1266. โอกาสรอด
คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวขึ้นภายในทะเลเมฆาและเกิดขึ้นจากสำนักเทพเจ้าด้วยจำนวนคนไม่กี่คน!
หลี่เฉียนเหมยถูกทางสำนักกักตัวและไม่ยอมให้ออกไปไหนเป็นเวลาสามเดือน อาจารย์นางออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะเพื่อหยุดศิษย์ที่สำคัญที่สุดเอาไว้
เขาต้องทำเพื่อความปลอดภัยของหลี่เฉียนเหมย!
มู่ปิงเหมยสับสนเช่นกันแต่นางพอจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางเข้าไปสำนักเทพเจ้าพร้อมกับหวังซานซานแต่ไม่เจออาจารย์ของนางผู้มีพลังอำนาจสูงที่สุดในสำนักเทพเจ้า หัวหน้าอาวุโส ฉุยต้าว!
เมื่อนางเข้าไปในสำนักเทพเจ้า นางถูกนำไปยังห้องปิดด่านบ่มเพาะ ทางสำนักเทพเจ้ามอบเม็ดยาให้แต่นางไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวออกมา!
หากรู้ว่าการแข่งขันของสำนักระดับแปดถูกยกเลิก ด้วยสติปัญญาของนางก็คงจะเกิดข้อสงสัย แม้จะไม่รู้ต้นเหตุที่แท้จริงแต่นางก็พอจะคาดเดาเบาะแสบางอย่างได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้มู่ปิงเหมยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเหล่านี้เลย
แม้กระทั่งหลี่เฉียนเหมยก็ไม่รู้ว่าการแข่งขันของสำนักระดับแปดถูกทางสำนักเทพเจ้ายกเลิก!
คลื่นใต้น้ำแพร่กระจายออกไปในทะเลเมฆา
บนแผ่นดินโม่หลัว ศิษย์สำนักต้นกำเนิดทั้งหมดกำลังเก็บของอย่างเร่งรีบภายใต้คำสั่งของหลิวหยานเฟย ใช้เวลาทั้งสิ้นไปสามวันกว่าจะเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย พวกเขาตอนนี้พร้อมจะไปจากเขตระดับห้าที่ใช้เวลาอาศัยมานานและเคลื่อนย้ายสู่เขตระดับเจ็ดที่ทางสำนักอมตะเตรียมการไว้ให้
หวังหลินกำลังนั่งอยู่ในห้องลับของสำนักต้นกำเนิด ความคิดผสานกับวิญญาณของเทียนหยุนอยู่ในตราประทับผนึกเทพ ตอนนี้เขาดูเหมือนจะกลายเป็นเทียนหยุน
ทุกอย่างในโลกคล้ายจะอยู่ใต้การควบคุมแต่นั่นเป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น!
หลังผสานกับวิญญาณของเทียนหยุน หวังหลินนั่งลงฝ่ามือสร้างผนึก ความคิดแพร่กระจายเข้าไปในท้องฟ้าและเริ่มผสานกับสรวงสวรรค์ เขาใช้เวลาหนึ่งวันจนในที่สุดก็ถึงจุดที่เขาคือสวรรค์และสวรรค์ก็คือเขา
ภายใต้สภาวะผสานนี้ วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินดูเหมือนจะออกจากร่างกายและผสานเข้ากับโลก ทำให้เขาและวิญญาณเทียนหยุนบรรลุถึงระดับการผสานที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน!
หากเขาคิดจะใช้วิชาโจมตีของเทียนหยุน หวังหลินคงไม่ต้องผสานกันระดับลึกขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จะโจมตีแต่พึ่งพาวิญญาณของเทียนหยุนเพื่อคาดเดาอนาคตเพื่อหาต้นตอสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น
อย่างไรก็ตามการพยากรณ์เช่นนี้ยากเกินไปสำหรับหวังหลิน อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่เทียนหยุน หวังหลินกำลังใช้เพียงแค่ความสามารถดั้งเดิมส่วนเล็กๆของเทียนหยุนภายในวิญญาณเขาเพื่อทำการพยากรณ์อนาคตเท่านั้น
ตอนนี้ในความคิด แววตาถูกสายหมอกไร้ขอบเขตเข้าปกคลุมทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ราวกับมีพลังสายหนึ่งห่อหุ้มโลกเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาเห็นต้นตอของมัน
แต่หวังหลินไม่ยอมแพ้ พลังดั้งเดิมทั้งหมดของเขาเคลื่อนไหวทำให้ผสานกับเทียนหยุนได้มากขึ้น ขณะที่การผสานกันยิ่งถลำลึก เขาคล้ายจะลืมเลือนบางอย่างไป
เขาลืมว่าตนเองกำลังบ่มเพาะและอยู่ที่สำนักต้นกำเนิดในทะเลเมฆา ตอนนี้เขาลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง!
หมอกที่ปกคลุมทั้งโลกดูเหมือนจะหมุนอย่างรวดเร็วและเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ในความคิด ราวกับมีมือล่องหนกำลังกวนสายหมอกนี้ทำให้ปรากฏวังวน!
วินาทีนั้นเขาได้ยินแต่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวร่อนลงใส่วังวน วังวนแตกสลายและกระจัดกระจายในทันที
จากนั้นหวังหลินพลันได้เห็นฉากที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสายหมอก!
ข้างในรูปภาพมีดวงตาหนึ่งคู่ เป็นสายตาเย็นเยียบ โหดเหี้ยมอำมหิต ดวงตาคู่นี้กำลังมองอย่างไม่แยแสไปยังคนผู้หนึ่งที่กำลังมองท้องฟ้า!
วินาทีที่หวังหลินเห็นภาพ ความคิดสั่นเทาราวกับสายฟ้านับแสนเส้นระเบิดอยู่ในใจ ความคิดแทบพังทลาย วังวนที่ฉีกขาดไปพลันก่อตัวขึ้นมาใหม่และซ่อนภาพไว้อีกครั้ง
หวังหลินพลันลืมตา ใบหน้าซีดขาวทันที
‘พื้นดินนั่นคือแผ่นดินโม่หลัว! เซียนที่กำลังมองบนท้องฟ้าคือ…ข้าเอง! เจ้าของดวงตานั่นมีระดับบ่มเพาะสะเทือนสวรรค์ เบื้องหน้าเขา ข้าจะตายแน่นอน!’
หวังหลินมองบนท้องฟ้า สายตาคล้ายจะมองทะลุผ่านห้องลับและร่อนลงบนท้องฟ้าเหนือโม่หลัว ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างสดใสและแจ่มจรัส
‘การผสานกับวิญญาณของเทียนหยุนทำให้เห็นอนาคตที่ถูกลิขิต แต่ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้ ข้าต้องการเห็นมันอีกครั้ง!’
หวังหลินถอนหายใจเย็น จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่กลางหน้าผาก อ้าปากพ่นแสงน่ากลัวเปลี่ยนกลายเป็นประทับตราผนึกเทพอยู่เบื้องหน้า!
ประทับตราหมุนอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องดังออกมาสั่นสะเทือนความคิดทุกคนได้ทีเดียว
หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและวางไว้บนตราประทับผนึกเทพ มันสั่นเทาทันทีและเริ่มเรืองแสง ส่องสว่างขึ้นในห้องอันมืดมิด
ข้างในแสงอันน่ากลัวนี้ วิญญาณของเทียนหยุนก้าวออกมายืนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน
“ไสยเวทย์ คืนวิญญาณ ฟ้าดินไร้ขอบเขต สรรเสริญสวรรค์!” ไม่บ่อยนักที่หวังหลินจะเอ่ยคำร่ายเต็มบทเช่นนี้ตอนที่ใช้วิชาเซียน อย่างไรก็ตามที่เขากำลังจะใช้เป็นวิชาที่ทรงพลังมาก มันคือเจตจำนงแห่งเต๋าอันลึกซึ้งภายในวิชาไสยเวทย์!
เมื่อเขาเอ่ยคำร่ายออกไป วิญญาณของเทียนหยุนส่องสว่างเจิดจ้าและเดินก้าวมาข้างหน้า เดินผ่านหวังหลินและทับซ้อนกับเขา!
วิญญาณเทียนหยุนหันกลับมา หันหน้าทิศทางเดียวกับหวังหลินและนั่งลง!
ดูเหมือนวิญญาณของเทียนหยุนได้กลายเป็นวิญญาณของหวังหลิน วินาทีนั้นวิญญาณของเขาคล้ายจะผสานเข้ากับหวังหลินไปด้วย!
นี่มันไม่ใช่การผสมผสานกันในความคิดอีกต่อไปแต่เป็นการผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ! พอวิญญาณเทียนหยุนนั่งแลงและทับซ้อนกัน มันมิอาจแยกกันได้ออกอีกแล้ว!
ร่างกายดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งก็เป็นเทียนหยุนและบางครั้งก็เป็นตัวเขาเอง
หวังหลินหลับตา ความคิดสั่นไหว หมอกไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งกว่าและหมุนติ้วรวดเร็วด้วย พอหวังหลินร้องคำราม วังวนแตกสลายและสายหมอกกระจายกันออกไปอีกครั้ง!
เผยให้เห็นภาพข้างใน!
ภาพนี้ไม่ได้อยู่นิ่งๆ แต่กำลังเคลื่อนไหว!
ข้างในภาพ หวังหลินกระอักโลหิตอยู่บนแผ่นดินโม่หลัว ร่างกายพังเสียหาย พอวิญญาณดั้งเดิมลอยออกมา มันก็แตกสลาย!
ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้หวังหลินหน้าซีดพร้อมกันทะยานผ่านอวกาศ เขาไปได้ไม่ไกลก็เจอกระจกบานหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ข้างในมีสายตาโหดเหี้ยมคู่นั้นอยู่ด้วย!
เพียงหนึ่งสายตา ร่างหวังหลินแตกสลาย วิญญาณดั้งเดิมดับสูญสูญ!
รูปภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้มันสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม สิ่งที่ปรากฏคือหวังหลินอยู่ในห้องลับ เขามองขึ้นไปและหนีออกมาโดยไม่ลังเล เขาไม่สนใจว่าสำนักกำลังเก็บของและทะยานเข้าไปในอวกาศ!
รูปภาพไม่ได้บ่งบอกว่าผ่านเวลาไปนานแค่ไหน ขณะที่หวังหลินหนีมา ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะทะลุทะลวงหมอกดวงดาวมาได้และร่อนลงบนร่างหวังหลิน
ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้หวังหลินเปลี่ยนร่างไปเป็นเทพโบราณและคำรามใส่ท้องฟ้า ในท้องฟ้ามีชายชราสวมผ้าคลุมเต๋า เขายกแขนขึ้นและชี้ลงไป
ข้างในภาพ ร่างหวังหลินสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปทั้งหมด ชายชราเข้ามาใกล้และกดทับลงจุดกลางหน้าผาก เขาตายไปอีกครั้ง!
ภาพหลายภาพปรากฏขึ้นต่อเนื่องและแต่ละครั้งก็ต่างกัน มันคือความคิดดิ้นรนหลบหนีทั้งหมดของหวังหลิน แต่ในที่สุดเขาก็ตาย! ตาย! ตาย!
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมาและจ้องมองไปข้างหน้า เม็ดเหงื่อเย็นเยียบไหลลงหน้าผากและเต็มทั่วร่าง ในช่วงเวลาสั้นๆ ร่างเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ตาย! ตาย! ตาย! ต้องขอบคุณวิชาของเทียนหยุน ข้าจึงเห็นอนาคตที่เป็นไปได้หลายพันแบบ แต่ไม่มีอันไหนที่ข้ารอดไปได้เลย ไม่ว่ายังไงข้าก็ตาย!” แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่แฝงสัมผัสไม่ยินยอมพร้อมใจ!
เขามั่นใจว่าการเดินทางของหลี่เฉียนเหมยเกี่ยวข้องกับเขา การเดินทางของมู่ปิงเหมยก็เกี่ยวข้องกับเขา! การหยุดการแข่งขันของสำนักระดับแปดก็เกี่ยวข้องกับเขา!
มีเซียนทรงพลังขั้นที่สามที่ต้องการฆ่าเขา! นี่มันไม่เหมือนกับดินแดนเจ็ดสีที่ที่เซียนขั้นที่สามใช้พลังข้ามอวกาศเพื่อสร้างหนึ่งฝ่ามือ แต่นี่เป็นเซียนขั้นที่สามที่มาพร้อมกับร่างตนเองเพื่อมาปลิดชีวิต!
“ข้าหวังหลินเป็นเซียนฝืนลิขิตฟ้ามาทั้งชีวิต ข้าเผชิญวิกฤตความเป็นตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนข้าก็ต้องเผชิญมัน! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถหาทางทะลวงผ่านกับดักความตายนี้พ้นได้ ถ้าหากไม่มีทางออก ตายแล้วจะเช่นไรเล่า?” ในแววตามีแสงกะพริบเย็นเยียบพร้อมกับยื่นมือออกไปเปิดมิติเก็บของนำลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าของปลอมออกมาจำนวนหนึ่ง
เขามองเหล่าลูกปัดและหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น แสงเจ็ดสีส่องสว่างออกมาจากดวงตา ห่อหุ้มร่างกายและเข้าไปในลูกปัด
ลูกปัดดูดซับแสงเจ็ดสีและพลันแตกสลายกลายเป็นวังวนเจ็ดสีลอยอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน
หวังหลินจ้องวังวนเจ็ดสี กัดฟันแน่นและสูดหายใจเข้าปาก ความคิดพลันสั่นสะท้าน!
“อัญเชิญเหล่าฝืนชะตา วิชามหาพยากรณ์!”
น้ำเสียงหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาใช้ร่างกายเป็นฟ้าดินเพื่อเรียกใช้วิชาของเหล่าผู้ฝืนลิขิตให้หาเศษเสี้ยวโอกาสรอด!
วินาทีที่คำพูดของเขาดังสะท้อน ความคิดหวังหลินสั่นเทา กลิ่นอายทรงพลังระเบิดภายในร่าง พรั่งพรูเข้าไปในความคิดและตกลงบนรูปภาพ ฉีกกระชากสายหมอกทั้งหมดและยอมให้ภาพสุดท้ายปรากฏ!
มีคนหนึ่งอยู่ในรูปภาพนั้น!
“ชายชราผู้นี้คือหลิวจินเปียว ฉายาเต๋า: ปรมาจารย์จินเปียว!”
…………………….