Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1150

Cover Renegade Immortal 1

1150. การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ

ดาราจักรอันกว้างใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกดวงดาว แม้จะดูเหมือนเงียบแต่มีจิตสังหารหนักแน่นอยู่ภายในหมอก ที่ตรงนี้คือเขตระดับห้าของทะเลเมฆา มีแผ่นดินราวสี่ในสิบส่วนที่เป็นของเหล่าสำนัก

ส่วนเขตระดับหนึ่งถึงสี่ถือว่าเขตระดับห้าเป็นตัวตนที่เอื้อมไม่ถึง หากคนจากสำนักเขตระดับห้าเข้าไปในเขตระดับสี่ พวกเขาคงจะยินดีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

ตอนนี้ในเขตระดับห้า เสียงหวีดหวิวดังขึ้นมาในสายหมอกนิ่ง ลำแสงหนึ่งลอยภายในหมอกดุจอสูรวิญญาณรูปร่างมังกร มีเซียนท่าทางภูมิฐานยืนอยู่บนศีรษะอสูรตัวนั้น

สายหมอกเริ่มหมุนจนรุนแรงยิ่งขึ้น เสียงอสูรโดยรอบกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ลำแสงอีกหลายเส้นสายผ่านเลยไป

ยังไม่จบแค่นี้ เพียงกี่ไม่กี่นาทีกลับมีลำแสงอีกหลายสิบสายทะลวงผ่านสายหมอกและเคลื่อนผ่านเขตระดับห้าอย่างรวดเร็ว

ภายในลำแสงมีอสูรวิญญาณหลากหลายตัว แต่ละตัวมีเซียนคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังพวกมัน

เซียนเหล่านี้ไม่มีคนใดอยู่ในเขตระดับห้าเพราะทั้งหมดเป็นเซียนจากเขตระดับหก การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้เขตระดับห้าต้องสั่นสะเทือน

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแห่งเดียวแต่เกิดขึ้นมากกว่าหกสถานที่ในเขตระดับห้า เซียนทั้งหมดมีใบหน้ามืดมนแต่ซ่อนความยินดี ทั้งตื่นเต้นและโลภมาก

เหล่าเซียนพวกนี้มีเป้าหมายเดียวกัน คือแผ่นดินป่าในเขตระดับห้า!

พื้นดินในทิศเหนือของแผ่นดินที่หวังหลินอยู่สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องราวกับมีของหนักหน่วงกำลังร่อนลงบนพื้น สายหมอกหมุนวนและผลักไป

อสูรรูปร่างวิหคร้องลั่นพร้อมกับบินออกไปไกล บนพื้นมีอสูรดุร้ายหลายตัวกระจัดกระจาย สำหรับพวกมันแล้วเสียงดังสนั่นจากสายหมอกช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง

ชั่วขณะต่อมาร่างยักษ์สูงมากกว่าพันฟุตตนหนึ่งปรากฏในสายหมอก ร่างนั้นแข็งแกร่งและยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเผยภาพมันออกมา

มันคือวานรยักษ์ทมิฬ!

มีอสูรรูปร่างเหมือนกระทิงดวงตาแดงฉานไล่ตามหลังวานรทมิฬ พวกมันหมุนตัวอยู่ในสายหมอกจนพัดพายุฝุ่นขึ้นในอากาศ

นอกจากอสูรรูปร่างกระทิงพวกนี้แล้วยังมีฝูงสัตว์อสูรแตกต่างกันอีกเจ็ดชนิด พวกมันก่อรวรมกันจนกลายเป็นเส้นยาวๆคล้ายกับไม่ยอมแพ้ต่อเจตจำนงวานรทมิฬแม้มันจะตายก็ตาม

ในท้องฟ้ามีอสูรวิหคจำนวนนึงที่กำลังไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง ใครก็ตามที่เห็นคงรู้สึกศีรษะด้านชา แม้แต่เซียนที่แข็งแกร่งยังต้องตกตะลึงเพราะมันมีอสูรมากมายเกินไป มีอสูรระดับห้าบางตัวผสมเข้าไปด้วยและส่งวิชาเข้าหาวานรทมิฬ

ทว่าเจ้าวานรทมิฬปราดเปรียวและหนังหนามาก มันหลบเลี่ยงวิชาหลายอย่างและบางวิชาที่ส่งเข้ามาไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก

เจ้าวานรทมิฬวิ่งอยู่บนพื้น ก้าวเท้าจนเกิดเสียงดังสนั่น! มันเคลื่อนไหวเร็วมากสร้างเป็นสายลมกรรโชกตามรายทาง ด้านหน้ามีภูเขาลูกหนึ่ง ขณะที่มันวิ่งไปมันก็เตะใส่พื้นอย่างรุนแรงจนพื้นดินแตกกระจาย มันกระโดดขึ้นไปเหนือภูเขาและพุ่งเข้าหาภูเขาอีกลูก

ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจมันก็มาถึงยอดเขา อสูรรูปร่างเหยี่ยวหลายตัวพุ่งเข้าหามันในเวลาเดียวกัน

แต่ก่อนที่พวกมันจะได้เข้าใกล้ เพียงแค่เจ้าวานรทมิฬสะบัดแขนพลันเปลี่ยนกลายเป็นฝนโลหิต ราวกับไม่มีอสูรดุร้ายตัวไหนจะสามารถหยุดมันได้ มันอาละวาดขึ้นไปบนยอดเขาและมีรังอสูรอยู่ตรงยอด

วานรทมิฬเข้าใกล้ จากนั้นกระแทกฝ่ามือเข้าใส่รังเข้าอย่างจัง

ปัง!

รังอสูรกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เผยให้เห็นหญ้าสีแดงเล็กๆเติบโตอยู่ตรงนั้น

เจ้าวานรไม่หยุดแค่นี้ หลังจากทำลายรังลงไปมันก็คว้าหินใกล้ๆกับหญ้าแดงและดึงมันออกมา

เจ้าวานรทมิฬร่ำร้องด้วยความสุขจากนั้นวิ่งออกไปไกล

พวกอสูรร่างเหยี่ยวแผดเสียง ผสานเข้ากับคลื่นอสูรบ้าคลั่งไล่ตามหลังเจ้าวานรทมิฬ!

เจ้าวานรบดขยี้ก้อนหินในมือเผยเป็นหญ้าแดงและโยนมันขึ้นบนไหล่ หวังหลินคว้ามันเอาไว้ มองดูคราเดียวแล้วจึงเก็บไว้ในมิติเก็บของ

หวังหลินตบร่างเจ้าวานรทมิฬ มันรู้สึกได้และร้องคำรามด้วยความสุขอีกครั้ง ดูเหมือนจะวิ่งเร็วขึ้นอีก

พื้นดินสั่นไหว มองไกลๆเจ้าวานรทมิฬกระโดดขึ้นลงเตะฝุ่นไปทุกที่ ด้านหลังเป็นกองอสูรแตกตื่นไล่ล่ามาติดๆ

มีเซียนน้อยคนมากที่กล้าไปล่อลวงอสูรร้ายแบบนี้บนแผ่นดินป่าและขโมยสมุนไพรพวกมันอย่างโอหัง พลังของอสูรตัวเดียวอาจจะไม่มีพิษมีภัยนักแต่เมื่อเป็นพันเป็นหมื่นตัวรวมกัน พลังอำนาจพอจะสั่นสะเทือนทุกคน!

มีเซียนจากสำนักระดับห้าที่กำลังเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ทั้งหมดจ้องมองอย่างงุนงงเหมือนไก่ตาแตกและพูดอะไรไม่ออก

พวกเขาเป็นเซียนกลุ่มเจ็ดคนและเคร่งเครียดตั้งแต่มาถึง กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจพวกอสูรเหล่านั้นจึงไม่กล้าไปเอาสมุนไพร พอเห็นว่าเจ้าวานรทมิฬโอหังแค่ไหน พวกเขากลับตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

เจ้าวานรทมิฬวิ่งอย่างรวดเร็ว กระโดดหนึ่งครั้งข้ามผ่านระยะหลายพันฟุตมาถึงภูเขาอีกลูก ยอดภูเขาลูกนี้เสมือนกระบี่และสูงชัน แต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเจ้าวานร หลังจากมันมาถึงภูเขามันก็ยื่นมือเข้าหาพวงดอกไม้หมอกที่กำลังเติบโตอยู่บนยอด

มันริบดอกไม้ในสายหมอกได้ในทันที

ขณะนั้นเองเกิดเสียงกรีดร้องดังออกมาจากท้องฟ้า เป็นอสูรเหยี่ยวระดับห้าขนาดกว่าห้าร้อยฟุตพุ่งใส่เจ้าวานร

มันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวมันก็ย่นระยะพันฟุตได้ในทันที!

หวังหลินท่าทางเป็นปกติสุขราวกับไม่ได้ใส่ใจ แววตาเจ้าวานรหรี่แคบลงพลางคว้ายอดภูเขาและกวัดแกว่งร่างกายเหนือยอด ฝ่าเท้าเตะเข้าใส่เหยี่ยวมหึมาตัวนั้นทันที

เหยี่ยวดำส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด โลหิตสาดกระเซ็นไปทุกที่ เจ้าวานรไม่สู้ต่อไปอีกแต่ใช้แรงกระโจนออกไปไกล

พวกอสูรดุร้ายเริ่มไล่ล่ามันมากขึ้น

ฉีเล่าซิงกำลังนั่งสมาธิอยู่ในหุบเขามืด ใบหน้าซีดและโลหิตแห้งติดอยู่บนมุมปาก เส้นผมสีดำขาดกระจายและเขาตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่

ภูตผีตัวหนึ่งส่งเสียงหอนดังก้องอย่างต่อเนื่องทั่วบริเวณ ใช้เวลาไม่นานมันก็นำร่างสี่คนลากเข้าไป เมื่อเข้าไปใกล้ฉีเล่าซิงระยะสามสิบฟุต หนึ่งในนั้นกระอักโลหิตออกมา

“อาจารย์ พี่สามตาย เรา…ทะลวงออกไปไม่ได้…” ทั้งห้าคนเป็นผู้เยาว์ เสื้อคลุมสีดำขาวแต่ละคนต่างปกคลุมไปด้วยรอยเลือด

ฉีเล่าซิงขบคิด ใบหน้าเศร้าหมองโดยไม่ได้ลืมตา

เขาและเหล่าศิษย์อยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยสายหมอกนี้ ดวงวิญญาณคนตายเต็มไปทั่วสายหมอก ด้านนอกหุบเขามีกะโหลกยักษ์แปดชิ้นลอยอยู่ส่องแสงสีเขียวเชื่อมต่อด้วยกันกลายเป็นค่ายกล

ค่ายกลนี้สลับซับซ้อนมาก มันรวมวิญญาณเหล่าคนตายในอดีตกาลบนแผ่นดินป่าแห่งนี้ จากนั้นเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นรูปร่างสัมผัสได้และใช้พวกมันเป็นพลังให้กับค่ายกล

วิญญาณคนตายพวกนี้ไม่สามารถใช้หลอมเป็นเม็ดยาได้เพราะศาสตร์การปรุงยาจำเป็นต้องใช้วิญญาณอสูรที่มีชีวิต! วิญญาณที่ตายไปแล้วส่วนใหญ่เป็นแค่เสี้ยวความแค้นใจที่ก่อขึ้นขณะตายและไม่ยอมแตกดับ

บนยอดหนึ่งในแปดกะโหลกมีสตรีชราคนหนึ่งนั่งอยู่ นางคือถุงกระดูกผุและน่าเกลียดเหมือนภูตผี หากคนธรรมดามาเห็นนางคงหวาดกลัวจนตาย นางลืมตาขึ้นมาเผยท่าทีน่าขนลุก

“สหายเซียนฉี เจ้าเหลือเพียงสี่คนและศิษย์ทั้งสิบเก้าคนตายจากไปหมดแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเสียไปอีก? หากเจ้าส่งสิ่งนั้นมา ข้าจะจากไปทันที”

น้ำเสียงมืดมนดังกึกก้องสะท้อนในหุบเขา เข้าไปในหูของทั้งห้าคนอย่างชัดเจน ใบหน้าผู้เยาว์สี่คนซีดเผือดพลางจ้องมองอาจารย์ตนเองอย่างเงียบๆ

“ฉีเล่าซิงเอาชีวิตมาทิ้งมันไม่คุ้มหรอก แม้ระดับบ่มเพาะเจ้าจะสูงแต่เจ้าถูกพิษของสำนักห้าพิษของข้า หากเจ้าใช้พลังเต็มที่จะต้องตายแน่นอน คิดให้ดีๆ”

ฉีเล่าซิงใบหน้าบิดเบี้ยวพลางค่อยๆหลับตา ใบหน้าส่องสว่างแต่แฝงความขมขื่น เขาคือหัวหน้าศิษย์ของสำนักดอกไม้กระจ่างแห่งเขตระดับหก เขาเป็นเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับปลาย หลังจากค้นพบเบาะแสบางอย่างได้จึงลอบนำศิษย์มาที่เขตระดับสามเพื่อค้นหาบางอย่าง

เดิมทีเขาไม่คิดว่าเบาะแสนี้จะเป็นจริง แต่ไม่คาดคิดว่าเบาะแสนั่นจะมีจริงและทุกอย่างราบรื่นมาก อย่างไรก็ตามหลังจากค้นพบสิ่งของ ไม่เพียงแต่ตำแหน่งเขาจะเผยออกมาแต่ยังสูญเสียศิษย์ไปจำนวนมาก เขาได้รับพิษประหลาดและต้องหนีมาหุบเขานี้เพื่อขับพิษ

แต่ก่อนที่เขาจะขับพิษประหลาดออกไปได้เขาก็ถูกสตรีเฒ่าจากสำนักห้าพิษคนนี้เจอเข้า นางใช้ค่ายกลสำนักเพื่อกักขังเขาเอาไว้ในหุบเขา เขาส่งข้อความให้สำนักอย่างลับๆแล้วแต่ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อที่การช่วยเหลือจะมาถึง

“สหายเซียนฉี แม้สำนักดอกไม้กระจ่างของเจ้าจะส่งคนมา มันก็ไร้ประโยชน์! ตามที่ข้ารู้มา ภายในเขตระดับห้า นอกจากสำนักห้าพิษของข้าแล้วยังมีสำนักยอดเขาวิญญาณ สำนักวิชาเต๋า สำนักหลบหนีและสำนักรวมปีศาจต่างก็มาที่นี่หลังจากสิ่งนั้นตกอยู่ในมือเจ้า!”

“หินหยกของสำนักทะลวงสวรรค์ซึ่งอยู่ระดับแปดและเป็นสูตรยาของเม็ดยาสวรรค์ดับสูญ!”

……………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version