1151. มาเร็วๆ
หวังหลินอยู่บนแผ่นดินป่าแห่งนี้อยู่สักพัก พอนึกถึงเรื่องที่สำนักต้นกำเนิด เขาจึงไม่สามารถพักอยู่ในแผ่นดินป่าได้นานกว่านี้แล้ว
แม้จะไม่กลัวสำนักเต๋าม่วงแต่หากเขาไม่อยู่ที่นั่น ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของสำนักนั้นสำนักต้นกำเนิดคงถูกกวาดล้างออกไป หากเป็นอดีตหวังหลินคงไม่สนใจ แต่เมื่อเขาสังหารผู้คนของสำนักเต๋าม่วง หวังหลินถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสตรีสาวแสนฉลาดหลิวหยานเฟยคนนั้นได้มอบตัวตนให้เขาด้วยความเคารพอีก ทั้งยังมีเบาะแสหยินสุดขั้วที่เขาจำเป็นต้องได้มาจากคนของสำนักเต๋าม่วง
ดังนั้นหวังหลินจึงตัดสินใจกระทำการอย่างโอหังและใช้เจ้าวานรทมิฬที่เขาพึ่งฝึกมันพุ่งเข้าหารังอสูรดุร้ายและขโมยสมุนไพรเอาเอง
เขาทำให้กองทัพอสูรติดตามมา ต้องบอกว่าหวังหลินไม่คิดว่าเจ้าวานรทมิฬจะขโมยได้เก่งเช่นนี้ ดูเหมือน…ดูเหมือนมันจะคุ้นเคยยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าความเชี่ยวชาญนี้ไม่ใช่สิ่งที่เรียนรู้ได้ในชั่วข้ามคืน หลังจากทำไปอยู่สักพักมันก็กลายเป็นธรรมชาติ
หลายวันที่ผ่านมาหวังหลินไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้เลย เจ้าวานรคุ้นเคยกับแผ่นดินที่นี่อยู่แล้วและเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า พุ่งเข้าไปหยิบฉวยสมุนไพรและวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองหลัง
หลังการขโมยสำเร็จในแต่ละครั้ง เจ้าวานรอดไม่ได้ที่จะร้องคำรามด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่า…มันพึงพอใจพฤติกรรมของตัวเองมาก
ที่ทำให้หวังหลินยิ้มแป้นก็คือเขารู้สึกเลือนลางว่าเจ้าวานรทมิฬตัวนี้มีชื่อเสียงมากในแผ่นดินป่า มันมีทักษะในการหลบเลี่ยงอสูรที่กำลังไล่ล่าราวกับทำแบบนี้มาบ่อย
หากอสูรดุร้ายพวกนี้ถูกขโมยสมุนไพรมาครั้งเดียว พวกมันคงไม่ไล่ล่าหลายวันหลายคืนโดยไม่สนความเหน็ดเหนื่อย พวกมันมีความบ้าและ…มีความเกลียดชังฝังลึกอยู่ด้วย
หวังหลินเริ่มคาดคะเนว่ายังมีสมุนไพรที่ยังไม่เติบโตบนยอดเขาซึ่งพวกอสูรร้ายซ่อนเอาไว้แต่อยู่ที่อื่น สถานที่พวกนั้นหวังหลินจำเป็นต้องแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณค้นหา ไม่เช่นนั้นการพบเจอด้วยสองตาคงหายากเอามากๆ
อย่างไรก็ตามเจ้าวานรทมิฬไม่ได้รับผลกระทบเลยราวกับมันรู้อยู่แล้วว่าสมุนไพรพวกนี้ซ่อนอยู่ที่ไหน มันเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าไปขโมยสมุนไพรและจากไป ราวกับเจ้าวานรมักจะเคยทำมาเมื่อนานมาแล้ว
ตลอดหลายวันแห่งการปล้นชิง เจ้าวานรส่งความร้อนไปที่หวังหลิน บางครั้งมันก็มองข้ามเหนือไหล่ไปที่หวังหลินราวกับกำลังมองหาใครสักคนที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน
เพราะมันเจอหวังหลินจึงนึกถึงวันที่ถูกหวังหลินเลี้ยง แม้จะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีระดับบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่าและทำให้มันบาดเจ็บ เจ้าวานรก็ยังไม่อยากยอมจำนน ดวงตาของมันเกลียดชังและแข็งกร้าว จนในที่สุดเมื่อโดนคุกคามเกือบตายมันก็ยอมศิโรราบ
เป็นไปได้ว่าเจ้าวานรมักจะขโมยสมุนไพรพวกอสูรตัวอื่นๆจนต้องรู้สึกซับซ้อนเมื่อมาโดนปล้นอิสระภาพเสียเอง
“อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีอสูรดุร้ายมากเกินไปที่กำลังไล่ล่าเรา…” หวังหลินนั่งอยู่บนหลังเจ้าวานรและมองไปยังฝุ่นผงด้านหลัง เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาส่งเข้าถึงหู
หวังหลินเก็บพวกอสูรยุงกลับไปในมิติเก็บของแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะให้พวกยุงปรากฏตัว
พวกอสูรไล่ล่ามากเกินไป มีหลายตัวที่พวกเขาไม่ได้ขโมยของมาอีก เมื่อพวกมันเห็นวานทมิฬ พวกมันก็เข้าร่วมกองทัพไล่ล่าเสียด้วย
มองไกลๆแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่ามีอสูรดุร้ายอยู่เท่าไหร่ เห็นแต่เพียงสายฝุ่นเตะขึ้นสู่อากาศและมีอสูรดุร้ายมุ่งมั่นไล่ตามวานรทมิฬ
เจ้าวานรเปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัวต่อหน้าต่อตาพวกมันทั้งหมด ขณะที่วิ่งไปบางครั้งร่างก็บิดเบี้ยวหลบเลี่ยงวิชา มีโอกาสอยู่ไม่กี่ครั้งที่จะผลักมันเข้าสู่สถานการณ์ย่ำแย่และมันส่งเสียงคำรามซ้ำๆราวกับกำลังสาปแช่ง
หวังหลินเผยรอยยิ้มพลางยื่นแขนขวาออกไปเปิดมิติเก็บของ หยิบยันต์เซียนสีเหลืองออกมาวาไว้บนไหล่เจ้าวานร
พริบตาเดียวพายุสีเหลืองเกิดการระเบิดขึ้นรอบวานรและพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้า ร่างวานรสั่นเทา ดวงตาเต็มไปด้วยความสุขเนื่องจากความเร็วเพิ่มขึ้นกระทันหันและกระโดดขึ้นสู่อากาศก่อนจะลงเบื้องหน้ากองทัพอสูร
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หลบหนีทันที มันร้องคำรามใส่กองทัพอสูร จากนั้นพุ่งเข้าใส่ เตะและต่อยทะลวงผ่านออกไปด้านหลัง
อสูรทั้งหมดร้องคำรามและยิ่งบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
พอเห็นว่าวานรกำลังจะพุ่งกลับไป หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยและตบไหล่วานรทมิฬ มันหยุดชะงักและเริ่มวิ่งอีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากเจ้าวานรทมิฬรวดเร็วขึ้นมันจึงเหมือนโจรปล้นชิง ผ่านทุกพื้นที่ที่มันรู้ว่ามีสมุนไพร ริบมาและจากไปอย่างรวดเร็ว
กองทัพอสูรเบื้องหลังหวังหลินค่อยๆมีขนาดใหญ่โตขึ้น พื้นดินสั่นไหวและสายหมอกปั่นป่วน
หลังจากวนแผ่นดินป่าเป็นวงกลม เจ้าวานรทมิฬดูเหมือนจะไม่พอใจ มันพุ่งเข้าหาใจกลางแผ่นดินป่าด้วยกองทัพอสูรที่กำลังตามมาติดๆ หวังหลินคำนวณเวลาและไม่ได้หยุดเจ้าวานร
ระยะเวลาที่อยู่ในแผ่นดินป่า หวังหลินค่อยๆเรียนรู้ว่ายิ่งเข้าไปข้างในป่ายิ่งมีอสูรดุร้ายระดับสูงมากขึ้น เจ้าวานรวิ่งเข้าหาใจกลางแผ่นดินอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ได้มีภูเขามากนักแต่กลับมีเนินที่มีหุบเขาเต็มไปหมด
ส่วนใหญ่หุบเขาเต็มไปด้วยสายหมอกจนมองไม่เห็นข้างใน กระนั้นก็ยังมีแรงกดดันน่าขนลุกโผล่ออกมาด้วยเป็นปกติ
เมื่อเจ้าวานรทมิฬพุ่งเข้าไปในหุบเขา หวังหลินกลายเป็นเคร่งขรึม หุบเขาเหล่านี้เงียบสงัดไร้เสียงคำรามอสูรมากเกินไป เมื่อเจ้าวานรเข้าไปมันกลับว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ราวกับอสูรดุร้ายทั้งหมดที่นี่หายวับไปกับตา
หวังหลินไม่ใช่คนเดียวที่งุนงง แม้แต่เจ้าวานรก็ช้าลงด้วย มันจ้องข้างหน้าและไม่รู้ว่าจะไปต่อดีหรือไม่
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย พื้นดินเริ่มสั่นไหว กองทัพอสูรพุ่งเข้าสู่พื้นที่ส่วนใจกลางแผ่นดินและพุ่งเข้าหาเจ้าวานร
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมา ดวงตาส่องสว่างพลางชี้ไปข้างหน้า เจ้าวานรเริ่มพุ่งออกไปทันทีภายใต้คำสั่งของหวังหลิน มันไม่ได้พุ่งไปเร็วนักและกองทัพอสูรก็ค่อยๆไล่ตามทัน คล้ายกองทัพอสูรกำลังพุ่งเข้าหาหุบเขาเหล่านี้ภายใต้คำสั่งของวานรทมิฬ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่วานรทมิฬเคลื่อนร่างผ่านทะลุหุบเขา กองทัพอสูรก็เข้ามาข้างในด้วย
นาทีนี้ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ ยืนขึ้นและจ้องไปข้างหน้า ขณะเดียวกันน้ำเสียงมืดมนดังออกมา
“สำนักห้าพิษมีธุระอยู่ที่นี่ คนที่ไม่เกี่ยวข้องจงออกไป…เอ๋!!!” น้ำเสียงมืดมนนั้นพึ่งจะเริ่มพูดแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้อง
น้ำเสียงนั้นเห็นกองทัพอสูรดุร้ายมากมายมหาศาลไล่ล่าวานรทมิฬมา!
ตอนนี้สัมผัสวิญญาณหวังหลินเห็นว่ามีกะโหลกแปดหัวอยู่นอกหุบเขาซึ่งกำลังดูดซับวิญญาณแห่งความตายและเปลี่ยนพวกมันเป็นการโจมตี
เขาเห็นหญิงชราแห้งเหี่ยวคนหนึ่งยืนอยู่บนหนึ่งในกะโหลกนั้นด้วย!
หญิงชราหรี่ตาแคบ หมอกที่นี่ทำให้นางไม่สามารถเห็นได้ไกลและสัมผัสวิญญาณถูกกีดกั้น อย่างไรก็ตามแรงสั่นจากพื้นดินค่อยๆรุนแรงขึ้นในที่สุดคลื่นอสูรมากมายก็อยู่ในระยะสัมผัสวิญญาณของนาง
นางอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ทว่าด้วยระดับบ่มเพาะและความฉลาดอันสูงส่ง หลังจากเห็นวานรทมิฬ นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าอสูรจำนวนมากพวกนี้กำลังไล่ล่าวานรทมิฬและมีเซียนผมขาวอยู่บนไหล่
แววตานางแฝงจิตสังหาร ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่สำนักดอกไม้กระจ่างส่งกำลังเสริมมาหรือหนึ่งอีกหกสำนักมาถึงก่อนเวลา
“พวกเขามาเร็วมาก!” นางก้าวไปข้างหน้าและพุ่งหาวานรทมิฬ หมอกพิษเริ่มแพร่กระจายออกไปเบื้องหน้า
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและตระหนักได้ทันทีว่าเขาบังเอิญเข้ามาในการต่อสู้ที่สุดวิสัย แปดหัวกะโหลกนี้คือค่ายกลกักขังแน่นอนและกำลังฆ่าคนหรืออสูรที่อยู่ในหุบเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาอธิบาย หญิงชรารวดเร็วเกินไป พิษของนางพัดมาทางนี้เรียบร้อยพร้อมกับจิตสังหารเต็มเปี่ยม หวังหลินกระโจนออกมาจากวานรทมิฬและมอบคำสั่งให้มัน
เจ้าวานรเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาแปดหัวกะโหลกรอบหุบเขาโดยตรง
ขณะเดียวกันหวังหลินใช้แขนขวาสร้างผนึกชี้ออกไป สายลมทมิฬปรากฏขึ้นมาเปลี่ยนเป็นมังกรทมิฬพุ่งหาหญิงชรา
ระดับบ่มเพาะของหญิงชราเท่ากับของซ่งหวู่เต๋อคือขั้นชำระสวรรค์ระดับกลาง ทว่าระดับพิษของนางทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งกว่าซ่งหวู่เต๋อ เมื่อเห็นสายลมทมิฬใกล้เข้ามา นางสร้างผนึกและพ่นลมหายใจเหม็นออกไปสามครั้ง!
ลมหายใจแรกเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีแดงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว มันปะทะกับสายลมทมิฬและเกิดเสียงดังสนั่นสะท้านสวรรค์
ลมหายใจที่สองเปลี่ยนกลายเป็นน้ำสีดำแพร่กระจายออกไปดุจสายฝน แทงทะลุหมอกสีแดงและพุ่งตรงหาหวังหลิน ทุกหยดน้ำแฝงพิษประหลาด เพียงแค่หยดใส่เม็ดเดียวก็ทำให้เลือดเนื้อเน่าเปื่อยเป็นกองโลหิตแล้ว
ลมหายใจที่สามกะพริบเจ็ดสีก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นรูปปั้นที่สูงมากกว่าพันฟุต!
“ราชาพิษ โปรดปรากฏ! ผนึกจิตวิญญาณพิษ!” หญิงชราโหดเหี้ยมและใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของนางทันที รูปปั้นราชาพิษเรืองแสงสว่าง จากนั้นดูเหมือนจะยิงลำแสงเป็นรูปร่างออกมาก่อตัวเป็นอักขระสีดำเบื้องหน้า!
เมื่อผนึกปรากฏ มันพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที หากร่อนลงบนร่างกาย นอกจากเนื้อหนังจะเปลี่ยนเป็นกองโลหิตแล้ว แม้แต่วิญญาณดั้งเดิมก็จะสูญสลายจากพิษทันที!
หญิงชราโหดเหี้ยมมาก เพื่อชิงหินหยกและสูตรยาสวรรค์ดับสูญมานางจำเป็นต้องใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อสังหารหวังหลิน นางกังวลว่าหวังหลินจะหลบเลี่ยงวิชาของนางจึงสะบัดแขนเสื้อปรากฏอสรพิษตัวน้อยดุจสายฟ้า เจ้าอสรพิษตัวน้อยนี้คืออสูรเชื่อมชีวิตของนางและเป็นสีดำสนิท มีมงกุฎเล็กๆคล้ายหงอนไก่อยู่บนหัว วินาทีที่ปรากฏขึ้นมากลิ่นเหม็นคาวเต็มไปทั่วบริเวณ
……………………..