1056. มาร
ในชั้นที่เจ็ดของถ้ำจักรพรรดิเทพมีพลังอัคคีดั้งเดิมอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหินลาวาหนืด ขณะที่หวังหลินดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมไปมากขึ้น มันก็เข้าไปในร่างและห่อหุ้มรอบวิญญาณ หล่อเลี้ยงวิญญาณเขาให้ปรับตัวเข้ากับพลังอัคคีดั้งเดิม
ในความคิดหวังหลินเกิดความรู้สึกสบายไปด้วย แม้จะกินเม็ดยาตอนอยู่ชั้นที่หกไปจำนวนมากและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เล็กน้อยมันก็ยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ขณะที่ดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมไปมากขึ้น อาการบาดเจ็บก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง
แม้จะช้าแต่ก็ทำให้หวังหลินมีความหวัง
ทว่าคนส่วนใหญ่เข้าไปภายในภูเขาไฟไปแล้ว หวังหลินถอนหายใจ หนึ่งเดือนที่ใช้ไปกับการฟื้นฟูตัวเองหวังหลินได้ถามหวังเว่ยถึงวิธีการรักษาพิษสวรรค์ชั้นเจ็ดไปแล้ว
แต่ตอนที่หวังเว่ยและฮู่จวนอยู่ในแดนสวรรค์ มีโอกาสน้อยมากที่จะเผชิญเข้ากับพิษ แม้จะเคยได้ยินพิษสวรรค์ชั้นเจ็ดและรู้อยู่บ้าง พวกเขาก็ไม่ได้รู้รายละเอียดถี่ถ้วน ท้ายที่สุดหวังหลินจึงตั้งความหวังในการรักษาพิษของซือถูหนานไว้กับจักรพรรดิเทพฉิงหลินหรือฉิงซวงต่อไป
หวังหลินรู้ตัวว่าไม่อาจพักอยู่ชั้นที่เจ็ดนานเกินไป จึงสูดหายใจลึก พลังดั้งเดิมในร่างโคจรเร็วขึ้น ดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมก่อนจะชักมือกลับ หวังหลินกระโจนขึ้นไปและเข้าผ่านปล่องภูเขาไฟ
ขณะที่หวังหลินลุกขึ้น ชายชุดดำก็ลุกขึ้นตาม มุ่งหน้าไปยังปล่องภูเขาไฟจากอีกทิศทางหนึ่ง
หวังหลินสังเกตเห็นชายชุดดำแล้วว่าอีกฝ่ายก็ดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมเหมือนกัน เขามีรอยตรงระหว่างคิ้วซึ่งทำให้หวังหลินรอบคอบมากขึ้น
หวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วนัก เหินขึ้นไปเหมือนสายลมพัดเบาๆ เขาค่อยๆมาถึงปล่องภูเขาไฟซึ่งเป็นหลุมขนาดใหญ่มีหมอกสีดำหนาแน่นค่อยๆกระจายออกมา
พื้นที่เต็มไปด้วยอุณหภูมิสูง แม้แต่ก้อนหินใกล้ๆปล่องภูเขาไฟยังเป็นสีแดงเข้มดูน่าตื่นตะลึง
หวังหลินลอยตัวไปเหนือเหล่าก้อนหิน อุณหภูมิที่สูงยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด พอมองลงไป ข้างในปล่องภูเขาไฟมีควันสีดำคล้ายเงาพุ่งออกมา
หวังหลินก้าวเท้าพุ่งเข้าใส่ปล่องภูเขาไฟโดยไม่ลังเล แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมารอบตัว ควันสีดำที่โผล่ออกมาพลันหายวับในทันที
คลื่นความร้อนพุ่งเข้าใส่ พอมันเข้ามาใกล้รูขุมขนทั้งหมดในร่างเปิดออกและดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมข้างในความร้อนพวกนั้น
แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาดและดิ่งลงไปเร็วขึ้น ชายชุดดำตกลงมาด้านหลังเช่นเดียวกันแต่รักษาระยะห่างเอาไว้ เขาไม่ต้องการกระตุ้นจิตสังหารของหวังหลินจากการเข้าใกล้เกินไป
ชายชุดดำศึกษามาว่าหวังหลินไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่ายๆเพียงแค่พูดคุยสั้นๆ หวังหลินเป็นคนเด็ดเดี่ยวและโหดเหี้ยมแต่ก็เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก แม้กระทั่งปรมาจารย์ชีกงยังต้องถูกผลักดันให้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่หลายครั้งจนระดับบ่มเพาะตกลงไปมหาศาล
หากเป็นคนอื่นสลับที่กับหวังหลิน คงก้าวเดินออกมาจากเหล่าผู้ทรงอำนาจได้ยากมาก หวังหลินทั้งยังสามารถหยิบยืมแรงกดดันจากคนอื่นๆเพื่อกำราบศัตรูได้จนทำให้ปรมาจารย์ชีกงต้องตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก
พอคิดเรื่องนี้ ชายชุดดำรู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตอนที่เขานึกถึงสายตาและคำพูดโอหังของหวังหลินก่อนที่จะออกไปจากชั้นแรก กลิ่นอายของหวังหลินหลังจากบังคับให้ปรมาจารย์ชีกงล่าถอยไปตอนนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืม
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ตนเองจะสามารถดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมที่นี่ได้ เขาก็ยังด้อยกว่าวิหคเพลิงผู้ซึ้งควบคุมเปลวเพลิงทั้งหมดในโลกนี้มากมายนัก
‘ข้าคิดจะกลืนกินเขา…ช่างยากมาก! ยากยิ่ง! ยาก!’ ชายชุดดำถอนหายใจกับตนเอง
หวังหลินไม่รู้ว่าชายชุดดำมีความคิดซับซ้อนอะไร เขาเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นพลางดูดซับคลื่นความร้อนที่เข้ามาหาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลงไปก็ยิ่งมีความร้อนรุนแรง ก้อนหินรอบด้านมีรอยแตกร้าวมากมายและกลายเป็นสีแดงเข้ม นั่นหมายความว่าเพลิงพิษที่นี่รุนแรงยิ่งกว่า
ผนังรอบด้านไม่ได้เรียบรื่นและมีก้อนหินเกาะกันหลายจุด หวังหลินเหินร่างลงไปบนก้อนหินหนึ่งที่อยู่ติดกับผนัง ก้อนหินเป็นสีแดงเข้มและปลดปล่อยควันสีดำออกมา
พอหวังหลินยืนอยู่บนก้อนหิน ก้อนกรวดก็ตกลงไปและจมเข้าไปในภูเขาไฟ
หวังหลินสูดลมหายใจ คลื่นความร้อนรุนแรงเบื้องล่างทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในปาก
ราวกับหวังหลินกำลังกลืนกินทะเลเพลิง ความร้อนเปลี่ยนกลายเป็นแก่นเพลิงพร้อมกับถูกหวังหลินสูดเข้าไปในร่าง จากนั้นเขาก็ก้าวถอย ใบหน้าขึ้นสีแดงแต่ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
พลังดั้งเดิมในร่างโคจรอย่างบ้าคลั่งและย่อยพลังอัคคีอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปเจ็ดนาทีหวังหลินมองขึ้นไป พ่นลาหายใจและลงเข้าไปในภูเขาไฟลึกกว่าเดิม
เมื่อหวังหลินจากไป ชายชุดดำก็ร่อนลงบนก้อนหินนี้ ในแววตาแฝงความหวาดกลัว
‘กลืนกินพลังอัคคีดั้งเดิมแบบนี้ได้ เขาเป็นคนบ้าชัดๆ!’ พลังอัคคีดั้งเดิมนั้นรุนแรงมาก เขาเองรู้ว่าคงไม่กล้ากลืนกินเข้าไปแบบนี้ ทั้งยังทำได้แค่สามารถดูดซับมันตามคำชี้แนะเท่านั้น
หวังหลินลงมาเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในไม่นานก็มาถึงก้นภูเขาไฟ สายตาแทงผ่านคลื่นความร้อนและกลุ่มควันทำให้เห็นทุกอย่างด้านล่าง
ก้นภูเขาไฟเต็มไปด้วยลาวาสีแดงเข้มราวกับเป็นทะเลลาวา บางครั้งมันก็มีฟองปูดขึ้นมาและเมื่อเกิดการระเบิดจะมีคลื่นความร้อนหนาแน่นพุ่งขึ้นไปหายอดภูเขาไฟ
ควันสีดำถูกผลักลอยขึ้นไปพร้อมกับคลื่นความร้อน
เหนือทะเลลาวามีปราสาทแห่งหนึ่งติดอยู่ระหว่างกำแพงของภูเขาไฟ ปราสาทแห่งนี้ดูเหมือนแบบเดียวกันกับทางเข้าสู่ชั้นถัดไปของหกชั้นแรก
ทว่าตอนนี้ประตูถูกปิดและมีคำพูดอันซับซ้อนวาดเอาไว้ด้วยโลหิตสีดำ
แค่เพียงมองดูก็ทำให้รู้สึกบ้าคลั่งราวกับสามารถเปลี่ยนโลกให้กลับตาลปัตรและหวนคืนสวรรค์ได้ทีเดียว
หวังหลินที่เห็นคำพูดนั้นพลันหรี่ตาแคบ เขาอ่านมันออกเนื่องจากเป็นภาษาที่เป็นของเผ่าเทพโบราณ ทั้งยังเป็นภษาของปิศาจโบราณและมารโบราณอีกด้วย
มันคือคำว่า “มาร!”
ตอนนี้ด้านนอกปราสาท หวังเว่ย ฮู่จวนและเป้ยหลัวรวมกลุ่มกัน ส่วนเทียนหยุนและพรรคพวกรวมกันอีกหนึ่งกลุ่ม พวกเขาลอยตัวอยู่กลางอากาศและจ้องไปที่ประตูปราสาท
หลิงเทียนโฮว ชายชราบนน้ำเต้าและหญิงสาวคนสวยกำลังใช้วิชาเพื่อโจมตีประตูอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสียงจากแรงกระแทกไม่ได้แพร่กระจายออกไปไกลและไม่ดังกึกก้องเนื่องจากความร้อน
การมาถึงของหวังหลินทำให้ปรมาจารย์ชีกงต้องเงยศีรษะ ในแววตาแฝงจิตสังหารแต่ก็ระงับเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หวังหลินมาถึงข้างหวังเว่ยและฮู่จนวน มองดูประตูและขมวดคิ้ว หลิงเทียนโฮวร้องคำราม กระบี่ดั้งเดิมสี่เล่มพุ่งเข้าปะทะใส่ประตู คำว่า “มาร” บนประตูกระพริบถี่ยิบแต่ไม่แสดงอาการว่าจะได้รับความเสียหายอันใด
“ข้าไม่สามารถเปิดผนึกเข้าสู่ชั้นที่แปดได้!” หลิงเทียนโฮวพ่นลมหายใจและล่าถอย สตรีคนสวยและชายชราบนน้ำเต้าส่ายศีรษะเช่นเดียวกันและยอมแพ้
หวังเว่ยและฮู่จวนขมวดคิ้ว พวกเขาพยายามก่อนหน้านี้แล้วและไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้เลย พอมีผนึกอยู่ที่นี่จึงไม่สามารถเข้าสู่ปราสาทได้
หวังหลินจ้องคำว่า “มาร” บนประตูปราสาท เขารู้ว่าการมีเหล่าเซียนเฒ่าพวกนี้อยู่ที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องจะให้เขาทำสิ่งใด หวังหลินนั่งอยู่บนก้อนหินห่างออกไปไม่ไกลก่อนจะหลับตาและเริ่มบ่มเพาะ แม้แจะบ่มเพาะแต่ก็ยังระมัดระวัง
สตรีชุดชมพูยืนอยู่บนก้อนหินห่างจากหวังหลินไม่ไกลนัก เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนล้อมรอบตัวนางเข้าต่อต้านอุณหภูมิร้อนแรง ก้อนหินใต้ฝ่าเท้ากระทั่งเกิดการแช่แข็ง
เวลาค่อยๆผ่านไป ชายชุดดำซึ่งตามหลังหวังหลินได้มาถึงนานแล้ว เขาลอยอยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวังและจ้องมองปราสาทพลางขบคิดไปด้วย
คำว่า “มาร” บนประตูปราสาทได้แฝงพลังผนึกเหนือจินตนาการ แทบทุกคนที่นี่ทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดทั้งสองกลุ่มก็โจมตีในครั้งเดียว เกิดเสียงแตกร้าวทะลวงผ่านคลื่นความร้อนออกมาอย่างไม่คาดคิด เสียงดังกึกก้องทำให้ก้อนหินจำนวนมากตกลงมาจากภูเขาไฟ
เมื่อทุกคนโจมตีอย่างต่อเนื่องจึงเกิดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเสียงก็ผสานเข้าด้วยกันและกระทั่งดังออกไปนอกภูเขาไฟ หากอยู่ด้านนอกคงได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่เนืองๆ
ท้ายที่สุด วิชาทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นพายุอันรุนแรงกวาดเข้าใส่ปราสาท เกิดเสียงแตกสั่นสะเทือนสวรรค์ ภูเขาไฟทั้งลูกสั่นสะเทือน ลาวาด้านล่างโหมกระหน่ำราวกับเกิดแผ่นดินไหว
คำว่า “มาร” บนปราสาทพลันแตกสลาย! ประตูเปิดออก! แต่เกิดเหตุการณ์สุดตกตะลึงขึ้นตอนที่ประตูเปิด!