Skip to content

Outside Of Time 780


บทที่ 780 เมล็ดพันธุ์วิญญาณเซียนต่างวิถี

ไหมวิญญาณหนึ่งล้านเส้นปะทุขึ้นมาในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง แผ่ปกคลุมจิตใจของเขา ทะลักไปในวิญญาณ จากนั้นก็แผ่ไปทั่วสรรพางค์กาย สุดท้ายก็เป็นคลื่นวนในทะเลความรู้สึก

หมุนวนครืนครันเลื่อนลั่น

ขณะเดียวกัน ท้องฟ้าเมืองหลวงจักรพรรดิสายฟ้าแลบ แปลบปลาบ สายฟ้าแต่ละทางปรากฏ แหวกผ่านท้องฟ้า เหมือนสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในโลกใบนี้กำลังจะถือกำเนิด ด้วยเหตุนี้ จึงดึงดูดความสนใจของวิถีสวรรค์

แต่ไม่นานนัก ความสนใจก็หายไปอย่างน่าแปลกประหลาด เหมือนว่าสิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นที่นี่ไม่รู้ ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ถูกวิถีสวรรค์เมินเฉยไปเองเสียอย่างนั้น

กระทั่งว่ายังเปลี่ยนมาอำพรางจากอัสนีสวรรค์ กลายเป็นสายฟ้าธรรมดาๆ

แต่ว่าแสงจากสายฟ้าก็ยังคงฉายวูบวาบ ส่องให้ทุกอย่างภายใต้ราตรีมืดสว่างกระจ่างชัด

ในความมืด มีคนสะดุ้งจากการเข้าฌานในห้องลับ มีคน หยุดชะงักจากการเดินอย่างรีบเร่งบนถนน มีคนเงียบเสียง ท่ามกลางการหารือในวังศึกษา มีคนตั้งสมาธิในหอสูง มีคน อยู่ในวังหลวงเงยหน้าขึ้น

สุดท้าย ภายใต้การอำพรางจากวิถีสวรรค์ ก็ไม่ได้อะไรกลับมา

ดังนั้น นอกจากคนอื่นๆ ที่ยังคงจับจ้อง ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในวังหลวงต่างดึงความสนใจกลับมา คนที่เข้าฌานก็เข้าฌานต่อ คนที่รีบเร่งก็รีบเร่งต่อไป

คนที่ปรึกษาหารือในวังศึกษาเองก็เช่นกันดิงสัมผัสรับรู้กลับมา มองไปทางผู้ร่ำเรียนทั้ง 39 คนที่นี่งตัวตรงรอบๆ

“ท่านเจ้าสายเกิดอะไรขึ้นหรือ” ในบรรดาผู้ร่ำเรียนมีคนถาม

“พลันนึกอะไรขึ้นได้ไม่มีอะไร พวกเจ้าต่อเลย” ผู้ที่ดึง สัมผัสรับรู้กลับมาเป็นผู้บำเพ็ญสวมหน้ากาก ใส่ชุดคลุมยาว ผ้าหยาบคนหนึ่ง ดูจากเสื้อผ้าแล้วมองออกว่าฐานะของคน คนนี้คือเจ้าสาย

และเจดีย์ขาวที่พวกเขาอยู่ก็คือสายผสานเทพ

เมื่อผู้รํ่าเรียนเหล่านั้นที่อยู่ข้างล่างได้ยินก็พยักหน้า พูดคุยหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ต่อ ถกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสายเซียนต่างวิถีในช่วงนี้

หากเป็นสายอื่น ด้วยฐานะของสายผสานเทพในตอนนี้ ไม่มีทางสนใจ แต่สายเซียนต่างวิถีต่างออกไป ไล่เรียงจาก รากฐาน…แก่นแท้ของสายเซียนต่างวิถีและสายผสานเทพ ราวน้ำกับไฟ

ฝ่ายหนึ่งจิตใจถักร้อยเงาเทพ ให้ความสำคัญกับ ความสมบูรณ์ของมนุษย์

ฝ่ายหนึ่งคือกายเนื้อแทนที่ สุดท้ายโยนร่องรอยทุกอย่าง ของมนุษย์ทิ้ง หลงเหลือเพียงจิต

สุดท้ายฝ่ายหนึ่งเป้าหมายคือสำเร็จเซียน ฝ่ายหนึ่ง เป้าหมายคือเปลี่ยนเป็นเทพ

แนวความคิดสองอย่างที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง เป็นตัว ตัดสินให้สองสายนี้ มีเพียงสายเดียวเท่านั้นที่รุ่งโรจน์ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สายเซียนต่างวิถีก่อนหน้านี้ ตกตํ่าจนถึงขีดสุด นอกจากปัจจัยจากตัวเองแล้ว การผงาดขึ้นของสายผสานเทพก็เร่งความเร็วให้กับสถานการณ์นี้ ดังนั้น หลังจากที่สายเซียนต่างวิถีมีผู้บำเพ็ญลึกลับ สำเร็จขั้นใหญ่มีไหมวิญญาณหลายแสนเส้น เรื่องที่ทำลาย ความรู้ความเข้าใจเช่นนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของสายผสานเทพ

ต่อให้ผ่านไปครึ่งเดือน กระแสร้อนแรงของสายเซียนต่างวิถีลดลง แต่เนื่องจากผู้บำเพ็ญลึกลับสำเร็จขั้นใหญ่คนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก จินตนาการได้ว่าหากอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จะต้องทำให้ระดับความน่าสนใจของสายเซียนต่างวิถีเพิ่มมากขึ้นต่อไปแน่นอน

ถึงตอนนั้น สายเซียนต่างวิถีก็ย่อมมีโอกาสผงาดขึ้นอีกครั้ง

นี่ก็เป็นประเด็นหลักในการประชุมภายในของสายผสานเทพครั้งนี้

สำหรับเรื่องนี้ ผู้ร่ำเรียนระดับสูงสายผสานเทพทั้งหลาย ในการประชุมครั้งนี้ มีคนหวาดระแวง มีคนสงสัยว่าข่าวลือ จะมีข้อผิดพลาด พูดกันไปต่างๆ นานา

สุดท้าย เจ้าสายผสานเทพยกมือขึ้น เจดีย์ขาวเงียบสงัด ไปในพริบตา ผู้ร่ำเรียนระดับสูงทุกคนต่างมองไปยังเจ้าสายของพวกเขา

ในสายตาของพวกเขาล้วนแฝงไว้ด้วยความเคารพ “สำหรับเรื่องสายเซียนต่างวิถี ไม่จำเป็นต้องสนใจ ช่วงนี้ …จะมีผู้ที่ฐานะสูงส่งท่านหนึ่ง เข้าร่วมสายผสานเทพอย่าง

เปิดเผย การเข้าร่วมของเขาจะช่วยเสริมให้สายผสานเทพของ เราโดดเด่น”

“พวกเจ้ากลับไปเตรียมตัว หลังจากนี้ 3 วัน คนผู้นี้ จะมา”

จากคำพูดที่ดังออกไปของเจ้าสาย นํ้าเสียงสงบนิ่งของเขาทำให้ผู้ร่ำเรียนระดับสูงเหล่านี้ที่อยู่ที่สายผสานเทพต่างสงบลง พากันพยักหน้า

การประชุมครั้งนี้ก็จบลงเช่นนี้

ขณะเดียวกัน สายฟ้าโลกภายนอกก็สลายไป เหลือเพียง แว่วเสียงที่ยังดังก้อง และในจวนของหนิงเหยียน ในห้องลับ ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงค่อยๆ ลืมขึ้นมา

ในดวงตาของเขาฉายประกายแสงเจิดจ้า สีหน้า แฝงด้วยความตกใจสงสัย กระทั่งว่าแฝงไว้ด้วยความสับสน งุนงงเล็กน้อย คิ้วขมวด “นี่มันอะไรกัน…”

สวี่ชิงพึมพำ ขณะยกมือ หิมะสีม่วงเกล็ดหนึ่งก็ทะลุ เลือดเนื้อออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา ลอยอยู่ข้างหน้า ทะเลความรู้สึกของเขา คลื่นวนที่ก่อตัวขึ้นจากไหมวิญ ญาณล้านเส้นยังคงหมุนวน เหมือนว่าไม่มีจุดสิ้นสุด

และจากการหมุนวนในนั้นเกิดความเย็นเยือกขึ้น ค่อยๆ มีหิมะสีม่วงเป็นเกล็ดๆ ลอยขึ้นมาจากในคลื่นวน จากนั้นก็ล่องลอย

เกล็ดหิมะมีไม่มาก แค่ร้อยเกล็ด เป็นระเบียบเรียบร้อย งดงาม

สัมผัสทะเลความรู้สึกของตัวเอง สวี่ชิงดึงจิตเทพกลับมา สายตาจ้องเพ่งไปยังเกล็ดหิมะเกล็ดนี้ที่ลอยอยู่กลางฝ่ามือ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่ง เขานำแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา ถ่ายทอดเสียงให้ผู้ครองกระบี่ ไม่นานนักอสูรร้าย ดุดันที่ใช้สำหรับทดลองตัวหนึ่งก็ถูกส่งมา

มองอสูรร้ายที่เหมือนหมาป่าเบื้องหน้าตัวนี้ สวี่ชิง ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยกมือขวาขึ้นสะบัด เกล็ดหิมะเกล็ดนั้น พุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของอสูรตัวนี้ทันที ทันทีที่แตะไป อสูรตัว นี้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ปากส่งเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนา

เสี้ยวขณะต่อมา เกล็ดหิมะเหมือนมีชีวิต กัดกร่อนหว่าง คิ้วของอสูรตัวนี้ ทะลุไปในเลือดเนื้อแล้วหายลับไป ที่แปลกคือ แผลที่หว่างคิ้วตอนนี้กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ร่องรอยหายไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า

และอสูรหมาป่าตัวนี้ค่อยๆ นิ่งไม่ไหวติง ดวงตาทั้งสอง ปิดลง ดูเหมือนตายแล้ว

แต่กลิ่นอายยังอยู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ มันก็พลันลืมตาขึ้น ทันทีที่มองไปทางสวี่ชิง จิตใจเขากระตุกวูบ เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง ทุกอย่างของมันคล้ายว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างรางๆ และแกนของการเชื่อมโยงนี้ก็คือหิมะสีม่วงนั่นในการสัมผัสรับรู้ของเขา

มันไม่ได้หายไป แต่อยู่ในร่างของอสูรหมาป่าตัวนี้ ผสานไปกับเลือดเนื้อของมัน กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน สวี่ชิงในดวงตาฉายประกายวาววาม ยกมือขึ้นคว้าลาก อสูรตัวนี้ผ่านอากาศมา ผสานประสาทสัมผัสเทพเข้าไป หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดก็หวั่นไหวเล็กน้อย ในร่างของอสูรตัวนี้ เขาสัมผัสได้ว่าไหมวิญญาณกำลังก่อตัวขึ้น…

“น่าสนใจ”

สวี่ชิงพึมพำ จากนั้นก็ยกมือผ่าร่างของอสูรหมาป่าตัวนี้ ตรวจในเลือดเนื้อทำการยืนยันอีกครั้ง

ไม่นานนัก อสูรหมาป่าตัวนี้ก็ถูกแยกร่าง เกล็ดหิมะ

สีม่วงลอยออกมาจากข้างใน ลอยข้างหน้าสวี่ชิง

สวี่ชิงคิดๆ ก็ให้คนส่งมาอีกสิบกว่าตัว ทุกตัวล้วนผสาน เกล็ดหิมะเข้าไป

เวลาหนึ่งคืนผ่านไปเช่นนี้เอง หลังจาก

ผ่านการทดสอบหลายครั้ง ทันทีที่รุ่งอรุณมาเยือน สวี่ชิงที่เดิน ออกมาจากห้องลับก็มีความเข้าใจต่อเกล็ดหิมะร้อยเกล็ดที่ก่อ ขึ้นจากไหมวิญญาณล้านเส้นของตัวเองพวกนี้มากขึ้น

เพียงแต่ค่าตอบแทนของความเข้าใจนี้คือกลิ่นคาวเลือด คละคลุ้งในห้องลับและซากหมาป่าที่ถูกแยกร่างเกลื่อนพื้น…

สวี่ชิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ในสายตาเขาฉายแววกระจ่างแจ้ง

‘เกล็ดหิมะร้อยเกล็ดพวกนี้คือเมล็ดพันธุ์!

‘หลังจากที่ผสานเกล็ดหิมะเข้าไปในอสูรหมาป่าทุกตัว แล้วร่างกายเป็นปกติ ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีตรงไหนที่ผิดปกติ พลังชีวิตก็ไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงแค่ในร่างมีไหม

วิญญาณเกิดขึ้นเอง

‘ไหมวิญญาณเหล่านี้แปรเปลี่ยนมาจากวิญญาณของพวกมันเอง ดังนั้นข้อเสียก็คือหากพลังวิญญาณไม่พอก็อาจจะแห้งเหี่ยวตายไป’

‘เกล็ดหิมะพวกนี้…ดูเหมือนอ่อนโยนแต่ความจริงแล้ว ทรงพลังมาก หลังจากแผ่ไปแล้วหากเป็นอาวุธก็จะกลืนกินวิญ ญาณของศัตรู…แปรเปลี่ยนให้เป็นไหมวิญญาณของข้าได้’

‘ขณะเดียวกัน มันสามารถฝากในร่างผู้อื่นได้ หากคนที่ ฝึกบำเพ็ญสายเซียนต่างวิถีสำเร็จ ผสานเมล็ดพันธุ์นี้ ตามทฤษฎีแล้ว ความเร็วของการฝึกบำเพ็ญของเขาก็จะถึงระดับที่น่าตื่นตะลึง ขอเพียงมีพลังวิญญาณที่เพียงพอ’

‘แต่ก็จะถูกข้าควบคุมจากการนี้ ขอเพียงแค่ข้าคิดก็ สามารถเอาเมล็ดพันธุ์ออกมาได้ แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อ พลังชีวิตของอีกฝ่าย แต่ไหมวิญญาณที่รวมมาในช่วงเวลาระหว่างนั้นก็จะหายไปทั้งหมด’

เดินอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปวังศึกษา สวี่ชิงสัมผัสกับ เกล็ดหิมะสีม่วงร้อยเกล็ดในร่าง วิเคราะห์ในใจ

‘ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกล็ดหิมะของข้ายังไม่เพียงพอ ต้องทำการทดลองมากขึ้นถึงจะยิ่งเข้าใจครบทุกด้าน’

ก่อนที่จะทำความเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ สวี่ชิงไม่คิดใช้ มันออกมาง่ายๆ ดังนั้น หลังจากเข้ามาในวังศึกษา เขาก็เก็บจิตใจ เดินเข้าไปในสายเซียนต่างวิถี

ในสายเซียนต่างวิถี ตอนนี้มีลูกศิษย์เพิ่มขึ้นมา 9 คน จึงคึกคักกว่าแต่ก่อนมาก เจ้าสายไม่จำเป็นต้องทำงานเองแล้ว ย่อมมีลูกศิษย์ไปจัดการแทน

และศิษย์พี่ทั้ง 3 ของสวี่ชิง เนื่องจากคุณสมบัติรวมกับ คนที่มาสายเซียนต่างวิถีทุกวันน้อยลงแล้ว จึงว่างมาก จุลสารของสายเซียนต่างวิถีจึงเปิดกิจการอีกครั้ง

3 วันผ่านไปเช่นนี้ ทุกเย็นหลังจากสวี่ชิงกลับถึงจวนก็ ศึกษาค้นคว้าเกล็ดหิมะ

จนกระทั่งวันที่สี่ ข่าวหนึ่งก็ลือออกมาจากในวังศึกษา

องค์ชายเจ็ดประกาศนอกวังศึกษาว่าจะเข้าร่วมกับสายผสานเทพ อีกทั้งกำหนดว่าในเที่ยงวันของวันนี้จะเข้าไปคารวะ เจ้าสายที่เจดีย์ขาวสายผสานเทพอย่างเป็นทางการ

ในวังศึกษาไม่อนุญาตให้เปิดเผยตัวตนแต่หากพูด ข้างนอกไม่ได้ผิดกฎข้อนี้

โดยเฉพาะหลังจากที่จักรพรรดิมนุษย์ปักธูปรัชทายาท ตั้งตระหง่านอยู่บนสะพานสายรุ้ง นี่เป็นการเคลื่อนไหว เป็นเรื่องแรกที่เกี่ยวกับองค์ชาย จึงดึงดูดความสนใจใน เมืองหลวงจักรพรรดิ

และข่าวนี้ก็เป็นกระแสร้อนแรงในวังศึกษา โดยเฉพาะผู้ รํ่าเรียนของสายผสานเทพยิ่งตื่นเต้นฮึกเหิม ในเมื่อเรื่องแบบนี้ สำหรับวังศึกษาแล้วก็เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น

ต่อให้ในอดีตมีก็ไม่มีทางเปิดเผยตัวตนเช่นนี้ ดังนั้นสาย ที่องค์ชายเข้าร่วม คนนอกไม่มีทางล่วงรู้

แต่การประกาศอย่างเอิกเกริกของทางองค์ชายเจ็ด เห็นได้ชัดว่าความหมายแตกต่างออกไป นี่เท่ากับว่าเป็นการ ผูกมัดสายผสานเทพไว้กับตนโดยสมบูรณ์

และเขาก็เหยียบย่างเข้าไปยังวังศึกษาในยามเที่ยงวัน ของวันนี้จริงๆ ภายใต้การห้อมล้อมจากผู้รํ่าเรียนสายผสาน เทพจำนวนหนึ่ง ท่ามกลางหมู่คนที่จ้อกแจ้กจอแจ ก็เดินเข้าไป ในเจดีย์ขาวสายผสานเทพ

ระหว่างทางก็ผ่านสายเซียนต่างวิถี สวี่ชิงมององค์ชายเจ็ดที่ถูกห้อมล้อมอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แม้อีกฝ่ายจะอยู่ในชุดผู้ร่ำเรียน แต่ภาพนี้ทำให้เขา คิดถึงอีกฝ่ายในตอนที่เข้ามาในเขตปกครองผนึกสมุทรด้วย

สวี่ชิงในตอนนั้นก็มองอยู่ไกลๆ เช่นกัน เทียบกับตอนนี้แล้ว เหมือนกันทุกประการ สายตาของสวี่ชิงเป็นปกติเช่นเดิม แต่ในใจเย็นเยียบ ส่วนศิษย์หลักเหล่านั้นที่เข้าร่วมกับสายเซียนต่างวิถีใน ภายหลัง ต่างก็มองเห็นความคึกคักข้างนอกจากในเจดีย์ขาว ในใจต่างมีความคิดกันไป

แต่ผู้ร่ำเรียนหลัก 3 คนนั้นที่เข้ามาก่อนสวี่ชิงไม่ได้คิดอะไรมาก จุดสนใจของพวกเขายังคงอยู่ที่จุลสาร จึงลากสวี่ชิง ไปเข้าร่วมกับการบันทึกจุลสาร

เห็นเป็นเช่นนี้ เจ้าสายสายเซียนต่างวิถีที่นั่งอยู่ตรงนั้นในใจค่อนข้างร้อนรน เขารู้สึกว่าโอกาสที่สายเซียนต่างวิถี จะผงาดขึ้นมาถึงแล้ว แต่เหมือนไม่ว่าตนเองจะพยายามทุ่มเทเท่าไรก็ไม่อาจคว้าเอาไว้ได้

กระทั่งว่าในช่วงนี้ เขาก็ตามหาผู้อาวุโสขั้นใหญ่ท่านนั้น อยู่เหมือนกัน แต่กลับคว้านํ้าเหลว

‘เป็นแบบนี้ต่อไปก็แย่สิ ข้าเป็นแพะแทนผู้อาวุโสท่านนั้นแล้ว ตามหลัก เขาก็ควรให้โอกาสข้าได้เข้าพบถึงจะถูกสิ…’

เจ้าสายเซียนต่างวิถีร้อนใจ ในฐานะที่เป็นเจ้าสาย จากเบาะแสก่อนหน้านี้ในใจก็วิเคราะห์ได้ว่าผู้บำเพ็ญขั้นใหญ่คน นั้นจะต้องใช้วิชาที่คนไม่รู้บางอย่าง

ไม่อย่างนั้นจากทฤษฎีแล้วสายเซียนต่างวิถีไม่มีทาง มีไหมวิญญาณหลายแสนเส้นปรากฏขึ้นแน่

‘ไม่ขออย่างอื่นเลย ขอเพียงแค่เขาชี้แนะวิธีฝึกบำเพ็ญ ไหมวิญญาณหลายแสนเส้นเท่านั้น สายเซียนต่างวิถีจะต้องผงาดขึ้นอีกครั้งแน่นอน!

‘หากมีผู้บำเพ็ญขั้นใหญ่ไหมวิญญาณหลายแสนเส้น ปรากฏตัวขึ้นสิบกว่าคน…ต่อให้เป็นแค่สองสามคน วิชาของสายเซียนต่างวิถีก็จะกลับสู่ระดับสุดยอดอีกครั้ง นี่หมายถึงว่าเส้นทางนี้ถูกต้อง!’

ในตอนที่เจ้าสายทอดถอนใจ ผู้บำเพ็ญขั้นใหญ่ที่เขา คิดถึงทุกชั่วขณะจิตอยู่ในหลืบเยื้องไปทางขวา กำลังพิมพ์จุลสารร่วมกับลูกศิษย์อีก 3 คน

‘ข่าวลับสะท้านฟ้า ที่แท้องค์ชายเจ็ดเข้าร่วมสายผสาน เทพก็เพื่อนาง!’

‘ระหว่างศิษย์ตัวแทนสายพฤกษากับเจ้าสายของเขา มีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบรรยายได้!’

‘วิกฤตตำแหน่งศิษย์ตัวแทนสายผสานเทพ นี่เป็นความ บิดเบี้ยวของความเป็นมนุษย์หรือความเสื่อมโทรมของคุณธรรม โปรดติดตามจุลสารยามวิกาลฉบับจ่ายเงินของอาทิตย์นี้’

‘ที่รักของข้าหายไปไหนแล้ว’

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version