Skip to content

Outside Of Time 1159


บทที่ 1159 เจ้ายอมเผยตัวดังคาด

ตอนนี้สายตาทั้งหมดจับจ้องค่ายกลเคลื่อนย้าย

เมื่อมองจากภายนอก สิ่งที่เห็นล้วนปกติ ค่ายกลยังเหมือนเดิม ไม่เห็นเงาร่างเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์กับอริยะเซียนที่ 4

ที่นี่ถูกค่ายกลเฉพาะของอริยะเซียนที่ 4 กับคลื่นกาลอวกาศตัดขาด

ต่อให้มีคนสังเกตเห็น แต่ผู้สังเกตเห็นที่นี่ย่อมต่างจากคนทั่วไป ก่อนอริยะเซียนที่ 4 มาเยือนได้แจ้งล่วงหน้าแล้ว เพื่อรับประกันการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเขาอย่างเหมาะสม

ดังนั้นความสงบซึ่งเห็นจากภายนอกล้วนเป็นภาพมายา หากมีคนก้าวเข้าอาณาเขตตอนนี้ย่อมได้ยินเสียงระเบียบราวอัสนีบาตดังข้างหูทันที

เหนือค่ายกลเงาร่างอริยะเซียนที่ 4 เปี่ยมอานุภาพดุจสายรุ้ง ความน่าเกรงขามล้นฟ้า สิ่งที่สายตาเขาจับจ้องคล้ายการกระทำคลาดเคลื่อนทั้งหมดต้องกลับสู่วงจรเดิม

เสียงที่เปล่งออกมากลายเป็นสสาร วิวัฒน์เป็นอักขระทอแสงเงินส่องประกายรายรอบเขา ก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่ทันที

แสงเงินวาวระยับ ส่องสะท้อนฟ้าดินจนสว่างไสว

ราวกับช่วงกลางวัน

นี่คือ… ทำนองเต๋าเปลี่ยนเป็นระเบียบ!

เมื่อค่ายกลโคจร เมื่อแสงส่องประกาย บัญญัติอริยะเซียนที่ 4 พลันปะทุ กำราบสรรพสิ่ง พลิกอานุภาพกับความน่าเกรงขามทั้งหมด

ราวทะเลสวรรค์สยบปฐพี

มุ่งตรงหา… เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคน

อานุภาพกดดันทำลายล้าง รวมถึงกลิ่นอายราวย้ายภูเขาคว่ำสมุทร ทำให้เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนเหมือนอยู่บนเรือโดดเดี่ยวกลางทะเลคลั่ง ซวนเซท่ามกลางเสียงทะเลคำราม

แต่นัยน์ตาเขาไม่ฉายแววถอยร่น กลับมีเจตจำนงต่อสู้เด่นชัด กระบี่หักมหึมาราวมายาด้านหลังยิ่งแผ่กลิ่นอายดุดัน

เมื่อทิ้งตัวลงตรงค่ายกลสีเงินกว้างใหญ่ หน้าเขามีเส้นเลือดโปนทันที หน้าตาคล้ายภูตผีรางๆ ดูเหี้ยมเกรียมแปลกประหลาด ชวนสยองหาใดเปรียบ

มือที่เงื้อขึ้นพลันสัมผัสกับค่ายกล

เพียงพริบตากระบี่หักชั้นยอดด้านหลังเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนส่งเสียงครวญสะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา เห็นชัดว่าแสงแผ่ซ่านตรงส่วนที่บิ่นอย่างรวดเร็ว คล้ายกำลังซ่อมเสริม

สมบูรณ์ชั่วพริบตา กระบี่เงื้อขึ้นตามมือเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ ฟาดฟัน… ค่ายกลที่เป็นสื่อแทนระเบียบ

ค่ายกลกับกระบี่หัก ปะทะกันกลางฟ้าดินทันที

เสียงดังครั่นครื้นอึกทึกสนั่นหู

แม้ว่าค่ายกลระเบียบแข็งแกร่ง แต่กระบี่หักดุดันกว่า คล้ายบ้าระห่ำเหนือกฎเกณฑ์ ต่อให้เจ้ามีระเบียบปกคลุม กระบี่ข้าย่อมทลายเวิ้งฟ้าได้!

ท่ามกลางเสียงกัมปนาท ค่ายกลแหลกละเอียด กลายเป็นสะเก็ดนับไม่ถ้วน

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ตัวสั่น กระอักเลือดคำโต เห็นชัดว่าเพียงพริบตาร่างกายอ่อนแอลงไม่น้อย คล้ายว่าชีวิตรวมถึงจิตวิญญาณถูกกระบี่หักพรากไป

นี่คือค่าตอบแทนจากการขับเคลื่อนกระบี่หัก

แต่ตอนนี้เห็นชัดว่าเขาไม่สนเรื่องพวกนี้ ถือโอกาสยามกระบี่ทลายค่ายกลระเบียบ เขาพลันพุ่งตัวเข้าใกล้ขอบค่ายกล

กำลังจะย่างเหยียบ

แต่แผนการของอริยะเซียนที่ 4 ไหนเลยจะมีแค่นี้

เมื่อครู่เพียงเปล่งวาจาเท่านั้น

ตอนนี้เห็นเพียงอริยะเซียนที่ 4 กลางอากาศ สีหน้านิ่งสงบ ไม่มีคลื่นความรู้สึก ยกมือขวาขึ้นเหวี่ยง

เมื่อสะบัดมือคราหนึ่ง โซ่เหล็กทั่วทิศราวอสรพิษเงินทันที ทั้งหมดแหวกอากาศ เกี่ยวพันกลางฟ้าดิน ก่อตัวเป็นค่ายกลกว้างใหญ่กว่าเดิม

ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาย อานุภาพ พลังกดดัน ความเจิดจรัส รวมถึงความซับซ้อน ทั้งหมดล้วนเหนือกว่าก่อนหน้า

โซ่เหล็กเรียงตัวกัน

หลังจากปรากฏพลันมุ่งตรงหาเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์

เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์หน้าเปลี่ยนสี

แม้ว่าเขาไม่เคยประมือกับซิงหวนจื่อ แต่ทราบว่าซิงหวนจื่อแข็งแกร่ง ถึงอย่างไรก็เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับ 1 แห่งแดนดาราตะวันออก

แต่กร้าวแกร่งถึงขั้นนี้ ทำให้ในใจเขาอดปั่นป่วนไม่ได้

แต่ตอนนี้กลับไม่มีทางเลือกอื่น

นัยน์ตาเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ฉายแววอำมหิต หน้าตาบิดเบี้ยว ยามเส้นเลือดบนหน้าปรากฏ ใบหน้าคล้ายภูตผีเข้ามาแทนเครื่องหน้าทั้ง 5 ราวเปลี่ยนเป็นอีกคน ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายชวนประหวั่น

เขาทิ้งตัวลงกลางค่ายกลพร้อมเสียงคำรามแผ่วต่ำ เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์เงื้อมือทั้ง 2 ข้าง คว้ากระบี่หักด้านหลังทันที ให้กระบี่หักดูดซับชีวิตตนเต็มที่ ก่อนฟันค่ายกลอีกครั้ง

เวิ้งฟ้าพลันมืดมิด

อานุภาพจากกระบี่หักเรียกว่าเป็นเลิศ เมื่อสัมผัสค่ายกล ทั้ง 2 ฝ่ายถึงขั้นชะงักค้างชั่วขณะ

ทว่าไม่นานปลายกระบี่ส่องประกาย ทะลวงผ่านค่ายกล

แต่… มีเพียงปลายกระบี่เท่านั้น

ใช่ว่ากระบี่หักเปล่าประโยชน์ แต่เป็นผู้ครองกระบี่ยืนหยัดไม่ไหว ตอนนี้กระอักเลือดแดงสด ร่างแห้งเหี่ยวรวดเร็ว

ส่วนอริยะเซียนที่ 4 ด้านหลังค่ายกล ท่าทางนิ่งสงบตั้งแต่ต้นจนจบ

ตอนนี้มองเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์นอกค่ายกลด้วยสายตาเย็นชา ก่อนยกมือสะบัด

พลังยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาจากค่ายกล

เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์สั่นสะท้านทั้งตัว ภายใต้พลังยิ่งใหญ่ร่างกายพลิกตลบ หล่นลงกับพื้น เลือดออก 7 ทวาร

กระบี่หักกระเด็นออกจากมือโดยไม่อาจควบคุม ปักลงพื้น ส่งเสียงครวญแฝงความเสียดาย

ทุกอย่างจบแล้ว

“พลังต่อสู้เช่นนี้ สู้กับโจวเจิ้งลี่มาหลายปี ดูท่าว่าความสามารถซ่อนแฝงของโจวเจิ้งลี่คงฝึกปรือจนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว” อริยะเซียนที่ 4 กล่าวราบเรียบ สายตามองร่างเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์บนพื้น ยกมือขวาขึ้นเหวี่ยงกลางอากาศ

ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ดิ้นรนอย่างไรล้วนเปล่าประโยชน์ ร่างกายถูกพลังมหาศาลสยบ ล่องลอยกลางอากาศ

ขณะเดียวกันโซ่ระเบียบมากมายมาจากทั่วทิศ พันรอบตัวเขา

ทั้งมีอักษรบัญญัติซึ่งวิวัฒน์จากเสียงเอ่อล้นตัวเขา กลายเป็นประทับมากมาย

“ในเมื่อเจ้าไม่เชื่องเชื่อ ข้าจะชิงจิตสำนึกเจ้าที่มาเยือนโลกนี้ ส่งเจ้ากลับไปแล้วกัน” อริยะเซียนที่ 4 กล่าวราบเรียบ บัญญัติระเบียบพลันปะทุ

บัญญัติเขาเหนือธรรมดา หลังจากมาเยือนโลกชั้น 4 ไม่รู้ว่าเป็นรางวัลของผู้รักษากฎ หรือด้วยบัญญัติเจ้าของร่างกับเขามาจากแหล่งเดียวกัน

ทำให้เขามีพลังทำลายล้าง!

อาศัยบัญญัติระเบียบสลายจิตสำนึกอีกฝ่าย

ตอนนี้เมื่อระเบิดพลัง ราวกับชำระล้าง

เจ้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนซึ่งถูกพันธนาการกลางอากาศตัวสั่นสะท้านทันที ส่งเสียงหวีดร้องโหยหวน

บัญญัติระเบียบแล่นผ่านตัวเขา กำจัดร่องรอยทั้งหมดของเสียหลิงจื่ออย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนไม่นานนัก ครู่ต่อมา…

การชะล้างเสร็จสิ้น จิตสำนึกดับสลาย

เจ้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนสิ้นลม ร่างกระแทกลงกับพื้น

กระบี่เหล็กข้างกายซ่านสลาย

ภาพนี้ทำให้สีหน้าซึ่งไม่เคยแปรเปลี่ยนของซิงหวนจื่อเปลี่ยนผัน

‘ระเบียบข้าไม่มีเจตนาฆ่าคน โดยปกติเมื่อจิตสำนึกเสียหลิงจื่อซ่านสลายถูกขับออกไป คนผู้นี้ย่อมกลับมาเป็นปกติ แต่คนผู้นี้… กลับตายแล้ว?’

ซิงหวนจื่อเงียบไป จากนั้นค่อยเงยหน้ามองไกลๆ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็น

‘มีคำอธิบายเดียว’

‘คนนี้คือเสียหลิงจื่อ ทั้งไม่ใช่เสียหลิงจื่อ!’

‘กล่าวอย่างถูกต้องคือคนที่คิดว่าตัวเองคือเสียหลิงจื่อ ความเข้าใจหยั่งรากลึก กระบี่เหล็กติดตัวเป็นของจริง ดังนั้นเลยเข้าใจผิด’

‘กระทั่งสิ้นชีพ เขายังคิดว่าตัวเองคือเสียหลิงจื่อ ดังนั้นเมื่อขับออกไป ‘เสียหลิงจื่อ’ ตาย เขาก็ตาย’

‘เพราะร่องรอยขับไล่เสียหลิงจื่อมีเขาด้วย!’

‘เสียหลิงจื่อตัวจริงยังอยู่!’

สีหน้าอริยะเซียนที่ 4 อึมครึมทันที

คนวางหมากมากนัก

เหมือนคนตกปลารอบสระย่อมไม่ได้มีแค่คนเดียว

กระดานหมากนี้สวี่ชิงเป็นคนวาง อริยะเซียนที่ 4 กับคนอื่นก็กำลังวางหมากเช่นกัน

เมื่อฝึกบำเพ็ญถึงระดับเดียวกับพวกเขา ไม่มีทางที่จะเป็นพวกวางแผนเรียบง่าย ต่อให้เป็นก็ทำเพื่อพรางตัว

แค่เปลือกนอกเท่านั้น

ใครหลงเชื่อจริง นั่นย่อมห่างจากภาวะกายสิ้นมรรคสลายไม่ไกลแล้ว

ไม่ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมหรือแผนซึ่งหน้า ไม่ว่าวางหมากหรือตกปลา ทั้งหมดล้วนมีวิธีรับมือ

นัยน์ตาซิงหวนจื่อฉายแววล้ำลึก

แม้ว่าแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่เขากำราบได้เหมือนกัน

ต่อให้เกิดข้อผิดพลาด เขาก็สามารถปรับได้

ดังนั้นจึงยกมือคว้าไปตรงส่วนที่กระบี่เหล็กหายไป

กลิ่นอายต่างจากระเบียบสายหนึ่งมาเยือนทันที

นี่คือกลิ่นอายของกระบี่หัก เขาสามารถจับตำแหน่งเจ้าของกระบี่หักผ่านกลิ่นอายนี้ ตามหาเสียหลิงจื่อตัวจริงได้

ทว่าเวลาซึ่งกลิ่นอายดำรงอยู่กลับไม่นานนัก กำลังซ่านสลายอย่างต่อเนื่อง

‘เวลาเพียงพอ แค่ฆ่าอีกครั้งก็จบ!’

นัยน์ตาอริยะเซียนที่ 4 จิตสังหารพลุ่งพล่าน ร่างวาบไหวมุ่งหน้าไปยังจุดชี้นำ แต่ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงประหลาดพลันปรากฏ!

ฟ้าดินเปลี่ยนสีฉับพลัน

ห้วงมิติซึ่งค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ เวิ้งฟ้าเกิดมรสุม ดินทรายบนพื้นลอยกลางอากาศ ผสานรวมตัดสลับกับมรสุมเป็น…พายุทราย

ประชิดเข้ามาชั่วพริบตา ขวางทางไม่ให้อริยะเซียนที่ 4 จากไป

เสียงกัมปนาทล้นฟ้า อริยะเซียนที่ 4 ชะงักเท้า เขายืนกลางอากาศ ผมยาวพลิ้วไหว เสื้อผ้าสะบัดโบก นัยน์ตาฉายแววดุดัน

สิ่งที่เห็นคือเงาร่างก้าวออกมาจากเวิ้งฟ้ากว้างใหญ่อบอวลด้วยพายุทราย

คนผู้นี้สวมชุดดำ ใบหน้าพร่ามัวถูกบดบัง ได้แค่สังเกตรูปร่างว่าเป็นชาย

แต่ทุกอย่างปลอมแปลงได้ ภายนอกยากอธิบาย

เมื่อจ้องมองคนผู้นี้ เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายแปลกใหม่ นัยน์ตาอริยะเซียนที่ 4 ฉายแววล้ำลึก เอ่ยปากช้าๆ “เจ้ายอมเผยตัวดังคาด”

ครั้งนี้เป้าหมายเขามี 2 อย่าง อย่างหนึ่งคือกำราบเสียหลิงจื่อ จัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง อีกอย่างคือ… ล่อคนเบื้องหลังที่แพร่ข่าวลือออกมา

ในเมื่ออีกฝ่ายเพ่งเล็งตนก็เป็นไปได้ว่าอุดมการณ์ต่างกัน ไม่ใช่ฝ่ายรักษาระเบียบ ถ้าเป็นเช่นนี้…หากเสียหลิงจื่อล่ออีกฝ่ายออกมาไม่ได้ ตนย่อมพลิกสถานการณ์กลับมาได้ครั้งหนึ่ง

หากมา…ย่อมเผยร่องรอย ถูกตนเพ่งเล็งและพิสูจน์

นี่เป็นสถานการณ์ซึ่งทำให้อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก

ตอนนี้แม้ว่าอีกฝ่ายเผยตัว แต่เวลาไม่เหมาะนัก ถือเป็นช่วงที่เขาต้องตามหาเสียหลิงจื่อ

ดังนั้นนัยน์ตาอริยะเซียนที่ 4 จึงส่องประกาย ร่างวาบไหวคิดออกจากที่นี่ เขาต้องกำราบเสียหลิงจื่อก่อน

อย่างไรกลิ่นอายกระบี่หักก็กำลังซ่านสลาย สิ่งสำคัญยิ่งคือเห็นชัดว่าเสียหลิงจื่อกำลังตกปลา ใช้ร่างปลอมมาล่อตน

อาศัยจังหวะก่อกบฏยามตนไม่อาจแก้สถานการณ์ทันท่วงที

ดังนั้นเลยรอช้าไม่ได้

แม้อริยะเซียนที่ 4 ไม่อยากต่อสู้ แต่คนชุดดำกลางอากาศย่อมไม่ปล่อยให้เขาสมปรารถนา

เกือบชั่วพริบตายามอริยะเซียนที่ 4 เคลื่อนตัว คนชุดดำยกมือสะบัด พายุทรายบนเวิ้งฟ้าส่งเสียงอึกทึกดังสนั่นทันที สร้างมายาดวงตามหึมา 2 ข้าง

ดวงตานั้นเป็นสีเทา

เย็นชาไร้ปรานี ชั่วพริบตายามจ้องมองอริยะเซียนที่ 4…

อริยะเซียนที่ 4 ตัวแข็งทื่อ

เขาสัมผัสได้ชัดเจน ยามตนถูกสายตานี้จับจ้อง ร่างกายเหมือนปกติ แต่จิตสำนึกเหมือนแยกจาก คล้ายกำลังเปลี่ยนเป็นดินทรายนับไม่ถ้วน

แต่ละเม็ดมีเจตจำนงเฉพาะกำลังปรากฏ

‘น่าสนใจอยู่บ้าง…’

แววตาอริยะเซียนที่ 4 วาววาบ กดมือขวาไปข้างหน้า โซ่เหล็กมากมายแหวกอากาศทันที รายล้อมหน้าเขาเป็นวังวน ในวังวนมีโลงศพสีเงิน 13 โลงลอยออกมา

โลงศพทั้ง 13 มีเล็กใหญ่ เมื่อปรากฏกลิ่นอายระเบียบเข้มข้นพลันปะทุ

แต่กลับไม่เปิดออก

แม้ว่าซิงหวนจื่อแฝงร่างอริยะเซียนที่ 4 แต่อาศัยจิตสำนึกเขา พลังก็ยังไม่ถึงขั้น

นี่คือทักษะแท้จริงของอริยะเซียนที่ 4 !

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version