Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1057

Cover Renegade Immortal 1

1057. มาร 2

จังหวะที่คำว่า “มาร” หายไปและประตูเปิดออก ทะเลลาวาด้านล่างเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรง ระเบิดเสียงร้องอู้อี้ดังออกมาจากลาวา จากนั้นตู้ม! ลาวาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ราวกับมีพลังอันรุนแรงผลักลาวาขึ้นไป ภูเขาไฟเกิดการระเบิด!

อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัว แม้กระทั่งก้อนหินรอบด้านยังเกิดการแตกร้าว ก่อนที่มันจะทันได้ตกลงมา พลันเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำและผลักขึ้นไป

วินาทีนี้หากมองจากด้านนอกภูเขาไฟจะเห็นภูเขาไฟสั่นเทาและมีควันสีดำโผล่ออกมารุนแรงหลายเท่า พุ่งขึ้นสู่อากาศราวกับต้องการจะปกคลุมทั้งน่านฟ้า

ขณะที่ควันสีดำแพร่กระจายออกไปมามันจึงปกคลุมท้องฟ้าในเสี้ยววินาที ไม่ให้แสงอันใดเล็ดลอดผ่านเข้าไป มีแต่แสงจากลาวาระหว่างรอยร้าวบนพื้นเท่านั้นที่เรืองรองส่องสว่าง

ยามที่ประตูปราสาทเปิดขึ้น เป้ยหลัวพุ่งเข้าไปข้างในขณะที่ลาวาพุ่งสูงขึ้น คนอื่นๆได้สติและติดตามเขาไป

ทว่าความเร็วของคนอื่นช้ากว่าเล็กน้อย ลาวามหึมาพุ่งขึ้น หากแค่นี้คงไม่พอให้เหล่าเซียนหวาดกลัว แต่เมื่อลาวาผ่านพวกเขาไป แขนยักษ์ข้างหนึ่งยื่นออกมาหมายจะคว้าหญิงสาวคนสวยเอาไว้

นางอุทานและต้องการหลบเลี่ยงแต่ช้าเกิน ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงในเสี้ยววินาทีและถูกดึงเข้าไปในลาวา

เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้จิตใจทุกคนรอบด้านตกตะลึง

แต่นี้ยังไม่จบแค่นั้น เสียงร้องคำรามดังออกมาจากในลาวาและดังสะท้อนไปรอบๆดุจคลื่นกระแทก ก้อนหินข้างเพียงแตกสลายมากกว่าเดิม

โลงศพสีแดงแกมม่วงโผล่ออกมาจากลาวาอันเร่าร้อนพร้อมกับเสียงคำรามรุนแรงมากขึ้น

หวังเว่ยและฮู่จวนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าทั้งสองรู้จักโลงศพนี้และต่างก็สร้างผนึกร่วมกันโดยไม่ลังเล ทั้งคู่ร่างโปร่งแสงและผ่านทุกคนพุ่งเข้าไปในปราสาท

เมื่อเข้าไปในปราสาท โลงศพพังทลายและแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยตกลงใส่ทุกคน ขณะเดียวกันชายชราชุดแดงคนหนึ่งเดินออกมาจากโลงศพ

เขาไม่มีพลังชีวิตและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ยามที่ปรากฏตัวพลันพุ่งเข้าใส่ทุกคน เทียนหยุนดวงตาส่องสว่าง อ้าปากราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นชายชราชุดแดงหยุดชะงัก

เทียนหยุนใช้โอกาสนี้โบกสะบัดแขนและพุ่งตัวเข้าไปในปราสาท วินาทีนั้นร่างชายชราชุดแดงแตกสลายและเกิดเสียงคำรามดังออกมาจากภายใน จากนั้นปรากฏทะเลเพลิงและเปลี่ยนกลายเป็นมังกรอัคคีพยายามกลืนกินทุกคน

สตรีชุดชมพูพุ่งเข้าหาปราสาทด้วยสีหน้าซีดเผือด ทว่าก่อนที่นางจะเข้าไปได้ ร่างกายเปลี่ยนเป็นลำแสงและถูกมังกรอัคคีสูดเข้าไป

หวังหลินเห็นทุกคนกำลังพุ่งเข้าหาปราสาทและไม่กังวลเรื่องอื่น เขาจึงออกมาจากก้อนหินและพุ่งเข้าหาปราสาทเช่นเดียวกัน ทว่าขณะที่กำลังจะได้เข้าไป ปรมาจารย์ชีกงผู้เป็นคนเข้าปราสาทคนสุดท้ายพลันหันกลับมาจ้องหวังหินด้วยสายตาเยือกเย็น

ก่อนที่ปรมาจารย์ชีกงจะโจมตีได้ มังกรอัคคีก็มาถึง มันลำตัวใหญ่มากจนกลืนกินได้ทั้งปราสาท หวังหลินรู้สึกถึงพลังดึงดูดอันทรงพลังและถูกมังกรอัคคีกลืนเข้าไปพร้อมกับปราสาท

มังกรอัคคีกลืนกินทุกอย่างและจากนั้นก็พุ่งเข้าไปในลาวา พอมังกรจมดิ่งลงไป ลาวาก็เริ่มหมุนรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้นจนกระทั่งระเบิดและปกคลุมท้องฟ้า ก้อนลาวากลายเป็นเพลิงทรงกลมตกลงใส่พื้นดิน

หลังทุกอย่างผ่านไปสักพัก ภูเขาไฟก็หยุดการระเบิด เหลือทิ้งไว้แต่เพียงควันสีดำผุดออกมา ลาวาจมลงไปด้านล่าง ก้นภูเขาไฟเงียบสงัดอีกครั้ง แต่ตอนนี้ปราสาทหายไปแล้ว

ณ ตอนนี้ในส่วนลึกที่สุดของลาวา ปราสาทซึ่งถูกมังกรอัคคีกลืนกินเข้าไปพลันปรากฏขึ้นแต่ถูกล้อมรอบด้วยลาวา แม้จะอยู่ในปราสาทแต่ก็ยังสัมผัสถึงความร้อนรุนแรงได้

หวังหลินปรากฏร่างในลาวาห่างออกไป ความร้อนจากลาวาไม่เพียงจะไม่ทำร้ายเขาแต่กลับทำให้อาการบาดเจ็บดียิ่งขึ้น ลาวาหนาแน่นและล้อมรอบหวังหลินด้วยพลังอัคคีดั้งเดิมจำนวนเกินอธิบาย รอยสักวิหคเพลิงบนร่างเรืองแสงสว่างและกระทั่งส่งเสียงวิหคร้องออกมา

หวังหลินนั่งลงและค่อยๆจมลงไปใต้ลาวา เขาอยู่ห่างจากปราสาทออกไปหมื่นฟุต สองฝ่ามือสร้างผนึก พลังอัคคีดั้งเดิมเข้าสู่ร่างกาย

ขณะที่หวังหลินดูดซับ ร่างเปลี่ยนไปเป็นสีแดง เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่ หวังหลินลืมตาขึ้นมา รอบด้านเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงแต่พลังดั้งเดิมในร่างจะไม่รั้งเอาไว้แล้ว มันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม หวังหลินไม่ได้จากไปในทันทีแต่บ่มเพาะต่อไป

นี่เป็นโอกาสที่มีค่ามากสำหรับเขา หายากมากที่จะเจอสถานที่ที่มีพลังอัคคีดั้งเดิมจำนวนมากแบบนี้ หวังหลินหลับตาและดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมต่อไป

ขณะที่หวังหลินดูดซับ ลาวาค่อยๆลดลงไป ระหว่างนี้หวังหลินตื่นขึ้นมาสามครั้งและทั้งสามครั้งก็เป็นเพราะลาวาที่ผันผวนอย่างหนาแน่นทำให้ภูเขาไฟเกิดการประทุ

ทุกครั้งที่เขาตื่นจะเฝ้าดูการระเบิดของภูเขาไปอย่างละเอียด หลังการระเบิดเสร็จสิ้นลงหวังหลินจมดิ่งตัวเองไปกับการดูดซับอีกครั้ง

ณ วันนี้หวังหลินตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สี่ แม้ลาวาจะมีพลังอัคคีดั้งเดิมอย่างไม่มีวันหมด หวังหลินก็ไม่กล้าดูดซับต่อไปอีกแล้ว ในตอนที่เขาดูดซับอยู่นั้นค่อยๆกลายเป็นหนึ่งเดียวกับลาวาและค่อยๆรู้สึกถึงจิตวิญญาณประหลาดข้างในลาวาแห่งนี้

หากเขาดูดซับมากเกินไปคงไปรบกวนจิตวิญญาณประหลาดนั้นได้ง่ายๆ ตามที่หวังหลินวิเคราะห์ จิตวิญญาณประหลาดนั่นน่าจะเป็นมังกรอัคคีที่กลืนกินทุกอย่างเข้าไป

หวังหลินขบคิดพร้อมกับค่อยๆยืนขึ้นและเดินเข้าหาปราสาทในลาวา หลังก้าวไปได้ไม่กี่ครั้งหวังหลินพลันหยุดชะงัก มองเห็นฟองที่ค่อยๆเข้าไปใกล้ปราสาท

หลังจากสังเกตอย่างละเอียด หวังหลินเผยสีหน้าประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็มีเซียนข้างในนั้นเห็นหวังหลิน

ข้างในฟองมีอยู่สองคน เป็นสตรีชุดชมพูและหญิงสาวคนสวยที่ถูกมังกรเพลิงกลืนกินเข้าไป นางหมดสติและทั้งร่างเรืองแสงสีแดคล้ายใกล้ตาย ส่วนสตรีชุดชมพู เกล็ดหิมะรอบตัวหายไปแล้ว อักขระรูนเกล็ดหิมะกระพริบกลางหน้าผากปลดปล่อยพลังเย็นเพื่อให้นางมีชีวิตรอด

นางเห็นหวังหลินกำลังเข้ามาใกล้ สายตาประหลาดใจปนหวาดกลัว แม้จะรู้เรื่องการตื่นขึ้นของวิหคเพลิงของหวังหลิน นางไม่คิดว่าหวังหลินจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยในลาวานี้และเคลื่อนที่ราวกับอยู่บนพื้นดิน

“ไม่สงสัยว่าคนของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จะน่าหวาดกลัวเพียงนี้ ดูเหมือนหลังจากวิหคเพลิงตื่นขึ้น เขาก็ได้รับภูมิต้านทานธาตุอัคคีอย่างไม่คาดคิด” สตรีชุดชมพูจ้องมองหวังหลิน นางติดอยู่ในลาวาเป็นเวลาหลายเดือนและไม่สามารถเคลื่อนไหวเร็วเกินไปนัก โชคดีที่พบสตรีที่มาด้วยกันแต่กลับหมดสติตลอดเวลาและร่างกายยังเต็มไปด้วยเพลิงประหลาด

นางไม่สามารถปลุกสตรีคนสวยได้เลย แม้จะปกป้องตนเองจากลาวาได้ด้วยสมบัติที่พี่สาวให้มา แต่การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช่างยากลำบาก นางใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเจอปราสาทแต่ไม่คาดคิดว่าจะเห็นหวังหลินอยู่ที่นี่

เมื่อนางเห็นหวังหลิน พลันเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะและเคร่งเครียดขึ้นมา นางรีบควบคุมฟองให้พุ่งตรงหาปราสาท

เนื่องจากเกิดเหตุการเร่งฉับพลัน ฟองสบู่จึงไม่เสถียรและดูเหมือนจะแตกดับได้ทุกขณะ แต่นางไม่สนใจอะไรอีกแล้วและรีบเข้าใกล้ปราสาทให้เร็วที่สุด

หวังหลินก้าวเข้าหาฟองสบู่ที่สตรีชุดชมพูอยู่ข้างในโดยไม่แยแส นางกระวนกระวายมากขึ้น ไม่รู้ว่าหวังหลินกำลังคิดอะไรอยู่แต่นางรู้จักหวังหลินและกลุ่มของสตรีคนสวยก็มีเรื่องบาดหมางในอดีต นางคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อฆ่าสตรีคนข้างๆ

เมื่อสตรีชุดชมพูเห็นหวังหลินอยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยฟุต นางรีบตะโกนออกมา “หวังหลิน เจ้ามีเรื่องอาฆาตแค้นกับปรมาจารย์ชีกง เราสองคนไม่มีความแค้นอะไรกับเจ้านะ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version