1331. เพื่อผู้อาวุโส…
ในหุบเขามีฝูงสายฟ้าเล็กๆอยู่รอบผลสายฟ้า
“นี่คือผลสายฟ้า…” หวังหลินยื่นมือออกมา ผลหนึ่งในนั้นลอยเข้าสู่ฝ่ามือ เขามองผลไม้สีเขียวอย่างละเอียด มันบรรจุพลังอำนาจสายฟ้าไว้บางส่วนซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลของร่างกายทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้วิชาสายฟ้า
“ในความทรงจำของเยว่เฟยและฉีจื่อ ผลสายฟ้าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าได้…” หวังหลินมองดูผลไม้แต่ไม่ได้กลืนกินเข้าไป เขาบีบมันกลายเป็นประกายสายฟ้าขึ้นมาและถูกแขนขวาดูดซับเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิม
หวังหลินหลับตาและสังเกตพลังสายฟ้าจากผลไม้อย่างเงียบๆ วินาทีต่อมาเขาก็ลืมตาขึ้นเต็มไปด้วยสายฟ้ามากมาย สายตาแทงทะลุผ่านหุบเขาไปที่นอกถ้ำและพึมพำออกมา “ข้ากำลังจะออกไปปล้นแต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนส่งตัวเองมาหาถึงที่”
วินาทีนี้ลำแสงสี่สายก็มาถึงใกล้ถ้ำ ไม่จำเป็นต้องให้ชายชราขั้นวิญญาณแรกกำเนิดต้องพูดพร่ำทำเพลง หนึ่งในเซียนขั้นแกนลมปราณก้าวออกมาและร้องตะโกน “ฉี่จื่อ สำนักสายฟ้าสวรรค์อยู่ที่นี่แล้ว ออกมาทักทายพวกเราซะ!”
น้ำเสียงดังกึกก้องในถ้ำอยู่พักใหญ่
ชายชราขั้นวิญญาณแรกกำเนิดมองลงไปในเขตอาคมนอกถ้ำและขมวดคิ้ว ตอนที่หวังหลินก้าวเดินเข้ามาเขาไม่ได้กระตุ้นอันใดและพบว่าพวกมันไร้ค่า อย่างไรก็ตามชายชราผู้นี้กลับคิดว่ามันซับซ้อน
เขาสัมผัสหายนะได้บางๆ
“ตั้งแต่ที่ฉีจื่อได้กลายเป็นเซียนเฒ่าขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เขาก็ไม่อาจประเมินค่าต่ำต้อยได้ เพียงแค่เขตอาคมนอกถ้ำก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว” เขาหยุดเซียนขั้นแกนลมปราณไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้และเอ่ยน้ำเสียงมืดมน
“สหายเซียนฉี ข้าฉิวเต๋อไฮ่ หนึ่งในสี่ผู้อาวุโสของสำนักสายฟ้าสวรรค์ วันนี้ข้ามาก็เพราะจ้าวสำนักข้าจะติดทำเนียบสายฟ้ากระจายได้อีกไม่นาน ข้าจึงอยากจะขอให้สหายเซียนฉีมอบสมบัติและเม็ดยาบางส่วนให้” น้ำเสียงมืดมน แพร่กระจายน้ำเสียงออกไปให้ดังเข้าไปในถ้ำ
ขณะที่เสียงเขาดังก้อง ประตูถ้ำสั่นสะเทือนและเปิดออก บางอย่างถูกโยนออกมาซึ่งก็คือฉีจื่อที่ตกอยู่ในอาการย่ำแย่
เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้เซียนขั้นแกนลมปราณตกตะลึงและทำให้ฉิวเต๋อไฮ่ต้องหรี่สายตา
“เจ้าถามหาเขาใช่ไหม?” น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากในถ้ำ ตามมาด้วยหวังหลินในชุดขาว ค่อยๆก้าวเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับแรงกดดันเบาบาง
“เจ้า…เจ้ามันเยว่เฟย!” เซียนขั้นแกนลมปราณหนึ่งในนั้นจดจำเยว่เฟยได้อย่างชัดเจน ทว่าภายใต้แรงกดดันนี้แกนพลังของเขาสั่นเทา น้ำเสียงตะกุกตะกัก
ชายชราขั้นวิญญาณแรกกำเนิดจ้องมองหวังหลิน วิญญาณแรกกำเนิดของเขาสั่นเทาและเกิดความรู้สึกแย่ๆ หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้นแต่เมื่อเขาใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านไปกลับไม่พบสิ่งใด ราวกับคนผู้นี้ไม่มีตัวตน
เขารู้สึกเช่นนี้เฉพาะกับจ้าวสำนักเท่านั้น ทว่าเขากลับรู้สึกว่าถึงแม้จ้าวสำนักของตนเองจะอยู่ที่นี่ก็คงไม่สามารถตรวจจับอีกฝ่ายได้เลย
สิ่งที่ทำให้เขาศีรษะด้านชาก็คือแรงกดดันที่โผล่ออกมาจากคนผู้นั้น แรงกดดันนี้ทรงพลังยิ่ง รู้สึกว่าพลังปราณในร่างกายหยุดชะงัก คำพูดเย็นเยียบพวกนี้คล้ายจะมีพลังฉีกกระชากเขาจากภายในออกมา
เม็ดเหงื่อเย็นเยียบปกคลุมเต็มหน้าผาก ฉิวเต๋อไฮ่กลืนน้ำลาย ค่อยๆก้าวถอยและคำนับฝ่ามือ “ข้าไม่รู้จักฉีจื่อและนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเจอเขา ในเมื่อสหายเซียนอยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอตัวลาก่อน ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด!” เขาระงับแรงสั่นสะเทือนในวิญญาณและค่อยๆถอย รู้สึกว่าคนตรงหน้าทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะต่อต้าน คงดีกว่าที่เขาจะจากไปและกลับไปที่สำนัก
เซียนขั้นแกนลมปราณสามคนรู้สึกเหมือนกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาถอยด้วยความหวาดกลัวและกำลังจะออกไปจากที่นี่
“พวกเจ้าจะจากไปเช่นนี้น่ะหรือ?” หวังหลินเผยรอยยิ้มพลางมองทั้งสี่คน
สายตาของเขาทำให้จิตใจฉิวเต๋อไฮ่ต้องหยุดชะงักและผลักเซียนขั้นแกนลมปราณสามคนไปหาหวังหลินโดยไม่ลังเลเพื่อเป็นโล่คุ้มกัน ส่วนตัวเองรีบล่าถอย เม็ดเหงื่อปกคลุมใบหน้าพร้อมกับกำลังเคลื่อนที่พริบตาออกไป
เผ่าสายฟ้ากระจายไม่ยอมให้สมาชิกเผ่าฆ่ากันเอง แต่สามารถทำลายระดับบ่มเพาะหรือฆ่ากันทางอ้อมได้ ชายชรารู้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นอย่างดีและทำมาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เขาหวาดกลัวขั้นสุด ความคิดแรกคือการหนี
หวังหลินไม่สนใจเซียนที่กำลังเคลื่อนที่พริบตา เขาสะบัดแขนขวา เหล่าเซียนขั้นแกนลมปราณสามคนกรีดร้องโหยหวนกันทั้งหมดพร้อมกับอักขระกลางหน้าผากแตกสลาย สมบัติจำนวนมากลอยออกมา หวังหลินเก็บมันไว้ทั้งหมดก่อนจะก้าวเข้าไปในท้องฟ้า
เซียนขั้นแกนลมปราณทั้งสามคนกระอักโลหิตและล้มลงกับพื้นทีละคน แกนลมปราณพังทลาย ถึงแม้จะไม่ตายแต่ระดับบ่มเพาะสูญสิ้นแล้ว!
ฉิวเต๋อไฮ่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนหลังจากเคลื่อนที่พริบตาออกมา ศีรษะหนาวเย็นขึ้นมาและเคลื่อนที่พริบตาออกไปอีกโดยไม่ลังเล
พอเขาปรากฏตัวอีกครั้งจึงออกห่างมาไกลแล้ว หลังจากนั้นก็เคลื่อนที่พริบตาอีกหลายครั้ง ใช้พลังปราณในร่างเกือบทั้งหมดแต่เขาไม่กล้าหยุดชะงัก กลืนกินเม็ดยาและเคลื่อนที่ไปอีก
ร่างและน้ำเสียงของหวังหลินกลายเป็นเมฆสีดำที่หนักหน่วงอยู่บนวิญญาณแรกกำเนิดเขา เขากลัวว่าตนเองจะช้าเกินไปและถูกจับได้
เขาเคลื่อนร่างไปอีกมากกว่าสิบครั้ง ข้ามผ่านระยะทางมากกว่าห้าหมื่นลี้ ระหว่างทางก็กินเม็ดยาไปจำนวนมากและกล่าวได้ว่าวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตเลยทีเดียว เขากระทั่งบีบหินหยกที่สำนักมอบให้เพื่อเรียกขอความช่วยเหลือจากสมาชิกสำนักรอบๆด้าน!
มีเหล่าสำนักเล็กๆหลายแห่งเหมือนสำนักสายฟ้าสวรรค์ จึงเป็นธรรมดาที่ทางเผ่าจะไม่โดนรุกรานและกล้าพอที่จะสร้างกลุ่มและรวมเป็นสำนักขึ้นมา
ฉิวเต๋อไฮ่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น หายใจถี่เนื่องจากเคลื่อนที่พริบตามาหลายครั้ง หลังจากนั้นมีแสงกะพริบเบื้องหน้า ชายวัยกลางคนชุดเขียวก้าวออกมา ขมวดคิ้วมองฉิวเต๋อไฮ่
“ผู้อาวุโสฉิว ท่านเจออะไรถึงหวาดกลัวจนต้องเรียกขอความช่วยเหลือ?”
หลังจากฉิวเต๋อไฮ่เห็นชายวัยกลางคน เขารู้สึกโล่งใจแต่ไม่ตอบคำถาม พลันหันกลับไปด้านหลังส่งสัมผัสวิญญาณแพร่ออกไป หลังจากไม่พบร่องรอยหวังหลินจึงยิ้มบิดเบี้ยว มองชายวัยกลางและกำลังจะเอ่ยปาก
ทว่าในเสี้ยวนาทีนั้นเสียงหนึ่งที่ทำให้ฉิวเต๋อไฮ่ต้องสูญสิ้นความคิดพลันปรากฏขึ้นเหมือนสายลมหนาวเย็น
“ไม่วิ่งหนีต่อเล่า?”
ฉิวเต๋อไฮ่รู้สึกศีรษะด้านชา ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขั้นสุด เขาไม่กล้าพูดกับชายวัยกลางคนอีกต่อไปแล้วและเริ่มเคลื่อนที่พริบตาออกห่างทันที
ชายวัยกลางคนเคลื่อนที่พริบตาไปด้วย ตอนที่เสียงหวังหลินดังกึกก้องขึ้นมาเขารู้สึกเหมือนวิญญาณแรกกำเนิดถูกตีด้วยค้อนและกระอักโลหิต หลังจากเห็นทีท่าของฉิวเต๋อไฮ่ ความหวาดกลัวไร้ก้นบึ้งท่วมท้นในตัวเขาและรีบหนีเหมือนฉิวเต๋อไฮ่โดยไม่ลังเล!
“หากเจ้าสองคนแยกกัน ข้าจะทำลายระดับบ่มเพาะพวกเจ้าซะ…”
ทั้งสองคนวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งและเคลื่อนร่างไม่มีหยุด ใช้เม็ดยาทั้งหมดที่มีโดยไม่กล้าชะงักหรือแยกห่างจากกันเลย อย่างไรก็ตามหลังจากเคลื่อนที่ไปได้ไม่กี่ครั้ง การบริโภคพลังปราณจึงมหาศาลเกินกว่าทั้งสองคนจะรับไหว
“ฉิวเต๋อไฮ่ เจ้าไปล่วงเกินเขาและลากข้าเข้าไปเกี่ยวด้วย!!!” ชายวัยกลางคนกัดฟันแน่นพลางหลบหนีและจ้องฉิวเต๋อไฮ่ด้วยความโกรธ
ฉิวเต๋อไฮ่หน้าซีดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาอยากจะพูดแต่น้ำเสียงนั้นที่ทำให้สองคนตื่นตระหนกก็เอ่ยขึ้นมา
“เรียกขอตัวช่วยไปเรื่อยๆและร้องหาเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดในสำนักสายฟ้าสวรรค์ทั้งหมดมาซะ…พาข้าไปที่สำนักสายฟ้าสวรรค์ของเจ้า ไม่เช่นนั้น…ข้าจะทำลายระดับบ่มเพาะเจ้า!”
ชายวัยกลางคนนำหินหยกออกมาบีบแตกเพื่อขอความช่วยเหลือต่อหน้าฉิวเต๋อไฮ่ เขาเกลียดฉิวเต๋อไฮ่เข้ากระดูก หากไม่ลากคนอื่นลงมาด้วย เขาคงไม่สามารถระบายความโกรธในใจได้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฉากเหตุการณ์ประหลาดยิ่งตีแผ่ออกมาบนดาวเคราะห์แห่งนี้ เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดสี่คนกำลังหนีด้วยความตื่นตระหนก สามในสี่เผยความเกลียดชังฝังลึก!
หวังหลินก้าวเดินตามหลังทั้งสี่คนอย่างใจเย็น ระหว่างทางฉิวเต๋อไฮ่และพรรคพวกเรียกร้องขอความช่วยเหลือ จึงมีผู้อาวุโสอีกสองคนมาถึง ทั้งสี่คนหนีไปด้วยกันและฟังเสียงคำร้องของหวังหลินเพื่อหนีไปหาสำนักสายฟ้าสวรรค์
ภูเขาลูกหนึ่งปรากฏขึ้นไกลๆ ภูเขาแห่งนี้ไม่ใหญ่นักแต่มีก้อนเมฆอยู่ล้อมรอบ จากยอดเขามีบันไดหินอยู่ด้วย
บนยอดเขามีสิ่งก่อสร้างอยู่บางส่วนดูเหมือนเป็นสำนักแห่งหนึ่ง
เมื่อเหล่าเซียนที่หวาดกลัวสี่คนนำทางหวังหลินมาถึงที่แห่งนี้ ฉิวเต๋อไฮ่รีบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผู้…ผู้อาวุโส…ที่นี่…ที่นี่คือสำนักสายฟ้าสวรรค์…”
ระหว่างทางทั้งสี่คนถูกบังคับให้รีบเร่งเร็วที่สุด เพิ่มเติมกับความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ความคิดแต่ละคนต่างปวดร้าวตลอดทาง
หวังหลินมองภูเขาและสะบัดแขนขวา สายลมกรรโชกหนึ่งปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มรอบตัวเซียนสี่คน ทั้งสี่ส่งเสียงกรีดร้อง อักขระสายฟ้ากลางหน้าผากถูกฉีกเปิดขาด สมบัติจำนวนมากลอยออกมา หวังหลินเก็บเอาไว้และขณะเดียวกันสายลมก็กระแทกผ่านก้อนเมฆนำพาทั้งสี่คนร่อนลงใส่จัตุรัสของสำนักสายฟ้าสวรรค์!
ทั่วทั้งสำนักสายฟ้าสวรรค์กลับเงียบสงัด เซียนที่อ่อนแอกว่าบางส่วนเดิมทีกำลังบ่มเพาะอยู่บริเวณลานกว้าง หลังจากเห็นผู้อาวุโสสี่คนถูกโยนเข้ามาในลาน พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มา!!” ในความเงียบมีคนผู้หนึ่งพุ่งออกมา เขามีร่างผอมบางและดูธรรมดาแต่เป็นถึงเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้น ดวงตากระจ่างใสดุจผลึกพร้อมกับมองหวังหลินด้วยดวงตาตื่นเต้น
“ตอนที่ข้าเห็นผู้อาวุโส หัวใจข้าไม่อาจสงบลงได้ ระดับบ่มเพาะของผู้อาวุโสสูงส่งเทียมฟ้าและมีทักษะที่ไม่มีใครเทียบ ในช่วงเวลาสั้นๆแค่นั้นข้ารู้สึกว่าไม่สามารถสงบจิตใจตัวเองลงได้และอยากเห็นผู้อาวุโสเพียงเล็กน้อยก่อนตาย ทุกครั้งที่ข้ามองออกไป พลังปราณในร่างจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นราวกับได้กลืนกินผลสายฟ้านับไม่ถ้วน มีเพียงคนเช่นผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะมีความสามารถเช่นนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสของเผ่าสายฟ้ากระจายก็ไม่สามารถเทียบกับผู้อาวุโสได้ตอนที่พวกเขาอายุเท่าท่าน”
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่ขออะไรเลยและยอมให้ทุกสิ่งที่ข้าเก็บสะสมไว้แก่ท่าน ข้าหวังแต่เพียงว่าผู้อาวุโสจะให้ข้าอยู่กับท่าน ได้เห็นท่านบ่อยๆและเป็นพยานความรุ่งโรจน์ของท่าน ให้ข้าได้เป็นผู้ติดตามของท่าน ให้ข้ากรุยทาง สังหารเหล่าศัตรูของท่าน ให้ข้าอุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อผู้อาวุโสจนถึงแก่ความตาย!!!”
แม้จะเป็นหวังหลินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับชายร่างผอมบางคนนี้และอดคิดถึงฉวี่ลี่กั๋วไม่ได้
ความจริงไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น หากเป็นเซียนคนอื่นมาเจอแบบนี้ก็คงตกตะลึงเช่นกัน
………………………………