Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1142

Cover Renegade Immortal 1

ตอนที่ 1142 จิตวิญญาณ

น้ำเสียงนี้ดูเหมือนออกมาจากโลกเองและเป็นนิรันดร์ มันดังออกมาจากหูนางแต่ก็ออกมาไกลด้วย แต่พอฟังอย่างใกล้ชิดมันออกมาจากใจของนางเอง

เป็นคำพูดง่ายๆและน้ำเสียงนิ่งมาก ทว่าเมื่อมันร่อนลงในจิตใจซิ่วหยุนกลับทำให้ร่างกายสั่นเทา ราวกับโลกรอบตัวแตกสลาย ก่อตัวเป็นด้านกฏบางๆห่อหุ้ม ร่างกาย วิญญาณดั้งเดิมและพลังดั้งเดิมทั้งหมดหยุดไว้ชั่วขณะ

แม้กระทั่งจิตใจก็ยังชะงักค้างแต่มีความคิดก่อนนี้หลงเหลืออยู่

หวังหลินปรากฏร่างเบื้องหน้าซิ่วหยุน

ซิ่วหยุนนั่งอยู่ตรงนี้มีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก ร่างกายโค้งเว้าซ่อนใต้เสื้อผ้า กลิ่นหอมผุดออกมาจากร่างอย่างเบาบาง

สีหน้านางยังคงมุ่งมั่นเหมือนก่อน

หวังหลินนำเม็ดยาสีดำออกมาจากฝ่ามือซิ่วหยุนและมองดูอย่างละเอียด สีเม็ดยานี้เหมือนต้นตอความมืดมิดในโลก แค่มองดูก็ทำให้จิตใจถูกดูดเข้าไปแล้ว

“เม็ดยาประหลาดอะไรกัน!” หวังหลินพึมพำพลางใช้สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายผ่านเม็ดยาและเริ่มคาดคำนวณ ความรู้ด้านการปรุงยาของหวังหลินมีน้อยกว่าทักษะด้านกฏเกณฑ์ แต่ระดับบ่มเพาะของเขาสูงส่งเท่าเทียมสวรรค์ ดังนั้นสัมผัสวิญญาณจึงสามารถวิเคราะห์โครงสร้างเม็ดยาได้

อย่างไรก็ตามส่วนประกอบจำนวนมากเขาไม่เข้าใจนัก สิ่งสำคัญกว่านั้นเขาสัมผัสถึงความผันผวนทางวิญญาณอยู่ในเม็ดยา

“น่าสนใจ!” หวังหลินดวงตาส่องสว่างและมองดูเม็ดยาอีกครั้ง เพ่งพินิจว่าสิ่งที่รู้สึกไม่ผิดพลาดและมีความผันผวนทางวิญญาณอยู่ข้างในจริงๆ แม้วิญญาณจะไม่ได้แข็งแกร่งแต่ก็ทนทานพอ

หวังหลินหลับตา รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ถือเม็ดยาอยู่แต่เป็นวิญญาณอสูรร้าย! มันคือดวงวิญญาณของลิงที่ดุร้ายมาก มันดิ้นรนต่อสู้อยู่ในมือเขาแต่มีผนึกหลายอย่างป้องกันไม่ให้หลบหนี

หลังจากลืมตา ภาพมายาก็หายไป หวังหลินวางเม็ดยากลับไปไว้ในมือซิ่วหยุนก่อนจะก้าวถอยและชี้ไปข้างหน้า

เส้นด้ายที่มองไม่เห็นรอบซิ่วหยุนพลันหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทาก่อนจะกลับมาเป็นปกติ สำหรับนางมันเหมือนกับเวลาพึ่งผ่านไปเสี้ยววินาที

ระดับบ่มเพาะของหวังหลินสูงส่งกว่านางมาก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถตรวจจได้แม้แต่ความผิดปกติของวิชายับยั้ง นางได้สติกลับมาและกลืนเม็ดยาเข้าไปด้วยสายตามุ่งมั่น

หวังหลินยืนอยู่ด้านหลังนางและสังเกตการณ์อย่างสงบนิ่ง

ซิ่วหยุนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลัง หลังจากกลืนเม็ดยาลงไป ใบหน้าซิ่วหยุนแดงขึ้นและเผยอาการเจ็บปวด กลิ่นหอมหวานผุดขึ้นบนหน้าผากและในไม่นานเสื้อผ้าก็ชุ่มเหงื่อเกาะไปบนร่างกาย

หวังหลินมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงามของนางได้ชัดเจนจากก่อนหน้านี้แล้ว ใบหน้าซิ่วหยุนแดงระเรื่อขึ้นไปอีก หลับตาลงและสัมผัสถึงเปลวเพลิงในร่างกายตนเอง

เปลวเพลิงนี้เผาไหม้วิญญาณดั้งเดิม ลิงดวงตาสีดำทองปรากฏขึ้นในวิญญาณดั้งเดิม มันทั้งใหญ่และดุร้าย ส่งเสียงคำรามและพุ่งใส่วิญญาณนางทันที

ความคิดจิตใจซิ่วหยุนเต็มไปด้วยเปลวเพลิง วิญญาณนางได้รับบาดเจ็บจากก่อนหน้านี้แล้วและเปลวเพลิงก็เจ็บปวดนมากแต่นางไม่ยอมถอย นางเริ่มต่อสู้กับลิงดวงตาดำทอง ความคิดเป็นเสมือนสนามรบและนางเริ่มต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับเจ้าลิง เจ้าลิงร้องคำรามต้องการจะฉีกกระชากวิญญาณดั้งเดิมของนางเป็นชิ้นๆเพื่อให้หนีรอดได้และไม่ต้องทนกับเปลวเพลิงเผาไหม้

อย่างไรก็ตามวิญญาณดั้งเดิมของซิ่วหยุนเกาะติดไปกับเจ้าลิงนี่ด้วย ขณะที่เปลวเพลิงเผาไหม้นาง มันจึงหล่อหลอมเจ้าลิงไปด้วย นางไม่ยอมแพ้จนกว่าจะขัดเกลาลิงได้สำเร็จ

แต่เจ้าลิงทรงพลังยิ่ง การขัดเกลามันช้ากว่าอัตราการเผาไหมวิญญาณดั้งเดิม ซึ่งทำให้วิญญาณนางต้องล่าถอย ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นพร้อมกับตัวสั่นเทา

ตอนที่กลืนเม็ดยาแยกวิญญาณมรณะ คนผู้นั้นถือว่าเดินบนเส้นแห่งความเป็นความตายแล้ว ซิ่วหยุนรู้เรื่องนี้เป็นนอย่างดี หากไม่ใช่เพราะนางกังวลใจอยากจะทะลวงผ่านเพื่อช่วยอาจารย์นางให้มากขึ้น นางคงไม่กลืนเม็ดยานี้ง่ายๆ

อาจารย์ช่วยนางไว้มากมาย ดังนั้นนางจึงทำทุกอย่างเพื่ออาจารย์!

วิญญาณดั้งเดิมถูกเจ้าลิงผลักไปถึงปลายขอบ ซึ่งร่างเจ้าลิงถูกหลอมไปแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น มันกระโจนใส่ซิ่วหยุนและกำลังจะฉีกดวงวิญญาณนางให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ชั่วขณะนั้นหวังหลินยกแขนขึ้นมา เขาต้องการสังเกตผลลัพธ์ของน้ำยานี้อย่างละเอียด ถ้าหากซิ่วหยุนตาย เขาคงไม่มีโอกาสสังเกต

“ช่างมันเถอะ ถือซะว่าข้าได้มอบโชคลาภให้สาวน้อยนี้แล้วกัน!” หวังหลินส่ายศีรษธพลางชี้ตรงกลางหน้าผากซิ่วหยุน ส่งสัมผัสวิญญาณตรงเข้าไปในจิตใจซิ่วหยุน

ในความคิดซิ่วหยุนนั้นวิญญาณของนางถอยร่นอย่างต่อเนื่องและนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เจ้าลิงเข้ามาประชิดแล้ว ขณะที่มันกระโจนไป ร่างสีขาวก็เข้ามา

นางไม่เห็นร่างสีขาวชัดเจนนัก นางเห็นแต่เพียงผมสีขาวพริ้วไสว

นางไม่มีเวลามาตกตะลึงว่าชายผมขาวนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจนางได้อย่างไร วิญญาณดั้งเดิมสั่นเทาจ้องมองข้างหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

หลังจากนางเห็นร่างสีขาวปรากฏตัว เขาชี้นิ้วออกไปอย่างลวกๆ เจ้าลิงถูกดันถอยหลังพร้อมกับกรีดร้อง เสียงปะทออกมาจากเจ้าลิงจ๋อก่อนที่ร่างจะแตกสลายและถูกหล่อหลอมด้วยเปลวเพลิงรอบด้านอย่างรุนแรง

ซิ่วหยุนตกตะลึง กระบวนท่าดัชนีนั้นทำให้นางตกตะลึงมหาศาล นางไม่สามารถอธิบายดัชนีนั้นได้ ราวกับดัชนีเป็นสิ่งเดียวในใจนาง ณ เวลานั้น มันทรงพลังยิ่งแม้แต่โลกเบื้องหน้ายังล่มสลาย

นางเคยเห็นอาจารย์ หลิวหยานเฟยใช้วิชาหลายครั้ง แต่นางเข้าใจชัดเจนว่าแม้แต่อาจารย์ตนเองก็ไม่สามารถสร้างสิ่งที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้ นางกลัวว่าแม้แต่อาจารย์ก็ยังพ่ายแพ้และตายภายใต้อำนาจของดัชนีนั่น!

นางเคยเห็นการใช้วิชาของท่านบรรพชนที่พึ่งตายไป และถึงแม้จะเป็นบรรพชนเอง การสร้างพลังอำนาจแบบนี้คงเป็นไปได้ยาก การเคลื่อนไหวอย่างสบายๆของชายผมขาวทำให้ความคิดนางตกตะลึงมหาศาล

ชายผมขาวดูเหมือนจะมองกลับไปที่ซิ่วหยุนและหายวับไปในความคิด สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือเส้นผมสีขาวที่ประับไว้ในใจนางอย่างชัดเจน

เจ้าลิงถูกหล่อหลอมด้วยเปลวเพลิงในใจนางและเปลี่ยนกลายเป็นพลังวิญญาณอันประหลาด เมื่อพลังวิญญาณถูกบังคับให้เข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมของซิ่วหยุน นางอดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับผมสีขาว ขณะที่นางดูดซับพลังวิญญาณ ซิ่วหยุนค่อยๆเข้าสู่สภาวะประหลาดคล้ายคลึงกับขอบเขตฉี

ภายใต้สภาวะประหลาดนี้ความเข้าใจในเต๋าและสรวงสวรรค์ผุออกมาจากพลังวิญญาณอันลี้ลับเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมของนาง เจ้าลิงไม่ใช่อสูรทั่วไปแต่เป็นอสูรวิญญาณเฉพาะสำหรับทะเลเมฆา อสูรวิญญาณพวกนี้บ่มเพาะเต๋าและรู้แจ้งสวรรค์เหมือนกับมนุษย์

ด้วยอายุขัยอันยืนยาวของมัน การรู้แจ้งจึงได้เปรียบมากกว่าเหล่าเซียน ลิงตัวนี้มีชีวิตมามากว่าสามพันปี หลังจากได้วิญญาณมันออกมา ผสมผสานกับเคล็ดการปรุงยาจึงสร้างเม็ดยาแยกวิญญาณมรณะขึ้น!

ซิ่วหยุนค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน ดวงตาเริ่มส่องประกาย กลิ่นอายของเซียนขั้นรูปธรรมหยางปรากฏขึ้นรอบตัว แม้นางไม่ได้บรรลุขั้นรูปธรรมหยางจริงๆแต่ประตูได้เปิดแล้ว นางเพียงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจทุกอย่างและจากนั้นนางก็จะกลายเป็นเซียนขั้นรูปธรรมหยางตัวจริง!

ซิ่วหยุนหันกลับไปด้านหลังทันทีแต่นางไม่เห็นใครอยู่ที่นี่ นางอยู่ในห้องคนเดียวแต่ไม่ลืมร่างผมสีขาวและดัชนีเมตตาครั้งนั้น

ซิ่วหยุนขบคิดเงียบๆเล็กน้อยพลางสีหน้าเยือกเย็น นางจ้องตรงหน้า ร่างผมสีขาวคงอยู่ในใจนาง นางรู้สึกว่าตัวองไม่ใช่เป็นเซียน แต่เป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเคย…เคยเห็นร่างนี้มาก่อน…

‘มันเป็นภาพมายาใช่ไหม…ผมสีขาว…ผมสีขาว…’ ซิ่วหยุนค่อยๆดวงตาส่องสว่างขึ้น นางจำได้ว่าอาจารย์บอกเรื่องคำพูดสุดท้ายของท่านบรรพชนหลังจากใช้วิชาจิตวิญญาณบุญคุณ

‘ทางเหนือ…ผมสีขาว…’ หน้าอกซิ่วหยุนกระเพื่อมขึ้นลง ลมหายใจถี่รัว นางรีบพุ่งออกไปจากบ้านและลอยเข้าหาอาจารย์

หวังหลินยืนอยู่ตรงหน้าต่างและเห็นลำแสงหายวับไปในคืนมืดมิด เกิดความรู้แจ้งในใจนาง

‘ข้าไม่คิดว่า…จะมีเม็ดยาแบบนั้นอยู่ในทะเลเมฆา…นั่นหมายความว่ามีอสูรทรงพลังอีกมากที่มีประโยชน์ในการช่วยเกิดความรู้แจ้ง…นี่ช่างแตกต่างจากพันธมิตรเซียนและทุกชั้นฟ้า’ ทันใดนั้นหวังหลินนึกถึงอสูรวิญญาณของอาจารย์โม่จื่อที่ได้หล่อหลอมและมอบให้เขาเป็นของขวัญตอนที่อยู่ในสำนักวิหคเพลิง…

ณ ตอนนี้ในเขตระดับห้าห่างจากแผ่นดินโม่หลัวออกไปไม่ไกลนัก มีอสูรตัวหนึ่งรูปร่างเหมือนลูกกบสีดำขนาดพันฟุตกำลังล่องลอยผ่านหมอกดวงดาวอย่างช้าๆ

ศีรษะยักษ์ของมันกุมร่างกายไปมากกว่าครึ่ง มันอ้าปากราวกับกำลังกลืนกินหมอกไปตามรายทาง เผยฟันอันแหลมคม มันกระหายเลือดพลางส่ายหางไปมา

บนศีรษะมีสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มสวมชุดสีม่วง หน้าตาหล่อเหลาแต่มีใบหน้าชั่วร้ายจนดูเกรี้ยวกราด

เบื้องหลังชายหนุ่มเป็นชายชรายืนอยู่ด้วยท่าทีเคารพ

“ไม่เพียงแต่ข้าจะต้องการหลิวหยานเฟยให้กลายเป็นนางสนมฝึกเซียน แต่ข้าอยากจะทำให้สำนักต้นกำเนิดอยู่ใต้อาณัติตำหนักส่วนในของข้าด้วย! ลุงซ่ง ท่านมั่นใจไหม?”

“ถ้าไอ้เฒ่านั่นไม่ตาย ข้าไม่มีความมั่นใจเลย แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจเกินร้อย!” ในแววตากระพริบเย็นเยียบ

ชายหนุ่มหัวเราะและเลียริมฝีปาก ดูเหมือนเกิดความคิดบางอย่างและเผยท่าทีชั่วร้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version