Skip to content

Outside Of Time 1145


บทที่ 1145 ฐานะในโลกชั้นที่ 4

เบื้องหน้าคือเมฆหมอกกว้างไกลไร้ขอบเขตหนาแน่นเป็นอย่างยิ่ง บดบังทัศนวิสัยทั้งหมด

ทำให้ผู้คนสูญเสียทิศทางไปตามธรรมชาติ ไม่อาจจำแนกทิศทั้ง 4 ได้ ยิ่งหาเส้นทางที่ถูกต้องไม่เจอ

ที่นี่คือโลกภาพวาดฝาผนัง

แต่สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ

เดินเข้าสู่ภาพวาดฝาผนัง เขาที่มาปรากฏตัวในสายหมอกนี้ ก็ไม่รู้สึกแปลกกับความรู้สึกนี้

“คล้ายกับโลกชั้นที่ 2 แต่ก็มีลักษณะพิเศษบางอย่างของโลกชั้นที่ 3 อยู่ด้วย พูดให้ชัดเจนคือ…ที่นี่อยู่กึ่งกลางระหว่างโลกชั้นที่ 2 กับ 3 เกิดเป็นโลกที่สมบูรณ์ในตัวเอง จัดเป็นสวรรค์ซ้อนสวรรค์ โลกซ้อนโลก”

สวี่ชิงก้มหน้า ทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ธรรมนูญกาลอวกาศวิถีสูงสุดที่ 8 ในร่างกระตุ้นขึ้น ความคิดยกระดับขึ้นในทันทีหอบกวาดกายเนื้อ พุ่งลงไปข้างล่างทันที

ทะลุผ่านม่านหมอกมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หมอกก็ค่อยๆ บางลง จนกระทั่งสุดท้าย ในยามที่หมอกไม่อาจบดบังทัศนวิสัยได้อีกต่อไป…

ภูเขาลูกยักษ์สูงเสียดฟ้าลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิง

ภูเขานี้ดำมืด ไม่มีขั้นบันไดที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งหมดให้ความรู้สึกรกร้าง อีกทั้งบนภูเขาก็ไม่มีพืชพรรณใดๆ เติบโต โล่งโจ้ง…ราวกับเป็นกระดูกสันหลังของโลกนี้

แต่ระลอกคลื่นค่ายกลผนึกเป็นระลอกๆ ก็แฝงอยู่ในภูเขานี้ มีจำนวนมากมาย ความคิดของสวี่ชิงเพียงกวาดผ่านไปก็พบว่ามันไร้ขอบเขต

และค่ายกลผนึกเหล่านี้ก็มีพลังที่น่าทึ่ง หากไม่มีธรรมนูญ การที่จะเดินเข้าไปในภูเขาลูกนี้ได้อย่างปลอดภัย ไปถึงยอดเขาเป็นเรื่องยากมาก

“ที่นี่แหละ ที่นี่แหละ”

“ลูกชาย ไปเร็วเข้า! สมบัติของข้าอยู่ที่ยอดเขา”

มนุษย์จิ๋วกล่าวอย่างตื่นเต้น น้ำเสียงเร่งเร้าเต็มที่

สำหรับนิสัยการพูดของมนุษย์จิ๋ว สวี่ชิงรู้ดีว่ายากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ในเมื่อเขาเคยบีบแผ่นหยกแหลกเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่อีกฝ่ายอย่างมากก็แค่สงบลงชั่วครู่เท่านั้น อีกไม่นานก็เป็นแบบเดิมอีก

ดังนั้น สวี่ชิงจึงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดไร้สาระเกี่ยวกับการเรียกขานของอีกฝ่ายมากนัก

ตอนนี้ เขาสังเกตอย่างละเอียด จากนั้นถึงได้ก้าวเท้าไปข้างหน้า ก้าวข้ามระยะทางในเสี้ยวพริบตา ในยามที่ปรากฏตัวขึ้น ก็มาอยู่ที่เชิงเขาแล้ว

“เอ๋”

ในเสี้ยวขณะที่ปรากฏตัวที่เชิงเขา ประกายเย็นเยือกในดวงตาของสวี่ชิงก็ฉายวาบ

ก้าวเมื่อครู่ของเขา ตั้งใจจะไปยังยอดเขา แต่กลับถูกพลังกลุ่มหนึ่งขัดขวาง ทำให้มาปรากฏตัวได้แค่ที่เชิงเขาเท่านั้น

“ภูเขาลูกนี้ น่าสนใจดี” สวี่ชิงพึมพำในใจ

ส่วนมนุษย์จิ๋วหัวเราะเยาะ

“ที่นี่เป็นสถานที่ลับของข้า กับดักที่ทิ้งไว้แม้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเช่นนี้พลังอ่อนแอลงบ้าง แต่การจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้ในก้าวเดียวก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี”

“เจ้ารีบขึ้นเขาเร็วเข้า ด้วยธรรมนูญกาลอวกาศของเจ้า แม้ว่าจะไม่สามารถขึ้นไปถึงยอดได้ในก้าวเดียว แต่ระหว่างทางก็จะไม่เจออุปสรรคใดๆ”

สวี่ชิงไม่ได้สนใจมนุษย์จิ๋ว ตอนนี้อยู่ที่เชิงเขา เขายังคงสังเกตอย่างละเอียดก่อนเป็นอันดับแรก จวบจนเมื่อมองเห็นค่ายกลผนึกที่ซ่อนอยู่ในภูเขาเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนโดยอาศัยความคิดจากธรรมนูญกาลอวกาศของตนเองทั้งหมดแล้ว เขาถึงได้ก้าวเดินไป

เหยียบย่างเข้าไปยังภูเขาลูกนี้

ในเสี้ยวขณะที่เท้าแตะกับหินบนภูเขา ระลอกคลื่นพลังงานก็แผ่กระจายออกจากใต้เท้า ตัวภูเขาทั้งลูกก็สั่นสะเทือน ค่ายกลผนึกก็เริ่มทำงานเอง ก่อเกิดเป็นเพลิงสวรรค์ พุ่งตรงหอบม้วนเข้าหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อซัดมาบนร่างของเขา กลับทะลุผ่านไป ราวกับว่าสวี่ชิงไม่มีตัวตน

สวี่ชิงสัมผัสครู่หนึ่ง ก็ก้าวเดินต่อไป

จากการเดินไปแต่ละก้าวๆ การสั่นสะเทือนของภูเขาก็รุนแรงขึ้น แต่ด้วยระดับที่แตกต่างกัน ทำให้ค่ายกลผนึกของภูเขานี้ไม่ว่าจะปะทุขึ้นอย่างไร ก็ยากที่จะสัมผัสสวี่ชิงได้จริงๆ

ดังนั้นฝีเท้าของเขาก็จึงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างของเขาพุ่งตรงจากเชิงเขาไปยังยอดเขา

ทะยานอย่างเร็วรี่ไปตลอดทาง ภูเขาสั่นสะเทือน และยังทำให้ค่ายกลผนึกจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุขึ้น เกิดเป็นคลื่นพิโรธ พายุ ทะเลเพลิง กระทั่งว่ามีกระบี่ปรากฏจากความว่างเปล่า ยิ่งกว่านั้นยิ่งเกิดมิติฉีกขาด

พร้อมทั้งมีความสับสนวุ่นวายของเวลาบางอย่าง

พลังของค่ายกลผนึกเหล่านี้รวมตัวกัน ราวกับถล่มภูเขาล่มมหาสมุทร ทรงพลังยิ่งใหญ่ตระการตา

ส่วนสวี่ชิงที่เดินอยู่ในนั้น สีหน้าสงบนิ่ง ราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง

และความปั่นป่วนรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการมาถึงของเขา ย่อมดึงดูดความสนใจของชายวัยกลางคนชุดดำที่เข้าใกล้มายังบริเวณยอดเขาทันที

เพียงแค่หันกลับไปมองผาดเดียว ชายวัยกลางคนชุดดำคนนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาเห็นสวี่ชิงไม่ชัด เห็นได้เพียงความปั่นป่วนที่เกิดจากการปะทุอย่างต่อเนื่องของค่ายกลผนึกเบื้องล่าง แต่ภาพนี้ก็ยังคงทำให้รูม่านตาทั้งสองของเขาหดเล็กลง จิตใจปั่นป่วน ภายในถูกแทนที่ด้วยความร้อนรนและความหวาดกลัว

“ยังมีคนอื่นเข้ามาที่นี่อีก อีกทั้งยังสร้างความปั่นป่วนได้ถึงขนาดนี้…”

“เป็นดวงดาวคนใดกัน”

ชายวัยกลางคนชุดดำผู้นี้ลมหายใจถี่ขึ้น ความรู้สึกกังวลใจพวยพุ่งขึ้นมา เขาสามารถสัมผัสได้ผ่านของวิเศษแห่งธรรมนูญของตนเองว่า ในการปะทุของค่ายกลผนึกเบื้องล่าง มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ไม่มีเวลาให้ขบคิด ชายวัยกลางคนชุดดำผู้นี้ควบคุมจานเข็มทิศในมือทันที ด้านหนึ่งคือเสริมพลังให้กับพวกบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 คน ควบคุมร่างกายของพวกเขา เร่งความเร็วสำรวจเส้นทาง

อีกด้านหนึ่งก็เพื่ออาศัยของวิเศษแห่งธรรมนูญชิ้นนี้ สร้างเส้นสีดำสนิทเส้นหนึ่งขึ้นมา โยนลงไปในระลอกคลื่นพลังของค่ายกลผนึกเบื้องล่าง

ขณะเดียวกัน พวกบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 คนก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังของค่ายกลผนึกบนภูเขานี้แล้ว เห็นการปะทุอันน่าสะพรึงกลัวนั่น เพียงแต่เนื่องจากไม่มีของวิเศษแห่งธรรมนูญ พวกเขาจึงไม่อาจ ‘มองเห็น’ และไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กำลังเข้ามาใกล้ในระลอกคลลื่นพลังได้

อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัส ภาพนี้หมายถึงอะไร พวกเขาทั้ง 3 คนนี้ก็เดาได้แล้ว

“มีคนมาแล้ว!”

“ดูจากสีหน้าและการกระทำของเต้าเฟยจื่อ ตลอดจนสภาพระลอกคลื่นพลังของค่ายกลผนึก พลังของผู้มาเยือนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”

“โอกาสรอด ปรากฏขึ้นแล้ว!”

ร่างของทั้ง 3 ถูกควบคุม แต่ในใจในเสี้ยวขณะนี้กลับตื่นเต้นขึ้นมา เพราะไม่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นใคร ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยดูจากตอนนี้ นี่ก็คือตัวแปร

และตัวแปรนี้ สำหรับสถานการณ์ที่เป็นทางตันแล้ว คือโอกาสเดียวเท่านั้น

แทบจะในพริบตาที่ความหวังผุดขึ้นในใจของพวกบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 เส้นสีดำสะบัดออกมาจากจานเข็มทิศที่ชายวัยกลางคนชุดดำควบคุม ภายใต้ความเร็วอันน่าสะพรึงก็พุ่งเข้าไปในเขตของระลอกคลื่นพลังค่ายกลผนึกแล้ว

เส้นสีดำนี้มาจากของวิเศษแห่งธรรมนูญ

ดังนั้น แม้จะดูธรรมดา แต่พลังของเส้นสีดำนั้น ในระดับหนึ่งแล้วก็สามารถเรียกได้ว่าสมจริงจนสัมผัสได้

สิ่งเดียวที่สามารถต้านทานธรรมนูญได้ คือธรรมนูญ

ดังนั้นระดับของของวิเศษแห่งธรรมนูญจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

แต่ในเสี้ยวขณะที่ต่อมา…สิ่งที่ทำให้สีหน้าชายวัยกลางคนชุดดำเปลี่ยนไปอีกครั้งก็ปรากฏขึ้น

เสียงกร๊อบดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งโลก พลันดังออกมาจากบริเวณระลอกคลื่นพลังของค่ายกลผนึก

การเกิดขึ้นของเสียงนี้ ทำให้พวกบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 คนสะท้านเฮือกไปทั้งร่าง พลังในการควบคุมร่างเกิดช่องโหว่ ทั้ง 3 คนคว้าโอกาส แต่ละคนต่างปะทุพลังออกมา และหลุดพ้นจากการควบคุมได้ทันที

ส่วนชายวัยกลางคนชุดดำ ตอนนี้กระอักเลือดออกมา สีหน้าหวาดกลัว สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังพุ่งออกมาจากระลอกคลื่นพลังของค่ายกลผนึกนั้น

และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ทางเลือกคือก้มหัว แต่การก้มหัวก็ใช่ว่าจะรอด และเจ็บใจที่การเตรียมตัวมาหลายปีของตนเองต้องสูญเปล่า

ไม่อย่างนั้นก็…สู้ตาย!

ในดวงตาของเขาฉายความบ้าคลั่ง ไม่สนใจการหลุดพ้นของพวกบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3  หันหลังทันที ปะทุพลังทั้งหมด พุ่งขึ้นไปบนยอดเขา

“ครอบครองของวิเศษแห่งธรรมนูญชิ้นที่ 2 นั่นคือจุดเปลี่ยน!”

“และเมื่อมีของวิเศษแห่งธรรมนูญ 2 ชิ้น ต่อให้เผชิญหน้ากับดวงดาว ข้าก็ยังมีโอกาสหนีรอด!”

คิดถึงตรงนี้ เขาก็เร่งความเร็วขึ้นจนรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ก่อเกิดเป็นรอยเงา เข้าใกล้ยอดเขามาเรื่อยๆ

เพียงแต่…ความเร็วของสวี่ชิง คือเดินอยู่ในกาลอวกาศ เร็วกว่าเขามาก

ดังนั้นชั่วพริบตาเดียว ค่ายกลผนึกในภูเขายังคงปะทุในวงกว้าง แต่ร่างของสวี่ชิงก็ได้ทะลุผ่านค่ายกลผนึกนับไม่ถ้วนเหล่านั้น พุ่งทะยานออกมา

ระเบิดมิติ

ผ่านบรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 คนไป มาปรากฏตัว…ข้างหน้าของชายวัยกลางคนชุดดำ!

ก้าวเดียว ก็ก้าวขึ้นสู่ยอดเขา

ฉากนี้ คนอื่นมองไม่เห็น

มีเพียงชายวัยกลางคนชุดดำที่ถือของวิเศษแห่งธรรมนูญเท่านั้นที่สามารถ ‘มองเห็น’ ได้

ชายวัยกลางคนชุดดำหายใจถี่ ดวงตาทั้ง 2 ข้างแดงก่ำ ความรู้สึกที่ตัวเองเตรียมตัวมานานแสนนาน ผ่านความยากลำบากนับพัน แต่เมื่อเห็นความสำเร็จอยู่ตรงหน้า กลับถูกคนอื่นช่วงชิงไปก่อน ทำให้เขายอมทุ่มเททุกสิ่ง

ดังนั้น มือหนึ่งถือจานเข็มทิศ มือหนึ่งประสานปางมือ ชี้ไปที่สวี่ชิง

ทันใดนั้นก็มีเส้นสีดำ 5 เส้น ลอยขึ้นมาจากจานเข็มทิศนี้ แต่ละเส้นหนาเท่ากับนิ้วมือ เมื่อก่อเกิดขึ้นก็เหมือนกับงูสีดำ 5 ตัว

ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้รอบด้านบิดเบี้ยว ในด้านระดับทำให้รู้สึกเหมือนไม่ใช่โลกใบนี้ จากนั้นก็สั่นไหว แล้วพุ่งตรงไปยังสวี่ชิง

สวี่ชิงหันหน้าไป มองด้วยสายตาเย็นชา

ธรรมนูญกาลอวกาศปะทุขึ้น

ปั่นป่วนเวลา แยกเส้นสีดำทั้ง 5 เส้นนี้ออก

ส่งผลกระทบต่อมิติ เพิ่มการปิดกั้น

หากเปรียบเส้นสีดำทั้ง 5 เส้นนั้นเป็นลำธาร ธรรมนูญกาลอวกาศของสวี่ชิงก็คือแม่น้ำ ต่างสัมผัสกันในทันที ต่อกรกันในทันที

จนกระทั่ง…ในความเวิ้งว้างของกาลอวกาศ ลำธารถูกบดขยี้สลายไป

เส้นสีดำทั้ง 5 เส้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

จานเข็มทิศนั้น ก็ส่งเสียงดังกร๊อบ เกิดรอยร้าวขึ้นทางหนึ่ง

ส่วนชายวัยกลางคนชุดดำนั้น สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เลือดไหลทั้ง 7 ทวาร ถอยหลังไปไม่หยุด

เหมือนจะยังอยากลงมืออีก แต่ในเสี้ยวขณะต่อมา…จานเข็มทิศนั่นก็พลันเปล่งแสงสีดำออกมา ก่อเป็นใบหน้ามนุษย์ขนาดมหึมา หลังจากจ้องมองสวี่ชิง จากนั้นก็พลันหันกลับไป กลืนกินชายวัยกลางคนชุดดำผู้นั้นเข้าไปในคำเดียว

เสียงกรีดร้องอันโหยหวน ดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง

และจากการกลืนกิน ใบหน้ามนุษย์แสงสีดำก็หายไป

รอยร้าวบนจานเข็มทิศ ก็กลับมาเป็นปกติในทันที จากนั้นก็ตกลงบนพื้นดิน

นิ่งสนิท

มีเพียงคำพูดหนึ่งที่ดังมาจากความว่างเปล่า ก้องกังวานอยู่ในกาลอวกาศของสวี่ชิง

“นำสิ่งนี้มาคืนที่โลกชั้นที่ 4 ข้าจะมารับด้วยตนเอง”

คำพูดนี้แฝงไว้ด้วยพลังอันน่าครั่นคร้าม คนอื่นไม่ได้ยิน แต่ในใจของสวี่ชิง มันดังก้องราวกับระฆังขนาดใหญ่

สะเทือนจนร่างของเขาปรากฏออกมาจากธรรมนูญกาลอวกาศ เงยหน้าอยู่บนยอดเขาทอดสายตามองไปยังม่านฟ้า

ขณะเดียวกัน เมื่อร่างของสวี่ชิงปรากฏ เสียงเรียกขานอย่างตื่นเต้นก็ดังมาจากด้านล่าง

“ผู้อาวุโส!”

บรรพจารย์ตี้หลิงที่จำสวี่ชิงได้ ในเสี้ยวขณะนี้ตื่นเต้นอย่างมาก

สวี่ชิงได้ยินดังนั้น ก็ดึงสายตาจากม่านฟ้ากลับมา หันไปกวาดสายตาบนร่างของบรรพจารย์ตี้หลิง ยกมือส่งพลังอ่อนโยนสายหนึ่งไปให้

จากนั้นก็หันหลังกลับ มองไปยังทะเลสาบบนยอดเขา และเรือกระดาษลำนั้นในทะเลสาบ

เรือกระดาษสีขาว ลอยอยู่บนทะเลสาบอย่างสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน

“จะเก็บมาอย่างไร” สวี่ชิงกล่าวอย่างสงบ

“หึๆ เจ้าก็ระมัดระวังตัวดีนะ ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไปเอามันมาด้วยมือเปล่าทันทีเสียอีก”

มนุษย์จิ๋วไอค่อกแค่ก ในเสี้ยวขณะต่อมา แผ่นหยกก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วหายไปในพริบตา เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่บนเรือกระดาษในทะเลสาบแล้ว

จากนั้นแผ่นหยกก็เปล่งแสงวาบ

เรือกระดาษสั่นสะเทือนเล็กน้อยพร่าเลือนอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า สุดท้ายก็กลายเป็นเส้นมากมาย ผสานไปในแผ่นหยก

เพียงพริบตา แผ่นหยกก็กลับคืนมา เมื่อปรากฏอยู่ในมือของสวี่ชิง มนุษย์จิ๋วที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงอย่างพอใจ

“ไม่เลวๆ ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ของเล่นชิ้นนี้ก็ยังไม่เสียหาย ยังใช้ได้”

“ของได้มาแล้ว สำหรับฐานะในโลกชั้นที่ 4 ที่ได้จากโลกชั้นที่ 3 เจ้าบอกมาได้แล้ว” สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ

แม้เรือกระดาษของวิเศษแห่งธรรมนูญจะไม่ธรรมดา แต่สวี่ชิงไม่ได้โลภ สำหรับเขา ธรรมนูญกาลอวกาศของตัวเองถึงจะเป็นวิถีที่แท้จริง

มนุษย์จิ๋วได้ยินดังนั้นก็ไอค่อกแค่ก แปลงร่างปรากฏขึ้นบนแผ่นหยก 2 มือเท้าสะเอว สีหน้าได้ใจ เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ว่า

“ก่อนหน้านี้ที่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรก ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ”

“ฐานะของเจ้า คือลูกชายของข้าอย่างไรเล่า”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version