บทที่ 201 กรมปราบพิฆาตรับผิดชอบ!
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าช่วงนี้ดูจะโลภมากกว่าข้าเสียอีก!” นายกองเอ่ยอย่างเคืองๆ แต่กลับลงมืออย่างเต็มที่ ทำให้การตัดของสวี่ชิงเร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นขณะที่ความโกรธในใจของปลาหมึกยักษ์ยักษ์ระดับแก่นลมปราณโถม ขึ้นฟ้า สวี่ชิงก็จัดการตัดส่วนปลายของหนวดเส้นหนึ่งออกมาได้สำเร็จ ยาวประมาณหนึ่งจั้งกว่า แบกไว้บนบ่าแล้วออกจากที่นี่อย่างรวดเร็วพร้อมกับนายกอง
กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง แรงกดดันบนตัวปลาหมึกยักษ์ยักษ์แก่นลมปราณก็สลายไป มันคำรามอย่างกราดเกรี้ยว คิดจะปีนขึ้นมา แต่พริบตามันก็ตัวสั่นสะท้าน หมอบลงไปกับพื้นใหม่อีกครั้ง
เพราะว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเบื้องหน้าของมันมีเงาชายกลางคนร่างหนึ่งเดินเข้ามา ชายกลางคนคนนี้ใบหน้าอมทุกข์ ในมือถือไหสุราใบหนึ่ง เดินไปด้วยดื่มไปด้วย
เจ้ายอดเขาลำดับที่หกนั่นเอง
เดิมทีเจ้ายอดเขาลำดับหกคนนี้ คืออัจฉริยะฟ้าประทานเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเจ็ดในอดีตของเจ็ดเนตรโลหิต เข้ามาในสำนักรุ่นเดียวกัน แต่ต่อมาตัวเขาก็เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้น คนรักของเขาตายอย่างน่าเวทนา มีเพียงลูกชายคนเดียวที่รอดมาได้ และเขาก็ตั้งความหวังทั้งหมดเอาไว้กับลูกชายคนเดียวนี้ด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้นมหาศาล และลูกชายของเขาก็ไม่ทรยศความคาดหวังเขาจริงๆ
หลายปีก่อนในเจ็ดเนตรโลหิต ถือว่าเป็นคนที่โดดเด่นอย่างมากเช่นกัน
แต่ครั้งหนึ่งที่ออกทะเลไปฝึกบำเพ็ญ ลูกชายเขาก็หายสาบสูญ แผ่นหยกชีวิตที่อยู่ในสำนักแตกกระจุย เรื่องนี้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในตอนนั้น แต่สุดท้ายก็ยังหาคนร้ายไม่เจอ กลายเป็นปมในใจที่ไม่อาจปลดเปลื้องได้ในใจเจ้ายอดเขาลำดับหก
นับจากนั้น ไหสุราจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่ห่างจากมือของเขา
เวลานี้เจ้ายอดเขาลำดับหกผู้ขมขื่นไปถึงกระดูกที่กำลังดื่มสุรา เดินมาอยู่เบื้องหน้าปลาหมึกยักษ์
“ช่วงนี้กำลังหลอมอาวุธเวทอย่างหนึ่ง ดวงตาของเจ้านั้นเหมาะมาก ส่งมาให้ข้าเถอะ”
ปลาหมึกยักษ์ยิ่งตัวสั่นเทา แต่กลับไม่กล้าที่จะลังเล ชูหนวดกดลงไปบนดวงตาของตนเองอย่างรวดเร็ว ออกแรงควักเอาดวงตาของตนเองออกมา ยื่นให้เจ้ายอดเขาลำดับหกอย่างนอบน้อมขณะที่อาบไปด้วยเลือด
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว ไปรอเจ้านายของเจ้าข้างนอก” เจ้ายอดเขาลำดับหกรับดวงตามา โยนเข้าไปในไหสุรา หันหลังเดินไปทางยอดเขาลำดับหก
ปลาหมึกยักษ์นั่นก็ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม จนกระทั่งเจ้ายอดเขาลำดับหกหายไป มันจึงเงยหน้าขึ้นด้วยอาการสั่นเทา รีบร้อนกลับไปในทะเล ดำดิ่งลึกลงไป หลังจากห่างเจ็ดเนตรโลหิตมาไกล ร่างของมันก็เปล่งแสงประกาย กลายร่างเป็น ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง
แม้สองตานี้จะบอดไปแล้ว ขณะที่หว่างคิ้วของเขาตอนนี้เลือดเนื้อกำลังเต้น งอกออกมาข้างหนึ่งอีกครั้ง ตอนนี้เขามองไปทางเจ็ดเนตรโลหิต สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“เมื่อบรรพชนสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทะลวงขั้น เจ็ดเนตรโลหิตยิ่งดูมีขุมพลังมากยิ่งกว่าในอดีต ดูแล้วเหมือนมันเป็นสำนักฝ่ายนอกที่พันธมิตรเจ็ดสำนักชายฝั่งทะเลจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สร้างขึ้น แต่อันที่จริงในช่วงหลายปีนี้ เจ็ดเนตรโลหิต… ก็เกือบจะแยกตัวเป็นเอกเทศแล้ว
“ระดับล่างเลี้ยงกู่อย่างโหดร้าย ส่วนระดับกลางก็ชุบเลี้ยงอิสระอย่างไม่เลือกปฏิบัติ แต่พอเข้าสู่ลำดับรวมถึงย่างเข้าสู่ระดับสูง เจ็ดเนตรโลหิตก็จะเข้าปกป้องจุดอ่อนของตนเองแน่นอน!
“แม้ว่าพันธมิตรเจ็ดสำนักจะสังเกตเห็นมาหลายปีก่อนหน้า คิดจะสับเปลี่ยนบรรพจารย์รวมถึงเจ้ายอดเขา แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น้อยนิดเหลือเกิน บรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อยังคงอยู่และได้ทั้งขึ้นทั้งล่องมาโดยตลอด แม้เจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดบางครั้งจะสลับกลับมาที่พันธมิตรเจ็ดสำนักบ้าง แต่จิตใจนั้นยังคงอยู่ที่เจ็ดเนตรโลหิต”
“นี่เป็นสำนักที่กำลังผงาดขึ้น!” ความหวาดหวั่นในดวงตาชายฉกรรจ์ยิ่งลึกล้ำขึ้น
ขณะที่ชายฉกรรจ์ร่างจำแลงแก่นลมปราณคนนี้กำลังมีความคิดสารตะ สวี่ชิงกับนายกองก็แยกย้ายกลับไปยังท่าเรือของตนเอง ล้วงเอาตำราไม้ไผ่ของตนเองออกมาในห้องเรือ สลักชื่อเหยียนเหยียนลงไปบนนั้น!
แต่กลับวงเอาไว้วงหนึ่ง สิ่งนี้เป็นตัวแทนว่าคนผู้นี้ไปสังหารต่อหน้าผู้คนไม่ได้ต้องรอให้อีกฝ่ายออกจากเจ็ดเนตรโลหิตแล้วค่อยหาโอกาสจัดการทิ้ง เช่นนี้จึงจะเลี่ยงความยุ่งยากได้
“มาแล้วมาอีกแล้ว!” บรรพจารย์สำนักวัชระในเหล็กแหลมสีดำข้างๆ ตอนนี้ ฮึกเหิมสุดฤทธ์ มองไปยังชื่อบนตำราไม้ไผ่ โดยเฉพาะชื่อของตัวเองในนั้น
เมื่อสวี่ชิงสลักเสร็จ กำลังจะเก็บ สายตาก็ตวัดมองยังเหล็กแหลมสีดำที่สั่นเทาข้างๆ คิดไปถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายความพยายามอย่างหนัก จึงขีดฆ่าไปบนชื่อบรรพจารย์สำนักวัชระ
ตอนนี้ การขีดฆ่าบนตำราไม้ไผ่สลักลงไปในใจของบรรพจารย์สำนักวัชระ กลายเป็นความตื่นเต้นและซาบซึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาการสั่นเทาของ เหล็กแหลมสีดำรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน
เขารู้สึกว่าคุ้มแล้ว ความทุ่มเทและความพยายามของตนเองก่อนหน้านี้มันคุ้มแล้ว!
“ขอบพระคุณมาก…นายท่าน!!” บรรพจารย์สำนักวัชระจำแลงร่างเงาออกมา คารวะไปทางสวี่ชิงด้วยเสียงสั่นๆ รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองลำบากมากจริงๆ โดยเฉพาะการสร้างคุณความดีหลายครั้งของเจ้าเงา ทำให้แรงกดดันในใจบรรพจารย์สำนักวัชระเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
หลายครั้งที่เขาฝึกบำเพ็ญเกือบจะเกิดจิตมาร มีความรู้สึกว่าจะถูกจะทอดทิ้งตลอดเวลา และทั้งหมดในตอนนี้ก็สลายหายไปกว่าครึ่งจากการขีดฆ่านั่นของสวี่ชิง
และบรรพจารย์สำนักวัชระที่กำลังตื่นเต้น เวลานี้ไม่ได้สังเกตเจ้าเงาที่อยู่ด้านหลังสวี่ชิง เวลานี้เบิกตาโพลงขึ้นมาข้างหนึ่ง กำลังพยายามสังเกตและเรียนรู้
สำหรับการตื่นเต้นของบรรพชนสำนักวัชระ สวี่ชิงให้กำลังใจไปหลายคำ หลังจากเก็บตำราไม้ไผ่ เขาก็เดินออกจากห้องเรือ นั่งอยู่ที่นั่นจ้องมองไกลออกไป
เขากำลังรอคนผู้หนึ่ง
รอไม่นานนัก ช่วงเที่ยงคืน ร่างกลมร่างหนึ่งเดินโย้ไปเย้มาปรากฏขึ้นในสายตาของสวี่ชิง เมื่อเดินใกล้เข้ามา ก็เห็นว่าเป็นหวงเหยียนนั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าเขาดื่มสุราไปไม่น้อย เดินตัวเอียงกะเท่เร่ กระทั่งครั้งนี้ไม่ได้นั่งลง ตรงนั้นแล้ว แต่กระโจนขึ้นมาบนเรือเวทของสวี่ชิง
พอร่อนลงเสียงดังตึง ก็นั่งลงที่ด้านหนึ่ง ถอนหายใจยาวออกมา
“ศิษย์น้องสวี่ชิง เรื่องวันนี้ถือว่าข้าติดค้างเจ้า ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าสหายสนิทคนนี้ของศิษย์พี่หญิงจะเป็นคนแบบนี้!”
พูดพลาง หวงเหยียนก็ล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาจากในอกยื่นให้สวี่ชิงอย่างเคร่งขรึม
“ศิษย์น้องสวี่ชิง ตอนนี้ในตัวข้ามีของไม่เยอะมาก ในนี้มีอยู่สองแสนก้อนหินวิญญาณ ถือเป็นน้ำใจของข้าในครั้งนี้แล้วกัน”
สวี่ชิงไม่ได้รับมาทันที แต่มองหวงเหยียน
“เจ้าคิดจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
หวงเหยียนถอนหายใจ
“เจ้าสิ่งที่เรียกว่าความรักนี่ ทำไมจึงทรมานคนเสียขนาดนี้
“ข้าเสียใจจริงๆ สวี่ชิงเจ้ารู้หรือไม่ ข้ามาเจ็ดเนตรโลหิตก็เพื่อศิษย์พี่หญิงนะ ครั้งนั้น…ข้ามองเห็นนางไกลๆ ผาดหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นในใจของข้าทั้งหมดก็เป็นเงาของนาง ในที่สุดข้าจึงตัดสินใจมาเจ็ดเนตรโลหิต ข้าอยากให้นางเป็นคู่ฝึกเต๋าของข้าจริงๆ”
อารมณ์ของหวงเหยียนวันนี้แตกต่างจากวันปกติไปบ้าง พูดถึงตรงนี้เขาหยิบ ไหสุราดื่มลงไปอึกใหญ่ จากนั้นก็ล้วงไหสุราอีกใบส่งไปให้สวี่ชิง
สวี่ชิงรับแล้วดื่มลงไปบ้าง
“ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเพื่อนสาวของนางจะเป็นคู่แข่งของข้าด้วย!!
“เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้พอนางเข้ามาก็เอาแต่วอแวอยู่กับศิษย์พี่หญิงตลอด ศิษย์พี่หญิงก็ ไม่มีเวลาสนใจข้า วันนี้ตอนที่ข้าไปหาศิษย์พี่หญิง นางก็ดูกังวลมาก แล้วยังไล่ข้าออกมาด้วย!!
“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกว่าผิดปกติ ตอนกลับมาดื่มก็หาข่าวดูหน่อยจึงรู้ว่าเจ้าเด็ก คนนั้นมาแย่งศิษย์พี่หญิงจากข้าไป!”
หวงเหยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เพิ่งจะมาเจอเอาป่านนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้าสักสองสามเดือน ข้าคงเป่านางตายไปแล้ว”
หวงเหยียนอารมณ์รุนแรงมาก
ดวงตาสวี่ชิงเผยความสับสน เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านี้ และไม่เคยต้องกลัดกลุ้มอะไรแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจ และไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไร ทำได้เพียงยกไหสุราขึ้นเท่านั้น
หวงเหยียนมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ถอนหายใจอีกครั้ง ยกไหสุราชนกับสวี่ชิง จากนั้นก็ดื่มลงไปอึกใหญ่
“เจ้ายังเด็กนัก…” พอพูดถึงจุดนี้ แผ่นหยกสื่อเสียงในถุงเก็บของของหวงเหยียน ก็สั่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วล้วงออกมา หลังจากดูก็สีหน้าไม่สบอารมณ์
ขณะเดียวกัน แผ่นหยกสื่อเสียงของสวี่ชิงก็สั่นสะเทือนเช่นกัน สวี่ชิงล้วงออกมาอย่างสงบนิ่ง เมื่อถ่ายพลังเวทเข้าไป ข้อมูลด้านในก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งเค่อก่อนหน้า หน่วยปราบนิลกาฬกรมปราบพิฆาตได้รับแจ้งการขอกำลังสนับสนุนจากกรมลาดตระเวน มีผู้แข็งแกร่งสร้างฐานนอกสำนักเข้ามาทำลายกรม ทดน้ำ เหล่าศิษย์บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก กรมลาดตระเวนที่ตรงไป นายกองของหน่วยได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่เหลือก็ถูกสะกดไว้
“หน่วยปราบนิลกาฬกรมปราบพิฆาตรับเรื่องตรงไปสนับสนุน ก็ยังไม่อาจต้านทานไหว ถูกสะกดอยู่ด้านในด้วยเช่นกัน
“ความต้องการของอีกฝ่ายคือให้หวงเหยียนจากหน่วยทดน้ำท่าเรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกออกไปพบทันที
“เรื่องนี้เกินกว่าขอบเขตความสามารถของข้า ท่านรองเจ้ากรมโปรดตัดสินใจด้วย”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังหวงเหยียนที่อยู่ข้างๆ หวงเหยียนตอนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าปั้นยากเช่นกัน หลังจากสบตากับสวี่ชิง ก็เผยแววขอโทษออกมา จากนั้นลุกขึ้นฉับพลัน เดินโย้ไปเย้มาออกจากเรือเวท ตรงไปยังกรมทดน้ำทันที
สวี่ชิงมองแผ่นหลังหวงเหยียน คิดถึงภาพในร้านยอดเขาลำดับหกเมื่อครั้งนั้น จากนั้นก็มองไปยังถุงเก็บของที่เขาไม่ได้รับมาก่อนหน้าซึ่งวางไว้เงียบๆ ก่อนออกไป
“หวงเหยียนเป็นคนที่มีสัจจะมาก” สวี่ชิงลุกขึ้นยืนเงียบๆ เดินตรงไปที่กรมทดน้ำ
ความเร็วเขาเร็วกว่าหวงเหยียน ดังนั้นเพียงไม่นานก็มองเห็นหวงเหยียนที่กำลังทะยานอยู่ลิบๆ และการมาถึงของสวี่ชิง ก็ทำให้หวงเหยียนที่หลังจากนิ่งงันก็ส่งยิ้มให้แก่เขา
“เจ้ามาได้อย่างไร”
“กรมทดน้ำแจ้งความมา แน่นอนว่าข้าต้องไป” สวี่ชิงยิ้มขึ้นเช่นกัน
“สวี่ชิง เจ้าเป็นคนพิเศษมาก หลายปีนี้ที่ข้ามาเจ็ดเนตรโลหิต อันที่จริงไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ในสายตาข้ามีแต่ศิษย์พี่หญิงเท่านั้น และในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าก็มีเจ้ามาเป็นเพื่อน
“เพื่อนของข้ามีน้อยมาก…” หวงเหยียนสูดลมหายใจลึก ไม่พูดอะไรต่อ พยายามห้อตะบึงต่อ ขณะที่มีสวี่ชิงอยู่ด้วย ก็เข้าใกล้กรมทดน้ำมากขึ้นทุกที
สิ่งปลูกสร้างในท่าเรือหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดของกรมทดน้ำ สร้างขึ้นมาเป็นรูปร่างเรือใบ พริบตาที่พวกเขาเข้าใกล้ คลื่นพลังน่าตกตะลึงวูบหนึ่งก็ระเบิดตูมขึ้นมาจากด้านในกรมทดน้ำเบื้องหน้า
สิ่งปลูกสร้างรูปเรือใบพังลงมาจากใจกลาง กระจัดกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างสีดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาฉับพลันจากด้านใน พุ่งมาหาหวงเหยียนด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
สวี่ชิงหรี่ตาลง ไฟชีวิตในร่างกายจุดสภาวะแสงนภาขึ้นฉับพลัน ก้าวขึ้นมาด้านหน้าหวงเหยียน มือขวายกขึ้นโบกอย่างแรง เพลิงสีดำขนาดใหญ่แผ่ลามออกมาทันควัน ปะทะเข้ากับร่างสีดำ
เสียงสนั่นดังก้องไปทั่วสารทิศ ร่างสีดำนั้นบิดเบี้ยว ปรากฏตัวขึ้นบนหินแตกข้างๆ และเป็นจุดที่สวี่ชิงปะทะกับเหยียนเหยียนหญิงสาวชุดดำก่อนหน้าพอดี
“ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้ว!” หญิงสาวชุดดำจ้องสวี่ชิงเขม็ง
สายตาสวี่ชิงมองผ่านตัวเหยียนเหยียนไป มองไปยังกรมทดน้ำที่เสียหายย่อยยับ เขามองเห็นว่าที่นั่นมีศิษย์ของกรมทั้งสามอยู่นับร้อย นอนระเนระนาดอยู่ตรงนั้น
แต่ละคนบาดเจ็บหนัก แต่กลับยังไม่ตาย และในกลุ่มนั้นสวี่ชิงก็เห็นเจ้าใบ้ด้วย
สวี่ชิงกวาดตามอง สีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็มองไปรอบๆ
“ไม่ต้องมองแล้ว ด้วยสถานะของข้าอย่าว่าแต่ไม่สังหารพวกเขาเลย ต่อให้สังหารเขาไป เจ้าคิดว่าศิษย์ด้านล่างภูเขาที่พวกเจ้าเลี้ยงกู่ไว้พวกนี้จะขวางข้าได้หรือ ตั้งตอนข้าลงมือจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครเข้ามาขวางข้าเลยนะ”
หญิงสาวชุดดำมองหน้าสวี่ชิง เลียริมฝีปาก
“แต่ว่าข้าก็ไม่คิดเลย ว่าเจ้าจะเข้าไปในลำดับของเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จัดการยากอยู่เหมือนกัน”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“สาเหตุที่สำนักไม่ลงมือกับเจ้า เป็นเพราะว่าเรื่องของเจ้าเป็นความรับผิดชอบของกรมปราบพิฆาต ตอนที่ข้ายังไม่รายงานขึ้นไป ที่นี่ยังคงเป็นความรับผิดชอบของกรมปราบพิฆาตอยู่”
พูดจบ สวี่ชิงก็ยกมือขวาขึ้น บีบแผ่นหยกสัญญาณของกรมปราบพิฆาตชิ้นหนึ่งจนแตกละเอียด พริบตาต่อมาแสงที่แข็งแกร่งสายหนึ่งก็ลอยขึ้นไปจากแผ่นหยกที่แตก ส่องสว่างเจ็ดสีเจิดจ้าขึ้นในค่ำคืนนี้ และรวมเป็นอักษร ‘ชั่วร้าย’ ขึ้นมา!
ขณะเดียวกัน เสียงของสวี่ชิงก็ดังก้องไปทั่วสารทิศ
“มาตราที่เจ็ดแห่งกรมปราบพิฆาต ผู้บำเพ็ญนอกสำนักก่อความวุ่นวายใน เมืองหลัก กรมปราบพิฆาตสามารถจับกุมคนผู้นั้นได้ สมาชิกทั้งหมดของหน่วยนิลกาฬกรมปราบพิฆาตจงรับคำสั่ง ปิดล้อมท่าเรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกไว้ จับกุมคนร้ายผู้นี้เสีย!”