1267. เจ้าคือหลิวจินเปียว?
ขณะที่หวังหลินกำลังคาดคำนวณอนาคตด้วยวิชาของเหล่าผู้ฝืนชะตา เหล่าศิษย์ของสำนักต้นกำเนิดก็เสร็จการเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังรอหวังหลินอยู่ในจัตุรัสกลาง
เดิมทีกำลังพูดคุยกัน คำพูดแต่ละคนมีแต่ความตื่นเต้นและงุนงง พวกเขารู้แล้วว่าสำนักต้นกำเนิดไม่ได้จะถูกยุบและกำลังจะเคลื่อนไปที่สำนักในเขตระดับเจ็ด
อย่างไรก็ตามขณะนั้นท้องฟ้าอันสดใสก็มืดลงและเกิดเสียงครวญครางขึ้นมา ลำแสงสีทองสายหนึ่งเข้ามาใกล้กับสำนักต้นกำเนิด
ในลำแสงมีหินหยกอยู่ข้างใน หลังจากมาถึงมันก็ลอยอยู่เหนือลานจัตุรัสของสำนักต้นกำเนิด
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้เกิดเสียงอึกทึกขึ้นในหมู่ศิษย์ แม้แต่หลิวหยานเฟยและคนอื่นๆยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปเพราะมีกลิ่นอายที่มาจากเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์เท่านั้นจะปลดปล่อยออกมาได้!
มันไม่ใช่แค่เซียนขั้นทลายสวรรค์ธรรมดาแต่เป็นระดับสูงสุด ขณะที่หินหยกสามารถสร้างผลลัพธ์สะเทือนสวรรค์เช่นนี้ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี ก้อนเมฆปั่นป่วนและมีสัญญาณแห่งกฎโผล่ขึ้นมา!
“ข้าคือหลิวจินเปียว ฉายาเต๋า: ปรมาจารย์จินเปียว!”
น้ำเสียงแห่งบารมีโผล่ออกมาจากหินหยกและห่อหุ้มทั่วทั้งสำนักต้นกำเนิด แม้กระทั่งแผ่นดินโม่หลัวยังสั่นเทาภายใต้เสียงนี้
หลิวหยานเฟยเคยเห็นในสำนักอมตะอยู่หลายครั้ง ดังนั้นนางจึงไม่ใช่เซียนขั้นส่องสวรรค์ธรรมดา ดวงตาพลันส่องสว่างและคำนับฝ่ามือ “ข้าไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสจินเปียวถึงมาที่สำนักต้นกำเนิดของเรา!”
“หายนะมาถึงตัวแล้ว เจ้ายังไม่รู้ตัวเองอีก ข้าจะบอกให้ฟัง เมื่อสามวันก่อนมีคนมาพบข้า พวกเขาต้องการชีวิตของสำนักต้นกำเนิดทั้งหมด!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยแรงกดดันลึกลับ ราวกับสายฟ้ากำลังกึกก้องเปลี่ยนกลายเป็นกฎที่ผสานเข้ากับโลก ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นแรงกดดันทุ่มลงในจิตใจของเหล่าศิษย์สำนักต้นกำเนิด!
หลิวหยานเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
“แต่ข้าไม่มีความบาดหมางอะไรกับสำนักต้นกำเนิดของเจ้า ถึงแม้ข้าต้องการผลึกดั้งเดิมเพื่อหลอมเม็ดยา ข้าก็ไม่อยากทำแบบนี้เลยจริงๆ แต่ถ้าข้าไม่มีทางเลือกอื่น ข้าก็คงต้องสังหารทุกชีวิตของสำนักต้นกำเนิดซะ”
หลิวหยานเฟยเยาะเย้ยด้วยแววตาเย็นเยียบ แต่เหล่าศิษย์สำนักต้นกำเนิดคนอื่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พวกเจ้าทั้งหมดเก็บของกันแล้ว พร้อมที่จะโดนยุบแล้ว ช่างมันเถอะ จ้าวสำนักอมตะครั้งหนึ่งได้ช่วยข้าเอาไว้และข้าเป็นหนี้เขา หากพวกเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะส่งจดหมายออกไปและขัดขวางไม่ให้สำนักถูกยุบซะ!”
“ข้าไม่อยากฆ่าทั้งสำนักต้นกำเนิดเลยจริงๆ หากพวกเจ้านำผลึกดั้งเดิมออกมามากพอหรือบางอย่างที่เท่าเทียมกัน ข้าจะเก็บเรื่องนี้ไปคิด!” น้ำเสียงเก่าแก่เปล่งกลิ่นอายออกมาพร้อมเจตนาคุกคาม ด้วยกลิ่นอายของขั้นทลายสวรรค์ การคุกคามครั้งนี้จึงทำให้ใครต่อใครที่ได้ยินเกิดความคิดสั่นสะท้าน
หลิวหยานเฟยขบคิดแต่สีหน้าเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม
วินาทีนั้นในห้องลับ หวังหลินลืมตาขึ้นมามองไปที่กำแพงราวกับสายตาทะลุผ่านออกไปได้
“หลิวจินเปียว!” หวังหลินยืนขึ้นและแยกออกจากวิญญาณของเทียนหยุน เขากลืนตราประทับผนึกเทพและออกไปจากห้องลับ ปรากฏตัวในท้องฟ้าเหนือลานของสำนักต้นกำเนิด
“ข้ามีเวลาจำกัด ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าคิดแค่สิบห้านาทีเท่านั้น หลังจากสิบห้านาที…”
กลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์สูงสุดแพร่ออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่เขาไม่สังเกตเห็นว่าหวังหลินกำลังจ้องมองด้วยสายตาเย็นเยียบและแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา
หวังหลินผสานการบ่มเพาะทั้งหมดไปกับสัมผัสวิญญาณและกวาดผ่านแผ่นดินโม่หลัว ใช้กลิ่นอายจากหินหยกนำทาง สัมผัสวิญญาณรวมกันในเมืองหลวงแห่งหนึ่งของคนทั่วไปในทิศใต้ของแผ่นดิน!
เมืองหลวงแห่งนี้คับคั่ง ถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คน ในทิศใต้ของเมืองมีโรงเตี๊ยมอยู่แห่งหนึ่ง ตอนนี้ในห้องปิดสนิทมีชายชรานั่งอยู่ที่นั่น เขาปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งเทพ เรือนผมสีขาว สวมเสื้อคลุมสีขาว ดวงตาปิดสนิทและมีหินหยกก้อนหนึ่งลอยอยู่เบื้องหน้า!
หินหยกเป็นผลึกใสคล้ายมีโลกอยู่ข้างใน แต่น่าประหลาดที่มันไม่มีกลิ่นอายออกมา!
แม้จะมองอย่างใกล้ชิดก็ไม่รู้สึกว่ามันมีสิ่งใดประหลาด แต่เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะรู้สึกได้ว่ามันน่าตกตกตะลึงแค่ไหน!
“…. หลังสิบห้านาที ถ้าเจ้าไม่ส่งผลึกดั้งเดิมมา ทุกคนในสำนักต้นกำเนิดของเจ้าจะถูกกวาดล้างทันที!” เขานั่งอยู่ที่นั่นราวกับกำลังพูดกับตัวเอง คำพูดเหล่านั้นถูกหินหยกดูดซับและส่งไปที่สำนักต้นกำเนิดห่างไกลออกไปหลายหมื่นลี้!
“อย่างไรก็ตามข้ารู้มาว่าสำนักต้นกำเนิดของเจ้าไม่มีสิ่งใดที่มีค่า แต่ช่างมันก่อน พวกเจ้าก็แค่นำกระเป๋าและสิ่งของในมิติเก็บของทั้งหมดมาให้ข้า ข้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ข้าจะขจัดอันตรายให้ ข้ายังจะส่งจดหมายให้กับจ้าวสำนักอมตะด้วย…ยากมากนะที่ข้าจะแสดงความเมตตาเช่นนี้ จงคิดให้ดี!” ขณะที่เขาพูดขึ้นมาพลันส่ายศีรษะ เขาควบคุมคำพูดและน้ำเสียงได้เป็นอย่างดีและฉวยโอกาสได้อย่างเหมาะเจาะ
หลังกล่าวจบ เขาลืมตาขึ้นมา ดวงตาส่องสว่างและเผยท่าทีเยาะเย้ย
เขาได้ข้อมูลมาแล้วว่าสำนักต้นกำเนิดน่าจะถูกยุบ ดังนั้นจึงรออยู่ที่นี่ รอให้เหล่าเซียนกลับมาจากการแข่งขัน ขณะที่ทั้งหมดกำลังกังวล เขาสามารถทำสำเร็จได้ในคราเดียว
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสำนักอมตะผนึกข้อมูลทั้งหมดไว้ เขาจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักต้นกำเนิดหรือเรื่องตัวตนของหวังหลินเลยแม้แต่น้อย!
‘โอกาสสำเร็จมีเกือบร้อย ข้าไม่เคยทำอะไรที่จะล้มเหลว! น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถแสดงตัวได้ หลิวหยานเฟยนั่นรู้กันดีว่าน่ารักเป็นอันดับหนึ่งในเขตระดับห้า ช่างน่าเสียดาย…หากข้าได้ลิ้มลองนางฟ้าได้ก็คงดี’
ชายชราถอนหายใจและมองหินหยก แววตาเย่อหยิ่งโอหังมากกว่าเดิม เขายกมือขึ้นเพื่อจะยื่นไปจับหินหยก
ทว่าวินาทีนั้นน้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นมาในห้อง
“เจ้าคือหลิวจินเปียว”
น้ำเสียงปรากฏขึ้นฉับพลันเกินไปทำให้เขาตกใจจนแทบกระโจนขึ้นในอากาศใบหน้าซีดทันทีเมื่อหันไปเห็นคนยืนอยู่ตรงมุมห้อง!
เขามีเรือนผมสีขาว ชุดคลุมสีขาวและแววตาเยือกเย็น ยามที่เห็นสายตาชายคนนี้ ความคิดพลันสั่นเทาและกระอักโลหิตทันที
แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขั้นสุดพร้อมกับร้องอุทาน “เซียนเฒ่าทลายสวรรค์!” ขณะเอ่ยขึ้นมา เขาพุ่งไปข้างหน้าและหนีไปทางหน้าต่าง
หวังหลินจ้องมองชายชราพลางยกเท้าและก้าวออกไป แรงกดดันสั่นสะเทือนสวรรค์แพร่กระจายทำให้อีกฝ่ายสั่นเทาและกระอักโลหิตอีกรอบ
ชายชราหวาดหวั่นพลางกรีดร้อง “หินหยก ป้องกันข้า!”
หินหยกที่ลอยอยู่ในอากาศเกิดส่องแสงขึ้นมาและยิงใส่ชายชรา มันรวดเร็วมากจนแม้แต่หวังหลินยังเห็นแต่ภาพพร่ามัว มันปลดปล่อยแสงสว่างและพาชายชรากระแทกผ่านหน้าต่างและยิงขึ้นไปในท้องฟ้า
ตอนที่ชายชราหลบหนี หวังหลินใช้แขนขวาผลักไปข้างหน้า พลังดั้งเดิมไร้ที่สิ้นสุดรวมกันจากทุกทิศทางเข้าหาชายชรา
ทว่าขณะที่มันเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แสงจากหินหยกส่องสว่างเจิดเจ้าและเกิดเสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว การโจมตีของหวังหลินที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเซียนขั้นทลายสวรรค์กลับพังทลายไปโดยไม่คาดคิด!
ชายชราไม่ได้บาดเจ็บเลย ต้องขอบคุณการป้องกันของหินหยก เขาจึงพุ่งออกไปไกล
หวังหลินความคิดสั่นเทาพลางจ้องมองชายชราที่กำลังหลบหนี เขาไม่ได้มองอีกฝ่ายแต่เป็นหินหยกก้อนนั้น!
ชายชรานามว่าหลิวจินเปียวคนนี้ปรากฏขึ้นในภาพสุดท้ายตอนที่หวังหลินกำลังพยากรณ์อนาคต แต่หวังหลินกำลังสับสนเพราะระดับบ่มเพาะของชายชรานั้นมัน…ต่ำเกินไป!
จากเท่าที่ดู อีกฝ่ายพึ่งทะลวงผ่านขั้นเทวะและบรรลุขั้นมายาหยิน!
แม้จะมีหลายร้อยคนรวมกันก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหวังหลินได้ แต่ด้วยการป้องกันของหินหยก ชายชราไม่ได้บาดเจ็บเลย นี่ยิ่งทำให้แววตาหวังหลินเปล่งประกาย!
‘หินหยกนั่นมันเป็นแบบไหนกัน?’ หวังหลินไล่ตามชายชราไป
ชายชราหน้าซีด โลหิตไหลจากมุมปาก แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาหลอกลวงผู้คนมาหลายปีและเพราะมีหินหยก เขาจึงไม่เคยถูกพบตัว เขาระมัดระวังมากไม่ให้ถูกพบ แต่ตอนนี้มีคนพบเขาและกำลังไล่ตาม!
‘เซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์!’ ขณะที่กำลังคิดถึงระดับบ่มเพาะของอีกฝ่าย ชายชรายิ่งหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ เขาเกลียดที่ตัวเองไม่สามารถหนีให้เร็วกว่านี้
“หินหยก อาห์ หินหยก วิกฤตครั้งนี้ของข้าขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังมาก่อน วันนี้วิกฤตความเป็นความตายขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าต้องช่วยข้านะ! ผลึกดั้งเดิมส่วนใหญ่ที่ข้าโกงมาจะให้เจ้าดูดซับ!” ชายชราใบหน้าซีดยิ่งขึ้น แต่คำพูดเขาดูเหมือนจะส่งผลกระทบ หินหยกส่องประกายอีกครั้ง คราวนี้ความเร็วของชายชราเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหนีมาได้หลายหมื่นลี้ ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นเบื้องหน้าและมีหวังหลินก้าวออกมา เขาสะบัดแขนขวาทันที
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นพายุทรงพลังปรากฏขึ้นมากระแทกกับหินหยก
ราวกับโลกกำลังถูกฉีกกระชากออกจากกัน อย่างไรก็ตามแสงจากหินหยกดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหายเลย มันเปลี่ยนทิศทางและหนีต่อไป
“ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ สองฝ่ามือสร้างผนึก ปรากฏเขตอาคมขึ้นจำนวนมากพุ่งเข้าหาหินหยกนั่น!