1058. ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว
หวังหลินข้ามผ่านช่องว่างหลายร้อยฟุตในพริบตาและมาถึงข้างฟองสบู่ จ้องมองสตรีชุดชมพูและหญิงวัยกลางคนสุดสวย
สตรีชุดชมพูเผยแววตาระแวดระวัง อักขระรูนเกล็ดหิมะส่องแสงสว่าง นางเคร่งเครียดมากเนื่องจากไม่มีทางหยุดหวังหลินได้ สิ่งเดียวที่นางพึ่งพาได้คือรอยเกล็ดหิมะกลางหน้าผาก มันคือสมบัติช่วยชีวิตที่ศิษย์พี่มอบให้
หวังหลินมองนางและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกมา “เจ้าคือเซียนสตรีฟ้ากระจ่างใช่ไหม?” สัมผัสวิญญาณผสมกับลาวาและเกิดระลอกคลื่นจนฟองสบู่รอบตัวนางสั่นสะท้านรุนแรง ถูกทำลายได้ทุกขณะ
นางใบหน้าซีดทันที กัดริมฝีปากเล็กน้อยพลางส่ายศีรษะ “ข้าไม่ใช่เซียนสตรีฟ้ากระจ่าง นั่นเป็นศิษย์พี่ข้า”
หวังหลินชี้ใส่สตรีคนสวยด้านข้างและเอ่ยถาม “นางมีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้า?”
“นางเป็นผู้อาวุโสในดินแดนฟ้ากระจ่าง” สตรีชุดชมพูไม่กล้าเลี่ยงคำตอบ หากหวังหลินทำลายฟองสบู่นี้ สตรีวัยกลางคนคงจะตกเข้าไปในลาวาทันที ซึ่งนางบาดเจ็บสาหัสจากเพลิงพิษอยู่แล้วและการลงไปในลาวาคงทำให้แย่ลงหรือกระทั่งวิญญาณแตกดับ
“แม้ปรมาจารย์ชีกงจะทำร้ายเจ้า เราไม่ได้โจมตีเจ้านะ…เจ้า…” ก่อนที่นางจะพูดจบ รูม่านตาหดลงและก้าวถอยอย่างรวดเร็ว เกล็ดหิมะกลางหน้าผากเริ่มกระพริบ
นางเห็นหวังหลินก้าวผ่านฟองสบู่ตอนที่นางกำลังพูดและยืนอยู่ตรงข้าม
“เก็บสมบัติเจ้ากลับไป” หวังหลินเข้ามาในฟองสบู่และนั่งย่อเข่าลงอยู่ข้างสตรีวัยกลางคนที่อาการย่ำแย่ ดวงตาเผยแสงประหลาด หวังหลินไม่ถือสตรีชุดชมพูเป็นภัยคุกคาม แม้อีกฝ่ายจะมีสมบัติเกล็ดหิมะแต่ก็ไม่อยู่ในสายตาหวังหลิน
“เจ้ากำลังทำอะไร?” หัวใจเต้นรัว นางเห็นหวังหลินกำลังเอาดัชนีประทับระหว่างคิ้วผู้อาวุโสของตนเอง จึงร้องตะโกนห้าม
ทว่าขณะที่นางกำลังจะโจมตี หวังหลินหันกลับมาแต่ก็ชี้นิ้วใส่อย่างลวกๆ
“หนวกหู!”
หวังหลินใช้วิชายับยั้ง สตรีชุดชมพูชะงักค้างในทันที แม้ร่างกายจะหยุดเคลื่อนไหวแต่เกล็ดหิมะรอบตัวแบ่งออกเป็นหลายชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นการป้องกันหนาแน่น
หวังหลินไม่ให้ความสนใจอันใดกับสตรีชุดชมพูอีกแต่วางนิ้วชี้ขวาลงกลางหน้าผากหญิงวัยกลางคน เขาใช้โอกาสที่วิญญาณของนางอ่อนแอและไม่รู้สึกตัว ส่งสัมผัสวิญญาณผ่านเข้าไปในความคิด
ความทรงจำของหญิงวัยกลางคนผุดขึ้นในใจหวังหลิน แม้ระดับบ่มเพาะของนางจะสูงกว่าหวังหลิน ไม่ว่านางจะมีชีวิตหรือตายก็ไม่สำคัญ หวังหลินแค่ต้องการความทรงจำของนาง
ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับดินแดนฟ้ากระจ่างเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับหวังหลิน เหตุผลที่เขาต้องการข้อมูลนี้เนื่องมาจากต้องการรู้สาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดตอนที่แพร่กระจายไปยังดินแดนฟ้ากระจ่างยามบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับสูงสุด
ขณะที่สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านแต่ละความทรงจำของนาง หวังหลินค่อยๆเข้าใจดินแดนฟ้ากระจ่างและสีหน้ายิ่งเคร่งเครียด ทว่าไม่มีข้อมูลใดที่เขาต้องการรู้ ขณะที่ค้นไปในความทรงจำ ร่างอีกฝ่ายก็สั่นเทา ขนตาสั่นกระตุกเล็กๆ ใบหน้าดูมีอายุและสวยงามกลับกลายเป็นสีแดงและทำให้ใครต่อใครเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ขณะที่หวังหลินค้นวิญญาณ เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถระงับเพลิงพิษได้และเผยอาการปะทุขึ้นมา สตรีชุดชมพูเคร่งเครียดและมองหวังหลินด้วยสายตาเกลียดชัง แต่นางไม่แข็งแกร่งพอจะต่อต้านวิชายับยั้งของหวังหลินได้
หวังหลินพลันตื่นตะลึงเมื่อพบสิ่งที่เขากำลังมองหา ในความทรงจำนางมีคนท่าทีหยิ่งยะโสอยู่หนึ่งคน
ร่างคนผู้นี้คือคนที่หวังหลินเห็นตอนที่กวาดความคิดผ่านดินแดนฟ้ากระจ่าง!
“มู่ปิงเหมย เซียนสตรีฟ้ากระจ่าง!” หวังหลินเลื่อนนิ้วขึ้นไปด้วยใบหน้าซับซ้อน
สตรีวัยกลางคนเคารพเซียนสตรีฟ้ากระจ่างอย่างมากแต่ไม่ได้รู้อะไรมากนัก นางแค่รู้ว่าเซียนสตรีบ่มเพาะวิถีฝึกฝนอันประหลาด เมื่อสำเร็จจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนฟ้ากระจ่าง
โชคร้ายยิ่งดูเหมือนวิธีนี้จะบรรลุสมบูรณ์ได้ยากอย่างมาก นอกจากเซียนสตรีรุ่นแรกแล้ว ไม่มีใครสำเร็จอีก ทว่าดูเหมือนมู่ปิงเหมยซึ่งเป็นรุ่นที่เจ็ดจะบรรลุความสำเร็จได้ส่วนหนึ่ง
“หลิวเหมย…มู่ปิงเหมย…” หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดจากจิตใจ รู้สึกกระทั่งว่าหวังผิงซึ่งอยู่ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ากำลังแสดงอาการตื่นขึ้นมาจากความผันผวนในจิตใจ
พอคิดถึงหวังผิง หวังหลินรู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดบาด หวังผิงมีความต้องการอยู่หนึ่งอย่างมาตลอดแต่เขาเอ่ยขึ้นมาเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น หลังจากไม่ได้รับคำตอบก็ไม่เคยเอ่ยถึงอีกเลย
สิ่งที่เขาต้องการก็คือเห็นแม่ตัวเองสักครั้ง…
หวังหลินยืนขึ้นพลางขบคิดและมองสตรีชุดชมพู จากความทรงจำของหญิงวัยกลางคน หวังหลินรู้ว่าสตรีคนนี้คือน้องสาวของหลิวเหมยและนางบ่มเพาะฝึกฝนวิถีเดียวกัน ความสัมพันธ์กับสตรีวัยกลางคนจึงไม่ธรรมดา สตรีวัยกลางคนเฝ้าดูสตรีชุดชมพูคนนี้เติบโตขึ้นก่อนที่จะได้เป็นน้องสาวของหลิวเหมยเสียอีก
หวังหลินแววตาเย็นชาและเอ่ยเยือกเย็น “หากข้าไม่ช่วยนาง นางจะต้องตายภายในสิบห้านาทีแน่นอน!”
ร่างสตรีวัยกลางคนกลายเป็นสีแดงกุหลาบไปแล้ว สีแดงแบบนี้คือสีแดงแห่งความตาย เหงื่อจำนวนมากออกมาจากร่างกายนาง แต่พริบตาเดียมันก็กลายเป็นไอสีขาว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงใช้เวลาไม่นานก็จะกลายเป็นมัมมี่และวิญญาณดั้งเดิมถูกทำลาย แม้หวังหลินไม่ค้นความทรงจำนางก็คงอยู่ได้ไม่นาน อาจจะนานขึ้นอีกนิดแต่ผลลัพธ์ก็คงเหมือนกัน
“เราตกลงกันได้ ข้าช่วยเจ้า พาเจ้าทั้งสองเข้าไปในปราสาทและเข้าสู่ชั้นที่แปด พอกลับมาเจ้าจะต้องให้ข้าค้นความทรงจำเจ้า!” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งและให้นางเลือก หากนางตกลงก็คงดี แต่หากไม่ หวังหลินก็จะโจมตีในทันที
สตรีชุดชมพูเผยรอยยิ้มขมขื่น นางมองเห็นความแน่วแน่ในคำพูดหวังหลิน นางเป็นคนฉลาดจึงรู้ว่าหวังหลินต้องการค้นความทรงจำเพื่อหาอะไรบางอย่าง
หลังจากสังเกต นางจึงรู้ว่าเขากำลังค้นหาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับศิษย์พี่นาง แม้นางไม่ยอมรับมันก็คงไร้ค่าอยู่ดี
นางตกลงและล้มเลิกการต่อต้าน
หวังหลินไม่พูดอะไรอีกแต่โบกสะบัดแขนเสื้อ พาสองสตรีไปด้วยและก้าวตรงออกไปนอกฟองสบู่ จากนั้นพุ่งไปข้างหน้า
ในไม่นานก็เข้ามาใกล้ปราสาทและเข้าไป หวังหลินใช้ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและชี้ออกทำให้ลาวาทั้งหมดไหลออกไปจากปราสาท เมื่อไม่มีลาวาแล้ว ประตูจึงปิดลงในทันที
แม้ข้างในจะไม่มีลาวาอีกแต่มันก็ยังร้อนระอุ หวังหลินโบกแขนเสื้อพาสองสาวร่อนลงด้านข้าง
แขนขวายื่นออกไปและร่างสตรีวัยกลางคนลอยเข้ามาหา หวังหลินจี้จุดใส่นางไปหลายจุด ไม่สนว่านางเป็นสตรีอันใดเลย ทุกครั้งที่แตะส่วนร่างกายอีกฝ่าย ใบหน้าจะแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปเจ็ดนาที ร่างกายจึงเป็นสีแดงล้วน หวังหลินวางแขนขวาลงบนหน้าผากนาง พลังดึงดูดผุดออกมาจากแขน เพลิงพิษทั้งหมดในร่างเข้าสู่แขนหวังหลิน
ร่างกายนางค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ ทว่านางอ่อนแอยิ่งและตกลงไปด้านข้าง
“ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว” หวังหลินมองสตรีชุดชมพู
สตรีชุดชมพูกัดริมฝีปากเล็กน้อยและนั่งลง นางชี้ระหว่างคิ้ว เกล็ดหิมะรอบตัวค่อยๆหายไป นางหลับตาและนั่งนิ่งไม่ไหวติง
หวังหลินไม่ได้มีความคิดอื่น มันคือการแลกเปลี่ยนเท่านั้น แขนขวาชี้ใส่กลางหน้าผากอีกฝ่าย ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปค้นหาในความทรงจำ
ร่างกายนางสั่นเทาแต่กัดฟันแน่น แม้การค้นความทรงจำจะเป็นอันตรายแต่หวังหลินไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป ตราบใดที่นางไม่ต่อต้านเขาก็จะไม่ใช้กำลัง ท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะต่อต้านหรือไม่เท่านั้นเอง
ขณะที่ค้นความทรงจำ เขาค่อยๆเข้าใจเรื่องราวของมู่ปิงเหมยมากขึ้น ผ่านไปสักพักหวังหลินก็ถอนแขนขวา ใบหน้าซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม
“เต๋าวิญญาณสวรรค์…เป็นการหลอกเต๋าแห่งสวรรค์ว่ามีวิญญาณและบ่มเพาะเต๋านี้ด้วยร่างอวตารนับไม่ถ้วน หลังผ่านประสบการณ์มากมาย บ่มเพาะวิถีเซียนที่แตกต่างจำนวนมากและรักษาจิตใจดั้งเดิมเอาไว้เพื่อให้ได้เขตแดนจำนวนมหาศาล ท้ายที่สุดร่างอวตารทั้งหมดจะเป็นปึกแผ่นเพื่อทำให้เต๋าวิญญาณสวรรค์เสร็จสมบูรณ์…”
เต๋าวิญญาณสวรรค์คือวิถีฝึกฝนอันสูงสุดของดินแดนฟ้ากระจ่าง มีแต่เซียนสตรีรุ่นแรกเท่านั้นที่บ่มเพาะจนสำเร็จ ชนรุ่นหลังทั้งหมดล้มเหลวเพราะสูญเสียจิตใจดั้งเดิมและตายลงไป
มู่ปิงเหมยเป็นเซียนสตรีรุ่นที่เจ็ด นางค้นพบวิธีลัดในการใช้เขตแดนไร้ปราณีของตนเองอย่างไม่คาดคิด พอร่างอวตารถูกสร้างขึ้นจากการบ่มเพาะเต๋าวิญญาณสวรรค์ นางไม่ยอมให้มันเก็บความทรงจำของตนแต่กลับส่งร่างอวตารให้ไปเอาตัวรอดด้วยตนเอง ซึ่งทำให้ร่างอวตารสร้างจิตสำนึกขึ้นมาใหม่โดยไม่รู้จักตัวตนของร่างดั้งเดิม หลังจากระดับบ่มเพาะของร่างอวตารบรรลุขึ้นไปถึงจุดหนึ่งจะสามารถกระตุ้นความทรงจำสืบทอดได้และร่างนั้นก็จะผสานกลับเข้าไปกับร่างดั้งเดิม
เต๋าแห่งสวรรค์โหดเหี้ยม ดังนั้นร่างอวตารของนางจึงจำเป็นต้องโหดเหี้ยมไปด้วย!
อีกทั้ง นางไม่ได้มีร่างอวตารมากมายเหมือนเซียนสตรีรุ่นก่อนๆ นางมีแค่ร่างอวตารเก้าคนเท่านั้น!
นางคาดคำนวณอนาคตไว้ไกลมากจนเลือกดาวเคราะห์สำหรับวางร่างอวตารเอาไว้ ผ่านไปไม่รู้กี่พันกี่หมื่นปี อวตารแปดร่างแรกทั้งหมดตื่นขึ้นโดยที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองเอาไว้ได้
แต่ร่างอวตารที่เก้าบนดาวซูซาคุเกิดเหตุไม่คาดฝัน! เหตุการณ์อะไรนั้นสตรีชุดชมพูไม่ทราบนัก นางแค่รู้ว่าร่างอวตารที่เก้ามีนามว่าหลิวเหมยและนั่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ศิษย์พี่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้