Skip to content

Outside Of Time 928


บทที่ 928 สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวหวนกลับคืน

ดินแดนเมืองหลวงจักพรรดิ วงแหวนภายใน

CC

ค่ายกลส่งข้ามที่นี่ไม่ได้ส่งไปถึงในเมืองหลวงทันที แต่ส่งข้ามไปยังนอกเมืองหลวงเหมือนกับตอนนั้นที่พวกสวี่ชิงเดินทางมาดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิครั้งแรกภายใต้การร่วมเดินทางจากองค์หญิงสาม

ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น สมาชิกที่เฝ้าคุ้มกันค่ายกลแห่งนี้ ยังไม่ทันที่จะได้เห็นเงาร่างของพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คน พวกเขาก็จากไปไกลมาถึงบนท้องฟ้าแล้ว

ยืนอยู่ตรงนั้น มองเมืองหลวงที่อยู่ที่ไกล สิ่งที่สะท้อนปรากฏในดวงตาก็คือรูปสลักมากมายที่รายล้อมเมืองหลวงอยู่เหล่านั้น

ตอนนี้มองไปอีกครั้ง ความรู้สึกในใจของสวี่ชิงต่างไปจากในตอนนั้น

ในขณะที่ในใจเกิดอารมณ์ความรู้สึกสะท้อนใจ ก็มองเห็นสะพาน 7 สีที่ทอดตัวไปยังวังหลวงเส้นนั้นรางๆ และดาวจักรพรรดิโบราณที่อยู่ในความสลัวรางเลือนที่อยู่ไกลลิบดวงนั้น

“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว”

สวี่ชิงพึมพำ ในสมองมีเงาร่างมากมายผุดขึ้นมา ใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา

สังเกตเห็นสีหน้าของสวี่ชิง เอ้อร์หนิวที่กำลังฮึกเหิมมีชีวิตชีวาก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยปากพูดขึ้น “ใช่แล้วศิษย์น้องเล็ก ตอนนั้นในโพรงแห่งนั้น แม่คนที่ชื่อเยวี่ยตงอะไรนั่น คำพูดคำจาของนางเต็มไปด้วยความจริงใจ ความลึกซึ้งในสายสัมพันธ์สายเลือดของพี่สาวน้องสาวมันช่างตื้นตันประทับจิตประทับใจเหลือเกิน”

“ส่วนพวกเรากลับปล่อยเจ้าคนแซ่เฟิงนั่นไป ในใจข้าตลอดทางมานี้รู้สึกผิดติดค้างมาตลอดเลย”

เอ้อร์หนิวกะพริบตาปริบๆ เหล่ตามองสวี่ชิง

สวี่ชิงได้ยินก็มองๆ ศิษย์พี่ของตัวเอง “มองไม่ออกเลยว่าท่านติดค้างรู้สึกผิดในใจ”

เอ้อร์หนิวหัวเราะฮี่ๆ “แม่ผู้หญิงพวกนั้นแม้คำพูดจะจริงใจ ท่าทางเหมือนจะแก้แค้นให้น้องสาว หลานเหยานั่นก็เคืองแค้นต่อความไม่เป็นธรรม ทั้งโพรงเต็มไปด้วยความต้องการจะแก้แค้นและความยึดมั่น ช่างซาบซึ้งใจจริงๆ แต่ว่า ด้วยสายตาอันคมกริบของข้า มองเพียงผาดเดียวก็รู้ว่า เยวี่ยตงแม่พวกนั้นไม่ใช่คนดี แต่ข้าสัมผัสได้ว่ามันมีเหตุผล”

เอ้อร์หนิวเชิดหน้า สีหน้าฉายแววหยิ่งทะนง

“ข้าเป็นเพราะคุณสมบัติกายพิเศษ ข้าจะบอกเจ้าในนะอาชิงน้อย ตั้งแต่เด็กจนโต นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน มีแต่ข้าไปหลอกคนอื่น จะผู้บำเพ็ญดี เทพเจ้าก็ดี ถูกข้าหลอกมาไม่น้อยเลย!”

“และหลังจากที่หลอกมาหลายครั้งเข้า ข้าก็เหมือนบรรลุมหาวิถีได้ ดังนั้นร่างกายเลยมีภูมิต้านทานโดยไม่รู้ตัว คนอื่นคิดจะหลอกข้า ข้าจะรู้ได้ในทันที”

“เจ้าล่ะ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ชอบมาพากล”

เอ้อร์หนิวสงสัย คำถามนี้เขาเก็บไว้ในใจนานแล้ว หากไม่ใช่ว่าระหว่างทางเวลารีบเร่ง เขาพูดได้ยาก เกรงว่าคงถามคำถามนี้ไปนานแล้ว

“ข้าอยู่กับศิษย์พี่ใหญ่นานเข้าก็มีภูมิต้านทานเช่นกัน”

ฟังคำกล่าวที่ว่ามีภูมิต้านทานเพ้อเจ้อของอีกฝ่าย พลางมองดวงตาของศิษย์พี่ใหญ่ สวี่ชิงเอ่ยเนิบนาบ “ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะ”

เอ้อร์หนิวได้ยินก็กระแอม เลี่ยงหัวข้อสนทนานี้ จากนั้นก็ยกมือตบหน้าผาก ทันใดนั้นก็มีเถาวัลย์สีเขียวอ่อนงอกออกมาจากศีรษะเส้นหนึ่ง ยาวประมาณครึ่งจั้ง ห้อยย้อยลงมา

เขาพลันอ้าปากแล้วกัดกร๊อบ ท่ามกลางการสั่นสะท้านของเถาวัลย์เส้นนั้น ก็กัดมันขาดทันที ก่อนจะโยนไปให้สวี่ชิง

“เอาไป ศิษย์พี่ใหญ่ให้ของกำนัลเจ้า พวกเราพี่น้อง ของวิเศษล้ำค่าอะไรต้องแบ่งให้เท่ากัน!”

เอ้อร์หนิวเอ่ยอย่างโอ้อวดภูมิใจ หลังจากพูดจบก็มองสวี่ชิงตาละห้อย ท่าทางเหมือนว่าเจ้าก็ควรทำกับข้าแบบนี้เช่นกัน

สวี่ชิงหัวเราะ สำหรับเรื่องที่ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะแบ่งเถาวัลย์ให้หรือไม่ เขาไม่สนใจ ระหว่างทางคือไม่มีเวลา หลังจากกลับมายังเผ่ามนุษย์ ต่อให้อีกฝ่ายไม่พูดอะไร เขาก็ยังคงจะแบ่งผลเก็บเเกี่ยวให้อยู่ดี

ระหว่างทั้ง 2 คน โดยพื้นฐานแล้วไม่มีของวิเศษอะไรที่แบ่งไม่ได้

ดังนั้นจึงยกมือสะบัด ทันใดนั้นมิติข้างหน้าก็บิดม้วน เจ้าเงาปรากฏออกมา คายออกมาอย่างว่าง่าย ทันใดนั้นวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือจำนวนมหาศาลก็เทออกมา

ปริมาณของมัน หากเป็นบ่อขนาดจั้งกว่าๆ ก็มากพอที่จะเติมจนได้ไปกว่าครึ่ง

เอ้อร์หนิวเมื่อได้เห็น ดวงตาวาวโรจน์ทันที

“อาชิงน้อย แม้ข้าจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าจะต้องแอบเอาไปแน่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า…จะมากขนาดนี้!!!”

สวี่ชิงในใจก็พอใจกับผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้เช่นกัน เอาขวดออกมา 2 ใบ หลังจากกรอกวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือที่อยู่ข้างหน้าลงไป ก็โยนให้นายกองขวดหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองเจ้าเงาที่แผ่อารมณ์ว่าง่ายเชื่อฟังมาหาตน

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมีเนื้อชุ่มเลือดชื่อหมู่หรือไม่”

สวี่ชิงถามขึ้นมา ตอนนี้เขาไม่เหลือเลยสักชิ้นแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางติดหนี้เจ้าเงา

เอ้อร์หนิวอึ้งตะลึง มองเงาของสวี่ชิง หลังจากยิ้มๆ ก็โยนไปให้สวี่ชิง 3 ชิ้น

สวี่ชิงสะบัดมือ ท่ามกลางความตื่นเต้นของเจ้าเงา เนื้อชุ่มเลือดของชื่อหมู่ทั้ง 3 ชิ้นก็ถูกมันอ้าปากกว้างแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็วนล้อมรอบสวี่ชิง ดีใจสุดขีด จากนั้นก็อ้าปากอีกครั้ง แล้วคายไข่ออกมา

ไข่นี้เป็นสีทอง ในนั้นเต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งเทพเจ้า ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

“ยังมีอีกหรือนี่ นี่เป็นของดี หนูสีทองตัวนั้นแม้ข้าจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของมัน…โดยเฉพาะสัมผัสรับรู้ภายหลังของพวกเราก็พิสูจน์ได้ถึงจุดนี้”

มองไข่ใบนั้น เอ้อร์หนิวก็ยกมือคว้ามันมาใบหนึ่ง

“น่าเสียดายพวกเราไม่เชี่ยวชาญด้านการกกไข่…”

เอ้อร์หนิวถอนหายใจ ในขณะที่ขบคิดอย่างไม่ยอมแพ้นิดๆ ในหัวสวี่ชิงก็มีคนคนหนึ่งและภาพฉากที่ลอบดัดแปลงสายพันธุ์และกกไข่อสูรกลายพันธุ์ผุดขึ้นมา แล้วพลันเอ่ยขึ้นว่า “อู๋เจี้ยนอูถนัด”

เอ้อร์หนิวตาลุกวาบ “ใช่แล้ว เขาถนัด ไข่ 2 ใบนี้พวกเราให้อู๋เจี้ยนอูยืม ให้เขากกไข่ให้พวกเรา”

พูดจบนายกองก็ยกมือเอาไข่ 2 ใบนี้ไป กำลังจะพูดอะไร แต่ในตอนนี้ จู่ๆ ทางเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ที่อยู่ไกลๆ ก็พลันมีประกายแสงฉายวูบวาบขึ้นมา

แสงเจิดจ้าเป็นระลอกๆ พวยพุ่งขึ้นฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นเมฆมงคลเป็นระลอกๆ แผ่ปกคลุมไปกว่าครึ่งของม่านฟ้า

ขณะเดียวกันเสียงระฆังก็ดังมาจากในเมืองหลวง ทุกเสียงล้วนดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ทรงพลังยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย

เสียงระฆังดัง 12 ครั้ง!

สะท้อนก้องไปในเมืองหลวง ดังขึ้นในหูของทุกคน

นี่เกินกว่าพิธีสำหรับอ๋องสวรรค์แล้ว มีเพียงยามเผ่ามนุษย์ชนะหรือบวงสรวงบรรพชนเท่านั้นถึงจะทำเช่นนี้

และวันนี้ เผ่ามนุษย์แม้จะไม่ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็คลี่คลายสถานการณ์วิกฤตอันตรายมาได้ อีกทั้งเกียรติยศที่สวี่ชิงนำมา ต่อให้จะเป็นของเขาส่วนบุคคล แต่เขาเป็นเผ่ามนุษย์ แสงที่แปรเปลี่ยนจากเกียรติยศนี้ จะแผ่ปกคลุมไปยังผืนแผ่นดินเผ่ามนุษย์

ดังนั้น เสียงระฆัง 12 ครั้ง จึงตีเพื่อเขาเพียงคนเดียว!

มองภาพฉากนี้ ฟังเสียงระฆังนี้ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก นายกองที่อยู่ข้างๆ ยืดอก ท่าทางแข็งแกร่งมีพลังดุจพยัคฆ์ดุจมังกร พร้อมเผชิญลมพายุ

ขณะเดียวกันก็ส่งกระแสจิตอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์น้องเล็ก ปลดปล่อยจิ่วหลี สวมเกราะมหาขุนพลฟ้าทมิฬ ความฝันของศิษย์พี่วันนี้อาศัยเจ้าแล้ว”

สวี่ชิงจนปัญญา เขาย่อมรู้ถึงความฝันของศิษย์พี่มหญ่ นั่นก็คือวันหนึ่งได้เป็นมหาขุนพลฟ้าทมิฬ กลับมายังเผ่ามนุษย์ โอ้อวดสักครา

ตามความคิดของเขา เขานั้นไม่คิดจะทำ แต่ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ร้องขอ…

นอกกายสวี่ชิง เกราะมหาขุนพลฟ้าทมิฬพลันปรากฏขึ้น ยิ่งมีจิ่วหลีคำรามออกมา แปรเปลี่ยนเป็นโคม 9 ดวง วนล้อมอยู่รอบกายเขา รัศมีอำนาจทั่วทั้งร่างในเสี้ยวขณะนี้พวยพุ่งท่วมฟ้า

ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก

ในขณะเดียวกัน ดาวจักรพรรดิโบราณในเมืองหลวงดวงนั้น ในขณะนี้ก็ถูกเสียงระฆังเหนี่ยวนำ สะท้านเบาๆ ทันใดนั้นพลังชะตาเป็นกลุ่มๆ ก็พวยพุ่งขึ้น ก่อเป็นอสูรมงคลเป็นตัวๆ ในเมฆมงคลเหล่านั้น รัศมีอำนาจยิ่งใหญ่ท่วมท้น

กระทั่งว่ามังกรพลังชะตาเผ่ามนุษย์ก็ปรากฏตัวออกมา บินวนอยู่บนท้องฟ้า มาพร้อมด้วยเงาปราชญ์เมธีมากมาย ทั้งเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ เปล่งประกายเจิดจรัสไม่ธรรมดาไปในทันที!

สุดท้าย หลังจากที่มังกรแห่งพลังชะตาตัวนั้นส่งเสียงสะท้านสะเทือนฟ้าดิน เงาร่างมากมายก็พุ่งออกมาจากในเมืองหลวง จำนวนมากถึงหลายพัน

ในนั้นล้วนเป็นขุนนางใหญ่ฝ่ายต่างๆ ของเผ่ามนุษย์ ชนชั้นสูงผู้มีอำนาจ และผู้แข็งแกร่ง ในนั้นกว่าครึ่งสวี่ชิงเคยเห็นมาก่อน และคนที่เป็นผู้นำคือชายกลางคนท่วงท่าองอาจสง่างามไม่ธรรมดาคนหนึ่ง!

ชายกลางคนคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีฟ้าแกมด้วยลายเมฆาขาว ร่างกำยำสูงใหญ่ประดุจขุนเขาสูง ดึงดูดสายตาคนเป็นอย่างยิ่ง

ใบหน้าเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ดวงตาคมปลาบเหมือนมองทะลุซึ่งทุกสิ่ง ทำให้คนต้องเคารพยำเกรง

จมูกโด่ง ริมฝีปากเม้มสนิท ทำให้คนรู้สึกถึงความสุขุมสงบนิ่ง เด็ดเดี่ยวมาดมั่น โดยเฉพาะหน้าตายังฉายความทรงอำนาจ เหมือนเป็นผู้นำมาแต่กำเนิด

ตอนนี้เดินมานำอยู่หน้าคนทั้งหลาย เงาเคลื่อนไหวดุจสายลม ความสุขุมสง่างาม ราวว่าเป็นธรรมชาติที่ติดตัวมา

พลังบำเพ็ญทั้งร่างยิ่งถึงระดับเตรียมสู่เทวะ 8 โลก!

เป็นอ๋องสวรรค์อันดับ 1 ของเผ่ามนุษย์ อ๋องเจิ้นเหยียนนั่นเอง

เขาอยู่ในเผ่ามนุษย์เป็นตำนาน และเป็นเทพนิยาย!

ในฐานะที่เป็นอ๋องอันดับ 1 ยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่โดยภายนอกแล้ว นอกจากจักรพรรดิมนุษย์ ตัวตนของเขา ในใจของผู้บำเพ็ญคือเสาค้ำทะเล ในกองทัพก็เป็นเหมือนเทพแห่งสงคราม

ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 8 โลกเพียงคนเดียวของเผ่ามนุษย์ ในสถานการณ์ที่จักรพรรดิไม่อาจไปจากเมืองหลวงได้ง่ายๆ ในสถานการณ์ที่มหาจักรพรรดิครองกระบี่มีพลังเพียงแค่กระบี่เดียวเท่านั้น สงครามทุกอย่างภายนอกของเผ่ามนุษย์ล้วนต้องให้เขาเป็นผู้จัดการ

ดังนั้นนอกจากจะคอยรักษาเฝ้าคุ้มกันที่ชายแดนเผ่านภาคิมหันต์อยู่ตลอดแล้ว อ๋องเจิ้นเหยียนชั่วชีวิตนี้ ศึกเล็กใหญ่ที่ผ่านมาเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน

ศึกใหญ่ของเผ่ามนุษย์แทบจะทุกครั้ง เขาล้วนเข้าร่วมด้วย ทุกครั้งที่สถานการณ์ร้ายแรงที่สุด อันตรายที่สุด เขาล้วนไม่ปฏิเสธบอกปัด

เวลาเนิ่นนานมานี้ เขาเกือบที่จะแตกดับหลายต่อหลายครั้ง ได้รับบาดเจ็บยิ่งเรียกว่านับครั้งไม่ได้ ใช้ค่าตอบแทนนี้ สังหารซึ่งต่างเผ่ามากมายจนสามารถกองรวมเป็นมหาสมุทรโครงกระดูกได้

พูดได้ว่าทำสงครามมาตลอดทั้งชีวิต!

และวันนี้ เขากลับมา อีกทั้งยังเดินมาต้อนรับสวี่ชิงด้วยตัวเอง!

จะเห็นได้ว่าเผ่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับพิธีต้อนรับการกลับมาของสวี่ชิงในระดับสูงมาก อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่จักรพรรดิมนุษย์และอ๋องเจิ้นเหยียนให้กับสวี่ชิงอีกด้วย

สวี่ชิงทางนี้ก็ตื่นตะลึงไปเช่นกัน เขาไม่เคยเจออ๋องเจิ้นเหยียนมาก่อน สำหรับเรื่องราวของอีกฝ่าย เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็ได้ยินมามากมายนัก

ตอนนี้จากท่าทีของคนทั้งหลาย จากความน่ากลัวของพลังบำเพ็ญของอีกฝ่าย จากกลิ่นอายที่เนื่องจากสังหารมามากมายนักจนยากที่จะสะกดลงไป ก็มองถึงฐานะของอีกฝ่ายออกทันที

อ๋องสวรรค์ที่ทำสงครามชั่วชีวิตเพื่อเผ่ามนุษย์เช่นนี้ สวี่ชิงย่อมเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่ฟังคำพูดของนายกองอีกต่อไป แต่เก็บเกราะมหาขุนพลฟ้าทมิฬและจิ่วหลีลงไปทันที ก้าวไปข้างหน้าสามสี่ก้าว สีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดคารวะไปทางผู้มาเยือน “สวี่ชิงคารวะอ๋องเจิ้นเหยียน”

สายตาเป็นประกายของอ๋องเจิ้นเหยียนจับจ้องไปบนร่างสวี่ชิง บนใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังเผยรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยาก

“หยั่งจิตหมื่นจั้ง มหาจักรพรรดิประทานกระบี่ เจ้าแดนแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ผู้สูงส่งมหาขุนพลฟ้าทมิฬแห่งนภาคิมหันต์ ช่างเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานเลิศล้ำของเผ่ามนุษย์เรานัก!”

อ๋องเจิ้นเหยียนหัวเราะ ในดวงตาฉายแววชื่นชม ความชื่นชมต่อสวี่ชิงมากมายล้นพ้น ออกมาจากใจ

ผู้สูงส่งมีอำนาจหลายพันคนข้างหลัง แต่ละคนก็ไม่สนว่ามีความคิดอะไรในใจ แต่ดูแล้วล้วนใบหน้ายิ้มแย้ม ในดวงตาที่มองสวี่ชิงล้วนแฝงด้วยความเคารพ ต่างประสานหมัด

“อ๋องสวรรค์ชมเชยไปแล้ว สวี่ชิงไม่กล้ารับความชอบ การเดินทางครั้งนี้หากไม่มีศิษย์พี่ใหญ่ของข้าคอยช่วยเหลือ ก็ยากที่จะสำเร็จจริงๆ” สวี่ชิงทำความเคารพกลับอย่างเคร่งขรึม

อ๋องเจิ้นเหยียนได้ยิน สายตาก็เบนมาจับจ้องไปที่ร่างของเอ้อร์หนิว

“วางแผน 3 เทพ ชิงแผ่นดินเทวะ กลืนกินเลือดเสี้ยวหน้า ยอดเยี่ยมนักเฉินเอ้อร์หนิว เผ่านภาคิมหันต์ไม่ให้เกราะมหาขุนพลฟ้าทมิฬกับเจ้า ไม่ให้เกียรติยศกับเจ้า เราเผ่ามนุษย์ให้เจ้าเอง!”

คำพูดของอ๋องเจิ้นเหยียนเมื่อดังออกมา เอ้อร์หนิวดวงตาเบิกกว้าง ในใจซัดโหม อ๋องเจิ้นเหยียนคนนี้ ไม่เพียงแต่เข้าใจพวกเขา กระทั่งว่าแม้แต่ความคิดของตนก็ล้วนมองทะลุ

“คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เพียงแค่ผาดเดียวก็มองถึงความไม่ธรรมดาของข้าออก รู้ว่าข้าถึงจะเป็นบุตรแห่งชะตา รู้ถึงความยอดเยี่ยมของข้า เข้าใจความยิ่งใหญ่ของข้า”

เอ้อร์หนิวปลื้มปิติยินดี รีบคารวะขอบคุณ

อ๋องเจิ้นเหยียนส่งเสียงหัวเราะดังมา เห็นสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ในใจของเขาชื่นชมนัก ดังนั้นจึงยกมือสะบัด

“ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version