Skip to content

Outside Of Time 1160


บทที่ 1160 สถานการณ์นี้ยากแก้ไข!

สิ่งที่อริยะเซียนที่ 4 ฝึกคือบัญญัติระเบียบ หลายปีนี้จึงยึดผู้ร่วมวิถีเป็นหลัก สังหารผู้ร่วมวิถีระเบียบที่เป็นคู่แข่งทั้งหมด

หลอมรวมเป็นบัญญัติตน

เพื่อรับรองความเป็นหนึ่งเดียวด้านวิถีระเบียบของตน

นอกจากว่าเขาจะตาย ไม่อย่างนั้นทั่วหล้าไม่มีใครชิงบัญญัติระเบียบได้

ตอนนี้ 13 บัญญัติปรากฏ แต่มีเพียงเสียงทำนอง 3 สายดังออกมาจากโลงศพ สะท้อนก้องกลางฟ้าดิน

“ที่นี่ห้ามมีลม!”

เมื่อเสียงดังขึ้น ลมกลางฟ้าดินหายไปชั่วพริบตา!

ทรายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากฟ้า

“ที่นี่ห้ามมีทราย!”

เมื่อเสียงดังก้อง ดินทรายสาบสูญ หายไปทันที

มีเพียงคนชุดดำยืนกลางอากาศ นัยน์ตาหดรัด

“ที่นี่นอกจากข้าแล้ว ห้ามมีคนนอกกาลอวกาศ!”

นี่คือประโยคที่ 3 ทั้งเป็นเสียงสุดท้าย

เมื่อเสียงดังก้อง พลังชวนประหวั่นลงมาจากฟากฟ้า คล้ายคิดชะล้างสรรพสิ่ง ขจัดสิ้นทุกอย่าง

ยามสัมผัสตัวคนชุดดำ คนชุดดำตัวสั่นสะท้าน ยามร่างกายสั่นคลอน จิตสำนึกเหมือนถูกแยกออกไป

ความรู้สึกนี้ทำให้นัยน์ตาเขาแดงก่ำ หัวเราะฉับพลัน

เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแฝงความหยามเหยียด

“เจ้าไม่ใช่อริยะเซียนที่ 4 ตัวจริง ทั้งไม่ใช่เจ้าแห่งวังเซียน บัญญัติเจ้าไม่อนุญาตแล้วห้ามได้หรือ”

ขณะกล่าวร่างคนชุดดำเกิดเสียงกระหึ่ม แหลกสลายทันที ยามกระจายเป็นเสี่ยงยังเปลี่ยนเป็นดินทรายที่ห้ามดำรงอยู่ เมื่อฝืนปรากฏตัว ฟ้าดินโดยรอบยิ่งแปรเปลี่ยน

ขณะเดียวกันตรงตำหนักน้อย สวี่ชิงคว่ำกระดานหมาก ตัวหมากนับไม่ถ้วนกระจายลงพื้น

เสียงดังก้องตำหนัก

คล้ายแปรเปลี่ยนฟ้าดิน

โลกเดียวที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายกลายเป็นทะเลทราย!

ทรายเหลืองสลับทับซ้อน ทอดยาวเหลือคณา

ท่ามกลางความรางเลือน บนทะเลทรายเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นตวัดวาด

เพียงพริบตามีอินทรีผงาด สยายปีก 2 ข้าง ส่งเสียงหวีดแหลม มุ่งตรงมาทางอริยะเซียนที่ 4

เพียงพริบตามีแรดปรากฏ แหงนมองฟ้าคำรามเสียงต่ำ ห้อตะบึงไป

เพียงพริบตาเงาร่างมากมายราวขุนพลสวรรค์ทยอยก่อเกิด จิตสังหารล้นฟ้า

นี่เหมือนภาพวาดทรายทยอยปรากฏ!

ครู่ต่อมาตะวันสาดส่อง ใช้ทะเลทรายเป็นกระดานวาดภาพ มือไร้รูปสร้างลวดลาย ในนั้นแฝงเงาเทพสุริยัน

จากนั้นจันทร์กระจ่างลอยเด่น เทพจันทราจ้องมองฟ้าดิน

อักขระปรากฏบนผืนทราย อธิบายเรื่องราว อาศัยเรื่องราวเป็นสื่อนำเงาร่างหนึ่ง

ไม่ใช่แค่นี้ ภาพวาดทรายแปรเปลี่ยนอีกครั้ง

ร่างนั้นถือกระบี่ คล้ายภาพมายา เจตกระบี่ล้นฟ้า สั่นคลอนทั่วทิศ

สุดท้ายคนผู้หนึ่งค่อยปรากฏ

คนผู้นี้สวมชุดจักรพรรดิ สวมกวานจักรพรรดิ ถือเป็นต้นกำเนิดตะวัน จันทรา ดารา

ผู้อยู่บนโลกแห่งหนึ่งนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ จักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์!

ทุกอย่างส่องประกาย กำราบสรรพสิ่ง

ดังนั้นทะเลทรายเลยเกิดเสียงกัมปนาท อริยะเซียนที่ 4 จึงถอยร่น ทะเลทรายราพณาสูร ซ่านสลายหายไป

กลับมาเป็นภาพค่ายกลเคลื่อนย้ายดังเดิม!

แต่ตอนนี้ซิงหวนจื่อสีหน้าอึมครึม เพราะสิ่งที่เลือนหายไปพร้อมทุกอย่าง มีกลิ่นอายกระบี่หักของเสียหลิงจื่อด้วย!

เวลาผันผ่าน

กลิ่นอายคนชุดดำกลางอากาศแผ่วลง ร่างถอยร่นกำลังก้าวเข้าห้วงอากาศห่างไกล

“ในเมื่อมาแล้ว ทั้งตั้งใจป่วยระเบียบข้า…”

นัยน์ตาซิงหวนจื่อฉายแววเยียบเย็น ยกมือขวาคว้าตัวคนชุดดำ

เสียงเขาเปลี่ยนเป็นระเบียบทันที กลายเป็นค่ายกลกว้างใหญ่ โซ่เหล็กแผ่ออกมาเป็นแนวตระการตา แต่ละเส้นแสงเงินส่องประกาย 2 ค่ายกลผสานกัน

ยามหมุนวนพลังระเบียบสะท้านฟ้า เปลี่ยนเป็นการพรากสิทธิ์และชะล้าง ปกคลุมร่างคนชุดดำ

เพียงพริบตาโซ่เหล็กพุ่งออกมาจากค่ายกลอย่างรวดเร็ว พันรอบคนชุดดำ ตามด้วยอักขระจากเสียงระเบียบรายล้อม

ขนาบตัวซึมซาบทั่วร่าง ระเบิดพลังคิดเพิกถอน

แต่แน่นอนว่าคนชุดดำไม่ธรรมดา ต่อให้ร่างกายอ่อนแอ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็มีไพ่ตาย

ครู่ต่อมาแสงทองพลันเปล่งประกายจากตัวคนชุดดำ

จากนั้นโลกแปรเปลี่ยนอีกครั้ง

กลายเป็นผืนฟ้ากับทะเลแถบหนึ่ง

ทว่าล่างผืนฟ้าเหนือสมุทร เหล่าปลาซึ่งแหวกว่าย

ขณะนี้กลับพลิกคว่ำ

รูปปั้นมหึมาหนึ่ง ขัดสมาธิกลางทะเล สะท้อนบนฟากฟ้า ขณะเดียวกันยังลืมตาขึ้น

หนึ่งจริง หนึ่งปลอม

มีทั้งแท้เทียม

นี่คืออำนาจของจิ้งจอกดิน บิดเบือนกับจริงเท็จ!

ครู่ต่อมาสรรพสิ่งเลือนหาย สิ่งที่อันตรธานพร้อมกันยังมีเงาร่างคนชุดดำด้วย

มีเพียงโซ่เหล็กพลาดเป้าหมายกลางอากาศ ได้แค่วนเวียนรอบทิศ ส่งเสียงดังต่อเนื่อง

เพิกถอนสำเร็จและล้มเหลว

สิ่งที่สำเร็จคือวิชาเพิกถอนส่งผล

สิ่งที่ล้มเหลวคือเพิกถอนร่างปลอมกับภาพมายา

แต่เผชิญหน้ากับซิงหวนจื่อ ประมือกับเขาเช่นนี้ คนชุดดำจำเป็นต้องเปิดเผยฐานะ

“จิ้งจอกสาว!”

ซิงหวนจื่อหันมองตำหนักน้อย สีหน้าอึมครึมหาใดเปรียบ ทว่าไม่นานก็ถอนสายตากลับ ด้วยสิ่งที่ทำให้เขาตึงมือเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งตัวเพราะจิ้งจอกสาวถ่วงเวลา

ทั้งยากแก้ไข

เนื่องจากบนม่านนภามีเงาร่างเปี่ยมความเดือดดาลล้นฟ้า หอบอัสนีบาตไร้สิ้นสุดพุ่งตัวมาทางนี้

เงาร่างกลางอัสนีคืออาจารย์ของเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนซึ่งตายไป!

ผู้ดูแลอาวุโสของวังทัณฑ์อัสนี!

ตอนนี้สีหน้าเขาไม่น่าดูถึงขีดสุด ความเดือดดาลเด่นชัด ในใจกลับยิ้มหยัน

เขาต่างหากคือเสียหลิงจื่อตัวจริง!

หลังจากมาถึงโลกชั้น 4 เนื่องด้วยมาช้า พลังจิตส่วนใหญ่ของเขาจึงยังซ่อนแฝง

ดังนั้นเขาเลยแอบใช้วิชาลับเปลี่ยนการรับรู้ของศิษย์ช้าๆ ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นตัวเอง

ทั้งหลอมรวมสมบัติบัญญัติกระบี่เหล็กเข้ากับร่างกายเขา เมื่อทำเช่นนี้จึงเป็นตัวแทนกับเหยื่อล่อที่เกือบไร้ช่องโหว่

จากนั้นค่อยแฝงตัวในที่ลับ ไม่สร้างกฎกรรมเกินความจำเป็นกับศิษย์

ส่วนศิษย์เขาเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเสียหลิงจื่อ ดังนั้นเลยทำเรื่องที่เสียหลิงจื่อควรทำตามสัญชาตญาณ

ตัวอย่างเช่นกบฏวัง

เดิมเขาคิดเผยตัวพร้อมซ่อนแฝง คืนนี้ตัวแทนไปล่อเหยื่อ สกัดอริยะเซียนที่ 4 ส่วนเขาฉวยโอกาสกบฏวัง

ทั้งเตรียมตัวมามากพอ

แต่การพัฒนาเรื่องราวต่อจากนั้น ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด

มีวิธีที่ดีกว่า!

ดังนั้นท่ามกลางอัสนีบาตดังกระหึ่ม เขาเร่งความเร็วโดยไม่ปิดบัง เจตนาสร้างความเอิกเกริก หลังจากดึงดูดความสนใจคนนับไม่ถ้วน เขาค่อยเผยตัวตรงค่ายกลเคลื่อนย้าย พุ่งตัวเข้าไปในนั้น

เพียงพริบตาเสียงก้องทั่ววังเซียนดั่งระฆัง

“ใต้เท้าอริยะเซียน ทำไมสังหารศิษย์ข้า!”

เมื่อเอ่ยวาจา วังเซียนเกิดเสียงสะท้อน ผู้คนตกตะลึง

จิตเทพนับไม่ถ้วนแห่กันมาชั่วพริบตา

ค่ายกลทลายทันที เผยร่างอริยะเซียนที่ 4 รวมถึงผู้ดูแลอาวุโสแห่งวังทัณฑ์อัสนีซึ่งกำลังเดือดดาลกลางอากาศ

บนพื้นยังมี… ศพของเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์วัยกลางคนนั่น

“ศิษย์ข้าเพียงไปรับวารีอัสนี แต่กลับตายอนาถที่นี่ ร่องรอยระเบียบบนตัวเขา เห็นชัดว่าเป็นพลังของเจ้า!”

“อริยะเซียนช่วยบอกข้าหน่อย ศิษย์ข้าทำอะไรผิดกันแน่ ทำไมถึงโดนฆ่า หรือเขาทำตัวเป็นภัยต่อวังเซียน!”

“หากเขาทำเรื่องทรยศต่อวังเซียนจริง ข้าย่อมไม่กล่าวอะไรอีก!”

“แต่ถ้าอริยะเซียนบอกไม่ได้ การฆ่าคนโดยไร้เหตุผล ต่อให้เจ้าเป็นอริยะเซียนก็ต้องจัดการ อย่างเบาคือกักบริเวณ อย่างหนักคือกักขังถึงขั้นชดใช้ด้วยชีวิต”

บนเวิ้งฟ้าเสียงเสียหลิงจื่อแฝงความเดือดดาลเหลือคณา กล่าวเน้นทีละคำ

ซิงหวนจื่อเงียบไป

เขาเข้าใจแผนชั้นยอดนี้ดี

ต่อให้จัดการศพก่อนล่วงหน้าก็เปล่าประโยชน์ ขอแค่ย้อนกลับมายังช่วงเวลานี้ย่อมทราบทุกอย่าง

เขาเป็นคนสังหารจริงๆ

ทั้งหากย้อนเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ เขาปล่อยให้คนเห็นไม่ได้

วิธีจัดการเรื่องนี้ของเขา โดยพื้นฐานคือศิษย์ซึ่งตายไปคนนี้มีความผิดหรือไม่

หากมีความผิด ตนย่อมสังหารได้

แต่ถ้าต้องบอกว่าผิดอะไร ไม่ว่ามีความผิดใดก็บอกว่าเป็นกบฏวังได้ ทั้งเขาต้องเอ่ยปากเองด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ การกบฏวังของอีกฝ่ายถือว่าสำเร็จจริงๆ กาลอวกาศย่อมเกิดคลื่นสะเทือนไม่น้อย

ขั้นตอนนี้ฝ่ายรักษาระเบียบถือว่าล้มเหลว

แต่หากคนผู้นี้ไม่ผิด ตนคงยากอธิบายว่าทำไมต้องฆ่า!

แก้แค้นส่วนตัวก็ดี บาดหมางกันก็ช่าง

เสียหลิงจื่อยอมเผยตัวโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ทั้งตัดสินใจเด็ดขาด หากตนยอมรับว่าพลั้งเผลอหรือมีความแค้นต่อกัน ภายใต้สายตาที่จับจ้องย่อมโดนโทษกักบริเวณ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ราวครึ่งเดือนข้างหน้าตนย่อมไม่มีอิสระ ไม่อาจขวางคลื่นสะเทือนกาลอวกาศจากคนต่างถิ่นอีก

เท่ากับแพ้ทั้งกระดาน

ดังนั้นเมื่อเทียบความเสียหายแล้วเขาต้องเลือกสิ่งที่เบากว่า เหลือเพียงเส้นทางสุดท้าย

นั่นก็คือบอกว่าคนผู้นี้ทำเรื่องที่เป็นภัยต่อวังเซียน

เลวร้ายมาก

ซิงหวนจื่อลอบถอนใจ

ทุกอย่างเป็นเพราะจิ้งจอกสาวขัดขวาง ไม่อย่างนั้นเขาย่อมมีเวลาจัดการเสียหลิงจื่อเพียงพอ ครั้นแล้วย่อมไม่เกิดสถานการณ์คับขันเช่นตอนนี้

อีกอย่างความจริงเขาบอกว่าคนผู้นี้ถูกยึดร่างได้ แต่เสียหลิงจื่อออกตัวแล้ว หากไม่พอใจย่อมก่อเรื่องจนบานปลาย ให้ตนหาหลักฐาน

ต่อให้เป็นการยึดร่างก็ยากอธิบายว่าทำไมต้องฆ่า

นี่เหมือนเป็นการปิดปาก

ด้วยการเค้นถามคือทางเลือกที่ดีที่สุด

ถ้าช่วงนี้ไม่มีข่าวลือก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผลกระทบจากข่าวลือยังอยู่ ส่วนตนตกเป็นเป้าหมาย หากบอกว่าเป็นการยึดร่างยิ่งอันตราย จินตนาการออกว่าตัวเขาต้องพิสูจน์ตัวเอง

สุดท้ายซิงหวนจื่อเงยหน้าขึ้น สายตามองเสียหลิงจื่อกลางอากาศก่อน จากนั้นค่อยเหลือบมองทางตำหนักน้อย

เนิ่นนานกว่าจะก้าวมาข้างหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ย่างเหยียบห้วงอากาศห่างไกล เสียงเย็นชาดังก้อง

“คนผู้นี้ก่อกบฏวัง มีแผ่นหยกลับติดตัวเป็นหลักฐาน ดังนั้นจึงถูกข้าสังหาร!”

เมื่อเอ่ยคำนี้ เสียหลิงจื่อตัวสั่นสะท้าน ลมหายใจกระชั้นถี่เด่นชัด เขาสัมผัสถึงกระบี่หักของตนว่ากำลังขานรับรุนแรง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกระบี่หักแน่นแฟ้นกว่าแต่ก่อนชั่วพริบตา

กาลอวกาศก่อตัวเป็นพายุกาลอวกาศ กลายเป็นวังวนกาลเวลา หมุนวนด้วยวิธีที่คนอื่นไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้

เกิดเป็นคลื่นลมซึ่งไม่เคยมีมาก่อน!

ขณะเดียวกันตรงตำหนักน้อย สวี่ชิงที่กำลังเก็บตัวหมากจากพื้นเงยหน้าขึ้น

แย้มยิ้มเล็กน้อย

ตอนนี้มือขวามีกรวดทรายกำหนึ่ง

นั่นคือทรายกาลอวกาศ แต่ละเม็ดแฝงหลักกาลอวกาศเข้มข้น

หากหลอมรวมเข้ากับร่างกาย บัญญัติกาลอวกาศย่อมเพิ่มขึ้น!

นี่คือประโยชน์ที่เขาได้รับ หลังจากเสียหลิงจื่อก่อคลื่นกาลอวกาศสำเร็จ

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version