1659. ต่อสู้แตกหัก 3
เมื่อใดที่หวังหลินสังหาร เขามักจะพึ่งพาแผนการของตัวเองอยู่เสมอ แม้แผนที่วางไว้อาจจะไม่ได้สมบูรณ์เลิศเลออะไรนัก ในชั่วจังหวะความเป็นความตาย มันคือการสำคัญ
โดยเฉพาะจังหวะความเข้าใจของเขาที่บรรลุระดับอีกขั้น เหมือนตอนที่ นางสนมจักรพรรดิเทพกำลังจะใช้วิชาสายโลหิตเทพของนาง หวังหลินก็ได้นำคันศรลี่กวงออกมาโดยไม่ลังเล
เมื่อคันศรปรากฏ นางสนมจักรพรรดิเทพจึงเลิกร่ายวิชาและหนีด้วยความหวาดกลัว นางไม่มั่นใจเลยหากหวังหลินจะยิงออกไปอีกหนึ่งดอก!
จากนั้นนางก็ถูกหวังหลินใช้ประทับวิญญาณสงครามเข้ากดดันและนางจะใช้วิชาสายโลหิตเทพอีกครั้ง หวังหลินเอ่ยคำพูดที่ทำให้นางต้องตกตะลึง
ทำพูดนั้นอาจทำให้นางสนมจักรพรรดิเทพหยุดค้างไปชั่วขณะ แต่สำหรับ เหล่าเซียนการหยุดชะงักนั้นคือเรื่องร้ายแรง!
จังหวะนั้นประทับวิญญาณสงครามเข้าประชิด หวังหลินยกกระบี่โลหิตและ ฟาดฟันลงไป
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วเกินกว่าคำบรรยาย!
ประทับวิญญาณสงครามร่อนลงใส่และกระบี่โลหิตฟาดฟันจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง นี่คือหายนะความเป็นความตายของนางสนมจักรพรรดิเทพ เสียงกรีดร้องของนางค่อยๆ จางลงพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทาและแตกสลายจากนั้น ดวงวิญญาณของนางก็ถูกทำลาย!
หวังหลินกระอักโลหิตออกมาเช่นกัน ในยามที่นางตาย นางได้ใช้วิชาโลหิตของตัวเองเสร็จสิ้น แม้จะถูกประทับวิญญาณสงครามบดบัง พลังของมันก็เข้าไปในร่างหวังหลิน
จึงทำให้ร่างเขาต้องสั่นเทาและถอยร่นออกมากระอักโลหิตอีกพันฟุต
เขาสังหารไปหนึ่งคนเท่านั้นและตัวเองบาดเจ็บ แต่นั่นก็คุ้มค่า!
เมื่อสังหารนางสนมจักรพรรดิเทพได้ การฆ่าฟันระหว่างดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในได้กลายเป็นทะเลโลหิตไปแล้ว เสียงกรีดร้องแห่งการสังหารดังระงม ไปทั่วดวงดาว
หวังหลินกระอักโลหิตไปพลางล่าถอย เขาลอบประเมินตัวเองอย่างลับๆ แต่ทันใดนั้นสัมผัสถึงอันตรายได้ จึงหลีกเลี่ยงอันตรายและหันไปเจอปราณกระบี่หนึ่งสาย ผ่านไป ปราณกระบี่ผ่านดวงดาวและเปิดเป็นรอยแยกอวกาศขนาดยักษ์
ชายชราชุดดำซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการสังหารหวังหลินนั้นได้ใช้โอกาสที่หวังหลินบาดเจ็บและลอบโจมตี ชายชราถือกระบี่ขึ้นมาและยิงปราณกระบี่ใส่หวังหลิน
‘มันบาดเจ็บแล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะฆ่ามัน!’
หวังหลินแววตาเย็นเยียบและถอยร่นทันที ร่างกายเปลี่ยนกลับเป็นควันสีดำและเข้าไปในกองทัพของดินแดนชั้นนอกเพื่อต่อสู้ร่วมกับดินแดนชั้นใน
ร่างหมอกโลหิตแผ่กระจายห่อหุ้มเซียนดินแดนชั้นนอก เสียงกรีดร้องดังระงม เมื่อหมอกหายไป ซากศพที่ถูกดูดพลังชีวิต และเลือดเนื้อจึงแตกกระจาย
ชายชราชุดดำไล่ตามหลังหวังหลินพร้อมกับจิตสังหารรุนแรงขึ้น
หมอกที่หวังหลินเปลี่ยนแปลงไปได้ถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว เหล่าเซียนดินแดนชั้นนอกที่ถูกกลืนทั้งหมดตายไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ลมหายใจพวกเซียนดินแดนชั้นนอกตายไปนับหมื่นคนแล้ว
ยามนี้ชายชราชุดดำเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เพียงก้าวเดียวก็เข้าประชิดหมอกของหวังหลิน จากนั้นยกกระบี่และฟันใส่อย่างโหดเหี้ยม
ปราณกระบี่มหึมาปรากฏขึ้น
ขณะนั้นหมอกก็หดลงกลับคืนร่างเป็นหวังหลิน อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาฟื้นคืนมาเยอะแล้วหลังจากกลืนกินเซียนดินแดนชั้นนอกไปจำนวนมาก
เมื่อกลับคืนร่าง จิตสังหารผุดขึ้นในแววตาหวังหลิน พอชายชราเข้าประชิด หวังหลินจึงยกแขนขวา
“ค่ายกลเวรกรรม!” เช่นนั้นกงล้อที่สร้างขึ้นจากเวรกรรมพลันปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน หวังหลินผลักกงล้อเวรกรรมทะยานเข้าไปปะทะกับกระบี่ที่ชายชราฟาดฟันลงมา
ปราณกระบี่ของชายชราแตกกระจาย เขากระอักโลหิตและกระเด็นถอยไป ค่ายกลเวรกรรมพังทลายและแตกสลายไปด้วย
ทว่าการสูญเสียค่ายกลไม่ได้ทำให้หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดอันใดเลย ดวงตาเปล่งแสงลึกลับ เขาเริ่มหัวเราะ จากนั้นสองฝ่ามือสร้างผนึก มือขวากำหมัดและสะบัดไป
“ค่ายกลเวรกรรม ก่อเกิดรูปร่าง กระบี่เจ้าคือต้นเหตุแห่งค่ายกลของข้า กงล้อที่แตกสลายเป็นชิ้นๆคือผลแห่งเวรกรรม! ค่ายกลเวรกรรม จงเปิด!” หวังหลินโบกสะบัดแขน ค่ายกลเวรกรรมที่แตกกระจายพลันเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มก้อนควันปั่นป่วนและกวาดไปในบริเวณ ควันแห่งเวรกรรมมีมากกว่าห้าหมื่นสาย
แต่ละสายเปลี่ยนกลายเป็นปราณกระบี่ที่ชายชราปลดปล่อย จึงส่งผลให้กลายเป็นปราณกระบี่ห้าหมื่นสาย!
นี่คือค่ายกลเวรกรรม!
เพียงหวังหลินสะบัดแขน ปราณกระบี่ก็จู่โจมเข้าใส่เซียนดินแดนชั้นนอก เสียงกรีดร้องดังระงม เพียงเสี้ยวพริบตาปราณกระบี่มากกว่าห้าหมื่นสายได้สังหารเซียนดินแดนชั้นนอกไปมากกว่าห้าหมื่นคน!
การตายของพวกเขาได้ย้อมอวกาศให้กลายเป็นสีแดงเข้ม!
“นางสนมจักรพรรดิเทพนั้นฆ่ายาก แต่การสังหารเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญ ระดับต้นแบบเจ้าเป็นเรื่องง่าย!” หวังหลินก้าวทะยานผ่านค่ายกลเวรกรรมที่ แตกสลายและพุ่งใส่ชายชราชุดดำ
“แขนซ้ายคือชีวิต แขนขวาคือความตาย ผนึกแห่งชีวิตและความตาย!” หวังหลินเข้าประชิดและไม่สนวิชาที่ชายชรากำลังใช้อยู่เลย แขนซ้ายกดลงไปตามด้วยแขนขวา กลิ่นอายแห่งชีวิตและความตายเข้าสัมผัสร่างชายชราและทำให้เกิดการสั่นสะเทือน
ชายชรากระอักโลหิตและถอยร่นด้วยสีหน้าดุดัน สองฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อใช้วิชา แต่หวังหลินไม่สนใจ เขาหลับตาและในตอนนั้นทุกอย่างในโลกก็ล้วนเป็นภาพมายา
เพียงหลับตา หวังหลินรีบเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและพุ่งผ่านวิชาของชายชราไป เขามาถึงเบื้องหน้าชายชรา กดประทับฝ่ามือบนหน้าอก ดัชนีงองุ้มเป็นกำปั้นและ ดึงกลับมา
“ประทับเวรกรรม!”
ชายชราส่งเสียงกรีดร้องและล่าถอยไปพร้อมกับเสียงดังลั่นกึกก้อง แก่นแท้ส่วนหนึ่งของชายชราถูกดึงออกมาและในตอนนั้นหวังหลินก็ลืมตา เขาบีบมันและบดขยี้เสี้ยวแก่นแท้นั้น
หวังหลินสะบัดแขนซ้ายเปิดมิติเก็บของ คว้าลิ่มเจ็ดสีและสะบัดออกไป
ลิ่มเจ็ดสีหลายเล่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อและปักเข้าใส่อกของชายชรา ชายชราเต็มไปด้วยความหวาดกลัว โลหิตเริ่มไหลออกจากมุมปากและทำให้เขาถอยไปเร็วขึ้น
ขณะที่หวังหลินกำลังไล่ตาม จิตสังหารอีกสายพุ่งเข้ามาใกล้ เป็นนางสนมจักรพรรดิเทพที่สวมชุดสีน้ำเงินและห่อหุ้มด้วยแสงสีฟ้า เมื่อนางเข้าประชิด ริบบิ้น สีฟ้าจึงพุ่งใส่หวังหลิน
เบื้องหลังนางมีฉิงหลินตามมาติดๆ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันก่อนหน้านี้ แต่นางสนมจักรพรรดิเทพหนีการโจมตีและไล่ล่ามาที่หวังหลิน
ห่างออกไปไกลกว่านั้น สตรีชุดม่วงจากอัญเชิญนทีเสมือนปิศาจร้ายและสังหารเซียนขั้นสวรรค์ดับสูญไปหลายคน นางกำลังต่อสู้กับสองคนสุดท้าย
หญิงชราขั้นแก่นแท้ดับสูญจากดินแดนชั้นนอกกำลังต่อสู้กับนาง! นางสนมจักรพรรดิเทพคนที่สามกำลังต่อสู้กับปรมาจารย์หงซาน แต่เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์หงซานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง แต่เขาก็ป้องกันตัวจากนางไว้ได้เรื่อยๆ
ห่างออกไปไกลมีเซียนดินแดนชั้นในตายไปจำนวนมาก แต่เซียนชั้นนอกตายไปมากกว่าแสนคนแล้ว เสียงการฆ่าฟันดังกึกก้องไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้า
หวังหลินหันกลับมา แววตาผุดความบ้าคลั่ง หากเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญจากดินแดนชั้นนอกไม่ตาย การรบนี้คงไม่จบสิ้น เมื่อเขาหันกลับมา ดาวเทพโบราณส่องประกายและปรากฏเตาหลอมจักรพรรดิ มันขยายตัวออกไปปกคลุมพื้นที่รอบๆ รวมถึงนางสนมจักรพรรดิเทพและชายชราชุดดำด้วย
เตาหลอมจักรพรรดิปลดปล่อยพลังงานอ่อนๆที่ผลักดันฉิงหลินออกไป ขณะเดียวกันก็เข้ากลืนกินชายชราชุดดำและนางสนมจักรพรรดิเทพไว้ก่อนที่ เตาหลอมจะหดลงอย่างรวดเร็ว
เสียงดังสนั่นออกมาจากภายในเตาหลอม แม้มันจะกลืนกินชายชราชุดดำและนางสนมจักรพรรดิเทพได้มันก็ยังหลอมทั้งสองคนได้ยาก ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ราวกับเตาหลอมจักรพรรดิกำลังจะแตก
หวังหลินเคลื่อนร่างและนั่งอยู่บนยอดเตาหลอม จากนั่นพ่นโลหิตใส่เตาและ สร้างผนึกขึ้นมา ถัดไปเขาชี้ไปที่บริเวณกลางหน้าผาก ดาวเทพโบราณลอยออกมาและร่อนลงใส่เตาหลอมจักรพรรดิ
หยดโลหิตสีทองจากร่างเทพโบราณลอยออกมาและกดลงใส่เตาหลอมจักรพรรดิ ทำให้เตาหลอมปลดปล่อยแสงสีทองมหึมา
“สายโลหิตเทพและสายโลหิตโบราณ ข้าขอผสานมันเข้ากับเตาและผนึกเจ้าสองคนเป็นเวลาร้อยล้านปี!” หวังหลินสะบัดแขนและใช้วิชาห้วงเวลา มันเปลี่ยนเป็นประตูหินขนาดยักษ์และกดลงใส่เตาหลอมจักรพรรดิ!
เมื่อประตูหินปรากฏ กาลเวลาจึงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินตอนนี้ เขาสามารถทำให้เวลาไหลผ่านไปได้อย่างไร้ขอบเขต!
หน้าผากหวังหลินผุดเม็ดเหงื่อขึ้นมาพร้อมกับนั่งลงบนยอดเตาหลอม ดวงตาแดงก่ำและร้องคำราม
“ผู้อาวุโสฉิงหลิน ปรมาจารย์หงซานและผู้อาวุโสจากอัญเชิญนที ท่านสามคนช่วยยื้อเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญสองคนให้ข้าได้มีเวลาพอวางค่ายกลแห่งชีวิตและ ความตาย ค่ายกลเวรกรรม และค่ายกลจริงเท็จ!!”
ทั้งสามคนพยักหน้า พวกเขาร่วมมือกันรั้งเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญทั้งสองคนนั้นไว้เพื่อไม่ให้ไปขัดขวางหวังหลินได้
หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกไปพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง การรบนี้คือเกมการต่อสู้ระหว่างเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจาง สงครามครั้งนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาทำลงไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
เช่นนั้นหวังหลินจึงไม่คิดมากความในการสังหารเซียนดินแดนชั้นนอกทั้งหมดเพื่อจบสงคราม เขาอยากเห็นว่าสองคนนั้นกำลังค้นหาอะไรอยู่กันแน่!