1239. สำนักต้นกำเนิด
แสงสีทองอ่อนๆแพร่กระจายออกมาจาร่างอสูรยุงและโอบล้อมพื้นที่ แรงกดดันล้อมรอบเหล่าอสูรยุงหลายพันตัวและพวกมันต่างก็เป็นพยานรู้เห็นการถือกำเนิดของราชาตนใหม่!
อสูรยุงสีแดงเป็นกลุ่มแรกที่ยอมจำนน ดวงตาแต่ละตัวเต็มไปด้วยความหวาดเกรงและส่งเสียงร้องยอมรับ ส่วนอสูรยุงสีฟ้าหลายร้อยตัวแฝงสายตาดิ้นรน แต่พอแรงกดดันของราชายุงแพร่กระจาย พวกมันจึงนอบน้อมเช่นเดียวกัน
ส่วนที่ยากที่สุดคืออสูรยุงสีขาวสองตัว ทั้งสองตัวจ้องมองราชายุงของหวังหลิน ไม่ว่าจะโดนแรงกดดันของราชามากแค่ไหน สายตาพวกมันยังคงเย็นเยียบ
อสูรยุงของหวังหลินเผยสายตาดุร้ายและส่งเสียงร้องหึ่งๆ เหล่าอสูรยุงทั้งหมดรวบรวมสายตาไปที่สองอสูรยุงสีขาวและเปลี่ยนสายตาเป็นดุร้าย
สองอสูรยุงสีขาวส่งเสียงร้องโหยหวน หนึ่งในนั้นต่อสู้กับยุงของหวังหลินมาแล้ว มันสั่นเทาและเผยแววตาชั่วร้าย กลิ่นอายอันตรายโผล่ออกมาจากร่าง และเสี้ยววินาทีนั้นร่างมันก็พังทลาย!
หมอกโลหิตแพร่กระจายไปในท้องฟ้าและแตกสลาย อสูรยุงสีขาวอีกตัวเลือกการตายเช่นเดียวกัน มันระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตไปด้วย
พวกมันยอมตายแทนที่จะยอมเชื่อฟังคำสั่ง!
อสูรยุงสีขาวสองตัวเทียบเท่ากับเซียนขั้นทลายสวรรค์ ดังนั้นการระเบิดขึ้นมาจึงทำให้เกิดคลื่นกระแทกทรงพลังทันที แววตาซ่งเล่าไฮ่หรี่แคบในวินาทีนั้น
‘จังหวะนี้แหละ!’ ความรู้สึกของเขาท่วมท้นโดยเฉพาะตอนที่เห็นการเกิดใหม่ของราชายุงที่มีวิญญาณดั้งเดิมของเซียนด้วย
ในสายตาเขา มันไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิมของคนที่ออกมาจากร่างกายตนเอง แต่เป็นเซียนที่สูญเสียร่างกายและผสานเข้ากับราชายุงด้วยกรรมวิธีบางอย่างที่ไม่คาดคิด มันเป็นตัวตนอันพิเศษยิ่ง!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญบางอย่างแบบนี้ ในความคิดเขาเจ้าราชายุงตัวนี้คือเซียนคนหนึ่ง การควบคุมราชายุงเป็นเรื่องยากเกินไป แต่การควบคุมวิญญาณของเซียนที่ผสานกับราชายุงไม่ควรจะเป็นเรื่องยาก!
ด้วยความคิดแบบนั้นในหัว เขาจึงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ แต่เพราะมีอสูรยุงสีฟ้าหลายร้อย อสูรยุงสีแดงหลายพันตัวและอสูรยุงสีขาวสองตัวทำให้เขาไม่กล้าออกมา แต่มีความโลภมากมาย
อย่างไรก็ตามพอเห็นโอกาสพิเศษที่เกิดขึ้นจากการทำลายตัวเองของอสูรยุงสีขาวสองตัว จิตใจเขาจึงมีชีวิตชีวา!
‘วิญญาณดั้งเดิมนั่นไม่ได้แข็งแกร่ง อยู่ราวๆขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น ตราบใดที่ข้าสามารถควบคุมวิญญาณดั้งเดิมภายในราชายุงได้ ข้าสามารถควบคุมราชายุงได้!’ ซ่งเล่าไฮ่กัดฟันแน่น ในร่างเกิดเสียงปะทุ เขาพุ่งออกไปจากก้อนหินทันทีและเคลื่อนที่ดุจประกายสายฟ้า เคลื่อนผ่านคลื่นกระแทกของอสูรยุงสีขาวส่องตัวและพุ่งใส่อสูรยุงของหวังหลิน
จังหวะของเขาดีเยี่ยมมาก แม้ว่าความโลภของเขาจะแทนที่สัมผัสปกติไปแล้ว เขายังคิดว่าจะผ่านไปได้ พอเขาพุ่งออกมา ฝ่ามือสร้างผนึก พลังอำนาจของเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับกลางแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่ง ภาพดวงอาทิตย์และจันทราปรากฏขึ้นด้านหลัง เขาเริ่มการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตัวเอง! เขามาจากสำนักวิญญาณสงบและเชี่ยวชาญวิชาต่อกรกับวิญญาณเป็นพิเศษ ซึ่งมักจะไม่ทำร้ายร่างกายแต่มีเป้าหมายที่วิญญาณโดยตรง!
ขณะที่วิชาของเขาแพร่กระจายออกมา ซ่งเล่าไฮ่ร้องคำราม เสียงคำรามแฝงวิชาที่มีเป้าหมายเป็นวิญญาณดั้งเดิม ภายใต้เสียงคำราม เหล่าวิญญาณดั้งเดิมจะสั่นเทาและวิงเวียนชั่วขณะ
การกระทำทั้งหมดของเขาและการคำนวณอันสมบูรณ์แบบ แต่ว่า…คนที่เขาเผชิญหน้าดันเป็นหวังหลิน!
หวังหลินสังเกตตัวตนของซ่งเล่าไฮ่ได้แล้วแต่ไม่ได้ให้ความสนใจ ตอนนี้อสูรยุงสีขาวสองตัวได้ทำลายตัวเองและซ่งเล่าไฮ่ปรากฏตัวขึ้น ดวงดาวแห่งกฎที่มีหวังหลินอยู่ข้างในพลันเริ่มกะพริบ
วินาทีที่อีกฝ่ายจู่โจมออกมา อสูรยุงของหวังหลินล่าถอยทันที ร่างกายซ่งเล่าไฮ่พุ่งผ่านคลื่นกระแทก ขณะที่เขากำลังไล่ตามทัน ดวงดาวแห่งกฎเริ่มหมุนและวิญญาณหวังหลินเริ่มก่อตัว หวังหลินเต็มไปด้วยสายตาเยาะเย้ยพลางสะบัดแขนขวา
สายลมเปลี่ยนกลายเป็นพายุขึ้นทันทีและพุ่งเข้าหาซ่งเล่าไฮ่ มันปะทะเข้ากับวิชาของซ่งเล่าไฮ่และทำให้เกิดการสั่นสะเทือนผืนปฐพี
ซ่งเล่าไฮ่หน้าซีดทันทีและกระอักโลหิต ร่างกายสั่นเทาพร้อมกับก้าวถอยกลับไปหลายสิบฟุตโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายลมนั้นไม่ได้ทรงพลังแต่แฝงเจตนาแห่งเต๋าและกฎอันแข็งแกร่ง มันบิดเบือนความคิดเขาและแทบจะทำให้เขตแดนเขาแตกสลาย!
อย่างไรก็ตามฉากต่อมาได้ทำให้เขาแทบจะสิ้นความคิด! เขาเห็นวิญญาณของหวังหลินชี้เข้ามาใส่เขา! ขณะเดียวกันราชายุงส่งเสียงหึ่งๆทันที
วินาทีนั้นเหล่าอสูรยุงทั้งหมดรอบด้านพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางและผนึกเส้นทางหนีรอดทั้งหมดเอาไว้ เขาถูกขังไว้ในฝูงยุงเสียแล้ว!
อสูรยุงสีแดงหลายพันและอสูรยุงสีฟ้าหลายร้อย เป็นครั้งแรกของหวังหลินที่เห็นพวกมันแสดงพลังอำนาจเป็นกลุ่ม!
เสียงดังกึกก้องออกมาจากฝูงยุงพร้อมกับเสียงคำรามตกใจของซ่งเล่าไฮ่
“ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไปแล้ว สหายเซียนโปรดเมตตา สหายเซียนโปรดเมตตา!! ข้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณสงบ หากสหายเซียนปล่อยข้าไป ข้าจะตอบแทนท่านในอนาคตแน่นอน!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรนและอ้อนวอน
หวังหลินท่าทางสงบนิ่ง ส่งคำสั่งออกมาทำให้ราชายุงส่งเสียงร้อง การโจมตีของฝูงยุงยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น!
ในตอนนี้ ณ เขตระดับแปดที่ที่สำนักอมตะตั้งอยู่ มีดาวเคราะห์เซียนอยู่สามดวง การแข่งขันถูกจัดขึ้นในดาวเคราะห์เซียนดวงที่สองและมันได้เร่ิมขึ้นหลายวันแล้ว
ทั้งสำนักอมตะมีชีวิตชีวาที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้ทุกการแข่งขันพันปี ผู้คนหนาแน่นเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากและยึดครองทั้งดวงดาว
พวกเขากระทั่งเชิญชวนเซียนที่ทรงพลังของสำนักเข้าร่วมและดูการแข่งขันจนทำให้มีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม โจรบางคนก็เข้ามาเฝ้าดูการแข่งขันอันยิ่งใหญ่นี้ด้วย
แท่นขนาดยักษ์ซึ่งดาวเคราะห์เซียนยึดครองไว้ส่วนหนึ่งคือตำแหน่งการแข่งขัน รอบๆแท่นมีขั้นบันไดนับไม่ถ้วนไต่ไปจนถึงท้องฟ้า มีที่นั่งหลายที่และเต็มไปด้วยเหล่าเซียน
สำนักต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่เล็กๆทางชายขอบทิศเหนือ เทียบกับสำนักอื่นๆที่มีคนหลายร้อยแล้ว สำนักต้นกำเนิดมีเพียงแค่สิบคนและดูเปล่าเปลี่ยวยิ่ง
หลิวหยานเฟยนั่งอยู่ที่นี่อย่างเงียบงัน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันการแข่งขันระหว่างสำนักระดับสี่ก็จะสิ้นสุดลง จากนั้นก็จะถึงตาของสำนักระดับห้า
สมาชิกที่เหลือของสำนักต้นกำเนิดต่างก็นั่งคอตก แววตาเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้และเศร้าหมองราวกับชะตาของสำนักอาจจะไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้ารู้สึกป่วยและจะขอกลับก่อน” หลิวหยานเฟยเอ่ยออกมาพร้อมกับยืนขึ้นเพื่อกลับไปบ้านที่สำนักหลักจัดตั้งมาให้ แม้แต่ที่นั่นยังห่างไกลและเปล่าเปลี่ยว
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงดังออกมาไม่ไกล “นั่นมันแม่นางหลิว ผู้ถือเป็นเตาหลอมเซียนอันดับหนึ่งในเขตระดับห้าใช่หรือไม่? นางช่างเยี่ยมจริงๆ! คุ้มค่าแล้วที่สำนักเพลงสวรรค์ของข้าใช้ผลึกดั้งเดิมไปมากเพื่อให้ได้นางมา หลังจากสำนักต้นกำเนิดถูกปลด!”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าเดินออกมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มีใครสักคนจดจำเขาได้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและรีบถอยซึ่งทำให้สำนักต้นกำเนิดโดดเดี่ยวและเป็นที่จับสายตา
พอเป็นที่จับตาจึงทำให้สมาชิกสำนักต้นกำเนิดหน้าซีดเซียวและเงียบขรึม ซิ่วหยุนกัดริมฝีปากจนเกือบเลือดออก
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้มาคนเดียวแต่มีผู้อาวุโสผมขาวอีกสองคนตามหลัง สายตาแต่ละคนดุจสายฟ้าฟาด ใครก็ตามที่สบตาคงรู้สึกว่าจิตใจสั่นไหว
“สำนักเพลงสวรรค์แห่งเขตระดับหก! จากการปรากฏตัวของเขา น่าจะเป็นหัวหน้าศิษย์ หลิวหยิงเจี๋ย”
“สำนักเพลงสวรรค์ได้รับอันดับหนึ่งมาหลายครั้งท่ามกลางสำนักระดับหกและรวบรวมความสนใจจากสำนักหลักไว้อย่างมาก ลือกันว่าหนึ่งในสามคนที่จะถูกเลือกออกไปเพื่อเข้าแข่งขันระหว่างสำนักระดับแปดก็มาจากสำนักเพลงสวรรค์”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวหยิงเจี๋ยนั้นเป็นเซียนที่บ่มเพาะวิถีอันโหดเหี้ยมและมักจะต้องการเตาหลอมเซียนจำนวนมากอยู่ตลอด แม้แต่คนที่แข็งแกร่งก็ดูเหมือนจะไม่รอด”
“หลิวหยิงเจี๋ยมีข่าวลือมากเกินไป ข้าได้ยินมาว่าเขามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของผู้อาวุโสลิ่วแห่งสำนักอมตะด้วย…ผู้อาวุโสลิ่วเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุด ดังนั้นพอมีผู้อาวุโสอยู่เบื้องหลัง จึงไม่สนใจเลยว่าหลิวหยิงเจี๋ยจะกล้าทำอะไรเอาแต่ใจแบบนั้น”
หลิวหยานเฟยร่างสั่นเทา สายตาเยือกเย็นหันไปมองชายชุดสีฟ้า เขาค่อนข้างหล่อเหลาและปลดปล่อยกลิ่นอายบุรุษออกมา
“สำนักต้นกำเนิดจะไม่ถูกปลด ไม่มีวัน!” หลิวหยานเฟยกล่าวเสียงนิ่งก่อนจะหันตัวกลับจากไป
หลิวหยิงเจี๋ยยิ้มออกมาและเอ่ยขึ้นเบาๆ “สหายเซียนหลิวอย่าดุด่าข้าเลย ข้าได้ยินเรื่องเตาหลอมเซียนจากคนอื่นๆและแค่ล้อเล่น แต่ข้ามาด้วยเจตนาดี หากสำนักต้นกำเนิดโดนปลด แม่นางหลิวจะได้มีสถานที่ดีดีอยู่”
“ช่างเรื่องสำนักต้นกำเนิดกำลังโดนยุบไปได้เลย! ถึงแม้จะโดนยุบไป สำนักเต๋าม่วงของข้าก็จะรับไว้ทั้งหมด!” ประโยคเย็นเยียบนี้ดังออกมาจากอีกทิศทางหนึ่ง ชายชุดม่วงค่อยๆเดินเข้ามา เขามองหลิวหยิงเจี๋ยก่อนจะมองหลิวหยานเฟยและคำนับฝ่ามืออย่างสุภาพ “ขอทักทาย สหายเซียนหลิว”
หลิวหยานเฟยตกตะลึง
“สหายเซียนหลิวไม่ต้องกังวล แม้พี่หลิวกับข้าจะเจอกันเพียงครั้งเดียว ค่ำคืนแห่งการสนทนาเต๋าเป็นสิ่งที่ข้าไม่มีวันลืม หากเขากลับมา ไม่เพียงแต่สำนักต้นกำเนิดจะไม่ถูกยุบเท่านั้น อาจจะกลายเป็นสำนักสาขาอันดับหนึ่งก็เป็นได้” ลั่วหยุนคงเผยสายตาหวนรำลึก
“สหายเซียนลั่วเพ้อฝันถึงสำนักต้นกำเนิดและต้องการเอาชนะข้าหรือ ข้าไม่รู้ว่า ‘พี่หลิว’ ที่เจ้าพูดถึงเป็นใคร หรือจะเป็นข้า?” หลิวหยิงเจี๋ยยิ้มบางจนดูไม่ออกว่าเขามีความสุขหรือโกรธเกรี้ยว แม้แต่คำพูดยังบางเบาดุจก้อนเมฆ
ลั่วหยุนคงขมวดคิ้วและร้องคำรามโดยไม่รั้งคำพูดไว้เลย “หุบปาก! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นพี่หลิวที่ข้าพูดถึงไปได้อย่างไร? หากเขาอยู่ที่นี่ เขาสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายๆราวกับบี้มด!”