Skip to content

Outside Of Time 1136


บทที่ 1136 เจอศัตรู

ปราณวิญญาณบนที่ราบเซียนดับสลายเข้มข้นขึ้นมาทีละน้อย

ลอยขึ้นห้วงนภา สะเทือนเวิ้งฟ้า ทำให้แสงเหนือแดงชาดสัมผัสที่ราบเซียนดับสลายแล้วผสานรวมกับปราณวิญญาณ

ดังนั้นเลยเกิดเป็นคลื่นสีสัน

ประสานรวมกันเป็น 7 สี

เห็นชัดว่าปราณวิญญาณนั่นมีเอกลักษณ์ ดังนั้นการผสานรวมนี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดแสงเหนือหลากสีที่นี่

แสงนี้ส่องประกายงามตระการ แปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง

ในความรางเลือนเหมือนมีจิตรับรู้ยิ่งใหญ่บางอย่างกำลังฟื้นคืน

ขั้นตอนการฟื้นคืนนี้ส่งผลกับป้ายหินกลางที่ราบซึ่งสวี่ชิงจ้องมองอยู่ ทำให้มันเปล่งประกายขึ้นช้าๆ

ท่ามกลางแสงโชติช่วงอักขระบนนั้นกลายเป็นสายน้ำไหล หลั่งรินบนป้ายหิน

“หินผนึกประตู…” สวี่ชิงพึมพำ

สาเหตุที่แสงเหนือ 7 สีก่อตัว รวมถึงจิตรับรู้ซึ่งฟื้นคืนท่ามกลางความรางเลือนนั่น ด้วยช่วงนี้สวี่ชิงใช้บัญญัติของตน อาศัยกระบวนการคิดขั้นสูงสืบค้นออกมา

แม้ว่าคำพูดบรรพจารย์ตี้หลิงมีเพียง 2-3 ประโยค แต่ช่วยสรุปความเข้าใจตอนนี้ของสวี่ชิง ข้อมูลนั้นยิ่งใหญ่นัก

ตอนแรกสวี่ชิงทราบเพียงว่าที่นี่คือแดนซึ่งผู้นำเซียนจี๋กวงถูกจอมเซียนกำราบ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งวังเซียนพังถล่มเช่นกัน

“ถ้ากล่าวเช่นนี้ ผู้นำเซียนคนนั้น… ไม่ได้ตายหรือ”

สวี่ชิงหรี่ตา

เขานึกถึงแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เมื่อตอนนั้น อวี้หลิวเฉินเคยบอกว่าเทพแท้เป็นอมตะ ขอเพียงนามแท้จริงยังอยู่ย่อมกลับมาได้

แต่ยามกลับมาอาจไม่ใช่ร่างเดิมตน

ทว่าอย่างไรก็เป็นต้นกำเนิดเดียวกัน

‘เทพแท้ทำได้ ผู้นำเซียนซึ่งเทียบเท่าผู้นำเทพ แน่นอนว่าทำได้เช่นกัน’ สวี่ชิงครุ่นคิด

ตอนนี้เสียงบรรพจารย์ตี้หลิงยังดังต่อเนื่อง “ดังนั้นทุกครั้งยามแดนเซียนดับสลายเปิดออก ความจริงวาสนากับศุภโชคแบ่งเป็น 2 ประเภท”

“ประเภทหนึ่งคือวิญญาณผู้นำเซียนจี๋กวง แฝงมรรคากับการหยั่งรู้ของเขา ในฐานะผู้นำเซียนอันดับ 1 เมื่อปีนั้น สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างพวกเรา การหยั่งรู้ของเขามีความหมายเหนือธรรมดา”

“มีคนเกิดบัญญัติที่นี่ มีคนเปลี่ยนระดับบัญญัติตัวเองให้ลึกซึ้งขึ้น…”

“ศุภโชควาสนาเช่นนี้ ถึงขั้นดึงดูดเซียนคิมหันต์ แต่ด้วยสาเหตุไม่อาจระบุบางอย่าง เซียนคิมหันต์ก้าวเข้ามาไม่ได้”

“ได้ยินว่าการเปิดออกแต่ละครั้งย่อมมีกึ่งเซียนเข้าร่วม เสาะหาวาสนาเพื่อเลื่อนเป็นเซียน”

“ส่วนประเภทที่ 2 คือสมบัติตกทอดจากวังเซียน”

“แม้ว่าที่นี่เปิดออกหลายครั้ง แต่วังเซียนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ทั้งพื้นที่ซึ่งปรากฏแต่ละครั้งยังต่างกันไป”

“ในวังเซียน หากมีวาสนาย่อมได้ยอดสมบัติ แม้แต่ของวิเศษแฝงบัญญัติยังเคยมีคนได้ครอง”

“ดังนั้นทุกครั้งยามแดนเซียนดับสลายเปิดออก ผู้บำเพ็ญซึ่งมาที่นี่ ไม่ว่ามีป้ายนครเซียนหรือไม่ ไม่แบ่งเขตหรืออายุ”

“สิ่งเดียวที่ต้องการคือกุญแจลับ!”

“กุญแจลับ 49 ดอก 98 รายชื่อ”

บรรพจารย์ตี้หลิงกล่าวถึงตรงนี้ เว้นช่วงไปก่อนมองสวี่ชิงอย่างระวัง

สวี่ชิงพยักหน้าเล็กน้อย สะบัดมือคราหนึ่ง ส่งขวดหยกบรรจุกุญแจลับที่อีกฝ่ายวางตรงหน้ากลับไป

หลังจากรับขวดหยกแล้ว บรรพจารย์ตี้หลิงเป่าปากโล่งอกในใจ รู้ว่าคนตรงหน้าไม่อยากร่วมปันกุญแจลับกับตน

เขาครุ่นคิดก่อนเอ่ยปากกล่าวเสียงเบา “สหายเต๋า แดนเซียนดับสลายนี้ยังมีข้อมูลสำคัญอีกอย่าง”

“หลังจากแดนเซียนดับสลายเปิดออก ได้ยินว่าโลกในนั้นแบ่งเป็น 8 ชั้น”

“การเคลื่อนที่ของเวลาแต่ละชั้นต่างกันออกไป”

บรรพจารย์ตี้หลิงสีหน้าจริงจัง

“สำหรับข้าข้อมูลนี้เปล่าประโยชน์ ด้วยชั้น 1 กับชั้น 2 มีเพียงตำนาน ผู้เข้าไปน้อยนักที่จะรอดกลับมา โดยเฉพาะชั้นแรก มีแต่ตายสถานเดียว”

“ดังนั้นผู้บำเพ็ญเกือบทุกคนซึ่งมาที่นี่ ทั้งหมดล้วนเลือกเริ่มจากชั้น 3 ส่วนใหญ่… ได้แค่อยู่ตรงชั้น 3 ทั้งหยุดอยู่ตรงชั้น 3”

“มีเพียงผู้ครองบัญญัติถึงเข้าชั้น 4 ได้”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ตี้หลิงกล่าวเสียงเบา

“สำหรับข้าแล้ว ข้อมูลนี้ไม่สำคัญ แต่สำหรับสหายเต๋า… อาจมีประโยชน์”

สวี่ชิงฟังแล้วรู้ว่าบรรพจารย์ตี้หลิงกำลังแสดงความปรารถนาดี ดังนั้นเลยพยักหน้า ส่งสัญญาณบอกอีกฝ่ายให้พูดต่อ

เมื่อสังเกตเห็นสวี่ชิงพยักหน้า บรรพจารย์ตี้หลิงทราบว่าอีกฝ่ายมองความปรารถนาดีของตนออก ในใจค่อยผ่อนคลาย นี่คือเป้าหมายของเขา

ดังนั้นเลยกล่าวทันที

“2 ชั้นแรกไม่ชัดเจน แต่สำหรับชั้น 3 โลกภายนอก 1 วัน เวลาที่นั่นเคลื่อนคล้อยไป 50 วัน”

“ได้ยินว่าโลกภายนอก 1 วัน ชั้น 4 เท่ากับ 250 วัน”

“ส่วนชั้น 5 ถึงชั้น 8 ซึ่งเป็นลำดับสุดท้าย ไม่ใช่แดนที่เจ้าเหนือหัวก้าวเข้าไปได้ มีเพียงกึ่งเซียนเท่านั้น ข้าจึงไม่ทราบการเคลื่อนที่ แต่วิเคราะห์จากชั้น 3 และ 4 แล้ว…”

“มีความเป็นไปได้ว่า 1 วันของโลกภายนอก ชั้น 5 คือ 1,250 วัน หากคาดเดาตามนี้ ชั้น 6 เท่ากับ 6 พันกว่าวัน ชั้น 7 คือ 3 หมื่นกว่าวัน ชั้น 8 คือ…160,000 วัน”

“หากเป็นเช่นนี้จริง ถ้าคิดย้อนกลับ ชั้น 2 ที่มีน้อยคนเข้าไปแล้วรอดกลับมา โลกภายนอก 1 วันการเคลื่อนที่ของเวลาที่นั่นคือ 10 วัน ส่วนชั้น 1 ซึ่งไม่มีใครรอดกลับมาคือ 2 วัน”

นัยน์ตาสวี่ชิงฉายแววล้ำลึก

เกี่ยวข้องกับความเร็วของเวลา ทั้งส่งผลจนแบ่งเป็นหลายชั้นเช่นนี้ ทำให้ในใจเขามีข้อบ่งชี้มากขึ้น

“ผู้นำเซียนจี๋กวงคนนี้ ก่อนตายมีพลังเวลา? ทำไมบัญญัติเขาถึงเป็นแสงเล่า…” สวี่ชิงพึมพำ ในใจสงสัยเรื่องสถานที่ฝังวิญญาณของผู้นำเซียนจี๋กวงมากขึ้น

บรรพจารย์ตี้หลิงที่อยู่ด้านข้าง สังเกตเห็นสวี่ชิงทำหน้าครุ่นคิด ดังนั้นจึงไม่เอ่ยปากอีก ตอนนี้ขอบฟ้ามีคลื่นสะเทือน มีผู้บำเพ็ญมามากขึ้น

เกือบทั้งหมดล้วนครองกุญแจลับ ไม่ใช่พวกธรรมดา ดังนั้นผู้มาที่นี่… แน่นอนว่าเป็นผู้แข็งแกร่ง

อย่างน้อยก็มีพลังบำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัว

ทั้งไม่จำกัดแค่แดนตะวันตก

ล้วนมีผู้มาเยือนจากทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก

การมาเยือนของพวกเขาทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน แสงเหนือเจิดจรัสขึ้นเรื่อยๆ

ในนั้นมีบางคนกลายเป็นที่จับตามองยามปรากฏตัว

ที่ดึงดูดสายตาด้านหนึ่งเป็นเพราะผู้ครองป้ายนครเซียนสัมผัสได้ อีกด้านเป็นเพราะอานุภาพติดตัวรวมถึงกลิ่นอายดุดันกำราบทั่วทิศของพวกเขา

อีกอย่างคือความรู้สึกหวาดกลัวซึ่งยากเข้าใจและรับรู้

คนเหล่านี้ทำให้สวี่ชิงที่กำลังขบคิดตอบสนองเช่นกัน เขาเงยหน้ามองออกไป

สิ่งแรกที่เห็นคือชายหนุ่มชุดนักพรตจากทิศใต้

ชายหนุ่มคนนี้รูปงามหล่อเหลา นัยน์ตาดั่งดวงดาว แต่จุดเด่นคือใบหูใหญ่โต

“เขาคือเจียงฝาน ได้ยินว่าช่วงสืบทอดมรดกของการทดสอบนครเซียนก่อนหน้านี้ เขาได้รับมรดก ทั้งมีบัญญัติแล้ว…”

บรรพจารย์ตี้หลิงกล่าวเสียงเบา

สวี่ชิงพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นคนผู้นี้กับตามาก่อน แต่เคยเห็นคำอธิบายของคนผู้นี้จากข้อมูลแผนที่

เจียงฝานเป็นศิษย์ของหลันอวิ๋นกึ่งเซียนแห่งเขามหาเซียนจากแดนทักษิณ

บำเพ็ญไม่ถึง 500 ปี พลังบำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้น ครอบครอง 7 อำนาจ

เคยบาดเจ็บสาหัสเพราะสังหารระดับเจ้าเหนือหัวขั้นสูง

อาศัยสิ่งนี้สร้างชื่อเสียงอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับ 1 แห่งยุคของแดนทักษิณ

เมื่อสวี่ชิงมองไป เจียงฝานที่เดินมาจากขอบฟ้ากำลังหัวเราะพูดคุยกับหญิงสาวข้างกาย ครู่ต่อมาเขาเหมือนสัมผัสได้ หันมามองสวี่ชิงตรงๆ

ยามสบตาสวี่ชิง ชายหนุ่มคนนี้นัยน์ตาหดรัดทันที จากนั้นค่อยเผยรอยยิ้ม พยักหน้าส่งสัญญาณเล็กน้อย

ขณะเดียวกันหญิงสาวข้างกายเขาก็สังเกตเห็น หันมองสวี่ชิงเช่นกัน

หญิงคนนี้สวมชุดเขียว หน้าตาเกลี้ยงเกลา แต่เมื่อเหลือบมอง นัยน์ตานางเชิดดั่งทิวเขา ทำให้รู้สึกกดดันชวนประหวั่น

นั่นคือความสามารถของบัญญัติ

สวี่ชิงสีหน้าราบเรียบ ไม่ต้องรอบรรพจารย์ตี้หลิงแนะนำ ฐานะของคนผู้นี้ เขามีคำตอบแล้ว

หย่วนซานซู่ ด้วยชอบสวมชุดเขียว ดังนั้นจึงมีสมญาว่าเซียนชิงซู่

1 ใน 8 มหาดาราของแดนดาราทิศใต้ พลังบำเพ็ญล้ำลึกกว่าเจียงฝานบางส่วน บรรลุระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง

แต่จากข้อมูลแผนที่ อำนาจนางไม่มากเท่าเจียงฝาน มีเพียง 4 อำนาจ

ข้อมูลพวกนี้ปรากฏในหัวสวี่ชิง เขาถอนสายตากลับมองไปทางเหนือ

ตรงขอบฟ้าทิศเหนือ มีผู้บำเพ็ญหนุ่มหน้าตาแทบแยกกันไม่ออก 2 คนก้าวเดินมา

กลิ่นอายบนตัวพวกเขาหลอมรวมกัน ยามก้าวเดินยังแผ่ความเยียบเย็นชวนสั่นสะท้าน เคลื่อนกวาดฟ้าดิน

แผ่ขยายจนทำให้คนนับไม่ถ้วนหายใจไม่ออก

“เชียนจวิน… ปี้อี้…” บรรพจารย์ตี้หลิงกล่าวเสียงเบา

2 คนนี้คือดาวสังกัดสำนักเซียนกระบี่ มาจากแดนดาราทิศเหนือ

สีหน้าสวี่ชิงเหมือนปกติ ในสมองปรากฏคำอธิบายเกี่ยวกับพวกเขา ได้ยินว่ายามพวกเขาเกิดมีปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดิน แต่ละคนพกกระบี่ มีกายกระบี่แต่กำเนิด ถูกทูตท่องสวรรค์แห่งสำนักเซียนกระบี่รับเป็นศิษย์ด้วยตัวเอง

ตั้งแต่ฝึกบำเพ็ญมา ตลอดทางกำราบคนรุ่นเดียวกันทั่วแดนเหนือ สร้างชื่อเสียงมาตลอด

เห็นชัดว่าหลังจากผ่านช่วงสืบทอดมรดก พวกเขายิ่งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน!

ตอนนี้ความเยียบเย็นสะท้านจิตที่แผ่ออกมา คนภายนอกคงมองแก่นแท้ไม่ออก แต่ผ่านห้วงคิดกาลอวกาศของสวี่ชิง แน่นอนว่า ‘เห็น’ ชัดเจน

ด้านหลัง 2 คนนี้เห็นชัดว่ามีกระบี่เก่าแก่มหึมาเล่มหนึ่งลอยอยู่

ความน่าเกรงขามของกระบี่นี้เหมือนผู้นำหมื่นกระบี่ สูงส่งเหนือสิ่งอื่น ติดตามทั้ง 2 ด้วยวิธีการที่ผู้บำเพ็ญทั่วไปมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ไม่อาจรับรู้

นั่นคือสิ่งที่วิวัฒน์มาจากบัญญัติ!

ชั่วพริบตายาม ‘มองเห็น’ สวี่ชิงได้ยินเสียงครวญของกระบี่จักรพรรดิในกายตน

คล้ายไม่พอใจ

สวี่ชิงปลอบประโลม ตอนนี้บรรพจารย์ตี้หลิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสียงเบา “8 มหาดาราของวงแหวนนี้มาแล้ว 4 คน อีก 3 คนจากทิศตะวันออก คิดว่าไม่นานคงมาถึง คนสุดท้ายคือหลี่เมิ่งถู่แห่งทิศตะวันตก…”

บรรพจารย์ตี้หลิงสูดหายใจลึก สำหรับ 8 มหาดารา เขาย่อมยำเกรง เพิ่งกล่าวจบตรงขอบฟ้าก็มีมาอีก 1 คน

ชุดคลุมยาวสีดำ ผมยาวสีดำ สีหน้าเย็นชา รวมถึงกลีบบุปผา 12 กลีบตรงหว่างคิ้ว

เป็นหลี่เมิ่งถู่นั่นเอง

ยามปรากฏตัว ที่นี่เหมือนตกสู่ความมืดสนิทชั่วพริบตา

นั่นคือพลังบัญญัติของเขา!

การปรากฏตัวของเขาดึงดูดสายตาพวกเจียงฝานทันที ต่างคนต่างจับจ้อง

“ดาวตะวันตกของข้า หลี่เมิ่งถู่!”

ด้วยมาจากทิศตะวันตก บรรพจารย์ตี้หลิงย่อมมีความรู้สึกร่วมกับดาวตะวันตก ดังนั้นน้ำเสียงจึงต่างจากก่อนหน้านี้

แต่เพิ่งกล่าวออกมา ครู่ต่อมาในใจเขาพลันสั่นสะท้าน ด้วยเขาเห็นว่า… หลี่เมิ่งถู่กำลังมองมาทางตนกลางอากาศ

จากนั้น… ค่อยก้าวเดินมา

สุดท้ายยามบรรพจารย์ตี้หลิงเกิดคลื่นสะเทือนในใจ หลี่เมิ่งถู่เดินมาข้างกายสวี่ชิง คารวะก่อนนั่งลง

“ข้าเดาว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่แน่”

หลี่เมิ่งถู่มองสวี่ชิง

สวี่ชิงพยักหน้าเล็กน้อย กำลังคิดเอ่ยวาจา แต่ครู่ต่อมานัยน์ตาเขาพลันฉายแววเยียบเย็น มองไปตรงขอบฟ้า

ตรงขอบฟ้ามีเมฆเพลิงแถบหนึ่งเคลื่อนตัวมา ยามเข้าประชิดค่อยกลายเป็นชายหนุ่มผมแดง

เป็นคนที่บีบสวี่ชิงจนต้องหลบหนีตรงแดนดาราทิศใต้ สุดท้ายต้องอาศัยคนพาข้ามฟากเข้าแดนตะวันตกถึงพ้นเคราะห์เป็นตายได้นั่นเอง!

เขากวาดสายตามองทุกคนพลางเดินมาทางเจียงฝาน

แต่ยามเหลือบสายตามองทุกคน เขาพลันหยุดมองสวี่ชิง ชะงักฝีเท้าชั่วพริบตา!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version