1318. สตรีชุดขาว
หัวใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ความเศร้าเบาบาง…แต่กลับอ้อยอิ่งอยู่ในใจ
หวังหลินถอนหายใจพลางทะยานออกไปจากภูเขาฟ้าให้ไกลขึ้นจนกระทั่งมันดูพร่ามัว ราวกับทุกอย่างเบื้องหน้าเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่ง และตอนนี้เขาได้ตื่นจากความฝัน
หวังหลินพาหลี่เฉียนเหมยมาที่นี่และจากไปตัวคนเดียว เขารู้ว่าตนเองคุ้นเคยกับความโดดเดี่ยวแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
ผ่านการบ่มเพาะมาเกือบสองพันปี หวังหลินพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างในโลก เขาเรียนรู้ที่จะอยู่อาศัยอย่างสันโดษ กลืนกินความโดดเดี่ยวและความเศร้าหมองลงไป
“ช่างมันเถอะ…” หวังหลินหันกลับมามองภูเขาสีฟ้าอันเลือนลาง เขาเห็นร่างอันเลือนลางของคนหนึ่งบนยอดเขาก่อนจะหันตัวกลับและเดินออกไปอย่างช้าๆ
เดินออกไปไกลด้วยแผ่นหลังที่ดูเยือกเย็น
พื้นที่ดวงดาวของเผ่าแพรฟ้าถือว่ากว้างใหญ่ หวังหลินก้าวเดินทะลุผ่านดวงดาวและเดินทางออกไปไกล
เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่ในใจเกิดความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ความเหน็ดเหนื่อยออกมาจากจิตใจ จากความรู้สึกเศร้าจางๆ หวังหลินก้าวเดินช้าๆจากที่ที่เขามาและมาถึงชายแดนเผ่าแพรฟ้า ในไม่นานเขาก็ออกไปจากเผ่าแห่งนี้
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งจากการเคลื่อนที่พริบตา ทว่าในวินาทีนี้เองพลันหยุดชะงักลง ดวงตาเรืองแสงดุจคบเพลิงจ้องมองไปข้างหน้า
ท้องฟ้าดวงดาราเบื้องหน้าส่องสว่างและเงียบสงัด เป็นความรู้สึกงดงามอย่างน่าประหลาด
อย่างไรก็ตามตอนที่มาถึงที่นี่หวังหลินรู้สึกตกใจ เขาไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ในการบ่มเพาะฝึกเซียนสองพันปีหวังหลินเผชิญกับมันมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งนั่นหมายถึงสภาวะความเป็นความตาย!
ครั้งล่าสุดที่เขาสัมผัสคือก่อนที่ฉุยต้าวจะมาถึง!
หวังหลินมีสีหน้าเคร่งเครียด เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่มาที่ดาราจักรดวงดาวโบราณ แม้แต่ตอนที่ต้าเสินปรากฏตัวเขาก็ยังไม่รู้สึกตกตะลึงขนาดนี้!
ขณะที่มองอวกาศสงบนิ่งเบื้องหน้า หวังหลินค่อยๆหลับตา ส่งสัมผัสวิญญาณยืดยาวออกไปและไม่พบสิ่งใด หวังหลินขมวดคิ้วพลางลืมตา
เบื้องหน้ายังเป็นความว่างเปล่าแต่กลับเป็นความรู้สึกน่าตกตะลึงยิ่งขึ้น! ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและหลับตาลงอีกครั้ง ลึกลงไปภายในแววตามีเปลวเพลิงสีฟ้าเผาไหม้และมีสายฟ้าอยู่รอบๆขอบของเปลวเพลิง
อักขระหยินหยางและอักขระชีวิตและความตายปรากฏขึ้นรอบๆเปลวเพลิงและสายฟ้า หยินหยางหมุนวนก่อตัวเป็นเวรกรรมและจากนั้นก็เป็นจริงเท็จกะพริบวูบวาบ!
ห้าแก่นแท้ปรากฏขึ้นภายในส่วนลึกของดวงตาหวังหลิน ขณะที่พวกมันหมุนวน หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมามองออกไป! สายตามองทะลุผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดในโลกและทำให้เขาสามารถเห็นต้นตอของทุกอย่าง!
สายตาครั้งนี้ใกล้เคียงยิ่งกับวิชาเนตรเต๋าที่หวังหลินบังเอิญใช้ขึ้นมาในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
ทว่าในจังหวะที่เขาหลับตา รูม่านตาหดแคบลง เส้นผมทั้งหมดบนร่างตั้งชูชันและพลังดั้งเดิมในร่างหมุนวนอย่างบ้าคลั่งทำให้ดวงตาเรืองแสงสว่างดุจสายฟ้า!
ห่างออกไปไม่ไกลนัก เขาเห็นสตรีชุดขาว!
นางล่องลอยท่ามกลางดวงดาวดุจภูตพราย ภายในตัวนางไม่มีสัญญาณชีวิตหรือการคงอยู่เลย แม้กระทั่งสัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถพบเจอนางได้! เส้นผมยาวสีดำขลับพาดบนไหล่และมีแสงห่อหุ้มนางไว้จนมองไม่เห็นรูปร่างได้ชัดเจน!
ราวกับมีพลังลึกลับห่อหุ้มเอาไว้รอบๆจนสายตาทั้งหมดมองทะลุผ่านนางไป!
หวังหลินเพ่งสมาธิจ้องมองตรงไปข้างหน้า
นางยืนอยู่เงียบๆและมองมายังหวังหลิน ปรากฏความเงียบอย่างประหลาดขึ้นมาระหว่างทั้งสองคน
นางไม่ได้พูดสิ่งใดและหวังหลินก็ไม่ได้เอ่ยปาก ปกติเขาคงไม่สามารถมองเห็นนางได้ แต่แก่นแท้ทั้งห้าในดวงตาทำให้สามารถทะลวงเปิดสวรรค์และมองเห็นสตรีประหลาดคนนี้ที่ติดตามเขามาที่นี่!
ความประทับใจแรกของสตรีคนนี้ทำให้เขาตกตะลึงมหาศาล สัมผัสวิกฤตยิ่งใหญ่พลันระเบิดจากดวงวิญญาณ!
‘นางไม่ใช่มนุษย์!’ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่ทราบสาเหตุ!
หลังจากความเงียบผ่านไปสักพัก หวังหลินถอยร่นอย่างช้าๆ เคลื่อนไหวช้าลงพร้อมกับดวงตาหรี่เล็ก แขนขวาค่อยๆวางไว้ด้านข้าและส่งสัญญาณให้กระบี่โลหิต
นางไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เพียงแค่มองหวังหลินอย่างเงียบๆจนกระทั่งเขาหายตัวไปไกล
ผ่านไปสักพัก นางเอ่ยพึมพำอย่างแผ่วเบา
“เขามองเห็นข้าด้วยหรือ…”
ขณะที่หวังหลินล่าถอยให้ห่างจากหญิงสาว ความรู้สึกตกตะลึงก็อ่อนลงแต่ยังมีอยู่ หวังหลินมีสีหน้ามืดมน
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่นึกถึงแสงสว่างที่ออกมาจากดาวของต้าเสินและท่าทีที่เปลี่ยนไปก่อนที่จะรีบหนีไป หวังหลินรู้สึกว่ามีอะไรเชื่อมกันอยู่อย่างเลือนลาง
ขณะขบคิดอย่างเงียบๆ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเคลื่อนตัวเข้าใกล้ดาวเคราะห์เผ่าแพรฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด ดาวเคราะห์ดวงนี้เรืองแสงสีฟ้าเช่นกันและมีมหาสมุทรปกคลุมเกือบทั้งดวงดาว
หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงมาถึงยอดภูเขาแห่งหนึ่ง สายลมหนาวเย็นพัดเสื้อผ้าหวังหลินให้สะบัดพือ เขามองไปยังท้องฟ้าพร้อมกับห้าแก่นแท้รวมกันในดวงตา พอมั่นใจว่านางไม่อยู่ที่นี่เขาจึงนั่งลง
‘นางมีเป้าหมายอะไรกัน?’ หวังหลินขมวดคิ้วและค่อยๆหลับตาเริ่มบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามแก่นแท้ในดวงตาไม่ได้หายไปและเขาก็ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
วันเวลาค่อยๆผ่านไป พริบตาเดียวก็ผ่านไปเจ็ดวัน!
ในช่วงระหว่างเจ็ดวันนี้หวังหลินไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวไปไหนเลย และสตรีชุดขาวก็ไม่ปรากฏตัว
พอผ่านไปเจ็ดวัน หวังหลินลืมตาขึ้นมา ดวงตาส่องสว่าง ความคิดสงบนิ่งแต่มีร่างสตรีคนนั้นอยู่ในใจทำให้เขากังวล
‘นางคงไม่คิดว่าข้ามองเห็นนางได้หรอกนะ นางเพียงแค่ยืนอยู่นอกพื้นที่ดวงดาวของเผ่าแพรฟ้า…เผ่าแพรฟ้ามีปรมาจารย์เต๋าความฝันซึ่งมีระดับบ่มเพาะที่มิอาจคำนวณได้ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่ได้เข้ามาในพื้นที่ของเผ่าแพรฟ้า!’
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ในระหว่างการบ่มเพาะเจ็ดวัน เขาค่อยๆนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เข้ามาในดาราจักรโบราณ ค่อยๆตระหนักได้ว่าความรู้สึกตกตะลึงนี้เกิดขึ้นมาแล้วตอนที่เขาเผชิญหน้ากับต้าเสิน
ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเพราะเผชิญหน้ากับต้าเสิน อย่างไรก็ตามหลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียดจึงสังเกตว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ความรู้สึกตกตะลึงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้าเสิน!
แม้กระทั่งตอนที่เขาพาหลี่เฉียนเหมยไปหาเผ่าแพรฟ้า ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่เพียงแต่มันเบาบางมากจนถึงจุดที่เกือบจะตรวจจับไม่ได้ ตอนนั้นเขากังวลเรื่องหลี่เฉียนเหมยจึงไม่สนสิ่งผิดปกติจนยากจะตรวจเจอนี้
พอถึงเวลานี้หวังหลินสงบนิ่งลงและนึกย้อนไปถึงหลาวันที่ผ่านมา ด้วยการสังเกตอย่างละเอียดรอบคอบในที่สุดเขาก็สังเกตบางอย่างได้!
‘นางติดตามข้ามาหลายวันก่อนที่ข้าจะเข้าสู่เผ่าแพรฟ้าและจากนั้นก็หยุดติดตาม!’ หวังหลินมีสีหน้ามืดมน เขาบ่มเพาะมานานและสิ่งแบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก หวังหลินถูกคนอื่นติดตามตลอดทางแต่ไม่สังเกตได้เลย!
‘นี่มันไม่ถูกต้อง!’ หวังหลินเผยความสงสัยพร้อมกับนึกถึงบางอย่าง
‘ถึงแม้ข้าจะมีห้าแก่นแท้จนทำให้มองเห็นนางได้ หากไม่มีความรู้สึกตกตะลึงนั่นข้าคงไม่เสียเวลากับสัมผัสเล็กน้อยนี้ นางติดตามข้าตลอดทางแต่ข้าแทบไม่รู้สึกอะไรได้เลย…ทำไมความรู้สึกนั้นถึงเกิดขึ้นจนสังเกตได้ตอนที่ข้ากำลังจะออกจากเผ่าแพรฟ้า?’
หวังหลินหรี่สายตา ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ พลังดั้งเดิมหมุนเวียนผ่านร่างกาย จากนั้นโคจรพลังเทพโบราณไปด้วย ดวงตาส่องสว่างเจิดจ้า
‘มีพลังดั้งเดิมมากกว่าเมื่อก่อน…ถึงแม้พลังเทพโบราณของข้าไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่มันดูเหมือนจะหนาแน่นกว่าเดิม…รู้สึกราวกับบีบอัดเล็กน้อย…ยิ่งวิญญาณดั้งเดิมและวิญญาณข้าที่ต่างกัน หลังจากพบเจออะไรหลายอย่าง พวกมันก็ยิ่งอ่อนไหวต่อความรู้สึก…’ หวังหลินมองออกไปไกล สายตาเจาะทะลุอวกาศไร้ขอบเขตและร่อนลงบนดาวเคราะห์ที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันอยู่!
เขาคาดเดาคำตอบอย่างเลือนลางและเผยท่าทีซับซ้อน
ภายใต้แรงต้านทานอันไร้ขอบเขตที่เขาเผชิญหน้าหลายวันตอนที่ปีนขึ้นเขา ร่างกายหวังหลินได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ถึงแม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่การปีนเขาทำให้สัมผัสของหวังหลินแหลมคมมากกว่าเดิม ซึ่งทำให้เขาสัมผัสความรู้สึกตกตะลึงนั่นได้ชัดเจน!
‘ปรมาจารย์เต๋าความฝัน…หากทั้งหมดนี้คือเจตนาของท่าน เช่นนั้นการคาดเดาของข้าก่อนนี้คงถูกต้อง สตรีชุดขาวกังวลเกี่ยวกับปรมาจารย์เต๋าความฝัน นั่นเป็นเหตุว่าทำไมนางถึงไม่เข้ามาในเขตของเผ่าแพรฟ้า!’
‘ปรมาจารย์เต๋าความฝันใช้วิธีนี้เพื่อลอบบอกข้าว่าการออกไปจากเผ่าแพรฟ้าถือว่าเป็นอันตราย!’ หวังหลินเพียงต้องหาเบาะแสก็จะสรุปคำตอบได้ทั้งหมดเหมือนการทำลายเขตอาคม!
‘พื้นหลังของนางต้องยิ่งใหญ่จนแม้แต่ปรมาจารย์เต๋าความฝันยังไม่กล้าบอกข้าตรงๆและบอกใบ้ให้ข้าแทน! หากทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นสตรีชุดขาวเป็นใครกัน? หากปรมาจารย์เต๋าความฝันคำนวณทั้งหมดนี้ไว้แล้ว เขาต้องรู้ว่าข้าคงเลือกที่จะพักอยู่ในเผ่าแพรฟ้า…’ หวังหลินมีสีหน้าเคร่งขรึมมองไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
เขาล้มเลิกความคิดที่จะออกไปจากที่นี่ทันที หวังหลินนั่งลงบนอภูเขาและเริ่มบ่มเพาะ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดปลายปีจึงเริ่มได้รับการปลดปล่อย
วันเวลาผ่านไป พริบตาเดียวหวังหลินบ่มเพาะอยู่บนดาวดวงนี้หนึ่งเดือนแล้ว พลังดั้งเดิมค่อยๆรวมกันในร่างอย่างต่อเนื่อง
อาการบาดเจ็บตอนปีนขึ้นภูเขาได้รับการฟื้นฟู ระดับบ่มเพาะฟื้นตัวมาจนถึงสูงสุดอีกครั้ง
ณ วันนี้แสงสีฟ้าไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นมาในท้องฟ้าเหนือภูเขาที่หวังหลินอยู่ แสงสีฟ้าอ่อนโยนและห่อหุ้มดาวทั้งดวง ร่างอันเลือนลางเดินออกมาและค่อยๆควบแน่น
หวังหลินลืมตาขึ้นมามองชายวัยกลางคนที่เดินออกมาจากแสงสีฟ้า ปรมาจารย์เต๋าความฝัน!
“ข้ามีเก้ายอดวิชา เจ้าอยากจะเรียนรู้ไหม?”
……………………..