Skip to content

Outside Of Time 1158


บทที่ 1158 ใครเป็นหมาก ใครเป็นผู้วางหมาก

แสงราตรีดั่งสายน้ำเรืองรอง เปล่งประกายสีเงิน แผ่ปกคลุมเหนือวังเซียน

แต่ก็ไม่อาจปกปิดเสียงดนตรีเซียนจากวังร้อยบุปผาและหัวเราะพูดคุยของเหล่าหญิงงามได้

ล่องลอยมาตามสายลม

กระทบมาในหูของจงฉือที่อยู่ด้านนอกตำหนักหนึ่งน้อยไร้ขอบเขตและลอยเข้าไปในตำหนัก สวี่ชิงได้ยินมัน

สวี่ชิงเงยหน้า สายตาจับจ้องไปที่ร่างที่อยู่ด้านนอกตำหนัก

“จงฉือวันนี้ดูแปลกๆ…”

ในดวงตาของสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด

โดยปกติแล้วสหายศึกษาผู้นี้ส่วนใหญ่จะจากไปเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน เว้นแต่เขาจะมีแจ้งไว้เป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นแล้ว การติดตามเขาจนดึกขนาดนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

เมื่อคิดได้ดังนั้น สวี่ชิงก็ยกมือขึ้น หยิบกระดานหมากออกมา เอ่ยราบเรียบว่า “จงฉือ”

สหายศึกษาที่อยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินก็หันกลับมาทันที สาวเท้าก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็เข้าใกล้ประตูตำหนัก “นายน้อย บ่าวอยู่ตรงนี้ขอรับ”

สายตาสวี่ชิงจับจ้องไปบนกระดานหมาก กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “มาเดินหมากกับข้า”

“ขอรับ!” จงฉือรีบพยักหน้า เมื่อวิ่งมาถึงข้างหน้าสวี่ชิง สวี่ชิงก็หยิบหมากเม็ดหนึ่งวางลงบนกระดาน

หมากวางลง สายลมพัดหอบ

……

ลมหนาวในยามค่ำคืน โหมกระหน่ำกรีดหวีดไปในวังทัณฑ์อัสนี

ท่ามกลางสายลมขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนคนนั้น ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้น

“ฐานะของข้า น่าจะถูกผู้อื่นล่วงรู้แล้ว ดังนั้นร่องรอยต่างๆ ภายในวังทัณฑ์อัสนีวันนี้ ล้วนทำให้ข้ารู้สึกร้อนรนกดดัน อีกทั้งข้อมูลความเคลื่อนไหวของอริยะเซียนทั้ง 3 คนนั้น ก็เพิ่งจะได้รับในวันนี้”

ขณะที่เดินไปข้างหน้า ภายใต้สีหน้าที่ดูเหมือนปกติของขุนนางผู้ลงทัณฑ์ผู้นี้ มีความคิดที่แผ่ขยายวนเวียน

“ในความคลุมเครือ มีความรู้สึกราวกับว่าหากไม่ดำเนินการในคืนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

“เรื่องนี้แปลกประหลาด…”

ขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนหรี่ตา ในดวงตาฉายประกายแสงเย็นยะเยือก

“มีคนกำลังใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ บีบให้ข้าลงมือในวันนี้”

“เพราะข้อมูลที่ข้าถืออยู่พวกนั้น ล้วนมีช่วงเวลาที่เหมาะสม หากช้าไป ผลกระทบจะไม่เพียงพอต่อการก่อกบฏวัง และระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นก็จะไม่ตรงตามความต้องการของข้า”

“ดังนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไร การลงมือในคืนนี้ คือโอกาสสุดท้าย”

“รวมกับข่าวลือเมื่อไม่กี่วันมานี้…”

ขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนครุ่นคิด

“ผู้ที่ล่อเหยื่อคือผู้ที่ปล่อยข่าวลือ หรือคือคนที่อยู่ในข่าวลือ”

“หากเป็นอย่างหลังเป็นอริยะเซียนที่ 4 จริงๆ เช่นนั้นจุดประสงค์ของเขาย่อมเป็นการล่อผู้ปล่อยข่าวลือออกมา”

“แต่ก็เป็นไปได้ว่า ผู้ที่ปล่อยข่าวลือก็คืออริยะเซียนที่ 4 ผู้นี้เหมือนกัน ใช้เรื่องนี้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด คิดว่ามีผู้นำที่ประจันหน้ากับเขาอยู่คนหนึ่ง”

“ดังนั้น ภายใต้ความเข้าใจผิดนี้ จึงเกิดความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ขึ้น”

คิดถึงตรงนี้ ในดวงตาของขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนก็มีฉายประกายแสงเย็นวาบขึ้นทันที

“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในเมื่อวางแผนข้าเสียหลิงจื่อคนนี้รวมเข้าไปด้วย เช่นนั้น…”

เสี้ยวพริบตาต่อมา เขาจิตใจของเขาพลันสั่นไหว ความคิดถูกขัดจังหวะ ฝีเท้าก็หยุดชะงักตามไปด้วย

สีหน้าเปลี่ยนมาเคร่งขรึมทันที ก้มศีรษะโค้งคารวะข้างหน้า “ท่านอาจารย์”

เบื้องหน้าเขา ในยามค่ำคืน มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา

คนผู้นี้เป็นชายชรา สวมชุดนักพรตของวังทัณฑ์อัสนี แผ่รัศมีแห่งอำนาจโดยธรรมชาติ ตอนนี้เมื่อเดินออกมา สายตาจับจ้องไปยังขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนคนนี้ คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เจ้ารีบร้อนลนลานด้วยเรื่องอะไร”

หัวใจของขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนพลันตึงเครียด เนื่องจากผู้ที่อยู่ตรงหน้าคืออาจารย์ของร่างที่เขาสิงอยู่ อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลวังทัณฑ์อัสนี มีอำนาจมาก แม้ปกติจะเย็นชาต่อเขา แต่ความทรงอำนาจน่าเกรงขามในความทรงจำรุนแรงมาก

โดยเฉพาะเมื่อก่อนเคยมีอยู่ 2-3 ครั้งที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะสงสัยในตัวตนของเขาอยู่บ้าง

ในเสี้ยวขณะนี้จึงต้องรับมืออย่างระมัดระวัง

คิดถึงตรงนี้ขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนก็เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม “ท่านอาจารย์ ศิษย์เหลยกวงช่วงนี้พลังหยางมากเกินไป ตั้งใจจะไปบ่ออัสนีบาตเพื่อรวบรวมแสงอัสนีบาตราตรีมาปรับสมดุลวิชาอัสนีของตนเองสักหน่อยขอรับ”

ชายชราได้ยินดังนั้น สายตาคมกริบดุจสายฟ้า กวาดมองศิษย์ที่อยู่ข้างหน้าผู้นี้

ภายใต้สายตาของเขา ราวกับสามารถมองทะลุซึ่งทุกสิ่ง เมื่อเห็นว่าภายในร่างของศิษย์ผู้นี้มีสายฟ้าพลังหยางมากเกินไปจริงๆ จึงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยความหมายลึกซึ้งว่า “ช่วงนี้วังเซียนมีข่าวลือบางอย่าง แต่ในเมื่อผู้นำเซียนและเจ้าวังทั้งหลาย ตลอดจนเหล่าผู้อาวุโส ไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ข้าก็ไม่ได้ไปสืบสวนมากนัก”

“ส่วนเจ้า วันหน้าหากมีข้อมูลอะไร ก็บอกข้าได้”

พูดจบร่างของชายชราก็หลอมรวมเข้ากับความมืด หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคน ก้มหน้าตอบรับ รออยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ก้าวเดินจากไป ค่อยๆ เดินจากไปไกล

จนกระทั่งร่างของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ ในราตรีมืด เงาร่างของชายชราผู้ดูแลวังทัณฑ์อัสนี ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จ้องมองไปยังที่ไกล สายตาลึกซึ้ง

……

สายตาที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้ขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนรู้สึกกดดันอย่างมาก

แต่โชคดีที่ไม่นานนัก สายตาก็หายไป

นี่ทำให้เขารู้สึกโล่งอก ก้าวเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมายปลายทางคือค่ายกลส่งข้ามระยะไกลที่อยู่ข้างบ่ออัสนี

เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการเปิดค่ายกล เขาถือเอาไว้หมดแล้ว

ดังนั้นคืนนี้ขอเพียงแค่เขาเดินเข้าไปในค่ายกลส่งข้าม เปิดใช้งานและจากไป ก็จะส่งข่าวออกไปได้

ใช้เรื่องนี้เป็นพื้นฐานของการก่อกบฏวัง

นี่คือวิถีของเขา เขาต้องก่อกบฏวังที่นี่ แม้จะฝ่าฝืนประวัติศาสตร์ แต่หากทำสำเร็จ แม้ประวัติศาสตร์นี้จะเป็นเพียงภาพสะท้อนก็ไม่เป็นไร

ซากกระบี่ของวิเศษธรรมนูญในร่าง จะได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างมหาศาล สามารถเปิดพลังได้อย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น

“แต่เงื่อนไขคือ ข้าต้องรอดออกไป!”

ขณะครุ่นคิด เขาก็เข้าใกล้บ่ออัสนีมากขึ้นเรื่อยๆ

และจากระยะที่เข้าใกล้มา ระลอกคลื่นกาลอวกาศกลุ่มหนึ่งที่มีเพียงมีธรรมนูญแห่งกาลอวกาศเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราวกับคบเพลิงในยามค่ำคืน

ปรากฏในสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ วางหมากในมือลงบนกระดาน

เขาไม่รู้เรื่องที่อริยะเซียนที่ 4 จะทำในคืนนี้ แต่ความผิดปกติของหลี่เมิ่งถู่ทำให้เขาครุ่นคิด

นอกจากนี้ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาก็กำลังรอปฏิกิริยาของอริยะเซียนที่ 4 ต่อข่าวลือ

และในเสี้ยวขณะนี้ เกิดระลอกคลื่นกาลอวกาศระดับนี้…

สวี่ชิงก็พลันเอ่ยปาก “จงฉือ เจ้าไปเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า เดินหมากกับข้าถึงได้ดูเหมือนใจไม่สงบเช่นนี้”

จงฉือเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ลังเลเล็กน้อย จากนั้นสังเกตเห็นว่านายน้อยที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กวาดตามองตน เขาก็หัวเราะอย่างขมขื่น “ปกปิดนายน้อยไม่ได้เลยจริงๆ ด้วย เฮ้อ…เมื่อวานข้าสารภาพรักกับเสี่ยวฮุ่ยวังครองวิญญาณ แม้นางไม่ปฏิเสธ บอกว่าจะขอคิดดูก่อน ดังนั้น…ข้าจึงกังวลเรื่องนี้ตลอดขอรับ”

สวี่ชิงยิ้มเล็กน้อย โบกมือ “เอาล่ะ ในเมื่อใจเจ้าไม่สงบ ก็ไม่ต้องเดินหมากต่อแล้ว เจ้าไปเชิญอริยะเซียนที่ 4 มาดีกว่า ยังเป็นเดินหมากกับอริยะเซียนที่ 4 สนุกกว่า”

จงฉือได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ลังเลอีกครั้ง เขาไม่ได้คิดมาก เพราะในความทรงจำ นายน้อยผู้นี้กับอริยะเซียนที่ 4 มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก อีกทั้งในอดีตก็มักจะเล่นหมากด้วยกันเสมอ

เพียงแต่ตอนนี้ผู้นำเซียนจี๋กวงกำลังจะรับตำแหน่ง ทั้งวังเซียนเหลือเพียงอริยะเซียนคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเรื่องจึงเปลี่ยนไปมาก ถึงได้ไม่เหมือนปกติ

‘นี่บางทีอาจจะเป็นโอกาส…หากสามารถทำให้คนผู้นี้เข้าร่วมกับการทำลายเรื่องของอริยะเซียนที่ 4 ได้ เช่นนั้นก็น่าสนใจทีเดียว’

ในใจของจงฉือมีความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้น สีหน้าฉายความลังเล

“มีอะไรอีก” สวี่ชิงขมวดคิ้ว

“นายน้อย วันนี้อริยะเซียนอาจจะไม่มีเวลา…” จงฉือรีบเอ่ยปาก

สวี่ชิงมองไปยังจงฉือ

ความคิดในสมองของจงฉือหมุนอย่างรวดเร็ว คำพูดก็เอ่ยต่อไป “นายน้อย ข้าได้ยินมาว่าอริยะเซียนคืนนี้จะทำเรื่องใหญ่อะไรบางอย่างขอรับ”

สวี่ชิงชะงักไป “เจ้าได้ยินใครพูดมา ทำเรื่องใหญ่เรื่องอะไร”

“ข่าวลือระหว่างศิษย์ด้วยกัน เมื่อเร็วๆ นี้ไม่ใช่มีข่าวลือหรือขอรับ จากนั้นก็มีข่าวมาจากจวนอริยะเซียน ว่าอริยะเซียนจะไปจับคนบางคนในคืนนี้” จงฉือจัดระเบียบคำพูดอย่างระมัดระวัง

สวี่ชิงได้ยินดังนั้น รอยยิ้มก็ค่อยๆ จางหายไป ในดวงตามีประกายคมกริบผุดขึ้น

“ข่าวลือเป็นสิ่งที่เลือนราง ไร้แก่นสาร จะเชื่อได้อย่างไร! อีกทั้งผู้ที่ปล่อยข่าวลือเอง มักจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่สี่ของข้า”

“และศิษย์พี่สี่ทำเพื่อวังเซียน ย่อมมีคนไม่พอใจ ใช้เรื่องนี้ใส่ร้าย! เรื่องนี้เดิมข้าก็คิดว่าทุกคนก็แค่หัวเราะแล้วผ่านไป ไม่คิดว่าจะยังพูดถึงกันอยู่!”

“พรุ่งนี้เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่งข้า ในวังเซียน ห้ามไม่ให้มีข่าวลือเช่นนี้อีกเด็ดขาด โดยเฉพาะเจ้าด้วย ระวังปากของตนเองให้ดี!”

สวี่ชิงตำหนิ

จงฉือถอนหายใจในใจ และภายใต้การรับรู้กับแนวคิดที่เขาคุ้นเคยมาโดยตลอด เขาย่อมมองออกว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ คิดเช่นนั้นจริงๆ

ดังนั้นในใจจึงรู้ดีว่า คิดจะยืมมือนายน้อยไปทำลายเรื่องของอริยะเซียนที่สี่นั้นยากเกินไป

ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าตอบรับ

สวี่ชิงถึงได้สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย สายตากวาดตามองจงฉือ เอ่ยราบเรียบว่า “แต่ว่า เจ้าเองก็ข่าวสารรวดเร็วมาก ชอบสืบเสาะข่าวสารนักหรือ”

จงฉือตกใจ รีบเอ่ยปาก “เพื่อรับใช้นายน้อย ต้องมีไหวพริบอยู่บ้างล่ะขอรับ!”

สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “เอาล่ะ เจ้าติดตามข้ามาหลายปี นิสัยของเจ้าข้ารู้ดี ช่วงนี้เจ้าเองก็ลำบากจริงๆ ข้าเห็นใบหน้าของเจ้าช่วงนี้ซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ กลับไปพักผ่อนให้ดี ส่วนเสี่ยวฮุ่ยนั้น พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปช่วยเจ้า”

จงฉือทำท่าทางซาบซึ้งใจ คำนับอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็จากไปพร้อมกับความเสียใจในใจ

เมื่อมองเห็นเงาหลังของจงฉือ สวี่ชิงก็หรี่ตาลง สายตาเคลื่อนไปมองทิศทางที่บ่ออัสนีตั้งอยู่

ที่นั่นคือบริเวณกาลอวกาศในสัมผัสรับรู้แผ่ระลอกรุนแรงขึ้น

ตอนนี้ระลอกคลื่นนี้ในสายตาของสวี่ชิง ราวกับทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำ

“ท่าทาง นี่คือการตอบสนองที่อริยะเซียนที่ 4 มอบให้ข้า”

“มีคนกำลังเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อยู่ที่นั่น”

“เช่นนั้น ข้าจะไปหรือไม่ไป…”

“ถ้าไม่ไป หากอริยะเซียนที่ 4 ขัดขวางได้สำเร็จ ทำให้ความเป็นระเบียบเรียบร้อยคงอยู่ เช่นนั้นก็หมายความว่าหินในมือของข้าน้อยลงไป 1 ก้อน

สวี่ชิงครุ่นคิด มองไปที่หมากที่เหลืออยู่บนกระดาน

หยิบหมากเม็ดหนึ่งขึ้นมา วางลงด้วยตนเอง

และลมยามราตรีภายนอก ในเสี้ยวขณะนี้ก็พัดโหมกระหน่ำยิ่งขึ้น

ในกระดานหมากคลุมเครือ มีคน…กำลังวางหมากเช่นกัน

ดังนั้นร่างของขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนพุ่งทะยานไปในสายลมอย่างรวดเร็ว

ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านบ่ออัสนีบาตไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังค่ายกลส่งข้ามอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตาก็ใกล้เข้ามาแล้ว

แต่ในเสี้ยวพริบตาที่เขาเดินเข้าสู่บริเวณของค่ายกล ทั่วทุกทิศก็พลันสั่นสะเทือน คล้ายมีผนึกไร้รูปร่างปกคลุมอยู่ที่นี่

ความหนาวเหน็บกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งมาจากภายนอกกายเขาในทันที เพียงพริบตาก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง กลายเป็นจิตสังหารอันคมกริบ ปิดกั้นจิตใจของเขา

สิ่งที่มาพ้อมกันคือเสียงที่สงบนิ่ง

“เสียหลิงจื่อ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”

ในความว่างเปล่า โซ่เหล็กที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นระเบียบมากมายปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ ล้อมรอบทุกทิศทาง และตรงกลางของโซ่เหล็กเหล่านี้ ร่างของอริยะเซียนที่ 4 กำลังเหยียบย่างมาบนโซ่เหล็กทีละก้าวๆ

จากการเข้ามาใกล้ พลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวสะท้านสะเทือนฟ้าดิน

โซ่เหล็กนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือน ส่งเสียงกระทบกันระรัว

และเสียงเหล่านี้ ก็ราวกับคำพูดแห่งความเป็นระเบียบของโลกนี้ ทำให้กาลอวกาศที่ปั่นป่วนสงบลง ทำให้เรื่องอย่างที่สูญเสียระเบียบกลับคืนสู่หนทางเดิม

“ซิงหวนจื่อ!” ขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “แม้ธรรมนูญของเจ้า กับธรรมนูญของอริยะเซียนที่ 4 จะเป็นวิถีเดียวกัน เช่นนั้นแล้วอย่างไร!”

แทบจะในเสี้ยวพริบตาเดียวกับที่คำพูดของขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคนเปล่งออกมา ปราณกระบี่อันคมกริบก็พลันปะทุขึ้นจากภายในร่างของเขา อยู่ที่ด้านหลังของเขา กระบี่เหล็กผุพังเล่มหนึ่งปรากฏออกมา

ทันทีที่ปรากฏขึ้น จิตสังหารอันไร้เทียมทานก็พลุ่งพล่าน

ขณะเดียวกัน ในเสี้ยวขณะที่ทั้ง 2 ลงมือ ในวังทัณฑ์อัสนี อาจารย์ของขุนนางผู้ลงทัณฑ์วัยกลางคน…ชายชราผู้ดูแลคนนั้น ในเสี้ยวขณะนี้ดวงตามีประกายแสงเย็นฉายวาบขึ้น ทอดสายตามองไปยังทางที่ค่ายกลส่งข้ามตั้งอยู่

มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มอันเหี้ยมโหด พึมพำเบาๆ “ซิงหวนจื่อ เจ้ากำลังล่อเหยื่อ ไม่รู้ว่าจะรู้หรือไม่ว่า ข้ากำลังล่อเจ้าออกมาเช่นกัน!”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version