1445. แท่นบัญชาที่สอง
บนแท่นทั้งเก้ามีเซียนยืนอยู่เก้าคน ทั้งหมดล้วนเป็นบุรุษ มีชายชราเจ็ดคนขณะที่คนที่เหลืออายุราวๆสี่สิบปี แววตาทุกคนเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ยามที่พวกเขาเข้ามาในดินแดนผนึกแห่งนี้จึงมีกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง
หินแต่ละคนย้อมไปด้วยสีแดงฉานและเต็มไปด้วยโลหิต! สิ่งที่ตกตะลึงยิ่งก็คือมีดวงวิญญาณจำนวนมากลอยอยู่บนแท่นหิน ดวงวิญญาณทั้งหมดต่างมีสีหน้าบิดเบี้ยวและส่งเสียงร้องโหยหวน
ทั้งเก้าคนไม่มีใครอ่อนแอ มีอยู่ห้าคนที่มีระดับบ่มเพาะขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่และมีสองคนในระดับขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า ชายชราหนึ่งในนั้นเป็นที่จับตามองเนื่องจากมีผมสีแดงโลหิตและยังมีเพลิงนรกานต์โผล่ออกมาเบาบาง เห็นได้ชัดว่าเขาห่างจากขั้นที่สามเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกมาอย่างมากและไม่มีเพลิงนรกานต์มากนักจึงไม่อาจก้าวในขั้นสุดท้ายได้สำเร็จ ร่างกายเขาเปล่งสัมผัสแห่งบารมี แสดงสถานะที่สูงส่งเบื้องหน้าผู้คน
ส่วนคนสุดท้ายเป็นผู้รอบรู้วัยกลางคนกำลังถือพัดขนนก ดวงตาหรี่แคบและมีแสงกะพริบวาบอยู่ภายใน เขาเป็นแค่ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามเท่านั้น แต่การมาถึงจุดนี้ได้นั่นหมายความว่าเขามีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา สิ่งที่ทุกคนตกตะลึงมากที่สุดคือแท่นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแต่ละคน แท่นเหล่านั้นล้วนมีความกว้างหมื่นฟุต แต่แท่นที่อยู่ใต้ชายชราครึ่งก้าวสู่ขั้นที่สามกลับมีความกว้างสองหมื่นฟุตซึ่งเป็นสองเท่าของแท่นคนอื่นๆ “แม้กระทั่งแท่นบัญชาลำดับสอง พวกเขาก็ยังไม่โลภมากเอาสมบัติที่นี่…” ชายชราคนนั้นมองดูกลุ่มของหวังหลิน
หวังหลินหรี่สายตาและจ้องมองแท่นหินที่อยู่ใต้ชายชรา เหล่าเซียนรอบด้านเงียบสงัดเนื่องจากเห็นว่าหวังหลินแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาเริ่มรวมเข้าด้วยกันโดยมี หวังหลินเป็นผู้นำ
ชายชราจับจ้องสายตาไปที่หวังหลิน ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่เซียนที่เหลืออีกแปดคนต่างมองเข้ามาด้วยจิตสังหาร ดูเหมือนการต่อสู้นองเลือดกำลังอุบัติขึ้น
ทว่าในวินาทีนั้น ผู้รอบรู้วัยกลางคนซึ่งเป็นขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สามพลันก้าวมาข้างหน้าและกระซิบบางอย่างแก่ชายชรา ชายชราหรี่สายตา มองดูพื้นดินและแท่นที่อยู่บนหลังเทพโบราณ จากนั้นสายตากวาดผ่านกลุ่มของหวังหลินไป
“เจ้า มานี่!” ชายชราชี้ใส่หนึ่งในเซียนที่อยู่ข้างหวังหลิน เขาเป็นคนที่สามารถขโมยแท่นหินมาได้ หลังจากโดนชายชราชี้ไป ใบหน้าจึงซีดเผือด
หลังจากลังเลอยู่สักพัก จึงก้าวออกมาและคำนับฝ่ามือให้แก่ชายชรา จากนั้นเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยขอคารวะท่านหลิงตง!”
“โอ้? เจ้าจำข้าได้!” ใบหน้าชายชราไม่มีความโกรธเกรี้ยว
เซียนคนนั้นรีบพูด “ชื่อเสียงของท่านหลิงตงนั้นโด่งดังในดาราจักรโบราณ ผู้น้อยรู้จักแน่นอน”
“ไปทำลายผนึกบนหลังเทพโบราณนั่น หากเจ้าสามารถทำลายได้สักหนึ่งส่วน ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิต!” ชายชราเอ่ยเบาๆแต่คำพูดเต็มไปด้วยอำนาจและไม่อาจปฏิเสธได้
เซียนคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีจนดูเหมือนกำลังต่อต้าน แต่หลังจากนั้นเขากลับพยักหน้าและสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกและเริ่มร่ายวิชา พุ่งเข้าหาแท่นที่อยู่บนหลังเทพโบราณ
พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าเทพโบราณและมองดูแท่นที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดง หลังจากนั้นสักพักเขากัดฟันแน่น แขนขวาสร้างผนึกและปรากฏเงาขึ้นมา เงานั้น กำหมัดขวาและชกเข้าใส่สายหมอกทันที สายหมอกร้องคำรามและเปลี่ยนกลายเป็นปากยักษ์ เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเข้าหาเซียนเพื่อจะกลืนกิน
เซียนคนนั้นไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงได้เลยและส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น เขาถูกกลืนกินและโดนลากเข้าไปในสายหมอก เสียงกรีดร้องดังระงมทำให้ทุกคนตกตะลึง “มันเป็นจิตวิญญาณเต๋าจริงๆ! ข้าไม่รู้ว่ามันระดับอะไร!” ชายชราในขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นที่สามพลันเต็มไปด้วยความสุข เขาก้าวเท้าและมาถึงข้างๆหมอกสีแดง สะบัดแขนขวาเข้า ใส่หมอก
ขณะที่ฝ่ามือกำลังร่อนลงไป เสียงคำรามดังออกมาจากสายหมอกอีกครั้ง สายหมอกปั่นป่วนรุนแรงก่อตัวเป็นเงามารและพ่นหมอกสีแดงบางส่วนออกมาอย่างรวดเร็วใส่ชายชรา หมอกปะทะใส่เสียงดังปัง ชายชราสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ถอยร่นไปหลายร้อยฟุตก่อนจะหยุดลง
“อย่างน้อยก็ระดับหก!! น่าเสียดายที่มีเขตอาคมอยู่ด้วย!”
“มันคือเขตอาคมวิญญาณโบราณ!” ผู้รอบรู้วัยกลางคนพลันดวงตาส่องสว่าง พอเขาเอ่ยออกมา ชายวัยกลางคนที่อยู่ในกลุ่มที่เหลือเจ็ดคนพลันหรี่ตาแคบราวกับรู้เบาะแสบางอย่าง
หลิงตงมองดูหมอกสีแดงบนแท่นและเอ่ยขึ้น “เขตอาคมวิญญาณโบราณ…ข้าไม่รู้จักเขตอาคมมากนัก เจ้ามั่นใจว่าจะทะลวงได้แค่ไหน?”
ผู้รอบรู้ลังเลเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ก็…แค่สองในสิบส่วน…”
หลิงตงขมวดคิ้ว “สองในสิบส่วน!”
หวังหลินยังคงจับจ้องทั้งหมดนี้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาสังเกตเขตอาคมบนหมอก สีแดงได้แล้วตั้งแต่มาถึง เขตอาคมนี้คือเขตอาคมวิญญาณโบราณจริงๆแต่มีเขตอาคมอื่นปะปนอยู่ด้วย การทำลายมันไม่ใช่เรื่องง่าย! หวังหลินมองดูเงียบๆและอยากดูว่าคนทั้งเก้านี้จะทำลายมันอย่างไร
ขณะที่หลิงตงขมวดคิ้วและขบคิด ชายชราชุดเขียวผู้หนึ่งก้าวออกมาคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ท่านหลิงตง ข้าสับสนเรื่องการทำลายเขตอาคมนี้เล็กน้อย หลังจากที่ทำลายมันได้…” เขายังพูดไม่จบและมองไปที่หลิงตง
หลิงตงกล่าวขึ้น “หากเจ้าสามารถทำลายเขตอาคมนี้ได้ เจ้าก็จะได้สมบัติอื่นนอกจากจิตวิญญาณเต๋า! อีกทั้งเจ้าเอาสมบัติส่วนใหญ่ที่เซียนน้อยเหล่านี้ได้มาจากแท่นไปได้เลย”
แววตาชายชราชุดเขียวถึงกับเบิกกว้างด้วยความยินดี “สบายใจได้เลย ข้าศึกษาเขตอาคมมาตั้งแต่ยังเด็ก คนอื่นอาจจะไม่พูด แต่ไม่มีเขตอาคมไหนที่ข้าทำลายไม่ได้! แม้กระทั่งสหายเซียนเสี่ยวจิงก็ไม่ใช่คู่ปรับข้า!”
สายตากวาดไปที่ผู้รอบรู้วัยกลางคน ผู้รอบรู้เผยรอยยิ้มและคำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโสเก๋าเอ่ยถูกต้อง ข้าแค่มาทีหลังเมื่อเทียบกับผู้อาวุโส”
ชายชราชุดเขียวหัวเราะและเอ่ยอย่างภูมิใจ “เขตอาคมคือต้นกำเนิดของค่ายกล ข้าศึกษาพวกมันมาเกือบหมื่นปีและเคยเห็นเส้นทางสุดยอดมาแล้ว ข้าได้พัฒนาวิธีการทำลายเขตอาคมทั้งหมดขึ้นมาได้! อีกทั้งเขตอาคมในสายหมอกนี้ก็ไม่ใช่ เขตอาคมวิญญาณโบราณ ข้าศึกษาค้นคว้าเรื่องเขตอาคมไว้อย่างลึกซึ้งและไม่เคยได้ยินชื่อเขตอาคมวิญญาณโบราณ!”
หลังกล่าวเช่นนั้นเขาพุ่งเข้าหาหมอกสีแดง เมื่ออยู่ในระยะไม่ถึงสิบฟุต แขนขวาสร้างผนึกและสะบัดใส่ทำให้เขตอาคมกะพริบแสงวูบวาบ
เสี้ยววินาทีต่อมาปรากฏอักขระเวทย์ขนาดยักษ์ขึ้น อักขระเวทย์นี้ถูกสร้างขึ้นจากเขตอาคมและเปล่งประกายส่องสว่าง มันดูเหมือนสามารถเผชิญกับหมอกสีแดงได้ เสียงคำรามที่ออกมาจากภายในสายหมอกพลันหยุดลงราว จากนั้นราวกับมีสายลมกรรโชกทำให้หมอกสีแดงถอยไปเล็กน้อย
ชายชรายิ่งภูมิใจมากขึ้นพลางชี้ไปข้างหน้าและเอ่ยเสียงคำราม อักขระเวทย์พุ่งเข้าหาหมอกสีแดง
“ข้าผู้นี้…” ขณะที่ชายชราร้องคำราม อักขระเวทย์พุ่งใส่หมอกสีแดง แต่ก่อนที่เขาจะทันเอ่ยจบ หมอกสีแดงเปลี่ยนกลายเป็นปากขนาดยักษ์อีกครั้ง เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งและกลืนกินอักขระเวทย์ไปพร้อมกับชายชราชุดเขียว
คำพูดที่ไม่ทันจบเปลี่ยนกลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนและดังกึกก้องคับฟ้า
หลิงตงใบหน้าดำทมึน ไม่คิดว่าคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจจะมาเจอกับผลลัพธ์แบบนี้
เสียงขำดังออกมาจากเซียนคนหนึ่งข้างๆหวังหลินซึ่งเป็นเซียนร่างอ้วน เสียงหัวเราะของเขาทำให้หลิงตงหันสายตามาทันที
เซียนร่างอ้วนรีบก้าวไปข้างหน้าผ่านหวังหลินและคำนับฝ่ามือให้แก่หลิงตง เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผู้น้อยซิ่วฟู่ขอคารวะท่านหลิงตง ผู้น้อยมั่นใจเล็กน้อยในการทะลวงเปิดเขตอาคม ผู้น้อยไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนที่นี่ เราถูกส่งมาที่นี่เพิ่งจะรวมตัวกัน! ผู้น้อยมีความลับจะบอกผู้อาวุโส ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ มีหนึ่งในนั้นเป็นเซียนไร้ลักษณ์…”
“หากเจ้าสามารถทำลายเขตอาคมบนหมอกนี้ได้ ข้าจะปล่อยเจ้ามีชีวิตรอด มอบสมบัติให้และให้เจ้าติดตามข้าได้!” หลิงตงขัดคำพูดของเซียนร่างอ้วน เขาไม่สนใจความลับ สิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดคือข้างในจิตวิญญาณเต๋า “สบายใจได้ ข้าสังเกตหมอกแดงนี้มานาน แม้จะไม่มั่นใจทั้งหมด แต่ถ้าได้ผู้อาวุโสช่วย ข้ามั่นใจถึงเจ็ดในสิบส่วน!”
เซียนร่างอ้วนมีความสุขและหันไปมองหวังหลิน เขาเยาะเย้ยอยู่ในมุมปากและพุ่งใส่หมอกสีแดง หยุดห่างไปร้อยฟุตและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ฝ่ามือเลื่อนลูกคิดอย่างรวดเร็วและจากนั้นลูกคิดก็แตก เม็ดลูกปัดลอยออกมาเปลี่ยนกลายเป็น วังวนเขตอาคม จากนั้นเซียนร่างอ้วนสูดหายใจลึกและพุ่งใส่หมอกสีแดง
‘รนหาที่ตาย!’ หวังหลินมองเขาอย่างสงบนิ่งและเยาะเย้ยอยู่ในใจ จากนั้นเขามองผู้รอบรู้วัยกลางคนที่ถือพัดขนนกและเห็นท่าทางดูถูก
‘แม้เขาจะเป็นแค่เซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม แต่การสามารถรวมคน พวกนี้มาได้นั่นหมายความว่าเขาเล่ห์เหลี่ยมยิ่ง! บางทีเขาเองก็อยากได้สิ่งที่อยู่ในสายหมอกเช่นกัน…’ ความคิดหวังหลินเหมือนความคิดของปีศาจ เขตอาคมปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างเงียบงัน…
………………………………………