1264. รู้ข่าว
สายตาของทั้งคู่ประสานกันข้ามผ่านประตูสวนที่เปิดโล่ง ประตูเป็นเหมือนลำห้วยที่ไม่อาจข้ามผ่านได้และทั้งสองคนต่างก็เงียบภายใต้แสงจันทร์
ความเงียบนี้แตกต่างจากตอนที่เขาอยู่กับหลี่เฉียนเหมย แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่แตกต่างกันคืออะไรกันแน่ ดูเหมือนว่าในชีวิตหวังหลิน นอกจากลี่มู่หวานแล้ว ยังมีอีกคนที่ไปด้วยกันกับเขาคือหลิวเหมยหรือก็คือมู่ปิงเหมย…
ดาวซูซาคุก็แบบนี้…ดาราจักรทุกชั้นฟ้าก็แบบนี้…มาตอนนี้ในทะเลเมฆา ก็ยังเป็นแบบนี้อีก
มู่ปิงเหมยก้มศีรษะลงภายใต้ความเงียบและค่อยๆเดินมาข้างหน้า นางก้าวข้ามผ่านประตูและเข้ามาในสวนห่างจากหวังหลินแค่สิบก้าว
“ข้าไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเจ้าที่นี่” มู่ปิงเหมยเงยศีรษะขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากมู่ปิงเหมย สายตาเขาสงบนิ่งดังเดิม ความรู้สึกยากอธิบายที่ผ่านมาหายไปแล้วราวกับกำลังมองสหายที่ห่างเหิน
หวังหลินกล่าว “หลายสิ่งในโลกนี้มันก็ยากเกินจะคาดเดา”
มู่ปิงเหมยเผยใบหน้างดงามชวนหลงใหลภายใต้แสงจันทรา ความงดงามเคล้าความสูงส่งไปด้วย มันเป็นกลิ่นอายที่นางปล่อยออกมาตามธรรมชาติจากการเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่างมาหลายปี
ไม่มีสตรีใดที่หวังหลินพบเจอในชีวิตจะเทียบกับมู่ปิงเหมยได้ นางเป็นเหมือนนางฟ้าที่ไม่ควรอยู่ในโลกแต่ดันบังเอิญจุติลงมาในโลกนี้
“ยากเกินจะคาดเดา…” ใบหน้ามู่ปิงเหมยแฝงความขมขื่นเล็กๆ
“ทำไมเจ้าถึงมาที่ทะเลเมฆา?” หวังหลินมองมู่ปิงเหมย แม้นางจะนำความเจ็บปวดแสนสาหัสไปให้เขา แต่นางได้ฝังตัวเองไว้ในใจส่วนลึก เขาไม่สามารถลืมนางได้หมด
อย่างไรก็ตามหลิวเหมยเป็นส่วนหนึ่งของนาง บางครั้งแม้แต่หวังหลินก็บอกไม่ได้ว่านางคือหลิวเหมยหรือมู่ปิงเหมย
แต่ไม่มีอะไรสำคัญ ตอนที่หวังหลินออกมาจากดาราจักรพันธมิตรเซียน เขาจบสิ้นความอาฆาตทั้งหมดกับสตรีคนนี้แล้ว แม้สายลมจะหวนกลับมา มันก็ไม่มีวันกระทบจิตใจเขาได้
“เจ้ารู้จักคนที่ชื่อต้าเสินไหม…เทพโบราณ…” มู่ปิงเหมยมองหวังหลิน ในแววตามีความเจ็บปวดและความกังวลอยู่ลึกๆ
“ต้าเสิน!!” แววตาหวังหลินพลันเปลี่ยนไป แสดงอาการเย็นเยียบ
“เขาหนีออกมาแล้ว กองทัพของฝั่งทุกชั้นฟ้าล่มสลายไปหมด เขาฆ่าเซียนมากมายนับไม่ถ้วนและกองกำลังต้องหนีกลับไปที่ทุกชั้นฟ้า พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าพันธมิตรเซียน…ฝ่ายทุกชั้นฟ้ามีเซียนที่แข็งแกร่งชื่อว่าปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขาหลีกเลี่ยงดาราจักรพันธมิตรเซียนและไม่กล้าต่อสู้ต้าเสิน!” คำพูดของมู่ปิงเหมยเรียบนิ่งแต่เนื้อหานั้นทำให้หวังหลินตกตะลึง เขาสูดหายใจลึกให้กลิ่นอายในร่างควบแน่น เขาเป็นเหมือนภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิด
อย่างไรก็ตามคำพูดของมู่ปิงเหมยไม่จบแค่นี้ นางกำลังบอกข่าวทั้งหมดไม่จบ!
“เขตของสำนักซากศพถูกต้าเสินค้นพบ ราชาสำนักซากศพล้มลงพร้อมกับการตายและบาดเจ็บจำนวนนับไม่ถ้วน สำนักซากศพแทบไม่เหลือชิ้นดี!”
“สำนักสี่จตุรศักดิ์สิทธิ์ประสบการตายอีกมากมายภายใต้การรุกรานของต้าเสิน แม้แต่ระดับบ่มเพาะของจักรพรรดิมังกรฟ้าที่สูงส่งก็ยังเทียบไม่ติด…ไม่ว่าเขาจะตายหรืออยู่ก็ไม่มีใครรู้!”
“กองกำลังที่เหลือทั้งหมดของพันธมิตรเซียนถูกทำลายและกระจัดกระจาย…มีเพียงกองบัญชาการของพันธมิตรเซียนที่ไม่ทำให้ต้าเสินสนใจและอยู่รอดปลอดภัย!”
หวังหลินหรี่ตาแคบ ข่าวสะเทือนขวัญนี้มันใหญ่เกินไป เป็นเหมือนรถม้าหนักหลายตันกำลังพุ่งเข้าใส่เขา
ไม่คิดว่าการตื่นของต้าเสินจะทำให้เกิดพายุลูกใหญ่ในพันธมิตรเซียนมากขนาดนี้!
“แดนสวรรค์พิรุณที่เจ้าห่วงใยแทบไม่ได้รับความเสียหาย ต้าเสินไปมาแล้วแต่เขาถูกฉิงหลินหยุดไว้ข้างนอก พวกเขาดูเหมือนจะมีข้อตกลงกัน จากนั้นต้าเสินก็จากไป” มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปากและกล่าวต่อ
“เจ้าพูดถูก หากลี่เอ๋อร์เลือกอยู่กับข้า ด้วยระดับบ่มเพาะของนางคงจะหนีเอาตัวรอดได้ยากยิ่ง…ดินแดนฟ้ากระจ่างไม่มีอยู่อีกแล้ว…เหล่าเซียนทั้งหมดตายในการต่อสู้ แม้กระทั่งพวกองครักษ์ก็ตายให้กับต้าเสินเพื่อแลกกับโอกาสให้ข้าหลบหนี…ร่างกายข้าพังทลาย สิ่งที่เจ้าเห็นตอนนี้เป็นร่างที่ข้าพึ่งฟื้นคืนได้ไม่นาน…”
“ระดับบ่มเพาะข้าตกลงไปมาก หากข้าต้องการกลับคืนสู่จุดสูงสุด มันคงต้องใช้เวลา”
ในที่สุดคลื่นในความคิดหวังหลินก็สงบลง เขาเตรียมการเรื่องการปรากฏตัวของต้าเสินไว้แล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของมู่ปิงเหมยเขาก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
“สำหรับเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง ข้ามีมรดกของดินแดนฟ้ากระจ่าง หมื่นปีก่อนเซียนสตรีคนก่อนได้ช่วยหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักเทพเจ้าเอาไว้ หัวหน้าผู้อาวุโสเป็นหนี้บุญคุณเรา ข้าจึงใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อหนีมาที่นี่ ข้าต้องการไปสำนักเทพเจ้าและใช้พลังพวกเขาช่วยให้ข้าฟื้นคืน…” เสียงนางต่ำลงและทันใดนั้นก็สั่นเทา
ที่ทำให้นางสั่นเทาก็คือหวังหลิน!
หวังหลินก้าวมาข้างหน้าและประชิดมู่ปิงเหมย สองดัชนีจับเป็นกระบี่ เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า เป้าหมายตรงกลางหน้าผากนาง
มู่ปิงเหมยไม่หลบเลี่ยง หลังจากตกตะลึง ใบหน้านางก็ซีดเผือดคล้ายจดจำบางอย่างได้แต่ไม่มั่นใจ จึงยอมให้นิ้วหวังหลินร่อนลงตรงกลางหน้าผาก
ความคิดนางสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และวินาทีนั้นกลิ่นอายหนึ่งหมุนรอบๆกลางหน้าผาก กลิ่นอายเทพโบราณหนาแน่นโผล่ออกมาจากวังวนนี้!
กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งมาก คนภายนอกไม่สามารถตรวจพบได้แต่หวังหลินสัมผัสได้อย่างชัดเจน เขามองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้ามืดมน ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
มู่ปิงเหมยใบหน้าถอดสี นางยืนด้วยความตกตะลึง พลันถอยกลับไปหลายก้าวด้วยใบหน้าเศร้า ราวกับสูญเสียพลังทั้งหมด
“ขอ…ขอโทษ…ขอโทษ…” มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปาก หยาดน้ำตาสองสายไหลรินจากมุมสายตา ท้ายที่สุดแล้ว…. นางก็ยังเป็นเพียงแค่สตรีคนหนึ่ง
เจตนาดั้งเดิมของนางคือเพื่อบอกหวังหลินทุกอย่างให้เขาได้เตรียมการ นางกังวลเรื่องความปลอดภัยของหวังหลิน นางอยากจะให้เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้เพื่อให้เขาหนีไปให้เร็วที่สุด
นางมีเจตนาที่ดี
“ข้า…หลังจากข้ามาถึงทะเลเมฆา ข้าตรวจสอบร่างกายและวิญญาณดั้งเดิมไปหลายครั้งแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ร่างกายนี้พึ่งสร้างขึ้นมาใหม่และข้าตรวจสอบทุกกระเบียดนิ้ว…ข้า…”
หวังหลินก้มศีรษะ ตอนที่เห็นมู่ปิงเหมยหน้าซีดและร้องไห้ออกมาด้วยแววตาสำนึกผิด เขาถอนหายใจและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ไม่เป็นไร”
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าเห็นเซียนขั้นที่สามของทุกชั้นฟ้าด้วยตาตัวเองแล้ว ปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้รับความพ่ายแพ้และเกือบตาย ด้วยความแข็งแกร่งของต้าเสิน หากเขาต้องการทิ้งประทับไว้บนตัวเจ้า เจ้าก็ตรวจไม่เจอ”
หวังหลินเอ่ยเสียงเบา เขาเห็นนางมีเจตนาที่ดีอยู่แล้ว
“ข้า…” มู่ปิงเหมยไม่คิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ นางใบหน้าซีดเซียว
“นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้าเสินทิ้งประทับเทพโบราณไว้กับเจ้า มันก็เหมือนส่งยาชูกำลังมาให้ข้า!” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ยื่นมือขวาเข้าหามู่ปิงเหมย กลิ่นอายเทพโบราณพบเจอกันและประทับได้ลอยเข้าหาหวังหลิน
พอเข้ามาใกล้หวังหลิน ดวงดาวปรากฏขึ้นกลางหน้าผาก ประทับถูกดูดซับเข้าไปในดาวดวงที่หก! ในความคิดหวังหลิน ต้าเสินพลันปรากฏขึ้นร้องคำราม แต่ร่างเทพโบราณของหวังหลินพลันปรากฏขึ้นมา
มันถูกเผาผลาญและถูกดูดซับ แม้ต้าเสินจะแข็งแกร่งแต่เขาไม่ได้ทิ้งกลิ่นอายไว้บนมู่ปิงเหมยมากนัก วินาทีต่อมาหวังหลินก็ดูดซับจนหมดและทำให้ดาวดวงที่หกมั่นคงยิ่งขึ้นโดยไม่คาดคิด
“เขา…ก่อนที่เขาจะไปจากพันธมิตรเซียน เขาตะโกนชื่อเจ้า มองหาเจ้า แม้จะมาทะเลเมฆาแล้วแต่ก็หาเจ้าไม่เจอ” มู่ปิงเหมยสูดหายใจลึก แววตาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
หวังหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไปพลางมองมู่ปิงเหมยและเอ่ยถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรตอนที่เขามาที่ทะเลเมฆา?”
มู่ปิงเหมยขบคิดและตอบกลับ “ข้าไม่รู้เวลาที่แน่นอน ข้าปิดด่านบ่มเพาะไปฟื้นฟูร่างกาย แต่มันไม่น่าจะเกินร้อยปี”
“ร้อยปี!” หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเริ่มขบคิด
เขาใช้เวลาอยู่ในสถานที่ประหลาดแห่งนั้นไปเกือบร้อยปี รู้ตัวได้เลือนลางว่าสถานที่ของเขาคล้ายๆกับค่ายกลผนึกดินแดน
‘ต้าเสินต้องไม่เจอกลิ่นอายข้าในดินแดนปิดผนึก ถ้าข้าเป็นเขา ข้าก็สงสัยว่าตัวเองอยู่ในดินแดนปิดผนึกหรือไม่…และในตอนนั้นข้าอยู่ในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลผนึกดินแดน ตอนที่ต้าเสินพยายามทะลวงออกไป เขาสังเกตกลิ่นอายข้าได้…เป็นผลให้…’ หวังหลินมีท่าทีประหลาดใจ
‘ถ้าต้าเสินยังอยู่ในดินแดนปิดผนึก คงไม่มีทางที่เขาจะไม่ตามหาข้า แต่ข้าออกมาจากดินแดนเจ็ดสีมาหลายเดือนแล้ว เขายังไม่มา…เช่นนั้น…ข้าพอจะสรุปได้ว่าต้าเสินใช้วิธีบางอย่างเพื่อเข้าสู่…ดินแดนชั้นนอก!’
ขณะที่หวังหลินคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้น เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังสะท้อนไปทั่วดาราจักรโบราณ มีเทพโบราณยักษ์ตนหนึ่งกำลังพุ่งออกมาจากเผ่าโบราณด้วยเสียงคำราม ด้านหลังเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด
นี่คือเผ่าโบราณแห่งที่เก้าที่เขาทำลายไปแล้ว เขายังไม่พบร่องรอยของหวังหลินในดาราจักรโบราณ นี่ยิ่งทำให้ต้าเสินแทบจะเป็นบ้า!
อย่างไรก็ตามชั่วขณะหลังทำลายเผ่าพันธุ์นี้ ความคิดเขาสั่นเทา สัมผัสถึงประทับที่เขาทิ้งไว้กับเซียนสตรีฟ้ากระจ่างซึ่งตรวจพบกลิ่นอายของหวังหลินได้!
การค้นพบนี้ทำให้ต้าเสินมีสีหน้าน่าเกลียดมากไปอีกและเกิดพายุระเบิดขึ้นในร่าง
“มันอยู่ในดินแดนปิดผนึก!!! มันไปอยู่ในนั้นได้ยังไง? ข้าค้นจนพลิกแผ่นดินแล้วเป็นล้านครั้ง!!” ต้าเสินคำรามอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาไม่มีพลังแข็งแกร่งพอจะทะลวงค่ายกลผนึกดินแดนอีกครั้งในเร็วๆนี้!
……………………………..