Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1055

Cover Renegade Immortal 1

1055. ป่นภูเขา

ปรมาจารย์ชีกงหันกลับมา ฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อใช้วิชา ทว่าในจังหวะนั้นเทียนหยุนเอ่ยปากเล็กน้อย ปรมาจารย์ชีกงหยุดชะงักราวกับมีพลังล่องหนมาขัดจังหวะวิชาเขา

สีหน้าปรมาจารย์ชีกงเปลี่ยนไปมหาศาล และในจังหวะนั้นโจวยี่แทงทะลุผ่านเปลวเพลิงเข้าหาปรมาจารย์ชีกง เขาเร็วมากจนร่อนลงบนหน้าอกได้ในเสี้ยววินาที

เสียงดังคะนองไปทั่วห้องโถงและกระอักโลหิตในทันที จากนั้นเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว เสียงแตกร้าวดังออกมาจากพื้นดินพร้อมกับพื้นที่ก้าวเดินเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง

ปราณกระบี่สลายไปเปลี่ยนกลับเป็นโจวยี่ ใบหน้าซีดเซียว ร่างกายโปร่งแสงเนื่องจากพลังปราณจำนวนมากออกไปจากร่างกาย เขาดูราวกับสามารถหายไปได้ทุกเวลา แม้การโจมตีนี้จะสร้างความเสียหายต่อปรมาจารย์ชีกง โจวยี่ก็บาดเจ็บเช่นเดียวกัน

โจวยี่ถอยกลับไปข้างหวังเว่ยและฮู่จวน ส่งข้อความให้หวังหลิน “หวังหลิน ปราณกระบี่ข้าไม่พอจะฆ่าเขา แต่ข้าทำให้อาการบาดเจ็บก่อนหน้าระเบิดขึ้นและทำให้เขาแย่ลงกว่าเดิม!”

สิ้นคำพูดโจวยี่ก็นั่งลงและเริ่มฟื้นฟูตนเองอย่างรวดเร็ว เขานำเม็ดยาออกมาจากไหนสักแห่งโดยไม่คาดคิดและกลืนลงไป เม็ดยาพวกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อร่างจิตวิญญาณโดยเฉพาะ มันไม่ดูเหมือนเม็ดยาแต่ดูเหมือนพลังปราณกำลังไหลเวียนแทน

ปรมาจารย์ชีกงซีดเผือดดุจคนตาย เขาบาดเจ็บอยู่แล้วและระงับอาการบาดเจ็บมาตลอดทางจนมันไม่แย่ลง แต่ก็ต้องขอบคุณการโจมตีของโจวยี่ อาการบาดเจ็บจึงปะทุขึ้นอีกครั้งทำให้ระดับบ่มเพาะถดถอย แม้จะยังลงไปไม่ถึงขั้นทลายสวรรค์ระดับต้น ซึ่งหากอาการบาดเจ็บแย่ลงอีกเขาก็คงห่างระดับต้นไม่ไกล เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเย็นเฉียบในใจและก้าวถอยอีกหลายครั้ง ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่ร่างตนเองจนทำให้มันมั่นคง ทว่าการกระทำแบบนี้ทำให้เขาต้องกระอักโลหิตมากไปอีก

ใบหน้าซีดเซียวไม่ได้มองหวังหลินหรือโจวยี่ แต่กลับมองเทียนหยุน

เทียนหยุนสีหน้าท่าทางเป็นปกติดีขณะที่สายตาของปรมาจารย์ชีกงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและเอ่ยขึ้นมา “สหายเซียนชีกง ข้าจะไปกล้าช่วยเจ้าได้อย่างไรหากเจ้าพาตัวเองตกลงมาถึงสภาวะแบบนี้” จากนั้นเทียนหยุนก็หันไปมองหวังเว่ยและฮู่จวนพลางยิ้มออกมา “ข้าหวังว่าคู่รักเทพเมฆาจะไว้หน้าข้าบ้าง เราเก็บความขุ่นเคืองใจส่วนตัวไว้ก่อนและไปเพ่งสมาธิกับชั้นถัดไปกันดีไหม?”

หลิงเทียนโฮวสีหน้ามืดมน เขาจะไม่เห็นการกระทำของเทียนหยุนอย่างลับๆได้อย่างไร? เขาเคลื่อนมาข้างปรมาจารย์ชีกง มองหวังหลินและพรรคพวกอย่างเย็นชา

มีชายชราบนน้ำเต้าอีกคนที่ดูมีสีหน้าไม่แยแสขณะมองทุกคน แต่เห็นได้ชัดว่าเขายืนอยู่ฝั่งเทียนหยุนและปรมาจารย์ชีกง

ขณะเดียวกันสตรีชุดชมพูก็ยืนขึ้นไปอยู่ข้างปรมาจารย์ชีกง สายตาเรียวสวยกวาดผ่านร่อนลงบนหวังหลินและเอ่ยเสียงอ่อนโยน “สหายเซียนหวัง หยุดเรื่องในวันนี้ไว่ก่อน เมื่อเจ้าออกไปจากที่นี่ ดินแดนฟ้ากระจ่างข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย”

นอกจากชายชุดดำแล้ว คนอื่นๆต่างก็เลือกข้าอย่างชัดเจน หวังหลินคำนับฝ่ามือให้แก่หวังเว่ย “ผู้น้อยวู่วามจนเกินเหตุ ข้าขอให้ผู้อาวุโสตัดสินเรื่องนี้แทน”

แม้หวังเว่ยจะไม่ชอบใจที่หวังหลินโจมตีก่อนหน้านี้ เขาก็พยักหน้าเมื่อเห็นหวังหลินรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด สายตาร่อนไปบนเทียนหยุนและพรรคพวกพลางเอ่ยขึ้น “ก็ดี วางความแค้นส่วนตัวไว้ก่อน! สามชั้นสุดท้ายเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นเหล่าสหายเซียนโปรดอย่าออมมือ หลังจากเราเคลื่อนย้ายไปสู่ชั้นที่เจ็ด เจอกันที่ตรงกลางแล้วกัน”

หลังจากหวังเว่ยเอ่ยจบ เทียนหยุนและพรรคพวกจึงยิ้มและพยักหน้า ฮู่จวนยืนขึ้นและก้าวเดินไปอยู่ข้างแผ่นหินจารึก นางวางฝ่ามือลงบนแผ่นหินและประทับเบาๆ แสงสีม่วงโผล่ออกมาและเกิดเสียงราวมันกำลังสั่นไหว

บนพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวจำนวนมากและพังทลายในทันที เผยให้เห็นท้องฟ้าแจ่มจรัส ทุกคนตกลงไปและเลือนหาย

ส่วนโจวยี่นั้น หวังเว่ยพาเขาเข้าไปหาค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วย

ชั้นที่เจ็ดของถ้ำจักรพรรดิเทพแตกต่างจากหกชั้นแรก ไม่มีตำหนักและปกคลุมอยู่ในทะเลเพลิงราวกับมันมีโลกของตนเอง!

ในอวกาศไม่ใหญ่มากแห่งนี้มีภูเขาไฟปะทุอยู่ตรงกลางและถูกล้อมรอบด้วยหมอกสีดำจำนวนมาก เสียงดังกึกก้องโผล่ออกมาากภูเขาไฟและมีฝนเพลิงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเป็นบางครั้ง

พื้นดินแบ่งรอยร้าวนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนหินหนืด ควันสีดำผุดออกมาจากรอยพวกนั้นและส่งความคลื่นร้อนหนาแน่น

ทุกคนที่ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่กระจัดกระจายตัวกัน พอหวังหลินมาถึงเขาจึงมองไปรอบๆและขมวดคิ้ว

‘ผิดแล้ว!’

ทุกอย่างที่นี่แตกต่างจากชั้นที่เจ็ดบนแผนที่ มันไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย หวังหลินมองไปข้างหน้าและเห็นฮู่จวนอยู่ห่างไปราวร้อยฟุต ฮู่จวนมองไปรอบๆและมีสายตางุนงงเช่นเดียวกัน

เมื่อหวังหลินมองนาง ฮู่จวนก็มองหวังหลินเช่นเดียวกัน นางคาดคิดมานานว่าหวังหลินเจอโชคดีบางอย่างและมีความคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ดี ตอนนี้เมื่อนางเห็นสายตาหวังหลินจึงเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวและส่ายศีรษะ

หวังหลินถอนสายตา ดูเหมือนสีหน้าของฮู่จวนไม่ได้โกหกและนางก็สับสนกับการเปลี่ยนแปลงของที่นี่เช่นเดียวกัน

“ที่ราบนี่มีภูเขาไฟแห่งเดียว ทางเข้าสู่ชั้นที่แปดต้องอยู่ในภูเขาไฟ!” ฮู่จวนเอ่ยเสียงออกมาและร่อนถึงหูทุกคน

ปรมาจารย์ชีกงอยู่ห่างออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว ใบหน้าไม่ได้มีสีแดงเลย ฝ่ามือขวายื่นขึ้นมาเหนืออก ความเจ็บปวดผุดออกมาจากอยู่ตลอดเลา มีปราณกระบี่ประหลาดที่ป้องกันแผลไม่ให้ฟื้นตัวอยู่ด้วย

‘เทียนหยุน หวังหลินและจิตวิญญาณกระบี่นั่น ข้าจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้ หากข้าไม่คืนไปสิบเท่า…ไม่สิ ร้อยเท่า ข้าจะไม่มีวันยกโทษ!’ เขามองไปรอบๆด้วยความมืดมน

‘บัดซบ แม้แต่ถ้ำจักรพรรดิเทพก็ต้องต่อกร ไม่คาดคิดว่ามันจะมีพลังอัคคีดั้งเดิมทรงพลังเช่นนี้ กลัวว่ามันจะมีประโยชน์ต่อไอ้สารเลวนั่น!’ ปรมาจารย์ชีกงร้องคำรามอยู่ในใจ จากนั้นก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้และชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น

“ระดับบ่มเพาะที่ตกลงทำให้นิสัยข้าเปบี่ยนไป ข้าจะโกรธเกรี้ยวง่ายๆได้อย่างไร!?” ปรมาจารย์ชีกงสูดหายใจลึกพลางระงับความโกรธและบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง

หวังเว่ยก้าวไปข้างฮู่จวน ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นลำแสงสองเส้นมุ่งหน้าเข้าหาภูเขาไฟ ณ ตอนนี้เทียนหยุนและคนอื่นๆต่างก็ลุกขึ้นและพุ่งเข้าใส่ภูเขาไฟ

สตรีคนสวย ชายชราบนน้ำเต้าและชายชุดดำต่างก็ลอยเข้าหาภูเขาไฟ ปรมาจารย์ชีกงจ้องมองหวังหลินและลอยเข้าหาภูเขาไฟเช่นเดียวกัน

หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขารู้ว่าระดับบ่มเพาะตนเองเทียบไม่ได้กับเหล่าเซียนเฒ่าเบื้องหน้า ดังนั้นจึงไม่นำหน้าและค่อยๆไป

ส่วนอีกคนก็ชะลอตัวลงอยู่ไกลๆ นางคือสตรีผู้คาดว่าจะเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง ดวงตาเรียวสวยจับจ้องหวังหลิน นางหยุดลงราวกับกำลังรอหวังหลิน

หวังหลินสีหน้าเย็นเยียบ เมื่อเห็นสตรีชุดชมพูจึงอ้อมนางเป็นเส้นโค้ง เขาไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับนางมากนักและเข้าใกล้ภูเขาไฟอย่างช้าๆ

เมื่อนางเห็นหวังหลินอ้อมไปรอบตัวนาง จึงพ่นลมหายใจและไม่ให้ความสนใจเขาอีก แต่ลอยเข้าหาภูเขาไฟ

พอเห็นนางจากไปแล้ว หวังหลินเผยแสงประหลาด แม้สถานที่แห่งนี้จะแตกต่างจากแผนที่ ขณะที่หวังหลินเดินไปอย่างช้าๆเขาเห็นร่องรอยของเศษหินหยกสวรรค์ภายในรอยร้าวพวกนั้น

ที่นี่คือชั้นที่เจ็ดของถ้ำจักรพรรดิเทพ บ่งบอกชัดเจนว่ามันผ่านมานานหลายปีมากแล้ว มันแค่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดจนทำให้กลายเป็นเศษซากเผาไหม้

หวังหลินมองภูเขาไฟสูงตระหง่าน หลับตาและแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณ ผ่านไปสักพักจึงลืมตาขึ้นมาและมั่นใจกับสิ่งที่คาดคิด

ภูเขาไฟแห่งนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันถูกคนอื่นเคลื่อนย้ายมาที่นี่ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งมั่นใจกับสิ่งที่เขาเห็นว่ามันสนับสนุนความคิดนี้

หวังหลินเห็นก้อนหินรอบภูเขาไฟซึ่งแตกต่างจากบนพื้นอย่างชัดเจน

‘ข้าเดาว่าทุกคนต้องเห็นความประหลาดเกี่ยวกับภูเขาไฟนี้ด้วยเช่นกัน’ หวังหลินยืนอยู่ตีนภูเขาไฟและไม่เร่งรีบเข้าไป สายตาส่องสว่างมองออกไปรอบๆจนกระทั่งสายตาตกลงบนหินหนืดที่กำลังไหลออกมาจากรอยร้าว อุณหภูมิสูงจากหินเหนืดไม่ได้ทำให้หวังหลินรู้สึกไม่สบายแต่กลับกันมันทำให้เขาสบายเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่พลังดั้งเดิมในร่างก็แข็งแกร่งขึ้นไปด้วย

‘การเปลี่ยนแปลงของที่นี่มีประโยชน์สำหรับข้า!’ หวังหลินยื่นแยนเข้าหาหินหนืดในรอยร้าว สัมผัสถึงพลังธาตุอัคคีข้างในหินหนืดได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด

ฝ่ามือขวาเข้าไปในหินหนืด ความร้อนจากมันทำให้เขาสบายเป็นอย่างยิ่ง พลังดั้งเดิมเคลื่อนอยู่ในร่างกายและก่อเกิดเป็นวังวน พลังดึงดูดผุดออกมาจากร่างหวังหลินและใช้แขนเขาเป็นสะพาน พลังอัคคีดั้งเดิมจากหินหนืดพลันเคลื่อนเข้ามาและถูกดึงเข้าไปในร่างหวังหลินอย่างช้าๆ

‘ข้าเรียนรู้สามในหกวิชาแรกของจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านมาแล้ว แต่จากคำบอกเล่าของศิษย์พี่ฉิงชุ่ย สามวิชาหลังบรรจุแก่นที่แท้จริงในพลังอำนาจของป๋ายฟ่าน วิชาแรกคือป่นภูเขา! ในดินแดนสังหาร ข้าเห็นฉิงหลินใช้มันและมันคล้ายกับการระเบิดภูเขาไฟเป็นอย่างยิ่ง…’ หวังหลินขบคิดพลางดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมและมองไปยังภูเขาไฟอันสง่างาม

ด้านขวาของหวังหลิน ชายชุดดำซ่อนรอยมังกรดำเอาไว้ก็ไม่ได้เข้าไปในภูเขาเช่นเดียวกันแต่นั่งลงและวางแขนซ้ายไว้ในหินหนืดข้างในรอยร้าวเหมือนหวังหลิน เขากำลังดูดซับพลังดั้งเดิมไปเช่นเดียวกัน บางครั้งก็มองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวและมุ่งร้าย

‘วิหคเพลิง…หากข้ากลืนกินวิหคเพลิง มังกรเพลิงของข้าจะตื่นขึ้นอีกครั้งหรือไม่…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version