Skip to content

Outside Of Time 967


บทที่ 967 หลังฟื้นตื่น

5 เดือนต่อมา

HH

ทางเหนือของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ

ดวงอาทิตย์ร้อนระอุแขวนอยู่บนอากาศ เส้นแสงสีทองราวกับกระบี่แหลมคมนับไม่ถ้วน ทิ่มแทงไปยังทะเลต้องห้ามเบื้องล่างอย่างไร้ปรานี

ผ่านบริเวณใดทะเลต้องห้ามราวถูกจุดไฟเผา เกิดเป็นคลื่นโทสะม้วนกลิ้งขึ้นมา ทำให้คนหายใจไม่ออก พร้อมกันนั้นก็สัมผัสได้ถึงความพยศของทะเลกว้างผืนนี้

โดยเฉพาะลมทะเลกำลังแรงที่ม้วนเข้ามา คล้ายจะพัดทุกสิ่งบนผิวทะเลไปยังขอบฟ้าไร้สิ้นสุด

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของคลื่นทะเลที่ดังกึกก้องพร้อมกันคล้ายเสียงคำรามของอสูรทะเลนับไม่ถ้วน เกิดเป็นพลังมหาศาลสะท้านสะเทือนทุกชีวิต

ราวกับจะฝังกลบทุกอย่างไปยังก้นทะเลลึกกว้างใหญ่

ไอพลังประหลาดที่กระจายอยู่ทั่วก็ลอยขึ้นมาตามคลื่น ด้วยผลกระทบจากมัน เส้นแสงก็บิดเบี้ยว โลกหล้าพร่ามัวไปทั้งผืน

เมื่อเทียบกับทะเลต้องห้าม คล้ายว่าการมีอยู่ทั้งหลายเป็นดั่งฝุ่นละอองที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง

อย่างเช่นเรือเดี่ยวไม่สะดุดตาบนทะเลต้องห้ามไร้สิ้นสุดที่เหมือนเชื่อมกับปลายฟ้าดินในตอนนี้

ในเรือเดี่ยว หวงเหยียนนอนอยู่ในนั้นท่ามกลางฟ้าดินพร่ามัว ท่ามกลางไอพลังประหลาดทั่วทิศ บนคลื่นทะเลรุนแรง เขาตีพุงพ่นลมหายใจยาวเหยียด กวาดมองก้นทะเลผาดหนึ่ง

“ม้วนตัวเก่งจริงนะ”

เสียงหวงเหยียนเจือแววทอดถอนใจ ขณะถูกเสียงคลื่นดังกลบ เถาวัลย์ยักษ์ที่หนากว่า 1 จั้งพุ่งขึ้นมาจากผิวทะเล กวาดทั่วทิศแล้วส่งคลื่นความรู้สึกตื่นเต้นออกมา

จากนั้นจมลงในทะเลอีกครั้ง ม้วนคลื่นใต้น้ำมุ่งตรงไปก้นทะเล

ในส่วนลึกของทะเลต้องห้ามโลกเหมือนถูกทาทาบด้วยเชื้อเพลิงสีดำ บดบังแสงทั้งปวง ปิดกั้นความร้อนทั้งหมด ทำให้ที่นั่นมืดมิดและเย็นเยียบทั้งผืน

มีเพียงแสงดาวที่แผ่จากตัวเถาวัลย์ กลายเป็นเส้นแสงหนึ่งเดียวในก้นทะเล

น้ำทะเลคล้ายถูกแยกพร้อมความเร็วที่เข้ามาของมัน ไอพลังประหลาดในนั้นราวกับเป็นสารอาหารของเถาวัลย์

มันกลืนและคายอย่างสุขใจ ความเร็วก็ว่องไวขึ้นทุกที อสูรทะเลธรรมดาบางชนิดสัมผัสได้จากไกลๆ ต่างพากันตัวสั่นรีบหลีกเร้น

เถาวัลย์จึงผ่านไปโดยไร้อุปสรรคตลอดทาง เมื่อเข้าใกล้ก้นทะเล แสงดาวบนตัวมันก็ส่องสะท้อนพื้นที่ก้นทะเลบางส่วนให้มัวซัวขึ้นมา

อาศัยแสงดาวเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าท่ามกลางกรวดทรายสีดำบนก้นทะเลบริเวณนี้ถึงกับมีหลุมทะเลลึก

ในนั้นพิศวง กระทั่งแสงดาวก็ไม่อาจส่องเข้าไป ยังมีกลิ่นอายประหลาดที่เต็มไปด้วยความกดดันแผ่ออกมา

และบนหลุมทะเลนี้ ถึงกับมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง

คนผู้นี้สวมชุดยาวสีม่วงปักดอกซ่อนลาย ผมสีม่วงปกคลุมหัวไหล่ คล้ายน้ำทะเลต้องห้ามไม่อาจกล้ำกรายแม้เพียงนิด ขณะลอยล่องเป็นธรรมชาติ สีม่วงทั้งกายนี้ก็ทำให้ความงามของเขาเด่นชัดขึ้น

ผิวเขาขาวผ่องดั่งหยก แสงดาวส่องไปคล้ายปรากฏเป็นแสงเรืองรองจางๆ

นัยน์ตาดุจทะเลสาบลึกล้ำ สว่างไสวและลึกซึ้ง ราวกับสามารถเห็นทะลุจิตใจ ทำให้คนไม่กล้าสบตากับเขา

โดยเฉพาะความองอาจหลักแหลมที่เผยอยู่ตรงหว่างคิ้ว เรียกได้ว่าคิ้วคมดุจกระบี่ตาสุกใสดุจดวงดาว ทำให้คนเคารพยำเกรง 3 ส่วน

คนทั้งคนราวกับดวงดาวสว่างไสว!

เป็นสวี่ชิงนั่นเอง!

เขาสีหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาไม่สั่นไหวสักน้อยนิด นั่งขัดสมาธิอยู่เหนือหลุมทะเล มือขวายกขึ้นจับเถาวัลย์

เถาวัลย์ด้านหนึ่งอยู่ข้างนอก แหวกว่ายอยู่ในทะเลต้องห้าม บัดนี้กลับมาโอบล้อมรอบด้าน ให้ความรู้รู้สึกสนิทสนม

ส่วนอีกด้าน…กลับอยู่ลึกลงไปในหลุมทะเล กำลังดิ้นรนอย่างรุนแรง

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังสวี่ชิงยกมือดึง ฉับพลันเถาวัลย์ด้านที่จมอยู่ในหลุมทะเลถอนกลับมาลอยอยู่ตรงหน้าสวี่ชิงพร้อมเสียงร้องโอดครวญน่าสังเวช

บนนั้นถึงกับมัดการมีอยู่น่าสะพรึงกลัวไว้อย่างหนึ่ง!

นั่นคือหญิงชราในชุดยาวที่ถักจากก้างปลานับไม่ถ้วน ภายนอกยังมีหนวดปลาหมึกจำนวนมาก

นางมีรอยย่นเต็มหน้า ทั้งยังเน่าเปื่อยไปกว่าครึ่ง มีเพียงนัยน์ตาสีทองเผยความหวาดกลัว ลมหายใจยิ่งมีไอพลังประหลาดเข้มข้น แฝงความเป็นเทพไว้อย่างชัดเจน

ข้างหลังหญิงชรายังมีลิ้นแดงฉานใหญ่ยักษ์แลบออกมาจากชุดยาวก้างปลาที่ลอยพลิ้วอยู่นั้น บนลิ้นมีวิญญาณคนตายนับไม่ถ้วน

ต่างกำลังร้องโหยหวน

ส่วนหนวดปลาหมึกบนตัวเหล่านั้น ทุกเส้นล้วนมีดวงตางอกอยู่ เป็นสีทองเช่นเดียวกัน ยามนี้ทั้งหมดลืมตามองสวี่ชิงด้วยความหวาดกลัว

เพียงแต่ตอนนี้ขาดไปกว่าครึ่ง กระทั่งกายเนื้อของนางก็เสียไปบางส่วน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

พลังที่เคยกดดันมาอยู่ต่อหน้าสวี่ชิงในตอนนี้กลับไม่มีความน่าเกรงขามอย่างเคย ได้เพียงตัวสั่นเทา

นางคือจวีอิง!

หนึ่งในเทพเจ้าที่ถูกบูชาบนเกาะเงือกตอนแรก

บอกว่าเป็นเทพเจ้า ความจริงก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตประเภทเทพที่แข็งแกร่งเท่านั้น ไม่มีเพลิงเทวะ ทั้งไม่มีอำนาจเทพเจ้ามากนัก

และตอนนี้ นางคือเหยื่อของสวี่ชิง

สวี่ชิงถึงกับมัดนางไว้ด้วยเถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์ ใช้นางเป็นเหยื่ออยู่ตรงนี้…เพื่อตกปลา

“ความเป็นเทพของเจ้ายังส่งออกมาไม่พอ” สวี่ชิงกล่าวคำราบเรียบ สะบัดครั้งหนึ่ง แสงดาวบนเถาวัลย์ส่องสว่างเป็นพลังผูกมัด ทำให้จวีอิงร้องโหยหวนกว่าเดิมแล้วโยนนางลงไปในหลุมทะเลเบื้องล่าง

ครั้งนี้ คลื่นของจวีอิงชัดว่ารุนแรงกว่าก่อนหน้า ความเป็นเทพที่แผ่ออกมาก็เข้มข้นหาใดเปรียบ

ผลลัพธ์เหนือกว่าเมื่อครู่

ดังนั้นผ่านไป 1 ก้านธูป มีเสียงหายใจหนักหน่วงทอดมาจากหลุมทะเลมืดมิด เสียงนี้ราวสายฟ้าระเบิดทั่วทิศ ยิ่งเกิดคลื่นใต้น้ำออกมาข้างนอก ม้วนน้ำทะเลรอบด้านเป็นคลื่นแผ่ขยาย

พริบตาต่อมา ชั่วขณะที่เสียงโอดครวญดังขึ้น สวี่ชิงดึงมือขวาขึ้นมาฉับพลัน

เถาวัลย์ตั้งตรงทันใด รัดไว้แน่นหนาคล้ายเหยื่อกินเบ็ดแล้ว บัดนี้กำลังต้านกำลังกับสวี่ชิง

นัยน์ตาสวี่ชิงฉายประกายเย็น แขนขวาเส้นเลือดปูดโปนฉับพลัน เห็นได้ว่าทั้งแขนขวาให้ความรู้สึกเหมือนปรอท พร้อมกันนั้นก็มีพลังกายเนื้อน่าสะพรึงกลัวระเบิดตามมา

พริบตาต่อมา เขาออกแรงดึงเถาวัลย์ม้วนกลับมาฉับพลัน ยังลากสิ่งมีชีวิตตัวเปื่อยเหมือนกิ่งก่าออกมาจากหลุมทะเลนั้นด้วย

นั่นคือเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาล!

ภายนอกมันคล้ายกิ้งก่า แต่ก็ไม่เหมือนกัน ดุร้ายกว่า อัปลักษณ์กว่า ทั้งกายแผ่ความตายและความเสื่อมโทรม

สิ่งมีชีวิตประเภทเทพเช่นนี้มีจำนวนไม่มากในทะเลต้องห้าม อีกทั้งปรากฏตัวบนทะเลตื้นน้อยครั้ง ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ส่วนลึกของก้นทะเล

มีแค่ตอนกินอาหารมันถึงจะออกจากก้นทะเล ปรากฏตัวบนผิวน้ำและกลืนกินทุกจิตวิญญาณ

ทุกการปรากฏตัวของเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลจึงเป็นเหมือนภัยพิบัติร้ายแรงสำหรับขุมอำนาจบนหมู่เกาะ

ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกกลุ่มเผ่าน้อยใหญ่ในทะเลต้องห้ามเรียกว่ากิ้งก่าแม่น้ำยมโลก

ตัวนี้ยิ่งไม่ธรรมดา ตัวมันยาวหมื่นจั้งเต็มๆ เกล็ดทั้งตัวส่องประกายเลือนราง เผยให้เห็นวิญญาณสิ่งมีชิวตที่ถูกมันกลืนลงไปนับไม่ถ้วน กลิ่นอายจากร่างชวนประหวั่นพรั่นพรึง พร้อมกันนั้นปากกว้างก็งับร่างของจวีอิงไว้อย่างรุนแรง

ขณะจวีอิงร้องเจ็บปวดครวญคราง แม้เทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลนี้กัดตัวนางขาด แต่ตัวมันถูกตะขอเถาวัลย์เกี่ยวไว้ในปาก

ไม่อาจหลุดพ้น

บัดนี้ถูกตกออกมา กลิ่นอายบนตัวมันระเบิดสู่ภายนอก ทำให้ทะเลต้องห้ามพลิกม้วน คลื่นด้านนอกใหญ่กว่าเดิม ท้องฟ้ายังถึงกับเปลี่ยนสี คลื่นลมรุนแรงยิ่งขึ้น

คลื่นเตรียมสู่เทวะก็ปะทุขึ้นเทียมฟ้าจากตัวมัน

เทียบได้กับเตรียมสู่เทวะ 3 เขตขั้น!

มันร้องคำรามใส่สวี่ชิง เกิดเป็นพายุกวาดซัด ยังกอปรเป็นโลกแห่งความตาย 3 ใบบนกาย เสริมพลังให้กลิ่นอายทั่วกายมันยิ่งน่าสะพรึงกลัว

จากนั้นพลันเคลื่อนตัวพุ่งมาทางสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว แม้ปากกว้างนั้นได้เพียงฝืนอ้า แต่สำหรับร่างกายเผ่ามนุษย์ก็ยังใหญ่โต

ยามนี้ขณะอ้าปาก น้ำทะเลเกิดเป็นเกลียวคลื่น

อสูรทะเลทั่วทิศเพียงรับรู้ก็สั่นสะท้านไปตามกัน

มีเพียงสวี่ชิงที่ยืนขึ้นอย่างสงบ

พริบตาที่ลุกขึ้น เขายืนตรงดั่งต้นสน ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามบางประการ

ขณะเดินราวมังกรเหินพยัคฆ์ก้าว ประหนึ่งเทพเจ้าเดินอยู่ในโลก มือหนึ่งจับเถาวัลย์เทพไว้พลางก้าวไปยังเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลดุร้ายตัวนั้น

พริบตาที่เทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลคำรนเข้ามาใกล้ ปากกว้างกำลังจะกลืนกิน สวี่ชิงกำหมัดมือซ้าย ทั่วกายเผยจิตจักรพรรดิไร้สิ้นสุด

หมัดจักรพรรดิอมตะ

หวดไปทีหนึ่ง

น้ำทะเลระเบิดกระจาย เกิดเป็นลายคลื่นรุนแรงทำลายสรรพสิ่ง ปะทะเข้ากับหัวเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลที่เข้ามา

เสียงสนั่นอื้ออึงที่ทอดจากก้นทะเลพลันดังกึกก้อง เทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลตัวนั้นร้องครวญครางน่าสังเวชกว่าเดิม กะโหลกของมันเกิดรอยร้าว ฟันยังเสียหายไม่น้อย

ด้วยการโจมตีรุนแรงน่าหวาดกลัวนี้ ส่วนหัวม้วนกลับอย่างไม่อาจควบคุม เลือดเนื้อแตกฉานซ่านเซ็น

แต่เทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลตัวนี้ก็ไม่ธรรมดา แม้ถูกโจมตีจนเจ็บหนัก แต่หางมันกลับวาดเข้ามาในฉับพลัน

บนหางมันเต็มไปด้วยกระดูกแหลม ยามนี้ไม่สนน้ำทะเลที่กีดขวาง เข้าใกล้สวี่ชิงในพริบตาและโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงมือหนึ่งจับเถาวัลย์ เผชิญหางที่หวดเข้ามา 2 นัยน์ตาฉายวาบ ไม่ได้หลบหลีก

กลับยืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้หางฟาดมาบนกายตนราวย้ายขุนเขาพลิกสมุทร

พริบตาต่อมา ฉากเหลือเชื่อได้ปรากฏขึ้น

สวี่ชิงยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม

แต่หางเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลที่หวดเข้ามากลับสั่นเทา ราวกับฟาดบนยอดเขาที่ไม่อาจสั่นสะเทือน หางมันแหลกไปครึ่งหนึ่งทันที

หนามแหลมบนนั้นยิ่งหักออกมา

ความเจ็บปวดรุนแรง รวมถึงกายเนื้อน่าสะพรึงกลัวของสวี่ชิงทำให้เทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลตัวนี้แผ่ความกลัวออกมาถึงขีดสุด มันพลันเคลื่อนตัวหมายจะหนีไป

แต่ตะขอเถาวัลย์เทพในปากแทงเข้าเนื้อนานแล้ว แถมยังถูกสวี่ชิงดึงไว้ตลอด มันจึงไม่มีที่ให้หนีโดยสิ้นเชิง

ยามนี้สวี่ชิงก้าวเดียวก็เหยียบถึงหัวเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาล ยืนอยู่ตรงนั้นพลางยกมือขวาจับเถาวัลย์ดึงอย่างแรง

เสียงโอดครวญดังกึกก้อง

กะโหลกเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลขนาดหมื่นจั้งนี้เงยขึ้นโดยไม่อาจควบคุม พุ่งขึ้นบนอย่างรวดเร็ว

มันคลั่งตลอดทาง ห้อจากก้นทะเลถึงผิวทะเลและพุ่งออกมาทันใด

ทะเลใหญ่ยุบเป็นหลุม นภาถูกบดบัง ท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหวและน้ำทะเลสาดกระเซ็นนับไม่ถ้วน เกิดเงามหึมาใต้แสงอาทิตย์ปกคลุมเรือเดี่ยวของหวงเหยียนที่เบื้องล่าง

น้ำทะเลสาดใส่หวงเหยียนทั้งตัว

เขาไม่ชอบใจ

บนท้องฟ้า สวี่ชิงยืนอยู่บนหัวเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาล ขณะทอดมองฟ้าดินยังยกมือซ้ายคว้าไปยังดวงอาทิตย์

ด้วยการคว้านี้ ตาเนื้อมองไป ดวงอาทิตย์ถึงกับบิดเบี้ยว

กายเนื้อสวี่ชิงคล้ายแย่งความเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ไปในพริบตานั้น กลายเป็นดวงอาทิตย์และส่องแสงสะท้านฟ้าสะเทือนดินเสียเอง

มองไกลๆ เหมือนเขาเป็นดวงตะวัน

แสงกับความร้อนที่แผ่ไม่สิ้นสุดนั้นปลดปล่อยออกมาข้างนอกอย่างรวดเร็ว ถูกสวี่ชิงคว้ามาอัดบนหัวเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาล

ขณะเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ภายในรัศมีเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาลตัวนั้นสั่นรุนแรง เสียงโอดครวญหยุดลงฉับพลัน

พริบตาต่อมา ศพของมันตกลงบนผิวทะเลดังตูม ลอยนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น

คลื่นใหญ่ที่ซัดขึ้นม้วนรอบด้าน เกิดเป็นพายุคลื่นทะเล

มีเพียงสวี่ชิงยืนอยู่บนซากเทพอสูรแม่น้ำบรรพกาล จุดแสงความเป็นเทพลอยเรืองรองออกจากตัวมัน มุ่งไปทางสวี่ชิงและไหลเข้าตัวเขาทั้งหมด

ดูแล้วเหมือนเขาถูกล้อมด้วยสีรุ้ง ถูกทำให้สว่างไสวราวกับหมู่ดาวโอบดวงจันทร์

ราวเทพเจ้ามาเยือนกระนั้น

“วิชาแสงเซียนตะวันดับนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

สวี่ชิงพึมพำ เดินก้าวหนึ่งมาตกบนเรือเดี่ยวของหวงเหยียน

เขาปล่อยมือขวา เถาวัลย์เทพเลื้อยออกไปมัดจวีอิงกลับมาอย่างรวดเร็ว มันลิงโลดอยู่รอบเรือเดี่ยว เพียงแต่จวีอิงที่เสียร่างกายไปครึ่งหนึ่งกลับตัวสั่นสะท้านในยามนี้

ที่สั่นไปด้วยยังมีเจ้าเงาบนเรือเดี่ยว

เดิมมันกำลังพักผ่อน เห็นสวี่ชิงกลับมาแล้วพลันส่งเสียงกึกกึกกึกอยู่ตรงนั้น เสียงสั่นแผ่ขยายไปยังทะเลต้องห้ามโดยมีจังหวะที่แน่นอน

“นายท่าน…ยังไม่…ตอบสนอง ข้าควร…ทำต่อไป…”

หวงเหยียนที่ด้านข้างเช็ดน้ำทะเลบนหน้า มองจวีอิงที่ตัวสั่นเทา

“จวีอิงน่าสงสารนัก ตั้งแต่ถูกเจ้าจับไว้หลายเดือนนี้ก็ถูกใช้เป็นเหยื่อตกปลาตลอด ร่างกายขาดแล้วก็งอก งอกแล้วก็ขาด…”

หวงเหยียนเอ่ยพลางกวาดมองเจ้าเงาที่ตัวสั่นกึกกึกกึก

“มันก็น่าสงสาร หลายเดือนแล้วยังสั่นกึกกึกกึกอยู่เลย”

“แต่ดูท่าจะไม่มีประโยชน์ ราชรถสัมฤทธิ์กับยักษ์ตัวนั้นที่เจ้าตามหาดูเหมือนยังไม่มีเบาะแสตามเคย”

“ข้ายิ่งน่าสงสาร!”

หวงเหยียนเบิ่งตาโต

“อาจารย์เจ้าเก็บตัวไปใช้ชีวิตอิสระเอง แล้วให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า…ข้าคิดถึงศิษย์พี่หญิง ข้าไม่ได้อยู่ห่างจากศิษย์พี่หญิงมานานแล้ว ศิษย์พี่หญิงไม่เห็นข้าต้องคิดถึงข้าเหมือนกันแน่”

หวงเหยียนน้อยใจ

สวี่ชิงชินกับคำพูดของเขาแล้ว บัดนี้ตรวจสอบกายเนื้อของตนพลางกล่าวคำ

“นี่คืองานของอาจารย์ พี่เขยรอง”

หวงเหยียนถอนหายใจ ก้มหน้าเศร้าซึม ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตเทพ หยิบแผ่นหยกออกมาส่งข่าวแล้วเงียบลง

กระทั่งผ่านไป 10 กว่าลมปราณ เขาพลันกะพริบตา เริ่มกระปรี้กระเปร่า ความหม่นหมองบนหน้าถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น หัวเราะคิกคิกใส่แผ่นหยก

“เสร็จเรื่อง บันทึกเรียบร้อย ส่งให้ศิษย์พี่หญิงรองของเจ้าแล้วด้วย ช่วยไม่ได้ ศิษย์พี่หญิงรองเจ้าคิดมาก อย่างไรครอบครัวนางฐานะไม่สูงส่งพอ ไม่รู้สึกปลอดภัย ข้าต้องดูแลสักหน่อย”

สวี่ชิงตอบคำเดียว หลายเดือนนี้หวงเหยียนก็ดูแลเช่นนี้แทบจะสองสามวันครั้ง

“สวี่ชิงเจ้าก็ดูออกใช่หรือไม่ ฐานะครอบครัวข้าเป็นถึงจุดสูงสุดของปักษาสวรรค์ทักษิณ!”

หวงเหยียนกระหยิ่มใจ

“ข้าบอกเจ้าให้ ข้าน่ะเสน่ห์แรงเกินไป ศิษย์พี่หญิงรองเจ้าวอแวข้าทุกวัน กลัวข้าไม่สนใจนาง ไม่ว่าออกจากบ้านหรือไปทำภารกิจสำนักพวกเจ้าก็จะเง้างอดข้าอยู่นาน เปลี่ยนวิธีเอาใจข้าให้ข้าอยู่กับนาง”

“หลายปีนี้ข้ารำคาญใจนัก”

“โชคดีนายท่านเจ็ดดูออก เป็นบุรุษด้วยกันทั้งนั้น เขาเข้าใจข้า ช่วงนี้เลยปล่อยให้ข้าอิสระหาใดเปรียบ”

หวงเหยียนตื่นเต้นครึ้มใจ แม้พูดเหมือนฐานะตัวเองสูงส่ง แต่สวี่ชิงมองยังไงก็เหมือนนักโทษที่ถูกปล่อยตัวจากคุกใหญ่ใน 7 เนตรโลหิตตอนนั้น

“ต่อไปพวกเราจะไปสนุกที่ไหน ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป ข้ามีที่ดีๆ แห่งหนึ่ง…ข้าบอกเจ้าให้ ที่นั่นมหัศจรรย์หาใดเปรียบ แค่คิดก็เลือดพลุ่งพล่าน…”

หวงเหยียนกล่าวพลางมองซ้ายแลขวาตามสัญชาตญาณ เมื่อแน่ใจว่ารอบด้านไม่มีคนอื่นได้ยิน นัยน์ตาเขาเปล่งประกาย

สวี่ชิงได้ยินแล้วส่ายหน้า

“ข้าเตรียมจะไปดูชายแดนทะเลในกับทะเลนอกสักหน่อย”

ทะเลต้องห้ามแบ่งเป็นในนอก ทะเลในกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มเผ่าทะเลต้องห้ามบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แม้อันตราย แต่ว่ากันแล้วหากระวังตัวก็สำรวจได้

แต่ทะเลนอก…นั่นคือพื้นที่รกร้าง เต็มไปด้วยความลึกลับ ถึงขั้นเล่าลือกันว่ามีเทพเจ้ามากมายหลับใหลอยู่ทะเลนอก

“ที่นั่นเอง ก็ได้ละนะ”

หวงเหยียนพยักหน้าเสียดายเล็กน้อย คิดบางอย่างขึ้นได้อีกจึงเอ่ยคำ

“จริงสิ ตอนเจ้าฝึกฝนกายเนื้ออยู่ข้างล่างก่อนหน้านี้ ทางเผ่ามนุษย์ส่งข่าวมา”

“เจ้านั่นได้เลื่อนขั้นแล้ว!”

“เมื่อครู่เผ่ามนุษย์ส่งข่าวมา จักรพรรดินีออกราชโองการให้หนิงเหยียนเป็นรัชทายาท”

“เจ้านั่นโชคดีชะมัด หลับไปตื่นหนึ่ง ตื่นมาเสด็จพ่อกลายเป็นเสด็จแม่ ตัวเองถูกแต่งตัวเป็นรัชทายาท ได้ข่าวว่าตอนนี้ยังงงอยู่เลย!”

“ส่วนเจ้าก็เป็นอาจารย์องค์รัชทายาทแล้ว ควบเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬ เมื่อเจ้าทึ่มหนิงเหยียนขึ้นครองราช์ในภาคหน้า เจ้าก็จะเป็นอาจารย์จักรพรรดิ!”

หนิงเหยียนถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท สวี่ชิงไม่แปลกใจ

อย่างไร…เชื้อสายที่แท้จริงของจักรพรรดินีผู้นั้นก็มีแค่หนิงเหยียนกับองค์ชายสิบเอ็ด

ส่วนด้านองค์ชายสิบเอ็ดชัดว่าไม่เหมาะสมสักด้าน แม้เหตุผลเรื่องบูชาบรรพชนคือทำเพื่อมารดา แต่พฤติกรรมต่างๆ ก่อนหน้านี้ยังคงมีหนามแหลมทิ้งไว้ในใจเหล่าขุนนาง

ดังนั้นการเลือกหนิงเหยียนจึงสมเหตุสมผล

ส่วนที่แต่งตั้งมกุฎราชกุมารเร็วปานนี้ก็มีเค้าเงื่อนให้สืบสาว ธูป 12 ดอกก่อนหน้านี้ดูท่าจะเป็นการปูทางให้เรื่องแต่งตั้งผู้สืบทอดในภายหลัง

‘ด้วยความปราดเปรื่องของจักรพรรดินีคงเห็นเวลานี้ตั้งแต่ตอนนั้น’

สวี่ชิงพึมพำในใจ ความคิดของเขาหวนสู่เหตุการณ์ 5 เดือนนี้พร้อมกับเรือเดี่ยวที่แล่นไป

หลังเรื่องเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ รัฐม่วงครามปรากฏบนแผ่นดินใหญ่กลืนนภา และที่นั่นยังถูกปกคลุมด้วยไอหมอกที่เกิดจากไอพลังประหลาดไร้สิ้นสุด คนนอกเข้าไม่ได้ ทั้งไม่รู้เรื่องราวในนั้นแน่ชัด

แต่จากข้อมูลของเผ่ามนุษย์ ในแผ่นดินใหญ่กลืนนภามีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปรากฎ ราวกับ…ทุกคนในรัฐม่วงครามที่กลับมาล้วนกำลังกลายพันธุ์

‘นี่คือรางวัลเมื่อซ่างฮวงพึงใจ’ จักรพรรดินีกล่าวเช่นนี้

จินตนาการได้ว่าเมื่อไอหมอกบนแผ่นดินใหญ่กลืนนภาสลายไป รัฐม่วงครามที่เดินออกมาจะน่ากลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

สวี่ชิงสีหน้าอึมครึม ในใจไม่มีคลื่นกระทบใด

เขาที่มีอำนาจจักรพรรดิรัฐม่วงครามกึ่งหนึ่งรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในนั้นได้ชัดเจนกว่า ทั้งสัมผัสได้ถึงการเรียกหาตนจากการเปลี่ยนแปลงนี้

นั่นคือการเรียกหาจากโชคชะตารัฐม่วงคราม

ส่วนด้านนายกองก็ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิ ข่าวที่ส่งมาหลายเดือนก่อนคือเขาอยู่ระหว่างทางกลับมา

แต่ยังกลับไม่ได้ชั่วคราว เขาต้องไปเยี่ยมสหายเก่าที่เผ่าอาภรณ์

ตอนนี้คงยังเล่นสนุกกับน้องมือขวาของตนอยู่ที่เผ่าอาภรณ์

ส่วนจื่อเสวียน หลายเดือนก่อนนางมาทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เห็นว่าสวี่ชิงสบายดี นางที่ห่อเหี่ยวพลันโล่งอก อยู่กับเขาครึ่งเดือนแล้วก็จากไปไกล

นางถือตะเกียงดวงนั้น หมายจะไปพระราชนิเวศน์ฟ้าทมิฬในเขตปกครองผนึกสมุทร ไปตำหนักหงสาของที่นั่นเพื่อรับการสืบทอดที่มาจากชาติก่อนของนาง

นอกจากนั้น หลังจากจักรพรรดินีสำเร็จเทพ เผ่ามนุษย์ที่อยู่ทางตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็รุ่งเรืองขึ้นจริง ขณะเผ่าเล็กเผ่าน้อยนับไม่ถ้วนรอบด้านหวาดหวั่นพรั่นกลัว ส่วนใหญ่เลือกอยู่ในอาณัติ

โดยเฉพาะแผ่นดินใหญ่ที่เคยเป็นเขตปกครองส่วนนอกและดินแดนปิดล้อมยิ่งเป็นเช่นนั้น

ไม่มีอุปสรรคใด ทั้งไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายใดเกิดขึ้น ถูกเผ่ามนุษย์ชิงกลับมาโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

เผ่ามนุษย์บัดนี้รวมคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณทมิฬเข้าไปด้วย มีทั้งหมด 10 ดินแดน

หลายครั้งความแข็งแกร่งก็คือความน่าเกรงขาม

ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงความเป็นพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างเผ่ามนุษย์กับนภาคิมหันต์ ทั้ง 2 เป็นผู้นำร่วมของดินแดนต้องประสงค์ตะวันออก ยังร่วมกันต่อต้านความโลภที่มาจากแต่ละฝ่ายในภายภาคหน้า

ขณะเดียวกันเผ่ามนุษย์ที่กระจายอยู่ข้างนอกมาหลายปีนับไม่ถ้วน บัดนี้ก็ทยอยกลับบ้านโดยมีทัพใหญ่ของอ๋องเจิ้นเหยียนและคนอื่นให้การสนับสนุน

เผ่ามนุษย์ที่เป็นเหยื่ออยู่ข้างนอกรอคอยการกลับมานานปี หลังจักรพรรดินีสำเร็จเทพ ความปรารถนาก็เป็นจริงในที่สุด

ส่วนด้านสวี่ชิง หลังฟื้นตื่นเมื่อ 5 เดือนก่อน เขาเปิดมิติกุญแจลับของผู้ครองกระบี่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

ก่อนระเบิดตัวเอง เขาเอาของทั้งหมดนอกจากบรรพจารย์สำนักวัชระใส่ไว้ในมิตินั้น รวมถึงผลึกวารีสีม่วงด้วย

ตอนนั้นในเขตปกครองผนึกสมุทร สวี่ชิงได้รับการถ่ายทอดวิชามิติกุญแจลับจากผู้บำเพ็ญครองกระบี่ที่มีฉายาว่าผีขี้โรค เป็นวิชาซ่อนของเฉพาะผู้ครองกระบี่เท่านั้น

วิชานี้ใช้กุญแจลับเป็นตัวปิด โดยทั่วไปกุญแจลับมี 2 ดอก

ดอกหนึ่งเป็นของตน ดอกหนึ่งมีแค่เจ้าวังเท่านั้นที่มี คนอื่นเปิดไม่ได้นอกจากผู้มีกุญแจลับเท่านั้น

มิติกุญแจลับของสวี่ชิง มีแค่เขาที่มีกุญแจลับ

หลังฟื้นตื่นเขาจึงเอาทุกอย่างกลับมา ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระกลับถูกสวี่ชิงทิ้งไว้ที่จื่อเสวียน คุ้มครองการเดินทางไปรับการสืบทอดของนาง

ส่วนนายท่านเจ็ดก็เหมือนอย่างที่หวงเหยียนบอก เขาเลือกเก็บตัว

ก่อนเก็บตัวเขาคุยยาวกับสวี่ชิงอยู่ครั้งหนึ่ง

บอกสวี่ชิงมากมายเกี่ยวกับร่างกายนี้

ร่างกายของเขาในตอนนี้เกิดจากเลือดเนื้อเสี้ยวหน้าผสมปรอทเซียน ฝืนกฎธรรมชาติสร้างออกมาด้วยวิชาของเซียนคิมหันต์ ศักยภาพของมันเรียกได้ว่าไร้สิ้นสุด

เบิกทางได้มากแค่ไหน แสดงฝีมือได้ถึงขั้นใด ทั้งหมดนั้นยังไม่รู้ ต้องดูว่าภายหน้าสวี่ชิงจะฝึกฝนอย่างไร

ขั้นตอนนี้ต้องให้สวี่ชิงต่อสู้ไม่ขาด ตื่นรู้ต่อเนื่อง และสัมผัสความเป็นความตายไปเรื่อยๆ

ขณะเดียวกันร่างกายนี้ก็น่ากลัวถึงขีดสุดด้วยฐานะสูงยิ่งของมัน ในความจริงจิตวิญญาณของสวี่ชิงจึงยากผสานกับกายเนื้อโดยสมบูรณ์ในเวลาอันสั้นเช่นนี้

นายท่านเจ็ดจึงทิ้งผนึกไว้ 2 อัน ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดวิชาหนึ่งให้สวี่ชิง

วิชานี้ชื่อว่าวิชาแสงเซียนตะวันดับ

ฝึกวิชานี้สามารถสร้างแสงเซียนตะวันดับได้เป็นสาย แสงนี้ช่วยผสานร่างกับวิญญาณได้ดียิ่ง

ตามที่นายท่านเจ็ดว่า วิชานี้ยังเป็นวิชาของ 1 ใน 9 เซียนคิมหันต์จากพสุธาแดนดินที่มาเยือนนภาเจิดจรัส เขาตายในสงครามกับจักรพรรดิเทพ

ก่อนตายได้ทิ้งวิชานี้ไว้สืบทอดต่อกันมา

วิชานี้หากฝึกถึงขั้นสูง พลังจะน่ากลัวถึงขีดสุด

ดังนั้นเดินทางออกทะเลครั้งนี้ สวี่ชิงมีเป้าหมาย 2 อย่าง

1 คือล่าสิ่งมีชีวิตประเภทเทพ สัมผัสการป้องกันของกายเนื้อทุกครั้งที่ต่อสู้ พยายามปรับตัวกับอำนาจเทพเจ้าและกำลังรบที่ฝึกจากแสงเซียนตะวันดับในร่างกายนี้ให้เร็วที่สุด

จะได้เข้าใจความแข็งแกร่งของร่างกายนี้ได้ถูกต้อง

เป้าหมายที่ 2 คือตามหาราชรถสัมฤทธิ์กับยักษ์ที่อยู่ในวิชาวิหคทองตอนนั้น

ที่ตามหาราชรถสัมฤทธิ์กับยักษ์ เป็นเพราะเขาฝึกแสงเซียนตะวันดับไม่ค่อยราบรื่น

สวี่ชิงครุ่นคิดแล้วนึกถึงวิหคทอง

ด้วยหลักการของวิชาแสงเซียนตะวันดับคือการช่วงชิงแสงสว่างจากดวงตะวันมาเป็นแสงเซียนของตน ทำให้ตนกลายเป็นตะวันดับ แผดเผาตนเองและฟ้าดินดุจเตาไฟ

คล้ายกับวิหคทองอยู่บ้างในระดับหนึ่ง

สวี่ชิงจึงวางแผนตามหาราชรถสัมฤทธิ์ หมายจะนั่งควบคุมยักษ์ในนั้น

ให้เขาเดินเส้นทางที่วิหคทองขึ้นฟ้าไปเป็นดวงอาทิตย์ในตอนนั้น สัมผัสขั้นตอนที่วิหคทองเคยขึ้นไปเป็นดวงอาทิตย์และสาดส่องดินแดนต้องประสงค์

ตื่นรู้ในตะวันดับของตนจากสิ่งนี้

จึงมีการเดินทางบนทะเลต้องห้าม

และที่เจ้าเงาตัวสั่นกึกกึกกึกก็เพราะเหตุนี้

สวี่ชิงจำได้ ตอนนั้นเสียงแบบนี้ของเจ้าเงาดึงดูดให้ยักษ์ในราชรถสัมฤทธิ์ปรากฏตัว

แต่น่าเสียดาย ผ่านมาหลายเดือนกลับยังไม่เป็นผล

“เจ้ายักษ์นั่นอาจหลับใหลอยู่ในทะเลต้องห้าม จึงต้องสำรวจพื้นที่มากกว่าเดิม…”

สวี่ชิงเงยหน้า มองเจ้าเงาผาดหนึ่งแล้วหยิบแผนที่ทะเลออกมาจะทำสัญลักษณ์

แต่ในตอนนั้นเอง แผ่นหยกสื่อเสียงของหวงเหยียนที่นอนสบายใจเฉิบอยู่ด้านข้างเริ่มสั่นไหว เขาหยิบมันมาดูอย่างขอไปที ฉับพลันทั้งกายสั่นเทา หายใจเข้าเฮือก สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดหาใดเปรียบในพริบตา

“สวี่ชิง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

“ข้าจะกลับไป นี่เป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน!”

หวงเหยียนสีหน้ากังวล ร้อนรนไม่น้อย

“เรื่องนี้ข้าต้องไปทันที ช้าไปหนึ่งก้าวก็เป็นพายุใหญ่ยักษ์สะท้านทั้งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ!”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version