Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1268

Cover Renegade Immortal 1

1268. ลูกปัดหายไป!

นาทีนั้นทั้งโลกถูกห่อหุ้มด้วยเขตอาคมที่หวังหลินกระจายออกไปมากมาย ราวกับลูกบาศก์ที่ขยายไปแล้วกำลังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ชายชราในหินหยกเผยสีหน้าสิ้นหวัง แต่วินาทีนั้นเสียงขู่ดังออกมาจากหินหยก หมอกสีดำผุดลอยออกมาก่อตัวเป็นตะขาบยักษ์เกือบพันฟุต!

ตะขาบตัวนี้สีดำสนิทและมีเส้นสีทองหนึ่งเส้นบนหลัง มันดุร้ายยิ่ง!

หลังปรากฏขึ้นมา มันพ่นพิษเข้าใส่หวังหลินทันที! หมอกพิษนี้แฝงพิษอันรุนแรงเอาไว้ ยามที่สัมผัสกับเขตอาคมจึงสลายไปทันที

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาไม่หยุดแค่นั้นและพุ่งตัวออกไป ยกแขนขวาชี้ใส่ท้องฟ้าและร้องเสียงตะโกน “สายฟ้าทั้งมวล จงฟังคำสั่งข้า!”

สิ้นเสียงเอ่ย เส้นสายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในท้องฟ้าเหนือดินแดนโม่หลัวและทับโลกทั้งหมดตกลงเข้าหาตะขาบยักษ์

เจ้าตะขาบส่งเสียงขู่และแสดงอาการไม่กลัวอันตราย ยามที่สายฟ้าเข้าไปใกล้จึงเผยฉากประหลาดออกมา หมอกสีดำโผล่ออกมาจากหินหยกมากขึ้นและปรากฏตะขาบอีกหกตัว!

ตะขาบทั้งหมดเจ็ดตัวส่งเสียงขู่พร้อมกับพ่นหมอกพิษเข้าปะทะกับสายฟ้า

สายฟ้าดังสนั่นกึกก้องพร้อมกับเสียงร้องคำรามโหยหวน ตะขาบสามในเจ็ดตัวพังทลายและหายวับไปกับตา ที่เหลือสี่ตัวต่างรีบหนี

หวังหลินดวงตาส่องสว่างและพุ่งไปข้างหน้าเข้าหาสายฟ้าและโจมตีด้วยมือขวา เสียงตูมตามดังสนั่น สลายไปอีกสองตัว!

สองตัวสุดท้ายส่งเสียงขู่พล่างหนีไปด้วย พวกมันกำลังจะกลับเข้าหินหยก

แต่หวังหลินจะปล่อยให้พวกมันกลับไปได้อย่างไร? เขาสะบัดแขน กระบี่สั้นสองเล่มทะยานออกไปหาตะขาบทั้งสองตัว

ปราณกระบี่วาดผ่านตะขาบที่สองตัวจนเกิดเสียงดังปะทุและตะขาบสองตัวแตกสลาย!

ตะขาบทั้งหมดเจ็ดตัวตายและเขตอาคมของหวังหลินเข้าประชิด ตอนนี้ไม่มีอะไรขวางกั้นอีกแล้ว พวกมันห่อหุ้มรอบๆหินหยกอย่างสมบูรณ์จนไม่มีที่ให้หนี

วิชาทั้งหมดของหวังหลินแข็งแกร่งพอจะฆ่าเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับกลางได้ แม้เขาจะฆ่าตะขาบไปเจ็ดตัวแต่หินหยกไม่ได้รับความเสียหายเลย!

ยิ่งเขามองหินหยกก็เห็นมันอัศจรรย์มากขึ้นเท่านั้น มันต้องเป็นสมบัติวิเศษที่ทรงพลัง ตอนที่เขาหาทางเอาชีวิตรอด สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือหลิวจินเปียว ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าการเอาตัวรอดต้องเกี่ยวข้องกับหินหยกชิ้นนี้!

เมื่อเขตอาคมเข้าใกล้ หวังหลินก็เข้าหาหินหยก แขนขวายื่นเข้าหามัน ทันใดนั้นกลิ่นอายดุร้ายโผล่ออกมาจากข้างในหยก

หมอกสีดำโผล่ออกมาจากหินหยกอีกครั้ง คราวนี้เป็นตะขาบหมื่นฟุต หวังหลินอยู่ใกล้มาก เจ้าตะขาบโผล่ขึ้นมาข้างๆเขา มันอ้าปากพ่นหมอกพิษและพยายามจะกลืนกินหวังหลิน

ขณะเดียวกันหลิวจินเปียวเผยท่าทีน่ารังเกียจและร้องตะโกน “หินหยก กลืนกินเขาซะ! เขาเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ ต้องมีสมบัติและผลึกดั้งเดิมจำนวนมากแน่ กลืนกินเขา ข้าไม่ต้องการอะไรแล้ว ข้ายกมันให้เจ้าหมดเลย!”

ตอนที่ตะขาบกำลังเข้าใกล้ หวังหลินไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง เขาจะไม่ระมัดระวังหินหยกประหลาดนี้ได้อย่างไร? ขณะที่ตะขาบเข้าใกล้ หวังหลินอ้าปากและร้องคำราม!

กรรร!!

นี่ไม่ใช่เสียงคำรามของเซียน แต่เป็นเสียงคำรามของเทพโบราณ! เสียงคำรามของเทพโบราณเกือบหกดาวสายเลือดราชวงศ์! เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ ราวกับมีหลุมกำลังฉีกกระชากอยู่ในท้องฟ้า!

พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขามากมายพังทลายอยู่ไกลๆ สายน้ำไหลย้อนและมีเสียงคำราม!

เป็นเสียงคำรามของเทพโบราณ เพิ่มเติมด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินมันจึงสามารถตรงเข้าทำลายร่างเซียนขั้นชำระสวรรค์ได้ทุกระดับ ทำลายได้แม้แต่ร่างเซียนขั้นทลายสวรรค์ชั้นต้นและตรงเข้าทำความเสียหายถึงวิญญาณของเซียนทลายสวรรค์ระดับกลาง!

ทำให้เซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายสูญเสียสัมผัสทั้งหมด! แม้กระทั่งขั้นระดับสูงสุดยังได้รับความเสียหายในระยะใกล้และหูอื้อ!

ตะขาบยาวหมื่นฟุตร้องคำรามโหยหวนก่อนจะได้กลืนกิน ราวกับมีสายลมกรรโชกรุนแรงตีเข้าใส่ หรือไม่ก็รถม้าหนักหลายล้านชั่งเข้าปะทะ!

ปัง!

ร่างตะขาบแตกสลายและกระจัดกระจายไม่มีเหลือ!

ก่อนมันตายยังส่งเสียงขู่ฟ่อยังกึกก้องไปทั่วโลก!

หลังสูญเสียตะขาบ แสงจากหินหยกก็หายไปแต่มีแสงอ่อนโยนจางๆล้อมรอบ มันไม่ได้ผสานกับแสงใดในโลกนี้ราวกับมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้!

หวังหลินยื่นแขนขวาและคว้าหินหยกทันที!

วินาทีนั้นเกิดเสียงคำรามขึ้นข้างในความคิดหวังหลิน พลังที่มิอาจบรรยายได้โผล่ออกมาจากหินหยกและพุ่งเข้าใส่ร่างเขา กวาดผ่านวิญญาณดั้งเดิม จากนั้นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าปลดปล่อยแสงเพื่อสะท้อนกับหินหยก!

ยามที่แสงเกิดการรบกวน หินหยกในมือหวังหลินหายเข้าไปในร่างเขา มันปรากฏขึ้นข้างๆวิญญาณดั้งเดิมถัดกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ลูกปัดพลันดูดหินหยกเข้าไปข้างใน!

ณ นาทีนั้นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าพลันแตกสลายไปทันทีและหายไปในวิญญาณดั้งเดิมของเขาราวกับมันไม่เคยมีอยู่! แต่หวังหลินสัมผัสตัวตนของลูกปัดได้อย่างชัดเจน เขารู้สึกแม้กระทั่งว่าตัวเองกลายเป็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!

ความรู้สึกนี้เบาบางมากแต่หวังหลินไม่มีเวลาคิดต่อเพราะวินาทีที่มันหายไป ความคิดเขาสั่นเทา ความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของเขากลับผุดขึ้นมา

ในความทรงจำมันเป็นสถานที่อันมืดมิด มีหินหยกก้อนหนึ่งฝังอยู่ในพื้นดิน ผ่านไปเนิ่นนานหลายปีไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใด จนกระทั่งวันหนึ่งพื้นดินยวบลง ตะขาบตัวเล็กๆแปดตัวมาถึง ราวกับหินหยกนี้ทำให้พวกมันมีสติปัญญา พวกมันเริ่มดูดซับกลิ่นอายของหินหยก

วันเวลาค่อยๆผ่านไปเนิ่นนาน ขณะที่ตะขาบแปดตัวดูดซับจากหินหยก พวกมันเริ่มมีกลิ่นอายของเหล่าเซียน จนกระทั่งวันหนึ่งร่างตะขาบทั้งแปดตัวสั่นเทาและตายไป แต่วิญญาณดั้งเดิมที่พวกมันฝึกฝนได้เข้าสู่หินหยก พวกมันกลายเป็นตัวตนคล้ายจิตวิญญาณสมบัติ

อย่างไรก็ตามพวกมันถูกสร้างขึ้นจากพลังภายนอกและไม่สามารถควบคุมหินหยกได้ พวกมันใช้ได้แค่พลังหนึ่งในพันส่วนของมันเท่านั้น!

เวลาผ่านไปอีกนานมาก พื้นดินสั่นไหวอีกครั้ง หินหยกที่ถูกฝังเอาไว้จึงเผยให้เห็นบนพื้น

ชายชราผู้หนึ่งใบหน้าฟกช้ำดำเขียวกำลังเหาะเหินด้วยความตื่นตระหนก ด้านหลังมีเสียงสาปแช่งเบาๆเปล่งออกมา ตะโกนบางอย่างเช่น “ขี้โกง” และ “หลอกหลวง”

ขณะที่เขากำลังหนี อาการบาดเจ็บดูเหมือนย่ำแย่ลงและกระอักโลหิต โลหิตบังเอิญไปตกใส่หินหยกและมันจึงส่องประกายทำให้ชายชราสังเกตเห็น

เขาหยิบหินหยกขึ้นมา หลังมองแวบเดียวเขาก็หนีทันที…

ทันใดนั้นหวังหลินพลันตื่นขึ้น แม้จะดูเหมือนภวังค์นี้จะดูยาวนานแต่มันใช้เวลาเพียงครึ่งลมหายใจเท่านั้น อย่างไรก็ตามคนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ หลิวจินเปียวจ้องมองหวังหลินและเห็นหินหยกหายไปจากมือเขา

ในใจรู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากการเชื่อมต่อกับหินหยกถูกตัดขาด

แต่เมื่อเทียบกับชีวิตเขา หินหยกก้อนนี้ไม่นับเป็นสิ่งใดได้ แววตาหลิวจินเปียวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวพลางคุกเข่าลงและเริ่มอ้อนวอน

“ผู้อาวุโสยกโทษให้ข้าด้วย ผู้อาวุโสยกโทษให้ข้าด้วยเถิด ผู้น้อยไม่เคยสังหารใคร ล่อลวงและข่มขู่คนอื่นเป็นครั้งคราวเท่านั้น อย่างมากข้าก็แค่แย่งสมบัติแต่ไม่เคยฆ่าใครเลย บาปของข้าไม่สมควรตายหรอก ผู้อาวุโสปล่อยข้าไปเถอะ ผู้น้อยจะไม่มีวันโกงใครอีกและจะเป็นคนดี ข้าจะไม่โกงใครอีก…”

หลิวจินเปียวหมอบคลานต่อไป เขาหวาดกลัวหวังหลินสุดหัวใจและเริ่มอ้อนวอน

‘หินหยกนี่มันน่าตะลึงเกินไป ตะขาบธรรมดาแปดตัวสามารถบ่มเพาะจนเกือบมาถึงขั้นทลายสวรรค์ได้! หลิวจินเปียวคนนี้ยังสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการไปทั่วทะเลเมฆา เขาล่อลวงคนมามากมายแต่ไม่เคยถูกจับได้!’ หวังหลินสูดหายใจลึก เขาไม่ต้องการฟังคำพูดของหลิวจินเปียว พลันสะบัดแขนและเก็บหลิวจินเปียวเข้าไปในมิติเก็บของทันที

“โทษของเขาไม่สมควรตายจริงๆ เขาหลอกลวงมาหลายปีแต่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้า แต่เขาพยายามหลอกลวงสำนักต้นกำเนิด ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษ! ฉวี่ลี่กั๋ว เจ้าบ่นอยู่ตลอดว่าอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นข้าจะให้เขากับเจ้าแล้วกัน สั่งสอนบทเรียนให้เขาด้วย!” หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณไปให้ฉวี่ลี่กั๋วซึ่งไม่ได้ออกมานานแล้ว

ฉวี่ลี่กั๋วเศร้าซึมและสาปแช่งอยู่ในใจตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขาพลาดสาวงามและคิดถึงความชั่วร้ายที่ทำลงไปในทุกชั้นฟ้า เขาหื่นกระหายเฝ้าใฝ่หามันขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะที่รู้สึกโดดเดี่ยว พลันได้ยินเสียงข้อความของหวังหลินและเห็นหลิวจินเปียวตกเข้าไปในมิติเก็บของ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแทบจะร้องเสียงคำราม

“นายท่านสบายใจได้ ฮ่าฮ่า ฉวี่น้อยจะสั่งสอนบทเรียนเจ้านี่แน่นอน และให้มันรู้ความแข็งแกร่งของข้า!” ฉวี่ลี่กั๋วลูบมืออย่างตื่นเต้นและเผยรอยยิ้มน่ากลัว เขาค่อยๆเข้าใกล้หลิวจินเปียว แววตาหวาดกลัวของหลิวจินเปียวยิ่งทวีคูณ ยิ่งทำให้ฉวี่ลี่กั๋วแววตาเปล่งประกาย

“บัดซบ ปู่ฉวี่โดดเดี่ยวมานานแค่ไหนกันแล้ว? นี่มันกี่ปีแล้วนะ?วันนี้ในที่สุดพระเจ้าก็รับรู้ข้าและปล่อยให้เจ้าไปขัดใจอสูรร้ายนั่น เยี่ยมมาก!” ฉวี่ลี่กั๋วกระโจนเข้าใส่หลิวจินเปียวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ ไม่ว่าจะฟังยังไง เสียงหัวเราะนั้นก็แฝงเจตนาชั่วร้าย…

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version