1270. ไร้บ้าน 2
หยาดน้ำตาไหลรินทั้งสองข้าง เป็นเรื่องหายากในชีวิตนางที่จะร้องไห้ออกมา แม้แต่ตอนที่ถูกเยาะเย้ยตอนเป็นเด็ก หรือตอนที่รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลกก็แค่น้ำตาคลอเท่านั้น แต่ตอนนี้นางถึงกับร้องไห้ออกมา
หลี่เฉียนเหมยโขกคำนับครั้งที่สามต่อหน้าอาจารย์พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
“ถึงแม้หลี่เฉียนเหมยตายไป ข้าก็จะไม่ลืมความเมตตาทั้งหมด…แต่ตอนนี้เฉียนเหมยต้องขอตัวลา!” นางเงยศีรษะขึ้นปล่อยให้น้ำตาไหลลงสองแก้ม
“เขาคู่ควรให้เจ้าไปเช่นนั้นหรือ…” อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยมองนางที่เงยหน้าขึ้นมา ในใจเขาคิดว่านางคิดลูกสาวตนเอง และนางก็มองอาจารย์เหมือนเขาเป็นพ่อ
“ในใจเขามีคนอื่น สตรีคนนั้นสลักไว้อยู่ในใจส่วนลึกและไม่มีใครแทนที่นางได้…ศิษย์ไม่รู้ว่าความรู้สึกต่อเขามันคืออะไร ศิษย์ไม่รู้จริงๆ แต่ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปี เงาของเขามักจะอยู่ในใจข้ามาเสมอ ราวกับในชีวิตก่อนข้าเป็นปลาในแม่น้ำและเขาเป็นนกในท้องฟ้า ข้าไม่รู้คืออะไร…แม้ศิษย์จะเข้าใจว่าในใจเขาไม่ยอมรับคนอื่น แต่นี่มันไม่วัดไม่ได้ว่าคุ้มหรือไม่ ข้ารู้อย่างเดียวว่าถ้าหากรู้ทุกอย่างและไม่ไป ข้าจะไม่มีวันมีความสุข…” หลี่เฉียนเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่หยาดน้ำตาดูเหมือนจะไหลรินมากยิ่งขึ้น
อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยขบคิดเงียบๆ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “การแข่งขันของสำนักระดับแปดถูกสำนักเทพเจ้ายกเลิก”
ประโยคนี้ทำให้ร่างหลี่เฉียนเหมยสั่นสะท้าน สำหรับศิษย์ของสำนักระดับเก้า นางจึงรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มคนที่สามารถยกเลิกการแข่งขันของสำนักระดับแปดได้คือ…สำนักเทพเจ้า!!
อาจารย์ของนางกล่าวต่อ “คนของสำนักเทพเจ้ากำลังสืบสวนหลิวจื่อฮ่าวนับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัว! เจ้ายังต้องการไปอีกไหม?”
ใบหน้าหลี่เฉียนเหมยกลับเจ็บปวดมากขึ้น แต่ความมุ่งมั่นของนางรุนแรงขึ้นด้วย นางมองอาจารย์และพยักหน้า
“ข้าต้องการไป…”
“คนธรรมดาไม่สามารถทำให้สำนักเทพเจ้าหยุดการแข่งขันของสำนักระดับแปดได้ คำสั่งนี้ถูกส่งมาจากหัวหน้าอาวุโสของสำนักเทพเจ้า ฉุยต้าว! เจ้าจะทำอะไรได้เบื้องหน้าฉุยต้าว? เจ้าหยุดเขาได้หรือ? ช่างมันเถอะ ถึงแม้สำนักทะลวงสวรรค์ออกไปทั้งสำนัก จะช่วยอะไรได้เล่า?” อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยหลับตา
หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปากจนกระทั่งเลือดไหลออกมา…แววตามุ่งมั่นของนางไม่ผ่อนลงแต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“ศิษย์ไม่สามารถหยุดเขาได้ แต่ข้ายังต้องไป…อาจารย์ปล่อยข้าไป ศิษย์ต้องไป!”
“ข้ารู้นิสัยเจ้าดี นั่นทำไมหลังจากรู้เรื่องนี้ข้าจึงได้ให้เจ้ากลับมา ไม่ต้องพูดอีกแล้ว บ่มเพาะอย่างสงบอยู่ที่นี่สามเดือน หลังจากนั้นเจ้าค่อยออกไป!” อาจารย์นางหลับตา ดูเหมือนต้องตัดสินใจ
หลี่เฉียนเหมยเผยใบหน้าขมขื่นและดูไร้สีสัน ความเจ็บปวดแหลมคมผุดขึ้นมาจากจิตใจ เจ็บปวดจนรู้สึกเหมือนกำลังถาโถมเข้าใส่นาง
ร่างกายสั่นเทาและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว นางกระอักโลหิต ใบหน้าซีดเซียวทันที
พอเห็นหลี่เฉียนเหมยกระอักโลหิต แววตามุ่งมั่นของอาจารย์ก็พังลงทันที เขาเผยท่าทีลำบากใจ
“อาจารย์…ท่านขัดขวางไม่ให้ศิษย์ออกไปได้ แต่ท่านไม่สามารถหยุดข้าให้ตายได้…” หลี่เฉียนเหมยก้มศีรษะ น้ำเสียงเบาลงแต่แฝงคำอำลาไปด้วย
“เจ้า” แววตาของอาจารย์ส่องประกายและรีบยกแขนขวา อักขระก่อตัวขึ้นพุ่งผ่านค่ายกลและร่อนลงบนร่างหลี่เฉียนเหมย ซึ่งทำให้พลังดั้งเดิมที่ปั่นป่วนในร่างนางถูกระงับไว้ทันที
นางเงยศีรษะขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มทนทุกข์ เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังมีเลือดบนมุมปาก “อาจารย์หยุดเฉินเหมยตอนนี้ได้ ท่านหยุดเฉียนเหมยได้สามเดือน แต่ท่านหยุดข้าทั้งชีวิตไม่ได้! เขายังไม่ได้ตอบคำถามที่สามของข้า หากเขาตายไปจริงๆ เฉียนเหมยจะตามเขาไปด้วย ข้าจะรอให้เขาตอบคำถามที่สามของข้าที่นั่น…ครั้งหนึ่งท่านบอกข้าตอนเป็นเด็กว่าในชีวิตคนคนหนึ่ง บางครั้งก็ต้องมีความหลงใหลและกล้าจะไล่ตามความหลงใหลนั้น ทั้งยังต้องกล้าจะดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อไล่ตามอีก…หากเซียนไม่มีความหลงใหลและกล้าหาญ ก็มิอาจฝึกฝนเต๋ายิ่งใหญ่อันใดได้”
ใบหน้าอาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยช่างมืดมนและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขารู้นิสัยศิษย์ของตัวเองดีแต่ไม่คิดว่านางต่อต้านจนพยายามฆ่าตัวตาย เขาหยุดนางไว้ได้ตอนนี้ทั้งตอนนี้และอีกสามเดือน แต่เขาไม่สามารถหยุดนางได้ทั้งชีวิต!
“เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม?” อาจารย์ขบคิดเป็นเวลานานและค่อยๆเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบออกมา
“ศิษย์คิดดีแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไป…” ลี่เฉียนเหมยมองอาจารย์อย่างเจ็บปวด
“เมื่อเจ้าก้าวออกไปจากค่ายกล เจ้าจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของสำนักทะลวงสวรรค์และเจ้าจะไม่เป็นศิษย์ของข้าอีก ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่า ‘อาจารย์’ เมื่อเจ้าก้าวเท้าออกไปแล้วจะไม่มีอาจารย์อีก! คิดมันให้ดีดี!” อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยโบกมือ ค่ายกลรอบๆนางล่มสลายกระจายไปทุกทิศทาง หลี่เฉียนเหมยเป็นอิสระ!
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสพลันเปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นร้องตะโกน “จ้าวสำนัก ท่านมีเจตนาจะทำอะไร!?”
“ไปซะ!” อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยพลันมองขึ้นและร้องคำราม กลิ่นอายผู้ผ่านทะลวงสวรรค์ครั้งที่สามพลันระเบิดออกมา เหล่าผู้อาวุโสทั้งสามกระอักโลหิตและกระเด็นออกไป
“หลี่เฉียนเหมย อาจารย์กำลังรอเจ้าตัดสินใจ!” อาจารย์ส่งสายตามาที่นาง แม้เสียงจะนิ่งสงบแต่นางรู้สึกว่ามันความสั่นเครืออยู่ภายในด้วย
หลี่เฉียนเหมยจ้องมองอาจารย์ ความว่างเปล่าในใจนางกว้างใหญ่ขึ้น มันเปลี่ยนกลายเป็นความเจ็บปวดรุนแรงทำให้หัวใจฉีกขาด สำนักทะลวงสวรรค์คือบ้านของนาง…อาจารย์คือผู้เป็นพ่อ…ตอนนี้นางต้องเผชิญกับการตัดสินใจ!
รอบด้านเงียบสงัดพร้อมกับหลี่เฉียนเหมยเผยสีหน้าทนทุกข์ นางก้มศีรษะลงโขกศีรษะหกครั้ง อาจารย์ของนางมองหลี่เฉียนเหมยด้วยแววตาเสียใจและเจ็บปวด!
“เจ้าไปได้!” อาจารย์หันตัวกลับและมองไปยังท้องฟ้า หัวใจดูเหมือนขาดสะบั้น
หลี่เฉียนเหมยจ้องมองอาจารย์อยู่นาน หยาดน้ำตาไหลรินลงมาก่อนที่นางจะหันตัวกลับและลอยขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความว้าวุ่นใจ…
“ไม่มีบ้านอีกแล้ว…มันคุ้มกันหรือไม่…” แววตาสับสนของนางยิ่งรุนแรงขึ้น
หลังจากหลี่เฉียนเหมยไป อาจารย์หลับตา ความเจ็บปวดในใจชำระไปทั่วร่างกาย
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกผลักออกไปส่งเสียงร้องคำราม “จ้าวสำนัก! หลี่เฉียนเหมยไปล่วงเกินผู้อาวุโสฉุยต้าวครั้งหนึ่งแล้วและทำให้สำนักเทพเจ้าโกรธเกรี้ยว สำนักทะลวงสวรรค์ของเราแทบไม่อาจทนได้! ข้าต้องแจ้งเรื่องนี้แก่สำนักเทพเจ้า หากสำนักเทพเจ้าโกรธขึ้นมา ท่านจะต้องรับผิดชอบ!”
อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยพลันหันกลับมาร้องคำรามใส่ผู้อาวุโสคนนั้น “ไปซะ ไปซะ ไปซะให้หมด!!” ระดับทะลวงสวรรค์ปะทุขึ้นมาทำให้ผู้อาวุโสกระอักโลหิตและลอยกลับไปเหมือนว่าวป่านขาด เสียงดังปัง ร่างกายแตกสลาย วิญญาณหนีรอดด้วยความหวาดกลัว
“สำนักทะลวงสวรรค์เป็นขี้ข้าให้แก่สำนักเทพเจ้าหลายหมื่นปี พวกเจ้าทั้งหมดก็เหมือนขี้ข้า หากเจ้ากลัวสำนักเทพเจ้า เมื่อเฉียนเหมยไปล่วงเกินให้ผู้อาวุโสฉุยต้าวโกรธเคือง ข้าจะทนรับผิดทั้งหมดเอง!” อาจารย์ของหลี่เฉียนเหมยสะบัดแขนและหายตัวไป
น้ำเสียงดังกึกก้องเหมือนสายฟ้าและแพร่กระจายทั่วสำนักทะลวงสวรรค์ อย่างไรก็ตามน้ำเสียงเขาไม่ทำให้จิตใจของเซียนสำนักทะลวงสวรรค์ที่ถูกสำนักเทพเจ้ากดขี่เป็นทาสหลายหมื่นปีให้สั่นไหวได้เลย!
เหมือนกับสายหมอกในทะเลเมฆา จะมีสักกี่คนที่มองทะลุสายหมอกไปได้?
ทุกอย่างที่หลี่เฉียนเหมยทำลงไป ไม่ว่าจะเป็นการออกจากสนามรบที่สำนักมารหรือการตัดสายสัมพันธ์กับสำนักทะลวงสวรรค์ เรื่องทั้งหมดนี้หวังหลินไม่มีทางรู้ ตอนนี้หลี่เฉียนเหมยเป็นเหมือนสตรีไร้บ้าน ล่องลอยเข้าหาเขตระดับห้าด้วยความสับสน
นางเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่วัยเด็กแล้ว เพราะนางมีผมสีฟ้าจึงไม่ได้มีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขนัก แต่กระนั้นก็ทำให้นางแข็งแกร่งและเยือกเย็น…อย่างไรก็ตามตอนนี้นางสูญเสียบ้าน ราวกับกำลังตกลงไปในขุมนรก ความโดดเดี่ยวจากวัยเด็กถาโถมเข้าใส่นางทำให้ยิ่งโดดเดี่ยวและอ่อนแอ ราวกับนางถูกสายลมพัดพาไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครหาเจอ…ที่ที่นางรอความตายอย่างเงียบๆ
ณ ตอนนี้ในสำนักต้นกำเนิดแห่งเขตระดับห้า มีกระบี่สองเล่มกำลังลอยอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน หนึ่งเป็นสีขาวและหนึ่งเป็นสีดำ สองปราณกระบี่ตัดขวางกันก่อตัวเป็นเงาหลายพันสาย เงาพวกนี้ก่อเกิดวังวนและปั่นป่วนไปทั่วโลก
หวังหลินทำการหลอมพวกมันและทะลวงผนึกไปเรื่อยๆ กระบี่สั้นลึกลับสองเล่มที่เขาได้มาจากดินแดนเจ็ดสีค่อยๆแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของมันออกมา!
ขณะที่เวลาผ่านไป เงากระบี่สีขาวและดำปรากฏขึ้นรอบตัวหวังหลินเรื่อยๆ!
หนึ่งหมื่น
ห้าหมื่น
หนึ่งแสน
สามแสน
ห้าแสน…
จนกระทั่ง…
หนึ่งล้าน!
เงากระบี่สีขาวและดำหนึ่งล้านสายเชื่อมต่อกระบี่จนก่อเกิดเป็นเสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์!
……………………………