Skip to content

Outside Of Time 1157


บทที่ 1157 ล่อเหยื่อ!

จุดประสงค์ของสวี่ชิงง่ายมาก

ผู้มาจากภายนอกเหล่านี้ต่างก็ซ่อนตัวได้ดีเยี่ยม ทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมไม่ธรรมดา ไม่มีใครธรรมดาเลย

เว้นแต่เพราะปัจจัยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้บางอย่าง อย่างเช่นหลี่เทียนเจียว ถึงจำต้องลงมืออย่างเสี่ยงที่ตัวตนจะเปิดเผยตัว

ไม่เช่นนั้นแล้ว หากคิดจะค้นหาพวกเขา ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยากลำบากไม่น้อย

ในเมื่อ สำหรับคนเหล่านี้ ทุกคนล้วนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงยากที่จะมองเห็นความพิเศษในบรรดาพวกเขาได้มากสักเท่าไร

และการลงมาเยือนของจิตสำนึก หากจงใจซ่อนเร้น ก็ยิ่งยากที่จะแยกแยะ

ในจำนวนนี้ ผู้ที่มีจุดประสงค์ที่จะก่อให้เกิดระลอกคลื่นในกาลอวกาศยังดี สวี่ชิงยังคงมีความมั่นใจระดับหนึ่งที่จะค่อยๆ ค้นหาพวกเขาได้ เพราะในประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ฐานะของเขาเปรียบเสมือนคบเพลิงในยามค่ำคืน

จะดึงดูดเข้ามาเองตามธรรมชาติ

เช่น การเข้าใกล้ของหลี่เทียนเจียว การติดตามของจงฉือ การปรากฏตัวของบุตรีของผู้นำเซียนจิ่วอั้น

ล้วนแต่ใช้ฐานะของเขาเป็นจุดยึดทั้งสิ้น

แต่ว่านี่จำต้องใช้เวลา

นอกจากนี้ ในบรรดาผู้มาจากภายนอกเหล่านี้ ไม่รู้ว่ามีกี่คน เส้นทางที่เลือกขัดกับระลอกคลื่นกาลอวกาศ เช่น ผู้รักษากฎระเบียบบางคนในนั้น ทางที่พวกเขาเลือกคือปล่อยให้ประวัติศาสตร์ดำเนินไปตามธรรมชาติ

คนประเภทนี้ หากยังคงสงบเสงี่ยมต่อไป ทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์จริงๆ เช่นนั้น ในระยะเวลาสั้นๆ ก็แทบจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

จึงยิ่งหายากขึ้นไปอีก

เช่นนี้แล้ว…

“ในเมื่อผู้มาจากภายนอกที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้น ข้าไม่สามารถหาพบได้ทันที เช่นนั้นก็ใช้ข่าวลือแรกไปบอกพวกเขา หลังจากนี้ทำอะไรจะต้องระมัดระวังมากขึ้น”

“เช่นนี้แล้ว แม้ข้าจะหาไม่พบ แต่ซิงหวนจื่อต้องการหาพวกเขา ต้องการจะแก้ไขให้ถูกต้อง ก็จะยากขึ้นตามไปด้วย”

ภายในตำหนักหนึ่งน้อยไร้ขอบเขต สวี่ชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า

“ให้ผู้ที่อยู่ในที่แจ้งชัดแจ้งขึ้นมาอีก โดยใช้วิธีการปล่อยข่าวลือ เปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายโดยตรง”

ในดวงตาของสวี่ชิงประกายแสงวาววามฉายวูบ

ส่วนคนในยุคนี้จะเชื่อหรือไม่ ไม่สำคัญ

สิ่งที่สำคัญคือ ผู้มาจากภายนอกเช่นเดียวกับเขาเหล่านั้น จะประเมินตัวเอง

นี่คือสัญญาณที่ส่งไปให้พวกเขา

ขณะเดียวกัน ก็เป็นการก่อให้เกิดระลอกคลื่นแก่ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ด้วยเช่นกัน

“การประลองของหลี่เทียนเจียว ข้าชนะครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังเป็นอริยะเซียนที่ 4 ชนะ”

“การประลองครั้งที่ 2 ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าอริยะเซียนที่ 4 จะรับมืออย่างไร หากสามารถตกอยู่ในภาวะที่ต้องพิสูจน์ตนเองได้ ก็คงจะดี”

สวี่ชิงครุ่นคิด

เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการซ่อนตัว จากนั้นก็เฝ้าสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ

ดูว่าในคลื่นลมข่าวลือของวังเซียนแห่งนี้จะเกิดระลอกคลื่นอย่างไร

“นอกเหนือจากข้อได้เปรียบที่ข้าอยู่ในเงามืดแล้ว ในการละเล่นของประวัติศาสตร์นี้ ข้ายังมีข้อได้เปรียบข้อที่ 2…”

สวี่ชิงมองไปยังวังร้อยบุปผา

ตุ๊กตาจิ้งจอก ไม่อยู่ในความรู้ความเข้าใจของคนทั้งหลาย!

ทุกคนที่เข้าสู่โลกชั้นที่ 4 อันที่จริงแล้วล้วนมีร่องรอย ในสายตาของผู้มีใจ หากแยกแยะอย่างละเอียดสังเกตให้ดี ก็จะพบเบาะแสได้

มีเพียงตุ๊กตาจิ้งจอกเท่านั้นที่แตกต่างออกไป

องค์ท่านก่อนหน้านี้ ไม่มีร่องรอย ดังนั้นการดำรงอยู่ขององค์ท่านจึงมีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับสวี่ชิง

……

หลายวันต่อมา

ผลของข่าวลือนั้น แล้วแต่ความคิดเห็น

แม้จะแพร่สะพัดไปทั่ววังเซียน แต่สำหรับคนในยุคนี้ ข่าวลือที่ว่านี้ส่วนใหญ่ก็แค่หัวเราะแล้วผ่านไป

ในเมื่อที่นี่คือวังเซียนแสงเรืองรอง!

แม้ผู้นำเซียนแห่งระบบดาวที่ 5  เนื่องจากต่างมาจากโลกใบเล็กที่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ปรองดองกันอย่างสมบูรณ์นัก มีความขัดแย้งอยู่บ้าง

แต่…ในทิศทางส่วนใหญ่ แนวคิดของพวกเขาก็สอดคล้องกัน

และมีจอมเซียนสูงส่งอยู่เบื้องบน ดังนั้นระหว่างผู้นำเซียนทั้งหลาย จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดปัญหาใหญ่ๆ ขึ้น

ดังนั้น เรื่องที่มีผู้มาจากภายนอกเข้ายึดร่าง มีก็ดี ไม่มีก็ช่าง ความจริงแล้วไม่แตกต่างกันสักเท่าไร

อีกทั้ง การปรากฏขึ้นของข่าวลือ สำหรับคนที่ฉลาดมองแล้ว ย่อมนึกได้ว่าจะต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในนี้พูดถึงอริยะเซียนที่ 4

ดังนั้น ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ในวังเซียนจึงเฝ้าสังเกตการณ์

และเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ผู้มาจากภายนอกที่ซ่อนตัวท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย ก็ต่างระมัดระวังกันอย่างยิ่งยวด

ความเข้าใจที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้พวกเขาเดาถึงสาเหตุได้ในทันที และมองเห็นปัญหาได้เช่นกัน

อย่างเช่นตอนนี้ในกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียนวังเซียน จงฉือที่กำลังฟังการสนทนาของคนทั้งหลายพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความอยากรู้ ก็พยักหน้าเห็นด้วยไป ระมัดระวังในใจไปด้วย

“ให้ความรู้สึกเหมือนการประลอง…อริยะเซียนที่ 4 ผู้นั้น เป็นอย่างที่ข้าวิเคราะห์ไว้ เป็นผู้มาจากภายนอกจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาคือใคร นี่คือเป็นการเตือนทุกคน…”

“และสวี่ชิงทางนั้น ก็ไม่รู้ว่าได้รับข้อความที่ข้าให้บรรพจารย์ตี้หลิงส่งไปหรือไม่ ได้มายังโลกชั้นที่ 4 นี้หรือเปล่า”

หรือเหมือนกับทางทิศใต้ของวังเซียน ในตำหนักรับแขก บุตรีของจิ่วอั้นที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ฟังคำบอกเล่าจากสาวใช้ข้างกาย ผิวเผินดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น

“อริยะเซียนที่ 4 หรือ มิน่าเล่า เขาถึงได้มาปรากฏตัวในการประลองระหว่างหลี่เทียนเจียวกับนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวง ส่วนฐานะของหลี่เทียนเจียวก็ชัดเจนแล้ว”

“แต่ว่าดูจากการกระทำของอริยะเซียนที่ 4 เป็นการไปขัดขวางการเกิดระลอกคลื่น เรื่องนี้ไม่ขัดแย้งกับจุดประสงค์ของข้า”

“แต่ก็ต้องระมัดระวังอยู่ดี”

บุตรีของจิ่วอั้นครุ่นคิด

ความคิดที่คล้ายกันนี้ ผุดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ของวังเซียน

ที่เตาหลอมกระบี่ทางนั้นก็ไม่เว้นเช่นกัน

การซ่อนอำพรางของเชียนจวินและปี้อี้ทั้ง 2 คน เรียกได้ว่าแทบจะไร้ที่ติ ดังนั้นหลังจากที่ถูกอริยะเซียนที่ 4 พบเข้า ในใจของ 2 พี่น้องก็วิเคราะห์ข้อผิดพลาดอยู่ตลอด

และก็ได้คำตอบบางอย่างมาแล้ว

ตอนนี้ก็รับรู้ได้ถึงข่าวลือ…

“นี่คือมีคนกำลังเล่นงานท่านผู้นั้นแล้ว”

“ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันไปเถอะ ไม่เกี่ยวกับเรา พวกเราแค่รอเวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ รอในเสี้ยวพริบตาที่ต้นแบบกระบี่เปล่งประกายอย่างสมบูรณ์ก็พอ”

ภายในเตาหลอมกระบี่ ต้นแบบกระบี่ 2 เล่มกระทบกันเบาๆ ส่งจิตเทพออกมา

“ไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ในข่าวลือ ในตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่”

เชียนจวินและปี้อี้เย้ยหยัน

……

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าหลี่เทียนเจียวเป็นคนทำ และก็มีความเป็นไปได้บางส่วนว่าเป็นเสียหลิงจื่อที่เรายังหาไม่พบเป็นคนทำ!”

“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ล้วนทำให้พวกเราก็ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบทั้งสิ้น”

ภายในตำหนักที่ 4 โจวเจิ้งลี่กล่าวเสียงทุ้มต่ำ มองไปยังซิงหวนจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกล

ซิงหวนจื่อได้ยินดังนั้น ก็ตอบกลับมาอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก สภาวะของเจ้าตอนนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังปรารถนา อีกทั้ง…เจ้าก็ยังคงคำนวณพลาดไป 1 คนเช่นเคย”

“เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับจุดยืนของคนอื่นๆ น่าจะเป็นการกระทำของคนผู้นั้น”

โจวเจิ้งลี่ครุ่นคิด ในสมองมีเงาร่างที่อยู่ข้างหลี่เมิ่งถู่ที่หน้าวังเซียนในวันนั้นผุดขึ้นมา “ท่านหมายถึงคนที่ประตูทางเข้าวังเซียน ที่ไม่ใช่ดวงดาวแต่มีธรรมนูญคนนั้นหรือขอรับ”

“เป็นคนผู้นั้นแหละ” ซิงหวนจื่อเงยหน้าขึ้น สายตามองไปตามประตูตำหนัก มองออกไปยังท้องฟ้าภายนอก ในดวงตามีแสงเย็นยะเยือกเปล่งประกาย

“เรื่องข่าวลือ หากใส่ใจ ก็ยากที่จะพิสูจน์ตนเอง”

“และด้วยฐานะของข้าในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้”

“ดังนั้น ประเด็นสำคัญไม่ใช่ข่าวลือ แต่คือการหาคนผู้นั้นให้พบ!”

“นอกจากนี้ การลงมือครั้งนี้ของคนผู้นี้ ในความเป็นจริงก็เป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาบ้างแล้ว ในใจข้าก็พอจะมีทิศทางคร่าวๆ แล้ว”

สายตาของซิงหวนจื่อจับจ้องไปยัง…วังหนึ่งน้อยไร้ขอบเขตทางทิศตะวันออก!

“หวังว่าจะเป็นฐานะที่ข้าคาดเดาไว้ เช่นนั้นแล้ว ก็จะน่าสนใจทีเดียว”

ขณะพึมพำ ซิงหวนจื่อก็ลุกขึ้นยืน เดินออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

โจวเจิ้งลี่ที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นซิงหวนจื่อจะออกไป ก็กล่าวเสียงเบาว่า “ใต้เท้า สำหรับเรื่องนี้พวกเราจะรับมืออย่างไรหรือขอรับ”

ซิงหวนจื่อไม่ได้หันกลับมา ในเสี้ยวขณะที่เดินออกจากตำหนัก เสียงของเขาก็ดังมา “เดิมข้าก็ตั้งใจจะสร้างความเกรงขามให้กับคนพวกนี้ในช่วงเร็วๆ นี้อยู่แล้ว ใช้โอกาสนี้ย่อมดีขึ้นไปอีก”

“และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังความสามารถต่อหน้าข้าเสมอไป ด้วยสติปัญญาของเจ้า ย่อมรู้ดีว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดังนั้นเรื่องที่ข้าเคยสั่งเจ้าไว้ ก็ไปทำได้แล้ว”

ขณะกล่าว ร่างของซิงหวนจื่อก็หายไป

ส่วนภายในตำหนัก โจวเจิ้งลี่สีหน้าเป็นปกติ ยิ้มเล็กน้อย “ข่าวลือ จัดอยู่ในประเภทของแผนร้าย และวิธีการรับมือแผนร้าย ย่อมต้องเป็นแผนเปิดเผย”

“แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เฉียบคมไม่เก็บงำเช่นนี้ ย่อมต้องปิดบังความสามารถไว้”

……

เที่ยงตรง

นอกเตาหลอมกระบี่ ร่างของซิงหวนจื่อปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า กล่าวอย่างเรียบๆ ว่า “มีคนไม่อยู่ในระเบียบ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะขับไล่คนหนึ่ง เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง”

น้ำเสียงสงบนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจอันแข็งแกร่ง หลังจากกล่าวออกไปแล้ว ก็ไม่ได้สนใจระลอกคลื่นอารมณ์ของเชียนจวินและปี้อี้ในเตาหลอมกระบี่ หันหลังเดินจากไป

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ที่สถานที่ปิดด่านของโถงศึกษา สถานที่ที่หลี่เทียนเจียวอยู่

ใช้น้ำเสียงที่สงบนิ่งเช่นเดียวกัน กล่าวคำพูดเดียวกันออกมา

จากนั้น ก็เป็นตำหนักที่บุตรีของผู้นำเซียนจิ่วอั้นอยู่ ทั้ง 2 ไม่ได้พบกัน อริยะเซียนที่ 4 เพียงแค่ยืนอยู่นอกตำหนัก เอ่ยอย่างราบเรียบ

เสียงนั้นคนอื่นไม่ได้ยิน แต่กลับดังชัดเจนเข้าไปในจิตใจของบุตรีของผู้นำเซียนจิ่วอั้น

ในเสี้ยวขณะที่ใจของนางสั่นสะเทือน อริยะเซียนที่ 4 ก็จากไปไกลแล้ว

ไม่ใช่แค่คนเหล่านี้เท่านั้น ระหว่างทางที่จงฉือมุ่งหน้าไปยังตำหนักหนึ่งน้อยไร้ขอบเขต เงาร่างของอริยะเซียนที่ 4 ก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าเช่นกัน สายตาเย็นชาจับจ้องมายังร่างของจงฉือ

จงฉือใจหล่นวูบลง สีหน้าแสดงความเคารพออกมา ในยามที่กำลังจะโค้งคารวะ คำพูดของอริยะเซียนที่ 4 ก็ดังก้อง

จากนั้นก็จากไป มุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่น

ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ทั่วทั้งวังเซียน ทุกคนที่ซิงหวนจื่อระบุตัวตนได้แล้ว ต่างทยอยได้ยินคำพูดนี้ และสัมผัสได้ถึงความเฉียบคมที่ในคำพูดนั้น

นี่เป็นการบอกให้ผู้อื่นทราบอย่างชัดเจนว่า เขาอริยะเซียนที่ 4 คนนี้จะทำอะไร

ในคืนนี้!

ดังนั้น เที่ยงตรงผ่านไปพ้น อาทิตย์อัสดงลับขอบฟ้า

ท่ามกลางความสงบสุข ก็มีกระแสความมืดมิดเคลื่อนไหว

ในที่สุด ค่ำคืนก็มาเยือน

บนท้องฟ้าดวงดาวกะพริบระยิบระยับ ดวงจันทร์กระจ่างค่อยๆ ลอยขึ้น สาดทอส่องแสงเงินนุ่มนวล

ราวกับผ้าคลุมบางเบาหมอกโปร่งบาง ปกคลุมทั่ววังเซียน

ในยามค่ำคืนอันลึกล้ำนี้ ช่วยเพิ่มความลึกลับและความพร่าเลือนให้กับวังเซียนขึ้นอีกหลายส่วน ทำให้มันประเดี๋ยวเลือนรางประเดี๋ยวปรากฏ ราวกับภาพมายาในห้วงฝัน

ในภาพมายานั้น เสียงดนตรีเซียนจากตำหนักหนึ่งน้อยไร้ขอบเขตล่องลอย เหล่าเซียนหญิงร่ายรำอย่างงดงาม

ภายในเตาหลอมกระบี่ เชียนจวินและปี้อี้เงียบนิ่ง ระมัดระวังทุกทิศทาง

ในตำหนักรับรองแขกทิศใต้ บุตรีของผู้นำเซียนจิ่วอั้นเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่

ภายในตำหนักหนึ่งน้อยไร้ขอบเขต คืนนี้จงฉือไม่ได้กลับที่พัก แต่รออยู่หน้าตำหนัก

ราตรีค่อยๆ ดึกขึ้น

จนกระทั่งแสงจันทร์สุกสว่างยิ่งขึ้น ทำให้ราวบันไดหินอ่อนและกระเบื้องหยกของวังเซียนเปล่งประกายราวกับดวงดาวระยิบระยับนับไม่ถ้วน…

ภายในวังทัณฑ์อัสนีผู้รับผิดชอบการลงโทษอัสนี ขุนนางผู้ลงทัณฑ์ที่กำลังนั่งขัดสมาธิ ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ขุนนางผู้ลงทัณฑ์คนนี้เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเคร่งขรึมแน่วแน่ ท่าทางเปี่ยมไปด้วยอำนาจและความน่าเกรงขาม ในเสี้ยวขณะนี้เขาลุกยืนขึ้น ฝ่ามือเพียงพลิก ในนั้นก็มีแผ่นหยกแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้น

ภายในแผ่นหยกนี้ บันทึกแผนผังการทำงานของวังเซียน ตำแหน่งการผลัดเปลี่ยนเวรของแต่ละตำหนัก และยังมีรายงานข่าวของค่ายกลวังเซียน ที่สำคัญที่สุดคือ ข้อมูลความเคลื่อนไหวของอริยะเซียนทั้ง 3 อย่างละเอียด

เมื่อจ้องมองแผ่นหยกแผ่นนี้ ดวงตาของขุนนางผู้ลงทัณฑ์ก็มีประกายแสงเย็นฉายวาบขึ้น พึมพำเบาๆ “ได้ข้อมูลเหล่านี้มาก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าสร้างระลอกคลื่นการกบฏวังเซียนได้แล้ว”

“กบฏต่อวังแห่งนี้ ท่าทางระลอกคลื่นที่เกิดขึ้น จะทำให้กระบี่หักในกายข้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version