายในแต่ละตัวอักษรของประโยคนั้น

บัญญัติเหนือกว่าระเบียบกฎเกณฑ์ ใน 36 วงแหวนชั้นบนถือเป็นพลังต้นกำเนิดปริศนาและสูงส่งของเทพเจ้า

36 วงแหวนชั้นบนนี้เป็นของเทพเจ้า

ดังนั้นเทพเลยครองต้นกำเนิดปริศนาและสูงส่งนี้ง่ายกว่า ทั้งสำแดงออกมาได้

วิธีแสดงออกคืออำนาจเทพ ต่อจากนั้นค่อยเป็นเทพแท้ วิวัฒน์เป็นคุณสมบัติเทพ

สิ่งที่เหล่าองค์ท่านได้รับคือคุณสมบัติแต่กำเนิด

นี่ก็คือต้นเหตุความแข็งแกร่งของเทพเจ้า

ถึงอย่างไรเหล่าองค์ท่านก็ถือกำเนิดบน 36 วงแหวนชั้นบน

ส่วนผู้บำเพ็ญเป็นคนต่างถิ่น เดิมย่อมไม่มีคุณสมบัตินี้

ดังนั้นคุณสมบัตินี้จึงถูกแยกออกเป็นลำดับ

อันดับแรกคือพลังต้นกำเนิด จากนั้นคือวาสนามรรคา ตามด้วยอาศัยขั้นตอนสร้างตัวอ่อนเซียน ดูดซับพลังวงแหวนเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงตามสัญชาตญาณ ก่อเกิดเป็นรอยวิถีอำนาจที่คล้ายกับอำนาจเทพ

ครั้นแล้วจึงนับว่าก้าวสู่หนทางนี้

ถึงแม้รอยวิถีอำนาจคล้ายคลึงกับอำนาจเทพเจ้า แต่ตามภาพรวมแล้วเทียบไม่ได้

มีเพียงรอให้รอยวิถีอำนาจยกระดับ ก่อตัวเป็นบัญญัติในท้ายที่สุด

ผู้บำเพ็ญค่อยถือว่าได้รับสถานะเหมือนเทพเจ้าอย่างแท้จริง

บัญญัติอยู่ระดับเดียวกับสถานะเทพ!

ใช้วิธีซับซ้อนเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติเทพ เท่านี้ก็เห็นถึงความลำบากของผู้บำเพ็ญบน 36 วงแหวนชั้นบนแล้ว

ดังนั้นว่ากันตามจริงคือบัญญัติเป็นวิธีแสดงออกขั้นสุดท้ายจากการที่เซียนไปชิงพลังต้นกำเนิดของ 36 วงแหวนชั้นบน

ทั้งด้วยความซับซ้อนของกระบวนการก่อเกิด โดยทั่วไปจึงมีเพียงผู้บำเพ็ญซึ่งบรรลุถึงระดับกึ่งเซียนที่ฝังตัวอ่อนเซียนไว้ในกายจนกระทั่งมีโอกาสเกิดบัญญัติ

แต่ความเป็นไปได้เช่นนี้น้อยมาก จำเป็นต้องพึ่งพาวาสนา

ในสถานการณ์ปกติขอเพียงตัวอ่อนเซียนเติบโตเป็นเซียน บัญญัติ…ย่อมปรากฏ

นอกจากนี้ยังมีอีก 2 วิธี ทำให้เกิดบัญญัติล่วงหน้าหรือผู้ปราศจากบัญญัติใช้งานได้

นั่นคือมรดกกับของวิเศษเวท

สิ่งแรกเหมือนบุปผามรดกช่วงล่าสัตว์

นั่นคือถูกผู้บำเพ็ญระดับสูงกว่าชิงบัญญัติและยึดครองไป

อย่างหลังคือสมบัติบัญญัติ

แต่อย่างหลังบัญญัติที่ซ่อนแฝงส่วนใหญ่มักบกพร่อง พลังพันธะไม่เพียงพอ

พลังพันธะคือสิ่งประเมินบัญญัติ

ดังนั้นการสร้างบัญญัติ พัฒนาบัญญัติถึงขั้นสมบูรณ์ สุดท้ายค่อยกลายเป็นต้นกำเนิด ขั้นตอนนี้คือ 1 ใน 3 ปัจจัยสำคัญของการเป็นผู้นำเซียน

ด้วยเหตุนี้ผู้บำเพ็ญระดับต่ำกว่ากึ่งเซียนที่ต้องการวาสนาใหญ่จึงครองบัญญัติได้…

ถ้าถูกผู้บำเพ็ญที่มีพลังต่อสู้ระดับเจ้าเหนือหัวได้ไป การมีกับไม่มีบัญญัติ ช่องว่างของความต่างเรียกได้ว่ามากนัก

ต่อให้พลังบำเพ็ญเหมือนกัน แต่ความต่างด้านพลังต่อสู้ย่อมห่างกันราวฟ้ากับดิน

นี่คือสาเหตุว่าทำไมหลี่เมิ่งถู่ถึงชิงเต๋าสู้เป็นตายกับสวี่ชิงเพื่อยึดมรดกกลับมา

ด้วยการมีบัญญัติเท่ากับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ้าเหนือหัว

ผู้ต่อต้านตนได้ มีเพียงผู้บำเพ็ญซึ่งครองบัญญัติเหมือนกัน

หากอีกฝ่ายไม่มี นั่นถือว่าต่างชั้นกัน ย่อมถูกยึดบัญญัติ

ด้วยเหตุนี้จึงมี 3 หลักการใหญ่เกี่ยวกับบัญญัติ

1 บัญญัติเป็นของผู้บำเพ็ญ ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเซียน

2 การต่อสู้ระหว่างบัญญัติ ถือเป็นกระบวนการลบล้างกัน ฝ่ายใดโดนกำจัดก่อนย่อมตัดสินเป็นตายได้

3 บัญญัติเป็นสิ่งที่รู้กันว่าสูงส่ง แค่มีบัญญัติหรือคุณสมบัติเทพระดับเดียวกับบัญญัติย่อมหักล้างกันได้

ขณะเดียวกันความจริงแล้วบัญญัติไม่แบ่งวิถีนัก

มากหรือน้อยไม่เกี่ยวกับสถานะตน ต่อให้ครองบัญญัติมากมายก็เป็นเช่นนี้

แค่เกี่ยวข้องกับพลังต่อสู้เท่านั้น!

ดังนั้นการแสวงหาบัญญัติเพิ่มขึ้น แม้ว่ายกระดับพลังต่อสู้ของตนได้ แต่พื้นฐานการเพิ่มระดับ บัญญัติสมบูรณ์ที่สุด

ความคิดเช่นนี้ปรากฏในสมองสวี่ชิง

สักพักเขาค่อยเก็บความคิด

‘ถึงเวลาจากไปแล้ว’

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แค่มองห้วงอากาศตรงหน้า

ห้วงอากาศเกิดคลื่นระลอกทันที จากนั้นค่อยก่อตัวเป็นพายุ แผ่ขยายทั่วทิศโดยไร้สุ้มเสียง ม้วนกลืนดินแดนบนภาพวาดชั่วพริบตา

จากนั้นทุกอย่างรางเลือน ทั้งหมดล้วนซ่านสลาย

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าสวี่ชิงไม่ใช่ม้วนภาพอีก แต่เป็นเตาหลอมรวมถึงเปลวไฟลุกโชนทั่วทิศ

เพลิงนี้นิ่งสนิทชั่วพริบตา

สิ้นความสามารถด้านการทำลายล้าง

หรือกล่าวให้ถูกคือหากเพลิงนี้มีจิตวิญญาณ เห็นชัดว่าตอนนี้สวี่ชิงยืนตรงหน้ามัน แต่กลับเป็นสิ่งที่มันไม่เข้าใจ

ได้แค่ลุกโชนโดยไร้ความหมาย

ในสายตาสวี่ชิงแม้แต่เตาหลอมยังพร่าเลือน คล้ายไม่มีตัวตน

ซ่านสลายหายไป

สวี่ชิงยืนกลางแดนเล็กของตระกูลหลี่ ยืนหน้าศาลบรรพชนไม้นั่น

ในสายตาเขาดินแดนแห่งนี้มีอดีตและอนาคตนับไม่ถ้วน สรรพสิ่งเป็นเช่นนี้ เรือนไม้ก็เช่นกัน ตัวอักษรในนั้นก็ด้วย

มีเพียง… อดีตของเรือนไม้หลังนี้ เขาเห็นคนผู้หนึ่ง

คนผู้นี้ต่างจากดินแดน

เขามีเพียงอดีต ไม่มีปัจจุบัน ไม่มีอนาคต

แม้แต่อดีตยังรางเลือน ตกสู่ความพังทลาย

เขาสวมชุดเขียว ยืนหน้าโต๊ะเรือนไม้ ในมือถือพู่กันด้ามหนึ่ง

กำลังครุ่นคิด คล้ายไม่รู้ว่าจรดพู่กันอย่างไร

“ข้าไม่รู้ว่าควรเขียนคำสั่งเสียอย่างไร ในเมื่อสหายเต๋ามาจากกาลอวกาศ ช่วยชี้แนะข้าได้หรือไม่”

ขณะกล่าวไม่เงยหน้าหรือหันมอง

สวี่ชิงเงียบไป มองอดีตที่พังทลายของอีกฝ่าย เขาเห็นพสุธาแดนดิน เห็นแดนต้องประสงค์ ทั้งเห็นฐานะของอีกฝ่าย

เขาทอดถอนใจ

ชายชุดเขียวไม่เอ่ยปากอีก

เนิ่นนานกว่าสวี่ชิงจะกล่าวเนิบช้า “เขาเหมือนผู้เลื่อมใสศรัทธา ตั้งแต่ต้นจนจบแสวงหาศาลเจ้าที่อาจไม่มีอยู่”

สวี่ชิงกล่าวจบแล้วประสานหมัดคำนับ ถอนสายตากลับ ทุกอย่างซ่านสลาย

โลกกลับเป็นปกติ

สวี่ชิงเงยหน้า สายตาทอดมองเวิ้งฟ้า กาลอวกาศผันเปลี่ยนตรงนั้น ปลีกตัวออกจากสิ่งโดยรอบ

ไม่นานบริเวณที่ปลีกตัวนั้น เผยเงาร่างหลี่เมิ่งถู่ซึ่งเคยมาที่นี่ ก่อนโยนม้วนภาพลงเตาหลอม

สวี่ชิงยื่นมือคว้า เงาร่างกลายเป็นแสงสายหนึ่ง ทิ้งตัวลงบนมือสวี่ชิง

วงจรทั้งหมดเกี่ยวกับหลี่เมิ่งถู่ผุดขึ้นในห้วงคิดสวี่ชิงอย่างชัดเจนทันที

สวี่ชิงก้าวไปข้างหน้าตามวงโคจร

โลกหลอมละลาย ความว่างเปล่าเป็นทาง ห่างไปไกลโดยไร้ร่องรอย

ทั้งแดนเล็กเงียบสงัด

เมื่อสวี่ชิงจากไป มีเพียงเสียงถอนใจดังก้องในอดีตห้วงกาลอวกาศแห่งนี้

“แต่ละรุ่น ถึงขั้นว่าแต่ละคน ศาลเจ้าที่ตามหาล้วนต่างกัน ปีนั้นพวกเราจากมา ต่างห้อตะบึงคนละทิศทาง ข้าเดินบนเส้นทางหนึ่ง คิดว่าหาเจอที่นี่ แต่ความจริงไม่ได้พบ เส้นทางนั้นข้าเคยเห็น แต่กลับไม่มีแรงก้าวข้าม”

“การปรากฏตัวของเขา ทำให้ข้ารู้สึกว่า…”

“เขาอาจเป็นศาลเจ้านั้น”

เสียงซ่านสลาย

ภาพวาดในเรือนไม้ ตัวอักษรบนนั้นรางเลือน เปลี่ยนแปลงทีละน้อย

กลายเป็นอีกประโยค

“ข้าเหมือนหาเจอแล้ว”

เมื่อประโยคนี้ปรากฏ ทั้งวงแหวนที่ 5 เหมือนมีชะตาผันผวน ขอบเขตอิทธิพลไม่มากนัก มีเพียงคนตระกูลหลี่ที่เหลือ

คนพวกนี้รวมถึงหลี่เมิ่งถู่ ความทรงจำของพวกเขาที่มีต่อตัวอักษรตรงศาลบรรพชนเปลี่ยนตามไปด้วย

แสงเหนือบนเวิ้งฟ้าเกิดคลื่นระลอกเช่นกัน

ในแสงเหนือเงาร่างทูตท่องสวรรค์ 12 คน นัยน์ตาฉายแววประหลาด แผ่เส้นไหมไร้รูปมากมายออกมาเหมือนกำลังอนุมาน

ถัดจากพวกเขา วังเซียน 11 แห่งที่เหนือกว่า 9 แห่งปกติ แต่กลับมี 2 แห่งส่องประกาย อักขระเจิดจรัสกำลังก่อตัวด้านนอก

กระทั่งเสียงนิ่งสงบลึกล้ำดังมาจากเบื้องบน

“กาลอวกาศถูกกำหนดแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอีก”

“พลังแฝงแห่งบัญญัตินี้มหาศาล เซียนไม่อาจอนุมาน”

เมื่อเอ่ยคำนี้ ทูตท่องสวรรค์ทั้ง 12 ในแสงเหนือก้มหน้า ตัดเส้นไหมชั่วพริบตา

วังเซียนส่องประกาย 2 แห่งพิจารณาแล้วเลือกถอยไป

อักษรในเรือนไม้พร่าเลือน กลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง รวมถึงความทรงจำของคนตระกูลหลี่ก็กลับมาเหมือนเดิมโดยไม่อาจสังเกตเห็นเช่นกัน

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version