Skip to content

Outside Of Time 957


บทที่ 957 คิดเล็กคิดน้อยไปไย

วันนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

CC

จักรพรรดินีสำเร็จเทพเป็นแผนการยิ่งใหญ่ที่หลายฝ่ายเข้าร่วมด้วยและน่าตื่นตะลึง

ในนี้แฝงไว้ด้วยพิธีของจักรพรรดินีที่ตัวอยู่ในเผ่ามนุษย์ รวมไปถึงการวางแผนของรัชทายาทรัฐม่วงครามในแผ่นดินใหญ่กลืนนภา รวมไปถึงแผนการต่ออนาคตของเทพดวงตะวัน ดวงจันทร์และดวงดาวทั้ง 3 อีกด้วย

และยังรวมไปถึงท่าทีของแดนศักดิ์สิทธิ์

ยิ่งรวมไปถึงผู้ที่แม้จะยังไม่ลงมาเยือนแต่ก็มีการแลกเปลี่ยนกับจักรพรรดินี

ยกตัวอย่างเช่นหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวในอุโมงค์ภูต

เช่นนี้แล้ว ความซับซ้อนของขั้นตอนแค่คิดเอาก็รู้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในผลกรรมเวรมากมายทั้งหลายนี้ ยังมีภารกิจของมหาจักรพรรดิอยู่ในนั้นด้วย

มหาจักรพรรดิครองกระบี่ชั่วทั้งชีวิตนี้สังหารเทพเจ้ามานับไม่ถ้วน ที่ถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสยิ่งมีจำนวนมากกว่า ด้วยเหตุนี้หลังจากที่พยากรณ์รู้ล่วงหน้าว่าเขาใกล้จะแตกดับ เทพเจ้าที่ถูกผลกรรมเวรเหนี่ยวนำมาย่อมมีจำนวนไม่น้อย

ดังนั้น แผนการที่เดิมก็มีหลายฝ่ายอยู่แล้วก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกด้วยเหตุนี้

ระดับความปั่นป่วนของมัน ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์น้อยนักที่จะได้พบเห็น!

ดึงดูดการจับจ้องของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งแผ่นดิน!

แต่จวบจนถึงตอนนี้ กระบี่สุดท้ายในตำนานของมหาจักรพรรดิครองกระบี่ก็ยังคงไม่สำแดงออกมา

กระบี่นี้เหมือนลอยอยู่เหนือศีรษะของทุกฝ่าย เผ่าแข็งแกร่งมากมาย เทพเจ้ามากมาย ก็ต่างหวาดหวั่นด้วยเหตุนี้ ไม่มีใครอยากจะเป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย

ดังนั้นแข็งแกร่งอย่างอวี้หลิวเฉิน สุดท้ายก็ยังคงเลือกที่จะหลีกถอย

องค์ท่านดูเหมือนถูกระฆังถามเซียนขัดขวาง แต่โดยสรุปแล้ว สุดท้ายสิ่งที่องค์ท่านระแวงที่สุดก็ยังคงเป็นมหาจักรพรรดิครองกระบี่

องค์ท่านไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อหยั่งเชิง!

ถึงตอนนั้น ด้วยจักรพรรดินีที่เป็นระดับเจ้าเหนือหัวสุดยอด ร่วมกับร่างเทพของจักรพรรดิมนุษย์ทั้ง 5 หากคิดอยากจะค้นหาเรื่องจริงเท็จของมหาจักรพรรดิครองกระบี่ ก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนแล้ว

ดังนั้นตอนนี้ก็ต้องดูว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายที่ไม่ยอมให้จักรพรรดินีสำเร็จเทพที่สุดแล้ว

ดังนั้น…

ในเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ ในยามที่ประชนชนในดินแดนเมืองหลวงจ้องมองจักรพรรดินีที่อยู่บนท้องฟ้าอย่างร้อนรนเป็นกังวล ทางทิศตะวันออกของถนน 9 ตาข่าย ในร้านหนังสือที่เปิดกิจการสืบทอดมารุ่นสู่รุ่นอย่างยาวนาน มีเสียงถอนหายใจเสียงหนึ่งดังมา

ในร้าน ในวันที่พิเศษวันนี้ไม่มีคนมาซื้อหนังสือ

มีเพียงลูกจ้างในร้านไม่กี่คนที่นั่งอยู่บนธรณีประตู จ้องมองท้องฟ้า พากันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์

ข้างหลังพวกเขา บริเวณโต๊ะรับแขกของร้าน เจ้าโหย่วเต๋อผู้เป็นเจ้าของร้านที่สวมชุดคลุมยาวสีเหลือง พับม้วนตำราไม้ไผ่ที่อยู่ข้างหน้า เงยหน้าขึ้น

เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากของเขานั่นเอง

รูปร่างหน้าตาของเจ้าโหย่วเต๋อไม่ได้โดดเด่น ผมเป็นสีดอกเลาแล้ว ลมพัดเข้ามาในร้าน กระทบร่างของเขา ทำให้เส้นผมที่เหมือนกับดอกอ้อยามฤดูใบไม้ร่วง ปลิวพริ้วไปตามลม

บางทีอาจเพราะอายุมากแล้ว วันเวลาแม้จะทิ้งร่องรอยยับย่นพันพาดไว้บนใบหน้าของเขา แต่ก็นำความเมตตามาเต็มใบหน้าด้วยเช่นกัน

ดวงตาแม้ไม่สุกสว่าง แต่ก็มีความล้ำลึก เพียงแต่ตอนนี้มีความอับจนใจเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

“คิดเล็กคิดน้อยไปไย”

เจ้าโหย่วเต๋อเป็นผู้ดูและร้านหนังสือแห่งนี้รุ่นที่ 17 แล้ว และเป็นเจ้าของด้วยเช่นกัน เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ และพักอาศัยอยู่ที่เรือนด้านหลังของร้านแห่งนี้

นอกจากภรรยาที่ป่วยเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ชีวิตของเขาเหมือนจะไม่มีเรื่องน่าเสียดายอะไร บิดามารดาก็ยังคงแข็งแรงดี ลูกหลานก็กตัญญูเป็นอย่างมาก กิจการของร้านก็ไม่เลว

ในฐานะที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเขาโดยปกติแล้วชอบอ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะวรรณกรรมสำคัญมีชื่อเสียงยุคโบราณ

ผ่านจากการอ่านและการวิเคราะห์ เขาเหมือนจะเข้าใจปรัชญาชีวิตมากมาย และมักจะใช้ปรัชญาเหล่านี้มาชี้นำการกระทำของตัวเอง ยิ่งมีความสุขที่จะแบ่งปันความรู้พวกนี้กับคนรอบกาย

เพื่อนบ้านรอบๆ คนใกล้ตัวต่างให้ความเคารพนับถือเขาในระดับหนึ่งทั้งสิ้น

และตัวเขาก็ชอบชีวิตเช่นนี้เช่นกัน

แต่วันนี้ เขารู้…ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นแล้ว

ดังนั้น ท่ามกลางเสียงถอนหายใจ เขาเอามือไพล่หลัง เดินหลังโค้งค่อมไปจากโต๊ะรับแขก

มองร้านหนังสือแห่งนี้อย่างอาลัยอาวรณ์ผาดหนึ่ง เขาส่ายหน้า เดินไปทางประตูใหญ่

ในยามที่ผ่านธรณีประตู ลูกจ้างทั้งหลายที่นั่งอยู่ตรงนั้น ต่างมองไปทางเขาอย่างแปลกประหลาด

“ท่านเจ้าของร้าน ข้างนอกคนเยอะแยะมากมาย อีกทั้งยังวุ่นวายเหลือเกิน นี่ท่าน…”

เจ้าโหย่วเต๋อฝีเท้าหยุดชะงัก สายตามองไปยังร่างของลูกจ้างเหล่านี้ สีหน้าแฝงรอยนึกย้อนความหลังเล็กน้อย

“เอ้อร์โกว เจ้าหน้าตาคล้ายปู่ของเจ้าเข้าไปทุกทีแล้ว”

“แล้วก็เสี่ยวหม่า เจ้าวันหน้าต้องอ่านหนังสือมากๆ รู้ไหม”

“พวกเจ้าน่ะ…ติดตามข้ามาทุกรุ่น ร้านแห่งนี้ให้เจ้าทั้ง 2 ก็แล้วกัน”

คำพูดเช่นนี้ทำให้ลูกจ้างทั้ง 2 คนี้ต่างอึ้งตะลึง รีบลุกขึ้นยืน กำลังจะพูดอะไรอีก แต่เสี้ยวขณะต่อมา เจ้าของร้านของพวกเขาก็หายตัวไปจากในร้านแล้ว

บนถนน 9 ตาข่าย ใต้แสงอาทิตย์อัสดง เงาร่างของเจ้าโหย่วเต๋อเดินออกมาจากความว่างเปล่า เดินไปทางเมืองหลวง

เดินไป เขาก็ถอนหายใจไปด้วย

“คิดเล็กคิดน้อยไปไย……”

เจ้าโหย่วเต๋อถอนหายใจอีกครั้ง เขาชอบโลกมนุษย์แห่งนี้ ชอบเผ่ามนุษย์ในโลกนี้ ในเวลาเนิ่นนานนับไม่ถ้วน เขาใช้ฐานะต่างๆ ดูแลกิจการร้านหนังสือ พูดคุยกับเผ่ามนุษย์ที่มาซื้อหนังสือที่ร้านมากมาย และมีสหายต่างวัยมากมายเช่นกัน

เดิมคิดว่าชีวิตก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป

“แดนศักดิ์สิทธิ์แม้จะทำเกินสมควร แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกบฎเลยนี่นา…เฮ้อ”

ในเสียงถอนหายใจ เรือนข้างหลังร้านหนังสือของเขาแห่งนั้น บิดามารดา ลูกหลาน สมาชิกในบ้านทุกคนของเขา คนที่โดยปกติแล้วเหล่านี้ดูเป็นคนมีชีวิตจริงๆ

ตอนนี้ร่ายกายกลับพลันแข็งค้าง จากนั้นก็ต่างส่งเสียงถอนหายใจเหมือนเขาออกมา

จากนั้นก็ต่างร่างรางเลือนสลายไป แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงสีเงินเป็นจุดๆ ผสานเข้าไปในมิติ มาปรากฏบนถนน 9 ตาข่าย หลอมรวมเข้ามาในร่างของเจ้าโหย่วเต๋อ

หลังที่โค้งค่อมของเขาค่อยๆ เหยียดตรงขึ้นมา

ใบหน้าแก่ชราของเขาค่อยๆ หนุ่มขึ้น

พลังบำเพ็ญน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งกำลังเดือดพล่านในกายเขา ระดับสร้างฐาน ปราณก่อกำเนิด หวนสู่อนัตตา จวบจนถึงระดับเตรียมสู่เทวะ…และจากนั้นเป็นระดับเจ้าเหนือหัว!

พวยพุ่งขึ้นตลอด จนสุดท้ายหยุดอยู่ที่ครึ่งก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะขั้นสุดยอด!

แข็งแกร่งน่าตื่นตะลึง แต่กลับไม่แผ่ออกมาจากในร่างแม้แต่น้อย

เพียงแต่เงาแผ่นหลังที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ยามพลบค่ำนี้ กลับดูโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง

เขาเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ นึกย้อนถึงชีวิตของตัวเอง

เขามีชาติกำเนิดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากภารกิจหนึ่งจึงลงมาเยือนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ภารกิจนั่นก็คือสังหารจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อ!

หลังจากสำเร็จ เขาไม่อาจกลับไปได้ ดังนั้นจึงซ่อนอยู่ในเผ่ามนุษย์มานานมากๆ ระหว่างนั้นเขาไม่เคยลงมืออีกเลย

ซ่อนตัวโดยตลอด

เพราะเขาระแวงมหาจักรพรรดิครองกระบี่

เจ้าโหย่วเต๋อถอนหายใจอีกครั้ง ฝีเท้าหนึ่งเหยียบย่างลงมา

ฝีก้าวนี้ก้าวข้ามเมืองหลวง ข้ามวังหลวง เหยียบย่างมาบนดาวจักรพรรดิโบราณ เป้าหมายของเขาคือ…เพลิงเทวะบนดาวจักรพรรดิโบราณ!

เขาไม่อยากสู้กับจักรพรรดินี ยิ่งไม่อยากลงมือหยั่งเชิงมหาจักรพรรดิครองกระบี่ด้วยตัวเอง เขาทำตามความเชื่อของตัวเอง แค่อยาก…ดับเพลิงเทวะก็เท่านั้น

ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นก็เงียบงันไร้เสียง

ไม่มีสายฟ้าฟาดคำราม ไม่มีระลอกคลื่นพลังหมื่นจั้ง เหมือนกับที่เขาซ่อนตัวมาโดยตลอด ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น เขาเงื้อมือ ทันทีที่จักรพรรดินีรู้สึกตัว ในเสี้ยวขณะที่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองมา

มือของเขาก็ซัดมายังเพลิงเทวะ กำลังจะดับมัน!

แต่ในตอนนี้เอง เสียงสงบนิ่งเเสียงหนึ่ง ดังสะท้อนมารอบกายเจ้าโหย่วเต๋อ

“เจ้าของร้าน เจ้า เพลิงกองนี้ ดับไม่ได้”

สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาตามเสียง เป็นเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่ง

ชุดคลุมยาวสีม่วง ผมยาวสีม่วง เครื่องหน้าทั้ง 5 ประดุจธรรมชาติสรรค์สร้าง งดงามปราณีตเป็นอย่างยิ่ง คิ้วเรียวยาวทว่ามีพลัง ประดุจเค้าโครงของทิวเขาทอดตัวยาว

โดยเฉพาะดวงตาทั้ง 2 เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและล้ำลึก

เป็นราชครูนั่นเอง!

รัชทายาทรัฐม่วงคราม

เขามาปรากฏตัวข้างหน้าเจ้าโหย่วเต๋อ หันหลังให้เพลิงเทวะ แต่ต่อให้เป็นเพลิงกองนี้ก็ไม่อาจปกปิดรูปลักษณ์อันโดดเด่นของเขาได้

ในเปลวเพลิง ทั้งตัวเขาเหมือนดวงดาวพร่างพราย กะพริบวับวามอยู่บนท้องฟ้าแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่เหมือนคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ในขณะเดียวกับที่เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนก็ยกมือขวาขึ้น สะบัดไปข้างหน้า

มือที่ยกขึ้นมาของเจ้าโหย่วเต๋อไม่ซัดลงมา

ส่วนการปรากฏตัวขึ้นของราชครู ทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยของเผ่ามนุษย์ในใจต่างโล่งอก

ราชครูแม้จะลึกลับเกินหยั่ง แต่ก็เพราะความลึกลับของเขาทำให้เหมือนมีความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

การมาเยือนของอีกฝ่าย เขาไม่ประหลาดใจเลย

ดังนั้นเขาจึงมองไปอย่างสงบนิ่ง

เขาอยากจะดูพลังที่แท้จริงของรัชทายาทรัฐม่วงครามสักหน่อย

สังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิง รัชทายาทรัฐม่วงครามที่เผชิญหน้าอยู่กับเจ้าโหย่วเต๋อ สายตาเบนมา จับจ้างบนร่างสวี่ชิง รอยยิ้มอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

“น้องพี่ ได้รับของกำนัลแล้วหรือไม่”

สวี่ชิงใบหน้าเรียบนิ่ง

รัชทายาทรัฐม่วงครามยิ้มอีกครั้ง สายตากลับมายังร่างของเจ้าโหย่วเต๋ออีกรอบ เอ่ยราบเรียบ

“ข้าเห็นห้วงเวลาของเจ้า”

ประโยคนี้ดังออกมา เจ้าโหย่วเต๋อสีหน้าเคร่งเครียด

ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะขั้นสุดยอด ต่อให้เป็นในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นผู้ที่มีอำนาจอิทธิพลในแถบหนึ่งเหมือนกัน

ในเผ่ามนุษย์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์นี้ ปัจจุบันนอกจากจักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิครองกระบี่ เขาไม่กลัวใครทั้งสิ้น จวบจนกระทั่งตอนนี้ เผชิญหน้ากับราชครูผู้นี้ เขาพลันพบว่าในความรู้ความเข้าใจของตัวเอง เมื่อก่อนหน้านี้ สำหรับคนคนนี้นั้นเลือนรางมาโดยตลอด

แต่ก่อนหน้านี้เขากลับไม่รู้ตัว

“ในเมื่อน้องพี่อยากดู เช่นนั้นข้าทำให้ละเอียดยิ่งกว่าเดิมอีกสักนิดแล้วกัน ต่อจากนี้ ข้าจะเฉือนเวลาของเจ้า ให้พวกมันเป็นอิสระ”

รัชทายาทรัฐม่วงครามเอ่ยต่อไป คำพูดของเขาดังก้อง รอบๆ เจ้าโหย่วเต๋อมิติพลันบิดเบี้ยว ชีวิตของเขา อดีตของเขา ไม่อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ประดุจภาพฉากโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางแผ่มา

ในภาพจะเห็นภาพที่เขาสังหารจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อ จะเห็นทุกอย่างที่เขาซ่อนตัวในร้านหนังสือ จะเห็นเขาแปลงกายเป็นสมาชิกในบ้าน เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เป็นทั้งบรรพชน เป็นทั้งลูกหลาน

ชั่วชีวิตของเขาที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ปรากฏในฟ้าดินเช่นนี้เอง

จากนั้น ในยามที่สีหน้าของเขาเคร่งขรึม มือขวาของรัชทายาทรัฐม่วงครามก็ดึงห้วงเวลาออกมา เพียงพริบตาเจ้าโหย่วเต๋อในอดีตมากมายที่อยู่ในภาพเหล่านั้น ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ต่างพลันเงยหน้าขึ้นมา

จากอดีตมองมายังปัจจุบัน

จากนั้น ทั้งหมดต่างยกเท้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

ฟ้าดินคำรามลั่น ท้องฟ้าเปลี่ยนสี กลิ่นอายมหาวิถีลงมาเยือน แม่น้ำห้วงเวลาปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ปกคลุมมาในโลก

สวี่ชิงดวงตาฉายประกายเย็นเยือก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นแม่น้ำแห่งห้วงเวลา ตอนนั้นในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ท่านย่าสามที่เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์แห่งเวลาก็เคยเหนี่ยวนำแม่น้ำแห่งห้วงเวลามาเช่นกัน

แต่เทียบกับภาพข้างหน้าจากรัชทายาทรัฐม่วงครามภาพฉากนี้ แม่น้ำของทางท่านย่าสามก็เหมือนกับลำธารเล็กๆ

ที่ปรากฏอยู่ในฟ้าดินตอนนี้ราวกับแม่น้ำสวรรค์ห้วงบรรพกาล

ปกคลุมวังหลวง ปกคลุมเมืองหลวง แผ่ระลอกคลื่นพลังไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่

โลกที่ตาเนื้อมองไปทั้งใบล้วนถูกแม่น้ำแห่งห้วงเวลาปกคลุม

และในแม่น้ำสายนี้ เจ้าโหย่วเต๋อในอดีตมากมายนับไม่ถ้วนก็เหมือนกับปลาในแม่น้ำ พลันกระโดดขึ้นมา

จากอดีต เหยียบย่างมาในปัจจุบัน มาปรากฏอยู่กลางท้องฟ้า

ในพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็พุ่งมายังเจ้าโหย่วเต๋อ

“น้องพี่ เข้าใจกระจ่างแล้วหรือยัง ทุกคนนี้ล้วนเป็นอดีตของท่านเจ้าของร้านเจ้าทั้งนั้น พวกเขาสังหารท่านเจ้าของร้านเจ้า ท่านเจ้าของร้านเจ้าก็ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว ตอนนี้หากไม่มีตัวตน อดีตก็เป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น”

“แล้วท่านเจ้าของร้านเจ้าสังหารพวกเขาก็เท่ากับสังหารอดีตของตัวเอง ไม่มีอดีตก็จะไม่มีปัจจุบัน”

“น้องพี่ หากเป็นเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร”

รัชทายาทรัฐม่วงครามเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version