บทที่ 970 อำนาจเทพที่ 5 !
แดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาเยือน!
ตอนนี้ เผ่าต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ บางเผ่าสั่นสะท้าน บางเผ่าตื่นเต้น บางเผ่าสับสนงุนงง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในห้วงเวลาของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในช่วงเวลานี้…การปรากฏขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ครอบครองทุกสิ่ง
และสำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจากไป ก็มีเรื่องราวเล่าขานต่อกันมาในเผ่าพันธุ์แห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตลอดมา
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งต่างๆ ที่ก่อตั้งโดยจักรพรรดิเผ่าต่างๆ และสมาชิกอัจฉริยะที่พวกเขาพาจากไปด้วยในตอนนั้น ในเวลาหลายหมื่นปีมานี้ ถูกผู้คนก่นด่า และก็มีผู้คนที่คาดหวังด้วยเช่นกัน
มีคนคิดว่าพวกเขาเป็นคนขี้ขลาด ในช่วงเวลาที่สำคัญหันหลังไปจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หนีหัวซุกหัวซุน
มีคนคิดว่าพวกเขาคือความหวัง ในยามที่พวกเขากลับมา ก็จะสิ้นสุดความทุกข์ระทมของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ทำให้แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กลับสู่แสงสว่างอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะด้วยท่าทีเช่นไร ตอนนี้พวกเขาลงมาเยือนแล้ว
เป้าหมาย ไม่ทราบ!
มิตรหรือศัตรู ไม่ทราบ!
บนทะเลต้องห้าม สวี่ชิงจ้องมองผืนฟ้า พึมพำในใจ “แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เหมือนกรงขัง เข้าง่ายออกยาก”
นับจากที่ได้รู้ข่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะลงมาเยือนจากพวกเฟิงหลินเทา 3 คนนั้น สวี่ชิงก็ขบคิดคำถามหนึ่งมาโดยตลอด
แดนศักดิ์สิทธิ์จะมาทำไม
“นอกเสียจากว่า พวกเขากุมวิธีออกไปได้แล้ว…”
ในยามที่สวี่ชิงพึมพำ เสียงถ่ายทอดเสียงจากหวงเหยียนมาพร้อมด้วยความเคร่งเครียด ก็ดังออกมาจากขนนกสู่จิตใจของสวี่ชิง
“สวี่ชิง เห็นแล้วกระมัง”
“ที่มาไม่ได้มีแค่ผู้บำเพ็ญแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้แต่ตัวแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ลงมาด้วย นี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอามากๆ พวกเขาน่าจะกุมวิธีจากไปได้แล้ว”
“และจากข้อมูลของพวกเจ้าเผ่ามนุษย์ ตลอดจนความเข้าใจของข้า จำนวนแดนศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนหลายร้อย ในนั้นแบ่งเป็น 4 ระดับ แบ่งเป็น天地玄黄 นภา พสุธา ดำ เหลือง”
“ทั้ง 5 แดนที่เพิ่งลงมา ดูจากกลิ่นอายแล้วน่าจะเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลือง แดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เหมือนจะมีประมาณ 50 กว่าแดน”
“ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำ พสุธา นภา จำนวนโดยละเอียดและเผ่าพันธุ์ใดควบคุมอยู่ ตอนนี้ยังไม่รู้”
“แต่ว่าจักรพรรดินีสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งคือ แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนโยว ในอดีตแม้จะเคยเป็นระดับนภา แต่ตอนนี้…บางทีอาจจะไม่ใช่แล้ว”
“ดูเอาเถิด ในวันเวลาให้หลัง การลงมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์จะถี่ขึ้นเรื่อยๆ แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในอนาคตจะเกิดเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่แล้ว”
“ในช่วงนี้ข้าต้องคอยประจำอยู่ในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ในทะเลต้องห้ามก็ระวังตัวด้วย”
หวงเหยียนถ่ายทอดเสียงอย่างเร่งร้อน
สวี่ชิงหลังจากตอบกลับแล้ว สายตาก็จับจ้องไปทางเขตปกครองผนึกสมุทร
และข่าวของเขตปกครองผนึกสมุทรก็ผ่านด้วยวิธีพิเศษ ข้ามระยะทางกว้างไกลมหาศาลส่งมาถึงสวี่ชิงทางนี้ ขอคำชี้แนะสำหรับท่าทีของแดนศักดิ์สิทธิ์
สวี่ชิงหลังจากครุ่นคิดก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไป “เฝ้าระวัง คอยจับตามอง”
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงถอนหายใจเบาๆ แต่ไม่นานนักดวงตาก็ฉายประกายวาววาม
เผชิญหน้ากับการมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ เผชิญหน้ากับเป้าหมายที่ยังไม่ทราบได้ของพวกเขา สวี่ชิงรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้มีไม่มาก มีเพียงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเท่านั้น ถึงจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าในสถานการณ์ที่ต่อจากนี้จะต้องเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอีกมากมายอย่างแน่นอนได้
ดังนั้นร่างของเขาเพียงไหววูบก็ดำดิ่งลงไปใต้ทะเล พุ่งตรงไปยังร่องมหาสมุทรที่เจดีย์ผุพังอยู่
ไม่นานนักร่างของสวี่ชิงก็มาปรากฏหน้าฟองอากาศลึกลับอีกครั้ง ก้าวเข้าไปภายใต้ความช่วยเหลือจากเถาวัลย์เทพ หลังจากเดินเข้าไปในเจดีย์ผุพัง เขาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น แผ่ไหมวิญญาณออกไป ผสานไปในหยกดำที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงเก็บไหมวิญญาณกลับมา
“สัมผัสไม่ผิดจริงๆ ในวัตถุนี่มีร่องรอยของอำนาจเทพ!”
“ร่องรอยนี้ อยู่ในรอยจางๆ 1,000 รอยในกองดินของข้า”
สวี่ชิงก่อนหน้านี้จะจากไป สัมผัสได้ว่าในกองดินในร่างมีรอยจางๆ ทางหนึ่งกะพริบแสงริบหรี่ และจากนั้นก็ผสานไหมวิญญาณเข้าไปสำรวจ และผ่านการพิสูจน์ในตอนนี้ ในที่สุดก็มั่นใจในเรื่องนี้
“ก็ไม่รู้ว่า อำนาจเทพทางนี้จะเป็นด้านใด”
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาววับ ในใจเกิดความคาดหวัง
เขารู้ดีว่ารอยจางๆ 1,000 รอยในกองดินของตัวเอง หากคิดอยากให้ทุกรอยกะพริบแสงมีความยากอย่างมหาศาล นี่จำต้องให้เขากลืนกินเทพเจ้าหรือตัวตนที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้ามายิ่งขึ้นถึงจะได้
ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงล่าสังหารสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพ ดูดซับความเป็นเทพข้างในกายของพวกมัน นำมาหล่อเลี้ยงตัวเอง
แต่กระบวนการนี้จะต้องเป็นไปอย่างเชื่องช้าแน่นอน
สัมผัสถึงอำนาจเทพได้โดยตรงเหมือนอย่างตอนนี้ พูดได้ว่าเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขัดสมาธิหน้าหยกดำทันที ใช้ไหมวิญญาณเป็นตัวเหนี่ยวนำ ลองสัมผัสรับรู้
เวลาไหลไป
หลายวันหลังจากนั้น สวี่ชิงลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “เหมือนว่าจะเกี่ยวกับเสียง…”
สวี่ชิงไม่แน่ใจเรื่องนี้ การสัมผัสรับรู้ในหลายวันนี้ แม้เขาจะจมอยู่กับมันทั้งกายใจ บรรลุได้รางๆ แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก
ราวกับดูดอกไม้ในหมอก มองจันทร์ในเงาน้ำ
สำหรับเรื่องนี้ สวี่ชิงมีความอดทนอย่างเพียงพอ ยกมือขึ้นคว้า เอาขวดเล็กที่บรรจุวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือออกมา
ดื่มมันลงไปอึกหนึ่ง
ทันใดนั้น ในจิตใจของเขาก็เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ขึ้นเป็นระลอกๆ ก่อนจะไปสัมผัสรับรู้ต่อ
เวลาค่อยๆ ผ่านไป 1 เดือนผ่านไป
จิตใจร่างกายของสวี่ชิงดำดิ่งลงไปโดยสมบูรณ์ ทั้งคนแผ่ซ่านความสงบนิ่งและล่องลอย ในสภาวะอันอัศจรรย์เช่นนี้ เขาเหมือนได้ยินเสียงอะไร
ราวกับเสียงพึมพำ
จากไกลเข้ามาใกล้ แล้วเหมือนใกล้ออกไปไกล
เหมือนกำลังพรรณาอะไร แต่กลับฟังไม่ชัด
แต่เสียงดังสะท้อนของเสียงพึมพำแว่วๆ นี้ทำให้พลังต้นกำเนิดเทพในร่างของเขาค่อยๆ โคจรขึ้นมา รอยจางๆ ในกองดินรอยนั้น ความถี่ของการกะพริบก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
เช่นนี้เอง เดือนที่ 2 ผ่านไป
การสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงดำเนินมา 2 เดือนเต็มๆ แล้ว และยังคงดำเนินต่อไป
และโลกภายนอกในช่วง 2 เดือนนี้ เนื่องจากการลงมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดระลอกคลื่นในระดับที่แตกต่างกันไป
ก่อนอื่นคือการกระทำของแดนศักดิ์สิทธิ์ นอกจากรูปสลักที่ลงมาเยือนที่ใจกลางทำลายล้างเผ่าพันธุ์เล็กๆ เผ่าหนึ่งแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์อีก 4 แห่งที่เหลือก็ไม่ได้มีการกระทำที่สุดโต่งอะไร
พวกเขาไม่ติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก แค่กระจายกลุ่มเล็กๆ ไปในพื้นที่ของตัวเอง เก็บรวบรวมทรัพยากรต่างๆ
โดยเฉพาะไอพลังประหลาดเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาเก็บรวบรวม
และยังมีสิ่งที่ถูกไอพลังประหลาดโจมตีเหล่านั้น ก็อยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
การกระทำเหล่านี้ดึงดูดความสนใจจากฝ่ายต่างๆ ขณะเดียวกันพื้นที่ทางทิศตะวันตก มีเผ่าหนึ่งอพยพเข้ามา
เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาเยือนที่นี่เป็นสมาชิกเผ่าของพวกเขาในยามนั้น
นอกจากนี้แล้ว เรื่องที่เกิดระลอกคลื่นลูกใหญ่ที่สุดมาจากพื้นที่ใจกลาง มาจากรูปสลักแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายเผ่าเล็กๆ เผ่านั้น
เพราะในเดือนแรกที่มันลงมาเยือน เผ่าแข็งแกร่งอันดับ 1 ที่ลึกลับเป็นอย่างยิ่งในพื้นที่ใจกลางแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ มีเทพเจ้า 2 องค์เหยียบย่างไปบนแดนศักดิ์สิทธิ์แดนนั้น
ในตอนที่จากไป ในรูปสลักแดนศักดิ์สิทธิ์เงียบสงัด สิ่งมีชีวิตทุกอย่างเงียบกริบ แม้แต่ตัวรูปสลักเองก็กลายเป็นเถ้าถ่าน สลายไปในโลก
ยิ่งมีเสียงหนึ่งดังสะท้อนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
“พื้นที่ใจกลาง ห้ามแดนศักดิ์สิทธิ์เหยียบย่าง”
เรื่องนี้ในตอนนั้นสะท้านสะเทือนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ และสะท้านสะเทือนแดนศักดิ์สิทธิ์อีกสองสามฝ่ายที่เหลืออีกด้วย เหมือนถูกทำลายแท่นบูชาเทพ การกระทำยิ่งระมัดระวังขึ้น
แต่ในยามที่ในใจของเผ่าพันธุ์มากมายในแผ่นดินใหญ่หากไม่ซับซ้อน ก็โล่งอก ไม่ก็สับสนงุนงงนี้เอง…
เหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ลงมาเยือนในตอนนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
มีแดนศักดิ์สิทธิ์ 6 แดน ประดุจดาวตกลงมาเยือนยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์อีก ลงมาเยือนไปในที่ต่างๆ
และในวันเวลาหลังจากนั้น การลงมาเยือนเช่นนี้มีมากมายเต็มไปหมด แทบจะทุกช่วงระยะหนึ่ง ล้วนมีแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนต่างกันไป ลงมาเยือนยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
และแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณผ่านห้วงกาลเวลามาช้านานมากมายเหล่านั้นรูปร่างแตกต่างกันไป การลงมาเยือนทุกครั้งล้วนทำให้ฟ้าดินส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
ดังนั้นความรู้สึกกดดันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
มาจนถึงวันนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาเยือนมีจำนวนถึง 23 แดนแล้ว!
แต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดคือ แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาเหล่านั้น พวกเขาล้วนเก็บรวบรวมสิ่งที่เกี่ยวข้องกับไอพลังประหลาดทั้งหมด
เหมือนว่าการกลับมาของพวกเขาเพียงเพื่อเก็บรวบรวมเท่านั้น
ส่วนสวี่ชิงที่อยู่ในเจดีย์ผุพังใต้ทะเลตอนนี้ ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญในการสัมผัสรับรู้ของเขาแล้ว
เสียงพึมพำรางเลือนที่ได้ยินข้างหูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับยังคงได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไรกันแน่
ทว่าท่ามกลางการดังซ้ำไปซ้ำมาของเสียงพึมพำนี้ พลังความเก่าแก่โบราณกลุ่มหนึ่งมาตามเสียงพึมพำ แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาอย่างแข็งกร้าว แทรกซึมไปในจิตใจของเขา เหมือนจะแทนที่ความรู้ความเข้าใจของเขา
กระทั่งว่าเหมือนจะช่วงชิงนิยามของเสียงของเขา
ราวว่าจะทำให้เขากลายเป็นทาส ลอกความเป็นตัวเองทิ้งไป กลายเป็นทาสของเสียงนี้
สภาวะนี้ ในขณะเดียวกับที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ก็มีความรู้สึกเหมือนสิ่งล่อลวงอันยิ่งใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นความรู้ความเข้าใจ คล้ายว่ากำลังส่งอิทธิพลต่อสวี่ชิงอย่างช้าๆ บอกกับเขา ดำเนินต่อไป เขาก็จะกุมอำนาจเทพกลุ่มนี้ได้
ดังนั้นดวงตาทั้ง 2 ของสวี่ชิงพลันลืมตื่นขึ้นทันใด ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ขณะเดียวกันพลังอำนาจเทพที่มีอยู่ในร่างก็ปะทุขึ้น โดยเฉพาะดวงตาของเฟยปรากฏมายังหว่างคิ้วของสวี่ชิง กะพริบประกายแสงแปลกประหลาด
ทุกอย่างนี้ในที่สุดก็ทำให้เขาได้สติขึ้นมาทันที ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น รีบตัดการสัมผัสรับรู้ของตัวเองทันที
เสียงประดุจเส้นไหมถูกดึงขาด ดังสะท้อนในจิตใจของสวี่ชิง
สวี่ชิงสะท้านเฮือก พ่นเลือดคำโตออกมา ลมหายใจหอบถี่ สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
“ความรู้สึกเหมือนถูกควบคุมและตกเป็นทาสเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!”
สวี่ชิงสีหน้าย่ำแย่ 2 เดือนนี้ทุกครั้งที่เขาสัมผัสรับรู้ได้ถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิดความรู้สึกอันตรายอย่างเมื่อครู่เช่นนั้น หากไม่ใช่เขามีดวงตาของเฟย อีกทั้งยังผ่านการรับรู้เข้าใจมาหลายครั้ง ความกลัวตายด่านนี้ ในตอนที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกก็คงไม่อาจผ่านไปได้แล้ว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้…” สวี่ชิงพึมพำ เขาเคยคิดว่าอำนาจเทพมีพลังชีวิตบางอย่างใช่หรือไม่ ดังนั้นในตอนที่ตนสัมผัสรับรู้ ก็ใช้วิธีพิเศษช่วงชิงร่างตน
หลังจากลองอยู่หลายครั้ง สวี่ชิงพบว่าเสียงพึมพำนั้นเหมือนจะไม่มีการพลิกแพลงอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ดำเนินไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น
นี่ไม่เหมือนว่ามีพลังชีวิต
“หรือว่า…วิธีการสัมผัสรับรู้ของข้าไม่ถูกต้อง”
สวี่ชิงขบคิด นี่อย่างไรก็เป็นครั้งแรกในการสัมผัสรับรู้อำนาจเทพในความหมายที่แท้จริงของเขา สำหรับความเข้าใจในอำนาจเทพหยุดอยู่ที่สัญชาตญาณ
สำหรับดวงจันทร์ม่วงและเคราะห์หายนะนั้นคือกลืนกินได้มา ไม่ได้ครอบครองด้วยการสัมผัสรับรู้เช่นนี้
คำสาปเทพเจ้าก็ได้มาด้วยวิธีที่คล้ายๆ กัน
ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่สัมผัสรับรู้ต่อ แต่นึกย้อนประสบการณ์ในช่วงหลายเดือนมานี้ของตน หลายวันหลังจากนั้น เขาก็พลันสะท้านเฮือกขึ้นมา
“ระดับการสัมผัสรับรู้ของข้าอาจจะไม่ถูก”
“เหตุที่ถูกควบคุมและตกเป็นทาสก็เพราะข้าได้รับอิทธิพลจากอำนาจเทพ ทว่าสิ่งที่ข้าต้องทำคือควบคุมมัน!”
“จะควบคุมอย่างไร…”
สวี่ชิงครุ่นคิด นานหลังจากนั้น ในดวงตาของเขาก็ฉายประกายแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่ง
“บางที ฟังไม่ใช่วิธีที่ถูก”
“สิ่งที่ข้าได้ยินหมายถึงได้รับอิทธิพล”
สีหน้าสวี่ชิงฉายแววเด็ดเดี่ยว ลุกขึ้นเพียงไหววูบออกไป ก็มาอยู่ข้างนอกฟองอากาศลึกลับ อยู่ตรงนั้นไม่ได้อาศัยการช่วยเหลือจากเถาวัลย์เทพ แต่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ก้าวเท้าฝืนบุกเข้ามา
หลายก้าวหลังจากนั้น พลังต้านทานมหาศาลทะลักมา สวี่ชิงเมินเฉย ในบริเวณสุดปลายทางที่ตัวเองแบกรับได้ ก้าวเท้าออกไปอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นพลังสะท้อนปะทุมา ในขณะเดียวกับที่ปกคลุมทั่วร่างของเขา สวี่ชิงก็จงใจเหนี่ยวนำมา ซัดไปที่หูทั้ง 2 ข้างของตน
เสี้ยวขณะต่อมา สมองของเขามีเสียงวิ้งดังมา ความเจ็บปวดอย่างมหาศาลส่งมา หูทั้ง 2 เลือดไหล แก้วหูแตก กระดูกหูหัก
สวี่ชิงร่างล้มลง ฟ้าดินพลิกกลับตาลปัตร สูญเสียการได้ยิน
แต่สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ฝืนอดทนเอาไว้ เรียกเถาวัลย์เทพที่อึ้งงงงันเล็กน้อย ถูกหอบม้วนเข้าไปในเจดีย์
ทันทีที่เข้ามา สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิลงทันที ไหมวิญญาณผสานไปในหยกดำ สัมผัสรับรู้อีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาไม่ไปฟังอีก แต่อาศัยจิตใจไปสัมผัสรับรู้
เขาเหมือนค่อยๆ ‘ได้ยิน’ เสียงพึมพำขึ้นมา
เสียงพึมพำนี้ทั้งมาจากหยกดำ และมาจากรอยจางทางนั้นในร่างของตัวเอง ยิ่งมาจากคลื่นในทะเลพลังต้นกำเนิดเทพของตน
ความรู้สึกพลันเข้าใจกระจ่าง ปรากฏขึ้นในใจสวี่ชิง ขณะเดียวกันการสัมผัสรับรู้ของเขาเหมือนว่าในเสี้ยวขณะนี้ก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว พลังต้นกำเนิดเทพท่วมฟ้า ผลักดันการสัมผัสรับรู้ของเขา เหมือนทะลวงพันธนาการบางอย่าง มาถึงระดับขั้นที่เขาไม่เคยแตะมาก่อน
เขาบรรลุกระจ่างแล้ว
มีเพียงในขณะที่ไม่ไปฟัง อาศัยสัมผัสก็สามารถ ‘ได้ยิน’ ถึงจะทำให้สัมผัสรับรู้ของตัวเองยกระดับขึ้น ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของความเป็นเทพ และคว้าพลังที่อยู่ในขอบเขตนี้โดยเฉพาะได้
พลังกลุ่มนี้เก่าแก่ผ่านห้วงเวลานับไม่ถ้วน ทั้งดั้งเดิมและปั่นป่วน หรือจะพูดว่าเป็นพลังที่เก่าแก่เป็นอย่างยิ่งประเภทหนึ่งที่เดิมก็อยู่ในฟ้าดินห้วงจักรวาล เป็นส่วนหนึ่งของโลก
ผู้บำเพ็ญไม่สามารถควบคุมได้ เพราะได้รับพลังกลุ่มนี้ คุณสมบัติที่เป็นพื้นฐานที่สุดที่ต้องมีคือพลังต้นกำเนิดเทพ
และต้นกำเนิดพลังนี้ลึกล้ำเกินไป ยากที่จะหยั่งถึง
ลำพังเพียงแค่ควบคุม ก็เท่ากับมีสิทธิ์ใช้ จะกลายเป็นตราประทับตราหนึ่ง นี่…ก็คืออำนาจเทพเจ้า
แต่ก็ทำได้แค่ใช้เท่านั้น หากคิดจะสำรวจถึงแก่นแท้ของมัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้าทั่วไปสามารถทำได้
ตอนนี้ ในกองดินของสวี่ชิงส่งเสียงขานตอบกับหยกดำ รอยจางๆ ที่กะพริบมาหลายเดือนพลันสาดแสงเจิดจ้าออกมา ท่ามกลางประกายแสงพร่างพรายระยิบระยับก็ก่อเป็นอักขระเทพ
นั่นคืออักขระเทพที่ 5 ของสวี่ชิง
อักขระเทพแห่งเสียง!
ควบคุมเสียงทุกอย่างในโลก ซึ่งก็คือส่วนประกอบที่สำคัญของความรอบรู้
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
