1039. หลิวเหมย 1
โลกเปลี่ยนไปแม้จะอยู่ในถ้ำจักรพรรดิเทพก็ตาม ไม่อาจหยุดยั้งสายตาของหวังหลินได้ เปลวเพลิงพรั่งดูจากตาซ้ายและสายฟ้าแล่นแปลบปลาบจากตาขวา
วินาทีนี้โลกเบื้องหน้าหวังหลินแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หลุมลึกเบื้องหน้าเขาค่อยๆโปร่งใสจนกระทั่งหายไปหมด สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือเส้นสีดำที่ตัดขวางกันและกัน เส้นสีดำเหล่านี้เต็มไปทั่วโลก
หลุมลึกถูกสร้างขึ้นจากเส้นสีดำพวกนี้อย่างชัดเจน พอหวังหลินเห็นจึงเกิดความตกตะลึงไปชั่วขณะ
ค่อยๆหันมองรอบๆและมองอีกที่หนึ่ง กำแพงด้านข้างหายไปและเปลี่ยนกลายเป็นเส้นตัดผ่านกันมากมาย
หวังหลินจ้องมองเส้นไม่เป็นระเบียบพวกนี้พลันเกิดแรงกระตุ้น ยกแขนขึ้นมาและยื่นเข้าใส่ ทว่าวินาทีนั้นพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งผุดออกมาจากเส้นจนกระจายแรงใส่หวังหลิน แขนหวังหลินกระดอนออกมาและเกิดพลังตีกลับรุนแรง
ปัง!
หวังหลินถูกดันกลับหลายก้าวก่อนจะหยุดลง ใบหน้าเกิดความเข้าใจ
เขาสูดหายใจลึกและกระโจนออกไปจากหลุมลึก มองไปรอบตัวและพบว่าตอนนี้สิ่งก่อสร้างทั้งหมดดูแตกต่าง
เมื่อสายตาเขาร่อนลงไปเห็น สิ่งก่อสร้างและดอกไม้ทั้งหมดแยกกัน พวกมันเปลี่ยนเป็นเส้นสายหลากสีที่ตัดผ่านกันและกัน
ทั้งโลกคล้ายจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ไม่สงสัยเลยว่าคนแบบเป้ยหลัวถึงสามารถเดินทางท่องไปในดินแดน 99 แห่งในโลกแห่งขวดได้ง่ายๆ…” บางทีหากซือถูหนานต้องการเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน…แม้กระทั่งจ้าวสายลมหวนก็สามารถทะลวงผ่านดินแดนในโลกแห่งขวดได้
“หากข้ากลับไปในโลกแห่งขวด แม้จะไม่มั่นใจในการข้ามผ่านดินแดน 99 แห่ง ข้าก็สามารถทำลายดินแดนหลายแห่งได้แน่นอน…”
เหล่าเซียนเฒ่าขั้นชำระสวรรค์สามารถมองเห็นกฏ ทั้งยังสามารถควบคุมกฏได้จึงเป็นธรรมดาที่จะเคลื่อนไหวผ่านดินแดนเหล่านั้นได้
‘ข้าต้องการเอาเส้นพวกนั้นมาแต่ถูกพลังแข็งแกร่งตีกลับเพราะข้ายังไม่ได้บรรลุขั้นชำระสวรรค์…ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญการควบคุมกฏ’ หวังหลินมองไปรอบๆ สายตาเต็มไปด้วยความเข้าใจ
แม้กระทั่งกฏเกณฑ์ที่มองไม่เห็นก็ยังปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินชัดเจน ตอนที่หวังหลินเห็นเช่นนี้จึงเกิดความคิดขึ้นมา ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง วังวนขนาดเท่ากำปั้นก่อตัวขึ้นระหว่างคิ้วของหวังหลิน
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าค่อยๆผุดออกมาจากวังวนและลอยเบื้องหน้าหวังหลิน รอบลูกปัดมีระลอกคลื่นบิดเบี้ยวราวกับมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่และกำลังปฏิเสธ
วินาทีนั้นความคิดหวังหลินเข้าผสานกับลูกปัด รู้สึกถึงเสียงดังคะนองในหัวและภาพวิสัยทัศน์เปลี่ยนไป ราวกับพลังแข็งแกร่งเข้ายึดครองความคิด ทำลายอุปสรรคทั้งหมดในถ้ำเพื่อขึ้นไปในท้องฟ้าตรงๆ
ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากใจกลางดินแดนวิญญาณปิศาจและพุ่งเข้าไปในเส้นขอบฟ้า
หวังหลินเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นยืดยาว เส้นแสงสีฟ้านั้นตัดขวางกันและกัน
หวังหลินเห็นก้อนเมฆขาว พื้นดิน ต้นไม้บนพื้น ที่อยู่อาศัยนับไม่ถ้วนบนดินแดนวิญญาณปิศาจ ทั้งยังเห็นแม่น้ำและภูเขา
ด้วยพลังลึกลับของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า จิตใจหวังหลินแพร่กระจายไปทั่วโลกและเห็นกฏทั้งหมดในโลก
ทุกสิ่ทุกอย่างเบื้องหน้าเขาคือกฏและเส้นหลากสีพวกนี้คือหนทางแห่งการเห็นกฏ
ขณะที่เขามองต่อไป หวังหลินคล้ายจะเปลี่ยนกลายเป็นสายลม กวาดผ่านดินแดนวิญญาณปิศาจ จากนั้นพุ่งตรงเข้าหาท้องฟ้าที่กำลังห่อหุ้มด้วยพลังลึกลับของลูกปัด
เสียงดังสนั่นอีกเสียงกึกก้องในจิตใจพร้อมกับแทงทะลุผ่านดินแดนวิญญาณปิศาจด้วยการช่วยเหลือของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เซียนับไม่ถ้วนแม้กระทั่งคนแบบเทียนหยุนก็ไม่สามารถเปิดได้ด้วยกำลัง
ราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางความคิดเขาและลูกปัดได้ ไม่มีสิ่งใดกล้ามาขัดขวาง!
หวังหลินเห็นอวกาศสีดำเบื้องหน้า!
ละอองฝุ่นเต็มไปทั่วอวกาศเช่นเดียวกับกลุ่มก๊าซแพรวพราว หวังหลินจมตัวเองอยู่ในสภาวะรู้แจ้งพลางมองหมู่ดาวและสัมผัสถึงกฏภายในจักรวาล
ดวงดาวแพรวพราวห่างออกไปไกล อุกกาบาตที่กำลังลอยอยู่ในอวกาศและเศษฝุ่นผงทั้งหมดปรากฏในสายตาหวังหลิน
กฏ…ทุกสิ่งทุกอย่างใจโลกมีกฏ!
หลังจากความคิดผสานกับดวงดาว หวังหลินจึงเกิดความเข้าใจต่อเนื่อง ความคิดเติบโตและแพร่กระจายออกไป ความเร็วของการแพร่กระจายนี้ไม่ใช่สิ่งที่สัมผัสวิญญาณจะเทียบเคียงได้
เหมือนเช่นตอนที่หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้าประตูในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ตอนที่เขาก้าวไปได้ครึ่งก้าวและคล้ายจะกลายเป็นหนึ่งกับมิติว่าง คราวนี้หวังหลินเร่ร่อนไปท่ามกลางดวงดาวและรับรู้ประสบการณ์การมองเห็นเต๋าอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้ที่หวังหลินเห็นคือกฏ
ความคิดแพร่กระจายไร้จุดิ้นสุด กวาดผ่านดวงดาวทีละดวง หัวใจสงบนิ่งและจมดิ่งอยู่ภายในอย่างสิ้นเชิง หวังหลินไม่รู้สภาวะในปัจจุบัน
ทุกดวงดาวที่เขาผ่าน ทุกสิ่งมีชีวิต รวมไปด้วยคนธรรมดา เหล่าเซียน สัตว์และดาวเคราะห์ต่างก็ถูกหวังหลินมองทะลุอย่างชัดเจน
กฏเกณฑ์ในโลกนับไม่ถ้วนเปลี่ยนกลายเป็นเส้นสายและถูกหวังหลินสังเกตการณ์ขณะที่ความคิดผ่านไป
ไม่มีใครในดาวพวกนั้นสังเกตถึงความคิดหวังหลินที่ผ่านไป แม้แต่เซียนขั้นส่องสวรรค์และชำระสวรรค์ก็ตามที…
เนื่องจากหวังหลินถูกปกป้องจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ หากเขาไม่ต้องการใครผู้คนรับรู้ถึงตัวตน เช่นนั้นจะไม่มีใครรับรู้ได้ แม้จะเป็นขั้นทลายสวรรค์!
ความคิดแพร่กระจายโดยมีดินแดนวิญญาณปิศาจเป็นจุดศูนย์กลาง ราวกับเวลาคงอยู่ตลอดไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแต่ความคิดหวังหลินครอบคลุมส่วนหนึ่งของพันธมิตรเซียน
เขาไม่หยุดแค่ตรงนี้ ขณะที่กำลังรู้แจ้ง ความคิดแพร่กระจายออกไปไกลอีกครั้งด้วยพลังของลูกปัด เขากระจายออกไปไกลขึ้น กว้างขึ้นและลึกขึ้น…
เขาเห็นเซียนมากมายและอสูรดุร้ายนับไม่ถ้วนที่ไม่เคยเจอมาก่อน กระทั่งเจอบางคนที่รู้จักในอดีต
คนพวกนี้ไม่ได้ทำให้หวังหลินหยุดลง ตอนนี้เขาจมดิ่งตัวเองอยู่ในสภาวะประหลาดซึ่งกำลังทำความเข้าใจกฏอย่างบ้าคลั่ง ความคิดจิตใจเติบโตขึ้น ระดับบ่มเพาะกำลังบรรลุถึงจุดสูงสุดไปด้วย
การบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับปลายสูงสุดไม่ยากสำหรับเซียนระดับปลายส่วนใหญ่ ตราบใดที่พวกเขามองเห็นกฏได้เพียงพอก็จะบรรลุระดับปลายสูงสุดได้เป็นธรรมดา
ทว่านี่เป็นกระบวนการอันยาวนานเพราะต้องผ่านประสบการณ์ให้มากและเห็นทุกอย่างจนสามารถเกิดผลสำเร็จ ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนหวังหลินซึ่งแผ่กระจายความคิดออกไปข้ามผ่านดาราจักรพันธมิตรเซียนด้วยการช่วยเหลือของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจนมองเห็นกฏที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด
ความคิดหวังหลินแพร่กระจายออกไปและเห็นทะเพลิงเข้ามาใกล้ วิหคยักษ์ตัวหนึ่งกำลังปลดปล่อยความร้อนสุดขีดอยู่เบื้องหน้าทะเลเพลิง
ที่ที่วิหคเพลิงผ่านไปจะเกิดรอยแตกร้าวในอวกาศจำนวนมาก ราวกับสามารถทำให้แตกสลายได้เพียงแค่แตะเบาๆ อุกกาบาตทั้งหมดที่เข้าใกล้วิหคเพลิงจะถูกเผาไหม้กลายเป็นฝุ่น
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิหคเพลิงหลีกเลี่ยงดาวเคราะห์เซียน คงมีดาวหลายดวงแตกสลายระหว่างทางไปแล้ว
เปลวเพลิงหลายเส้นติดตามวิหคเพลิง ข้างในเปลวเพลิงแต่เส้นมีเหล่าเซียนชุดสีแดงทั้งชายหญิง ในหมู่พวกเขายังมีหกผู้อาวุโสที่ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดกลัวอยู่ข้างหน้า
มองไกลๆดูเหมือนจะมีเซียนอยู่ด้านวิหคเพลิงไม่น้อยกว่าพันคนและไม่มีคนใดระดับบ่มเพาะอ่อนแอ!
คนเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้านหลังวิหคเพลิง!
วิหคเพลิงทำให้หวังหลินรู้สึกคุ้นเคย ชั่วขณะที่ความคิดเขาผ่านไป สายตารุนแรงของวิหคเพลิงส่องสว่างขึ้นและร่างกายสั่นเทา เสียงร้องแห่งอำนาจของวิหคเพลิงพลันดังสะท้อน!
หลังจากความคิดหวังหลินผ่านไป วิหคเพลิงยักษ์เต็มไปด้วยความงุนงง
ไม่ใช่เพียงวิหคเพลิงเท่านั้นที่งุนงงสับสน เหล่าเซียนด้านหลังก็สับสนไปด้วย โดยเฉพาะหกผู้อาวุโสที่มองหน้ากันเองด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจิตวิญญาณวิหคเพลิงถึงปลดปล่อยเสียงร้อง ไม่ว่าจะครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่อาจคิดถึงคำตอบได้
ความคิดหวังหินแพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง ณ ใจกลางพันธมิตรเซียนมีพื้นที่ดวงดาวที่เต็มไปด้วยอุกกาบาตสีม่วงเข้ม ภายในส่วนลึกของที่นี่มีโลกอีกแห่งอยู่
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ลอยเป็นวงกลมท่ามกลางดวงดาวและล้อมรอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่เล็กกว่าไม่น้อยกว่าร้อยแห่ง แสงสีดำกระพริบระเบิดอย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยแรงกดดันประหลาด
ที่นี่คือทางเข้าสู่พันธมิตรเซียน มีเพียงการผ่านที่นี่ไปถึงจะสามารถไปถึงกองบัญชาการของพันธมิตรเซียนได้
ความคิดหวังหลินมาถึงสถานที่ประหลาดแห่งนี้ ทั้งยังเจาะทะลุทางเข้าและมาถึงกองบัญชาการของพันธมิตรเซียนได้
กองบัญชาการนั้นอยู่ในดินแดนที่แยกเป็นเอกเทศ มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของแดนสวรรค์พิรุณแต่หลังจากถูกค้นพบมันจึงถูกพันธมิตรเซียนยึดครอง
ดาวเคราะห์เซียนยักษ์จำนวน 173 ดวงก่อขึ้นเป็นกองบัญชาการของพันธมิตรเซียน 172 ดวงเรียงกันเป็นวงกลมและไม่ได้อยู่นิ่งๆแต่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
มองไกลๆแล้วกองบัญชาการของพันธมิตรเซียนจึงเหมือนดาราจักรพันธมิตรเซียนขนาดเล็ก
เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ แต่น่าประหลาดที่ไม่มีเสียงอะไรเลย
ใจกลางวงแหวนดาวเคราะห์คือวังวนยักษ์ วังวนแห่งนี้สีม่วงและทำให้ใครต่อใครที่มองต้องสั่นเทา น้อยคนจะรู้ว่าข้างในวังวนเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
ด้านบนของวังวนคือดาวเคราะห์เซียนดวงสุดท้าย มันไม่ได้เคลื่อนไหวแต่ลอยอยู่เหนือวังวนและดูดซับควันสีม่วงที่วังวนปลดปล่อยออกมา
วังวนแห่งนี้ใหญ่เกินไป เซียนคนเดียวคงเทียบได้กับมดแมลง ตามจริงแล้วเหล่าเซียนยังน้อยกว่ามดและมองไม่เห็นด้วยซ้ำ กระทั่งดาวเคราะห์เซียนดวงสุดท้ายก็ยังดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวังวน