1298. กระชากผนึก!
หลังจากหวังหลินฉีกกระชาก ผนึกก็พังทลายทันที กลิ่นอายทรงพลังเกินบรรยายระเบิดออกมาจากร่างกาย
กลิ่นอายแข็งแกร่งและก่อตัวเป็นวังวน วังวนแข็งแกร่งขึ้นและรุนแรงมากพอจะทำให้แววตาของเหล่าอสูรรอบด้านเกรงกลัว!
ผนึกนี้ถูกการบ่มเพาะของหวังหลินระงับเอาไว้หลังจากดูดซับผลไม้แห่งเต๋าในดินแดนเจ็ดสีมา ผนึกได้แยกขั้นทลายสวรรค์ออกมา!
ตอนนี้เพื่อตอบแทนความพยายามสิบปีของหลี่เฉียนเหมย และเป็นสิ่งเขาควรจะทำในฐานะลูกผู้ชาย หวังหลินเปิดผนึกโดยไม่ลังเล!
วินาทีที่ผนึกถูกปลดปล่อย ราวกับกระจกยักษ์แตกสลายกระจายเป็นเศษมากมาย เสียงราวกับกระจกแตกและเสียงปะทุดังอยู่ในร่างหวังหลิน คล้ายจะเป็นเสียงเดียวที่คงอยู่ในโลกนี้
เสียงคำรามของอสูรหายไปหมด แม้แต่ราชาอสูรด้านหลังพวกมันยังสั่นเทา ราวกับพลังมหาศาลกำลังรวมกันเข้าหาหวังหลินจากทุกทิศทาง
แม้กระทั่งแส้ทั้งสองเส้นที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่ายังต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ตามพวกมันก็ฟาดหาหวังหลินอย่างรวดเร็วในไม่กี่อึดใจ
ทว่าขณะที่แส้ทั้งสองเข้าใกล้ กลิ่นอายเกินบรรยายปะทุออกมาจากร่างหวังหลิน ก่อเกิดเป็นวังวนยักษ์รอบตัวและส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง
หวังหลินร้องคำรามออกมาจากวังวน แส้หนึ่งสายแตกสลายตอนที่สัมผัสกับวังวน พอแส้ที่สองทะลวงผ่านวังวนเข้าไป มีมือหนึ่งเข้ามาจับมันทันที!
หวังหลินปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายยิ่ง เส้นผมสีขาวพลิ้วไหว แขนซ้ายกำแส้เอาไว้ ส่วนแขนขวาอุ้มหลี่เฉียนเหมย สายตาส่องประกายแวววาว
เสียงกระจกแตกสลายดังยิ่งขึ้นราวกับกลิ่นอายทรงพลังต้องการเค้นออกมาจากร่างหวังหลิน กลิ่นอายทรงพลังหนาแน่นยิ่งขึ้น
พลังดั้งเดิมในร่างหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พลังดั้งเดิมภายนอกพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลินด้วยเช่นกัน วงโคจรการรวบรวมดำเนินต่อไปจนกระทั่งหวังหลินผ่านคอขวดที่ยากยิ่งของเหล่าเซียน!
เขาก้าวบรรลุขั้นทลายสวรรค์อย่างแท้จริง!
วินาทีที่ก้าวบรรลุขั้นนี้ โลกเบื้องหน้าสายตาจึงเปลี่ยนไป พลังดั้งเดิมพุ่งเข้าไปในร่างเขาและร้องคำรามบ้าคลั่ง!
“ย๊ากก!!”
เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์และล้ำเกินกว่าสายฟ้าทั้งมวล มันเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นเสียงแพร่กระจายก่อตัวเป็นกลิ่นอายทำลายล้าง!
พวกอสูรรอบๆหวังหลินกลับมีโลหิตไหลออกจากทวารทั้งหมด ร่างกายแตกสลายพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงปะทุดังสนั่นก่อเกิดหมอกโลหิตเป็นวงแหวน
สิ่งที่น่าตกตะลึงขึ้นก็คือหมอกโลหิตพังทลายไปอีกรอบด้วยคลื่นเสียง พวกอสูรรอบๆหวังหลินระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต!
นี่มันไม่ใช่การเข่นฆ่า แต่เป็นการล้างบาง!
ตั้งแต่ที่มีการสร้างรอยแยกอวกาศนี้ขึ้นมา ระดับการสังหารขนาดกว้างเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง เสียงคำรามของหวังหลินทำให้อสูรหลายร้อยตัวระเบิดแหลกเหลว แม้กระทั่งราชาอสูรที่อยู่ห่างออกไปยังเผยแววตาหวาดกลัวและล่าถอย
สำหรับพวกอสูรแล้วนี่เป็นเหมือนฝันร้าย แต่ตอนนี้ฝันนั้นมันยังไม่จบ มันพึ่งจะเริ่ม!
หวังหลินทะลวงผ่านขั้นชำระสวรรค์ระดับสูงสุดและก้าวบรรลุขั้นทลายสวรรค์ระดับต้น ทว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของหวังหลิน พลังของผลไม้เต๋าไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ความเข้าใจที่หวังหลินได้รับมาในดินแดนแห่งเต๋าจึงปะทุขึ้น!
กลิ่นอายในร่างเขาแพร่กระจายทันที รุนแรงและบ้าคลั่งกว่าครั้งไหนๆ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หวังหลินทะลวงผ่านขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นและตรงเข้าสู่ระดับกลาง!
หากไม่ใช่เพราะรอยแยกอวกาศนี้เป็นสิ่งประหลาดซึ่งทำให้ทัณฑ์สวรรค์ไม่สามารถเข้ามาได้ ไม่เช่นนั้นมันคงปรากฏขึ้นมาแล้ว และมันคงแข็งแกร่งรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่า!
เป็นทัณฑ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาต้องเผชิญ!
นาทีที่ระดับบ่มเพาะระเบิดบรรลุขั้นทลายสวรรค์ระดับกลาง แววตาหวังหลินเย็นเยียบ ก้าวไปข้างหน้าส่งพลังดั้งเดิมของวังวนกวาดไปรอบๆจนเกิดผลกระทบที่ไม่อาจบรรยายได้
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!
ภายใต้การโจมตีนี้ พวกอสูรไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยและแตกสลายกันหมด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งท่วมท้นรุนแรงยิ่ง!
หวังหลินเป็นเหมือนเทพนักฆ่า ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า แขนซ้ายคว้าแส้และดึงเข้ามา เขาอ้าปากพ่นกระบี่โลหิตขนาดเท่าฝ่ามืออกไป กระบี่โลหิตตามติดแส้และพุ่งออกไปในอวกาศ!
เสียงดังปังสนั่นหวั่นไหวซึ่งทรงพลังยิ่งจนดูเหมือนโลกกำลังสั่นสะเทือนรุนแรง
เสียงร้องอู้อี้และชัดเจนดังออกมาจากความว่างเปล่า แส้พังทลายและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในความว่างเปล่าเกิดแสงโลหิตกะพริบและกระบี่โลหิตทะยานกลับมา บนปลายกระบี่มีหยกโลหิตสีทองเข้มและไหลผ่านกระบี่ไป หวังหลินอุ้มหลี่เฉียนเหมยด้วยแขนขวาพร้อมกับมีแววตาสังหาร แขนซ้ายสร้างผนึกปรากฏมังกรดำแปดตัว ใช้วิชาเรียกขานสายลม!
เหล่าอสูรดุร้ายที่เหลืออยู่กลุ่มใหญ่เริ่มตายกันเป็นเบือ กระบี่โลหิตมีสัมผัสวิญญาณของหวังหลินแฝงอยู่ มันทะยานผ่านอวกาศไปปลิดชีวิตอสูรพวกนี้
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเลือด ดังนั้นกระบี่โลหิตจึงตื่นเต้นมาก กระบี่โลหิตส่งเสียงหึ่งๆยามที่มันฆ่าได้ มันดื่มโลหิตของอสูรที่แทงเข้าไป ร่างเป้าหมายสั่นเทาและพริบตานั้นมันก็กลายเป็นโครงกระดูก
แสงโลหิตจากกระบี่โลหิตยิ่งเข้มข้นรุนแรง มันดูเหมือนจะตื่นเต้นจากการเข่นฆ่าทั้งหมดเหมือนว่านานมาแล้วที่ไม่ได้ฆ่าล้างเช่นนี้
ขณะที่เข่นฆ่าต่อไป กลิ่นอายของกระบี่ได้เพิ่มพูนขึ้นมหาศาลและมันก็แหลมคมยิ่งขึ้น!
พวกอสูรยุงนับหมื่นตัวถูกโลหิตกระตุ้นด้วยเช่นกัน พวกมันส่งเสียงซี่ๆสั่นสะเทือน มันไม่สนเรื่องความตายแล้ว พลางเริ่มเข่นฆ่าอสูรรอบด้านไปด้วย
ข้างในรอยแยกอวกาศ หวังหลินถูกอสูรมากมายรายล้อม ทว่าด้วยอสูรยุง กระบี่โลหิตและระดับบ่มเพาะขั้นทลายสวรรค์ชั้นกลาง เขาจึงสลักเส้นทางด้วยโลหิต!
เสื้อผ้าถูกย้อมด้วยโลหิตสีแดง! แต่เขาไม่เคยหยุด ขณะที่การสังหารเข้มข้นนี้ดำเนินต่อไป เวลาก็ผ่านไปต่อเนื่อง!
หลังจากไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อสูรดุร้ายหลงเหลือน้อยลงขึ้น การสังหารดำเนินต่อไป พวกอสูรยิ่งกลัวขึ้นไปอีก! พวกมันอาศัยอยู่ในรอยแยกนี้ตั้งแต่เกิดและหวาดกลัวเพียงกลิ่นอายของราชาอสูรเท่านั้น การเผชิญกับตัวตนข้างนอกโดยเฉพาะเหล่าเซียน พวกมันไม่กลัวไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันแค่ทำให้ดุร้ายขึ้นเท่านั้น
ทว่าการเป็นพยานรู้เห็นการฆ่าล้างของหวังหลิน พวกมันจึงหวาดกลัวเป็นครั้งแรก!
อสูรไม่รู้เท่าไหร่ที่ตายไปด้วยวิชาของหวังหลิน แม้แต่ตัวเขาเองก็จำไม่ได้ว่ากี่ตัว เขารู้แต่เพียงว่าโลกเบื้องหน้าเขาเต็มไปด้วยพวกอสูร และเขาต้องฆ่า ฆ่า ฆ่าเท่านั้น!
เขาต้องเข่นฆ่าตามทางเพื่อพาหลี่เฉียนเหมยออกไปจากรอยแยกและเข้าสู่ดินแดนชั้นนอก โดยไม่คิดถึงตัวตนของต้าเสิน เขาต้องนำนางไปให้ปรมาจารย์เต๋าความฝันผู้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับหลี่เฉียนเหมย!!
ปรมาจารย์เต๋าความฝันยอมปล่อยหวังหลินไปหลังจากเห็นสร้อยข้อมือของหลี่เฉียนเหมย ด้วยความฉลาดหลักแหลมของหวังหลินและตัวตนหลี่เฉียนเหมยที่เป็นเด็กกำพร้า เขาจึงพอจะคาดเดาอย่างคลุมเครือได้
‘ด้วยพลังอำนาจของปรมาจารย์เต๋าความฝัน เขาสามารถช่วยหลี่เฉียนเหมยได้แน่นอน!’ นี่เป็นความหวังเดียวของหวังหลิน แม้เขาจะต้องตาย เขาก็จะส่งหลี่เฉียนเหมยไปที่นั่น!
นี่เป็นเพราะเขาเป็นหนี้บุญคุณหลี่เฉียนเหมย เขาต้องตอบแทนนาง!
ในรอยแยกอวกาศมีร่างศพอันแหลกเหลวลอยอยู่ในดินแดนสีม่วงและเย็นเยียบแห่งนี้ มันกลายเป็นขุมนรกไปแล้ว หมอกโลหิตหนาแน่นและติดกันจนกลายเป็นทะเลโลหิต
อสูรยุงจากก่อนหน้านี้หมื่นตัวเหลืออยู่เพียงห้าพันตัวเท่านั้น แต่พวกมันล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทรงพลังกว่าพวกที่อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์วายุ!
แดนสวรรค์วายุเป็นของอสูรยุง นอกจากการต่อสู้ระหว่างราชายุงแล้วไม่ได้มีอันตรายมากนัก ซึ่งขัดขวางพัฒนาการของอสูรยุง
อย่างไรก็ตามในรอยแยกอวกาศอันโหดเหี้ยมแห่งนี้ พวกอสูรยุงได้ปลุกสายเลือดอันพิเศษของมันเองจากการเข่นฆ่า พวกทั้งหมดที่มีชีวิตรอดตอนนี้ต่างก็ดุร้ายยิ่งยวด!
โดยเฉพาะราชายุงที่ส่งเสียงคำรามหนักแน่น หากใครก็ตามได้เจอสายตาอันโหดเหี้ยมของมัน คงรู้สึกจิตใจเย็นเฉียบ
กระบี่โลหิตทะยานผ่านทะเลโลหิต เรืองแสงชั่วร้ายออกมา กระบี่ส่งเสียงหึ่งๆและปลดปล่อยกลิ่นอายดุดัน! ราวกับวิญญาณกำลังกลืนกินโลหิตและตื่นขึ้นมาช้าๆ
ภายในระยะหมื่นฟุตคือทะเลโลหิต ไม่มีอสูรตัวใดกล้าเข้ามาแม้แต่เพียงครึ่งก้าว พวกมันทั้งหมดได้แต่จ้องหวังหลินอย่างหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีเสียงหวีดหวิวแหลมคมดังออกมาจากความว่างเปล่า มันคือเงาเหมือนแส้จำนวนเก้าตัวกำลังฟาดใส่หวังหลิน
นาทีนั้นร่างยักษ์ตนหนึ่งปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า มันเป็นแมงป่องยักษ์เก้าหาง! แมงป่องตัวนี้สูงหลายหมื่นฟุตและส่งกลิ่นอายตกตะลึง
มันไม่ได้เป็นรูปร่างแต่เป็นภาพมายา เบื้องหน้าเงาแส้พวกนี้คือสตรีชุดดำที่มีรอยสักแมงป่องบนใบหน้า นางทะยานเข้ามาหาด้วยสายตามืดมน นางจ้องหวังหลินพร้อมกับโลหิตไหลจากมุมปาก
“ข้าคือโลหิตม่วงรับคำสั่งจากนางสนมจักรพรรดิโบราณ เจ้าเป็นใคร?”
………………………………..