บทที่ 1146 นายน้อยวังเซียน
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม
มือขวายกขึ้น บีบแผ่นหยกแหลกละเอียด
จากนั้นสะบัดแขนเสื้อ หอบม้วนบรรพจารย์ตี้หลิงและคนอื่นๆ ออกจากภาพสัญลักษณ์ที่เป็นที่ตั้งของภูเขานภาใต้ ส่งออกไปยังตำหนักใหญ่โลกภายนอก
ภายในตำหนัก บรรพจารย์ตี้หลิงทั้ง 3 คนได้รับชีวิตใหม่ ต่างพากันตื่นเต้น และโค้งคารวะขอบคุณสวี่ชิงอย่างนอบน้อม
ผู้บำเพ็ญหญิงในบรรดา 3 คนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าน้อยหลิงเยวี่ยจื่อ เป็นคนในเผ่าจันทราสวรรค์แห่งแดนดาราทิศเหนือ ขอขอบคุณสหายเต๋าที่ให้ความช่วยเหลือ หากวันหน้ามายังทิศเหนือ มีสิ่งใดให้รับใช้ หลิงเยวี่ยจื่อไม่มีคำว่าปฏิเสธอย่างแน่นอน!”
ชายวัยกลางคนข้างๆ นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จางซื่ออี่จากสำนักเบิกปัญญาแห่งทิศใต้ บุญคุณช่วยชีวิตในวันนี้ ข้าจะไม่ลืมเลือนอย่างแน่นอน สหายเต๋าไม่ว่าเมื่อใด ขอเพียงมีคำพูดส่งมา ข้าแซ่จางผู้นี้จะทุ่มเทสุดกำลังแน่นอน!”
อันตรายของพวกเขาในครั้งนี้ หากสวี่ชิงไม่ปรากฏตัว ความตายก็เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง
ดังนั้นความรู้สึกขอบคุณนี้จึงออกมาจากใจจริง
สุดท้ายคือบรรพจารย์ตี้หลิง
เขาตื่นเต้นอย่างที่สุด
“ใต้เท้า! ในที่สุดข้าก็ได้เห็นท่านแล้ว”
พูดจบเขาก็พลันนึกถึงเรื่องสำคัญกว่าได้ จึงรีบส่งกระแสจิต
“ใต้เท้าหลี่เมิ่งถู่ทางนั้นเคยมาหาหาท่านที่นี่ แต่ก็ไม่พบ สุดท้ายเขาจึงมุ่งหน้าไปยังโลกชั้นที่ 4 และก่อนจากไปได้ฝากคำพูดบางอย่างไว้ให้ข้า ให้ข้าเมื่อได้พบท่าน ก็จงบอกเรื่องนี้”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็มองไปยังบรรพจารย์ตี้หลิง
“ใต้เท้า ใต้เท้าหลี่เมิ่งถู่ฝากบอกว่า จะแจ้งให้ท่านทราบถึงสถานที่ทางเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 และเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงน่าแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นที่นี่ในครั้งนี้”
“ปกติแล้ว การเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 เพียงแค่แสดงธรรมนูญของตนเอง ก็สามารถก้าวเข้าไปได้เองแล้ว”
“แต่ครั้งนี้ มีเงื่อนไขพิเศษ จากการศึกษาและสำรวจของใต้เท้าหลี่เมิ่งถู่ พบว่าสิ่งที่ต้องการคือฐานะ!”
“ดังนั้นนอกจากสถานที่แล้ว สิ่งที่เขาให้ข้าบอกท่านคือ วิธีการได้รับฐานะที่นี่ และฐานะของเขาในโลกชั้นที่ 4”
สวี่ชิงดวงตาหรี่ลง
“ทางเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 อยู่ด้านหลังบริเวณทางเหนือ ที่นั่นมีทะเล ชื่อว่าเหนือ”
บรรพจารย์ตี้หลิงพูดเร็วมาก แจ้งทุกสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“ในทะเลเหนือ มีประตู”
“ส่วนเรื่องวิธีการได้รับฐานะในโลกชั้นที่ 3 คือการงมหาป้ายฐานะจากใต้ทะเลเหนือ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับวาสนา”
“และใต้เท้าหลี่เมิ่งถู่ ฐานะของเขาคือ…สหายศึกษาของบุตรชายผู้นำเซียนจี๋กวง”
“สุดท้าย เขาฝากให้ข้าบอกท่านว่า เขากำลังรอท่านอยู่ในโลกชั้นที่ 4”
สวี่ชิงครุ่นคิด
จากมนุษย์จิ๋วทางนั้น เขาได้รู้ว่าการเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 ต้องใช้ฐานะ
เมื่อรวมกับข้อความที่หลี่เมิ่งถู่ทิ้งไว้ ก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเรื่องฐานะนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เช่นนั้น…เหตุใดจึงเกิดขึ้นในครั้งนี้
สวี่ชิงก้มหน้า มองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตนเอง
“เป็นเพราะมันหรือเปล่า”
ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด เขาก็กล่าวลาบรรพจารย์ตี้หลิงและคนอื่นๆ เดินเข้าสู่ห้วงกาลอวกาศ ไปจากพื้นที่ทิศใต้
มุ่งหน้าสู่เหนือ
และในเสี้ยวขณะนี้ แผ่นหยกก็ก่อตัวขึ้นใหม่ที่ฝ่ามือของสวี่ชิง เสียงของมนุษย์จิ๋วก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “อย่าเพิ่งโกรธสิ คราวนี้ข้าไม่ด่าใครหรอก!”
“เป็นฐานะนี้จริงๆ!”
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ กำลังจะบีบแผ่นหยกให้แหลกอีกครั้ง มนุษย์จิ๋วก็รีบแปลงร่างออกจากแผ่นหยกอย่างรีบร้อน ยกมือสะบัด ทันใดนั้น เรือกระดาษที่มันเก็บลงไปเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“อย่าบีบๆ ฐานะอยู่ที่นี่!”
การกระทำของสวี่ชิงหยุดชะงัก มองไปยังเรือกระดาษ
เห็นเพียงเรือกระดาษนั้นภายใต้การพลิกจากมือทั้งสองข้างของมนุษย์จิ๋วก็ค่อยๆ ถูกคลี่ออก กลายเป็นกระดาษสีขาวแผ่นมหึมาแผ่นหนึ่ง
ส่วนบนกระดาษ มีอักษรสีเงินขนาดใหญ่เขียนไว้ตัว 8 ตัวว่า
เต้าสิ้นสุด วันที่ 21 เดือน 6 ยามโฉ่ว
เมื่อจ้องมองตัวอักษร 8 ตัวนี้ สีหน้าของมนุษย์จิ๋วก็ปรากฏระลอกคลื่นอารมณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
จากนั้นยกมือขึ้น กรีดลงบนกระดาษนั้น วาดเงาร่างสีสันสดใสร่างหนึ่งออกมา
ร่างนี้คือรูปลักษณ์ของสวี่ชิงในโลกชั้นที่ 2 นั่นเอง
ตอนนี้ผสานรวมเข้ากับตัวอักษร 8 ตัวนั้น
ทำทุกอย่างเหล่านี้เสร็จ มนุษย์จิ๋วก็พับกระดาษกลับไปใหม่ แต่ไม่ได้พับกลับเป็นรูปร่างเรือ ทว่าห่อหุ้มแผ่นหยกไว้
“ใช้กระดาษแผ่นนี้ห่อหุ้มแผ่นหยกไว้ ก็จะสามารถอาศัยพลังของโลกชั้นที่ 2 ทำให้มันเป็นจริงได้ เช่นนี้ก็จะสามารถทำให้ชะตาชีวิตสอดคล้องกันอย่างแท้จริง กลายเป็นความจริงในภาพมายา!”
ขณะที่ห่อ มันก็มองไปยังสวี่ชิง น้ำเสียงหนักแน่น ไม่มีทีท่าเจ้าเล่ห์แม้แต่น้อย กลับคล้ายผู้อาวุโสกำชับสั่งสอน
“เจ้าหนู เจ้าจำตัวอักษร 8 ตัวนี้ไว้ จากนั้นเมื่อเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 แล้ว จงรำพึงออกมาในใจ ก็จะได้รับฐานะ”
“และข้าเอง ก็ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าให้เจ้าพาข้าเข้าสู่โลกชั้นที่ 4 จริงๆ”
“เมื่อเข้าไปแล้ว เจ้าก็สัมผัสวิถีของเจ้า ข้าก็ทำธุระของข้า…”
“นอกจากนี้ ข้ามีบางสิ่งที่จะเตือนเจ้า”
“เจ้ากลับไปยังอดีต แม้เจ้าจะมีธรรมนูญกาลอวกาศ แต่จงอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และไม่อาจเปลี่ยนแปลง!”
“เว้นเสียแต่เจ้าอยากตาย”
“ดังนั้นเมื่อเจ้าเข้าไปแล้ว…ความจริงก็เป็นเพียงผู้ชมของประวัติศาสตร์ก็เท่านั้น”
เมื่อมนุษย์จิ๋วพูดถึงตรงนี้ ก็ห่อกระดาษคลุมแผ่นหยกไว้จนหมดแล้ว จากนั้นร่างเพียงไหววูบ ก็กลับเข้าไปในแผ่นหยกอีกครั้ง
จากนั้นก็กระแอมออกมาครั้งหนึ่ง และกล่าวคำพูดสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อีกครั้งว่า
“ลูกชาย ยังไม่รีบไปโลกชั้นที่ 4 อีก กลับไปอดีต แล้วมาดูพ่อของเจ้าว่าองอาจเพียงใด ไร้เทียมทานเพียงใด ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์เพียงใด…ในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กับปู่ของเจ้า!”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้น ก็ยกมือขึ้นบีบแผ่นหยก
แต่ครั้งนี้ แผ่นหยกกลับไม่แตก…กระดาษนั้นกำลังปกป้องอยู่
ภายในแผ่นหยก เสียงเจ้าเล่ห์ของมนุษย์จิ๋วก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า บีบไม่แตกแล้วใช่ไหม เอาล่ะ เจ้าก็เก็บแรงหน่อย ข้ารู้ว่าเจ้ารำคาญข้า แต่นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ข้าจะพูดกับเจ้าในโลกชั้นนี้แล้วนะ”
“เจ้าหนู พวกเรา…พบกันที่โลกชั้นที่ 4 !”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ แผ่นหยกในมือของสวี่ชิงก็ลุกไหม้ไปเอง กลายเป็นเถ้าธุลีในเสี้ยวพริบตา สลายหายไป
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
ในใจวิเคราะห์คำพูดของมนุษย์จิ๋ว ขณะเดียวกันก็ประเมินข้อดีข้อเสียของฐานะนี้
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะมองอย่างไร ฐานะนี้ก็มีข้อได้เปรียบมากกว่าฐานะอื่นๆ
และจากเบาะแสที่มีอยู่ สวี่ชิงก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในโลกชั้นที่ 4 ฐานะ…สำคัญอย่างยิ่ง
นี่เป็นตัวกำหนดโอกาส กำหนดวาสนา กำหนดขอบเขตของการสำรวจ
แม้กระทั่ง กำหนดสิทธิ์ในโลกชั้นที่ 4
ที่สำคัญที่สุดคือ ในเสี้ยวขณะที่มนุษย์จิ๋ววาดร่างสีสันสดใสลงบนกระดาษ สวี่ชิงก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่มองไม่เห็นมาตกกระทบที่ร่างของเขา
ราวกับเชื่อมโยงกับชะตาชีวิต
ขณะเดียวกัน โลกนี้ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
ให้ความรู้สึกเป็นมิตรกับเขา
ดังนั้นครู่ต่อมา สวี่ชิงก็เงยหน้าขึ้นทอดสายตามองไปทางทิศเหนือ
ร่างเพียงไหววูบก็เคลื่อนไปในห้วงกาลอวกาศ
ทะลุผ่านไปในวังเซียนของโลกชั้นที่ 3 นี้ ตลอดทางไม่หยุดพัก ผ่านทิศเหนือ จนกระทั่งเห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล
คลื่นลมโหมกระหน่ำ กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
คลื่นซัดกระทบโขดหินชายฝั่ง ส่งเสียงดังครืนครั่นกึกก้อง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวเก่าแก่โบราณ
ส่วนแสงแดด 7 สีสาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างก้อนเมฆลงบนผิวน้ำทะเล ทำให้ทะเลทั้งผืนส่องประกายระยิบระยับ พริบพราวไปด้วยจุดแสงพร่างพราย
แต่งแต้มสีสันแห่งกาลเวลาให้กับเรื่องราวเก่าแก่โบราณนี้ด้วย
บางครั้งก็เห็นนกทะเลมายาขนาดมหึมาโบยบินบนท้องฟ้า บางครั้งก็พุ่งดิ่งลงไปจับปลาในทะเล บางครั้งก็สยายปีกบินสูงลิบ หายลับไปในขอบฟ้า
แต่สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียง ‘การมองเห็น’ ตามปกติ
ในธรรมนูญกาลอวกาศ สิ่งที่สวี่ชิงมองเห็นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
แสงแดด 7 สี ดูเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นเลย
คลื่นลมและนกทะเล ก็ไม่เคยขยับขึ้นลง
ในเสี้ยวขณะนี้ ยิ่งเป็นเวลากลางคืน
ดวงจันทร์ขาวซีดลอยสูงอยู่บนฟ้า ทะเลเป็นสีแดงฉานเปลี่ยนมาเป็นเหมือนทะเลเลือด ทั้งเหมือนทะเลมรณะ ลอยเต็มไปด้วยซากศพนับไม่ถ้วน
ไอความตายอันหนาทึบ ก่อตัวเป็นม่านหมอกบางๆ บนผิวน้ำ
และในส่วนลึกของหมอกนั้น มีร่าง 2 ร่างที่สูงเทียมฟ้ากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ร่างหนึ่ง ถือซากกระบี่ ทั่วทั้งร่างแผ่รัศมีอำมหิตท่วมฟ้า ทุกการเคลื่อนไหวล้วนปะทุพลังทำลายล้างฟ้าดิน โดยเฉพาะซากกระบี่ของเขา ราวกับสามารถตัดขาดทุกสิ่งได้
เป็นเสียหลิงจื่อนั่นเอง!
ส่วนอีกร่างหนึ่ง ย่อมเป็นโจวเจิ้งลี่
รอบกายของเขา สายฟ้านับหมื่นนับพันแลบแปลบปลาบ ก่อเป็นเค้าร่างขนาดมหึมา ราวกับเจ้าแห่งท้องฟ้า
มือถือทวนยาว ชี้ไปที่ใด ที่นั่นล้วนเป็นปีศาจ!
และขอเพียงถูกเขาบัญญัติว่าเป็นปีศาจ เช่นนั้นการโจมตีของเขาก็จะแฝงไว้ด้วยพลานุภาพของการทำลายธรรมนูญ
นี่คือธรรมนูญของเขา…สังหารปีศาจ!
พวกเขาทั้ง 2 หลังจากพบกันในโลกชั้นที่ 3 ก็ต่อสู้กันทันที กวาดล้างไปทั่วทิศตะวันออก ต่อเนื่องมายังทิศเหนือ และยิ่งอยู่ที่ทางเข้าโลกชั้นที่ 4 ก็ยังคงต่อสู้กันอยู่
ดังนั้น เสียงคำรามกึกก้องเลื่อนลั่นจึงราวกับฟ้าร้องถล่มทลาย ระลอกคลื่นพลังมิติแปรเปลี่ยนเป็นลมบ้าหมูพัดกวาด พัดผ่านท้องทะเล พัดมายังชายฝั่ง หยุดลงตรงหน้าสวี่ชิง
สวี่ชิงเงยหน้า จ้องมองการต่อสู้ของคนทั้ง 2 บนทะเล
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเข้าสู่โลกชั้นที่ 3 ความปั่นป่วนที่เขาสัมผัสได้ ต้นกำเนิดที่ราวกับเกิดมหาศึก บัดนี้ก็มีคำตอบแล้ว
นั่นคือเศษคลื่นพลังจากการต่อสู้ของคนทั้ง 2 นี้เอง
ตอนนี้มองเพียงชั่วขณะ สวี่ชิงก็ดึงสายตากลับ ก้าวเท้าเดินไป เหยียบย่างไปบนผิวน้ำทะเล
การต่อสู้บนท้องฟ้า ไม่เกี่ยวกับเขา
การตายของคนทั้ง 2 เขาไม่สนใจ
ที่นี่คือทางเข้าโลกชั้นที่ 4 เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นสวี่ชิงจึงสีหน้าเป็นปกติ ก้าวเดินไปทีละก้าว
มีปราณกระบี่ตกลงมาจากฟ้า เขายกมือปัดออกไป
มีสายฟ้าฟาดมาดุจสายฝน ห้วงกาลอวกาศของเขาก็บิดเบือนออกไป
ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่หยุด และทำลายเศษพลังจากการต่อสู้ที่ตกลงมาใส่เขาอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าสุขุมเยือกเย็น จิตใจสงบนิ่ง
และการปรากฏตัวของเขา ย่อมดึงดูดความสนใจของเสียหลิงจื่อและโจวเจิ้งลี่
แม้ในตอนแรก ความสนใจของพวกเขาจะอยู่กับการต่อสู้กันเองมากกว่า แต่เวลาค่อยๆ ผ่านไปพวกเขาก็หันไปมองสวี่ชิงบนผิวน้ำทะเลโดยไม่ได้นัดกัน
อายุของสวี่ชิง เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ถือว่ายังหนุ่มมาก
และรูปลักษณ์ของเขาก็เป็นเลิศไม่มีใครเทียบ
ดังนั้นเมื่อเดินอยู่บนผิวน้ำทะเล ชายหนุ่มผู้งามเลิศล้ำหาใดเปรียบผู้นั้น มีความสุขุมเยือกเย็นและสงบนิ่ง ราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง
โดยไม่รู้ตัว ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของวังแห่งนี้
ความรู้สึกนี้ ทำให้สีหน้าของคนทั้ง 2 เคร่งขรึม
พวกเขาเคยเห็นสวี่ชิง แต่กลับจำได้ชัดเจนว่า ก่อนหน้านี้ข้างนอก อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของวังเซียนแบบนี้
ขณะเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างก็มองเห็นจุดที่แตกต่างกัน
“จิตสังหารของคนผู้นี้…หนาแน่นถึงขีดสุด!” เสียหลิงจื่อหรี่ตาทั้ง 2
“วิถีของคนผู้นี้ กำลังประสานกับโลกใบนี้…” โจวเจิ้งลี่ ดวงตาฉายประกายประหลาด
การต่อสู้ของพวกเขาสิ้นสุดลงอย่างหาได้ยาก
สวี่ชิงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาก้าวเดินในทางของตนเอง เหมือนกับวิถีเต๋า
ทีละก้าว…ทีละก้าว เดินมาถึงใจกลางของท้องทะเลกว้างใหญ่แห่งนี้
ที่นั่น เขาเห็นประตูหินโบราณบานหนึ่ง
ที่หน้าประตู เขาหยุดนิ่งอยู่ 3-4 อึดใจ
จากนั้น ก็ก้าวเข้าไป!
พึมพำในใจ
“เต๋าสิ้นสุด วันที่ 21 เดือน 6 ยามโฉ่ว”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
