1441. ข่าวลือ ข่าวลือและข่าวลือ
อีกแท่นหินหนึ่งห่างจากเซียนร่างผอมไปไม่ไกล เขาเป็นเซียนที่รูปร่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ร่างกายใหญ่ยักษ์ประดุจก้อนเนื้อ มีรอยยิ้มใจดีและสวมชุดคลุมพร้อมกับหมวกทรงแบน
ในมือถือลูกคิดเล็กๆ สะบัดหนึ่งคราเกิดเสียงดังแป๊ก
“ไม่คุ้ม ไม่คุ้ม…” เซียนร่างอ้วนส่ายศีรษะ ใบหน้าอ้วนท้วนสั่นเทาตาม บ่นพึมพำอะไรบางอย่างและสะบัดแขนก่อเกิดเขตอาคมขึ้นมากมายร่อนลงใส่เซียนที่กำลังพุ่งเข้าหา เมื่อเขตอาคมร่อนลงใส่ เหล่าเซียนพวกนั้นตัวสั่นสะท้านและตกลงไปในทะเลหมอกด้านล่างราวกับโดนผนึก
แม้จะเหลือแท่นหินเพียงยี่สิบแปดแห่ง แต่ก็มีเจ็ดแห่งแตกหักไปและท้ายที่สุดก็โดนขโมยไปจากการต่อสู้หลายครั้ง!
การที่สามารถขโมยแท่นมาได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นั่นหมายความว่า คนเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา
คนที่อยู่บนแท่นทั้งเจ็ดต่างก็ทำให้หวังหลินสนใจ สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือมีเซียนชราขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่เป็นหนึ่งในนั้น
อีกห้าคนไม่ได้มีระดับบ่มเพาะอ่อนแอ แต่ละคนมาจากเผ่าที่แตกต่างกัน พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารและดูเหมือนเทพแห่งการสังหาร
คนที่ขโมยแท่นมาได้ง่ายดายเป็นหญิงชราชุดเขียวที่มีใบหน้าตะปุ่มตะป่ำ นางดูน่าหวาดกลัวยิ่ง ยามที่เดินเข้าหา เหล่าเซียนรอบด้านต่างเผยท่าทีงุนงงสับสน
แท่นหินที่นางจับจ้องอยู่มีเซียนมากกว่าสิบคนกำลังต่อสู้กัน ทว่าเมื่อนางปรากฏตัวขึ้น สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความสับสนและถอยออกมาโดยไม่คาดคิด แม้แต่เจ้าของคนเก่ายังออกจากแท่นหิน ยอมให้นางเข้าไปนั่ง
ทะเลหมอกสั่นสะเทือน แท่งหมอกพุ่งเข้าไปในท้องฟ้ามากขึ้น การต่อสู้ทั้งหมดดูเหมือนถูกหยุดลงไปในชั่วขณะ ตอนนี้เหลือแท่นหินอยู่เพียงยี่สิบแปดแห่งเท่านั้นและเซียนที่เหลือต่างก็ตายกันหมด ร่างกายแต่ละคนกระจุยเป็นกองเลือดหรือไม่ก็ถูกดูดเข้าไปในทะเลหมอก
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เป็นการกำจัดได้อย่างโหดร้ายยิ่ง ท่ามกลางเหล่าเซียนหลายร้อยมีคนตายไปถึงเก้าในสิบส่วนและเหลือรอดเพียงยี่สิบแปดคนเท่านั้น
หวังหลินท่าทีสงบนิ่งและนั่งลงบ่มเพาะ เขาเปลี่ยนเลือดเนื้อที่ดูดซับมาเพื่อช่วยตนเองฟื้นฟูพลัง หวังหลินไม่ได้เผยวิชาอะไรมากนัก ตัวตนของเขาคือเป็นเซียน เพลิงไร้ลักษณ์ มีวิชาอันทรงพลังและสมบัติหลายอย่างที่ไม่เปิดเผย
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายและน่าประหลาดยิ่ง อันตรายทั้งหมดไม่ได้มาจากเพียงแค่ตัวสุสานเอง แต่ยังมีเซียนที่ซ่อนงำพลังไว้รอบๆ ปลดปล่อยสัมผัสลี้ลับจนเขาต้องแสดงอำนาจของตัวเองในวิธีที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
เหล่าเซียนบนแท่นหินทั้งหมดต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกและเริ่มบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามทุกคนก็สังเกตกันเองอย่างระมัดระวัง
แม้การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ทุกคนได้ให้ความสนใจกับวิชาของคนอื่นๆ
เหมือนหวังหลินที่สนใจคนจำนวนหนึ่ง และเซียนหลายคนก็สนใจหวังหลินเช่นกัน
หวังหลินสังหารไปหกคนอย่างสะอาดหมดจดนั่นมากพอจะทำให้เซียนรอบด้านระวังตัว เสียงคำรามของเขายังกดทับเสียงอื่นๆทั้งหมดที่นี่ด้วยและทำให้ร่างเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ถึงกับแตกสลาย นี่มากพอจะทำให้พวกเขาเกิดความตื่นตัวต่อหวังหลิน
‘เขาไม่ได้เผยการต่อสู้มากนัก…’ ชายชุดม่วงที่มีปลาขนาดหมื่นฟุตมองดูหวังหลินด้วยใบหน้ามืดมน
‘พลังคำรามของเขาทำให้ร่างของเซียนบางคนถึงกับแตกสลาย วิชาของเขาน่าจะสัมพันธ์กับเสียง’ เซียนคนหนึ่งที่ขโมยแท่นหินได้สำเร็จถึงกับมองหวังหลินด้วยจิตสังหารและเผยความไม่เป็นมิตร
‘คนอื่นเพียงรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมและพลังเสียงคำรามของเขาแต่กลับไม่สังเกตว่าเขากลืนกินหมอกโลหิต…วิชามารแบบนี้เพิ่งเคยเจอในดาราจักรโบราณได้ไม่นาน…’ ชายร่างอ้วนยิ้มพลางมองหวังหลินและเล่นกับลูกคิดในมือ
‘เขาต้องการสังหารข้าแน่นอน…ข้าต้องหาตัวช่วย…’ เด็กสาวเผ่าทำลายผนึกถึงกับหน้าซีดและกัดริมฝีปาก แววตาตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม
‘ข้ามิอาจล่วงเกินเขาได้ ก่อนหน้านี้เขาปล่อยข้าไป ข้าจึงเป็นหนี้เขา…’ ชายชราที่หวังหลินปล่อยไปถึงกับก้มศีรษะด้วยความหวาดกลัว การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เขาจำไม่มีวันลืม
สตรีผมยาวชุดขาวค่อยๆถอนสายตาและจากนั้นหันไปมองหวังหลิน สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไร
ขณะที่ทุกคนลอบสังเกตกันเองและฟื้นฟูพลัง รอบด้านค่อยๆสงบลง กระทั่งทะเลหมอกก็ดูเหมือนสงบลงไปด้วย
ผ่านช่วงเวลาฟื้นฟูไปช่วงสั้นๆ เซียนคนหนึ่งลุกขึ้นและพุ่งไปหาสมบัติเบื้องหน้าศีรษะบนแท่นหินของตัวเอง
หวังหลินลืมตาและยื่นมือขวาออกไป ธงขนาดสามสิบฟุตเบื้องหน้าศีรษะปีศาจโบราณพลันลอยเข้าสู่มือ เขาสำรวจมันทันทีแล้วจึงพบว่าเป็นสมบัติปีศาจโบราณแต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก
หวังหลินเก็บไปอย่างเงียบๆและลุกขึ้น
ทว่าขณะนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
แท่นทั้งยี่สิบแปดแห่งเริ่มส่งเสียง ท้องฟ้าร้องคำรามอีกครั้ง สายฟ้าแล่นวาบข้ามผ่านไปราวกับต้องการฉีกกระชากท้องฟ้าให้เป็นชิ้นๆ ขณะที่เซียนรอบด้านมีสีหน้าเปลี่ยนไป แท่นทั้งยี่สิบแปดแห่งก็สั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง
แท่นทั้งหมดหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วเกินไปจนเหล่าเซียนไม่มีเวลาตอบสนอง พริบตานั้นพวกเขาก็จมลงไปมากกว่าแสนฟุต!
สายลมร้องคำรามข้างนอกแท่นหินพร้อมกับที่พวกเขาจมดิ่ง พลังฉีกกระชากผุดขึ้นมาบนร่างกายเหล่าเซียน ราวกับโลหิตในร่างกำลังหลุดลอยออกมา
อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนที่สามารถเอาชีวิตรอดจากคลื่นการกวาดล้างลูกแรกได้ต่างก็มีพลังเฉพาะตัวกันทั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ไม่มีใครร้องอุทาน พวกเขาประคองตัวเองอยู่บนแท่นขณะที่จมลงไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าอยู่ห่างจากพวกเขาไกลออกไปเรื่อยๆ แท่นที่เหลือค่อยๆหดลงจนกลายเป็นเพียงจุดสีดำในสายตา
เหล่าแท่นทั้งยี่สิบแปดได้จมลงไปในสายหมอกเพียงชั่วพริบตา สายหมอกส่งเสียงดังสนั่นและปั่นป่วนรอบๆแท่นก่อนจะผสานเข้าไปอย่างสมบูรณ์
หวังหลินเพ่งสายตาอย่างเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าแท่นหินที่เขาอยู่กำลังตกเข้าไปในขุมนรก ตกลงไปจนไม่เห็นปลายทาง
ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน แท่นหินหยุดตกลงมาพร้อมกับส่งเสียงดังปัง รอบๆด้านเต็มไปด้วยสายหมอกจนมองไม่เห็นอะไรเลย
วินาทีนี้สัมผัสอันตรายเต็มไปทั่วจิตใจหวังหลิน เขาหันตัวกลับและสะบัดแขนขวา พลันเกิดเสียงดังลั่น สายหมอกด้านหลังเขาถูกผลักออกไปเผยให้เห็นอสูรดุร้ายตัวหนึ่ง อสูรตัวนี้เต็มไปด้วยตุ่มหนองและมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ สองมือและเล็บต่างก็เรียวยาวแหลมคม ร่างของมันถูกหวังหลินกระแทกใส่จึงถอยร่นกลับเข้าไปในสายหมอกและหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาไม่ไกล เห็นได้ชัดว่ามีบางคนถูกลอบโจมตีสำเร็จ
หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น จดจำอสูรนี้ได้ทันที
แม้รูปร่างมันจะแตกต่าง แต่มันทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนอสูรลี้ลับที่ออกมาจากศีรษะเทพโบราณในดินแดนวิญญาณปีศาจ!
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น สะบัดแขนและเกิดสายลมพัดรอบๆตัวเพื่อผลัก สายหมอกออกไป เหล่าเซียนแทบทั้งหมดทำแบบเดียวกันและใช้วิชาเพื่อผลักสายหมอก พริบตาเดียวสายหมอกภายในระยะหลายแสนฟุตก็หายไป เกิดเป็นเส้นทางโล่ง
ในแท่นทั้งยี่สิบแปด มีสามแห่งที่ว่างเปล่า
กลิ่นอายเย็นเยียบโผล่ออกมาจากเหล่าเซียนและกระจายเต็มไปทั่วบริเวณ รอบบริเวณเต็มไปด้วยสายหมอกอย่างสิ้นเชิงจนมองไม่เห็นด้านนอก
คลื่นเสียงร้องดังออกมาจากหมอกรอบๆ ร่างประหลาดผุดออกมาจากสายหมอกและเผยตัวตนต่อหน้าหวังหลินและคนอื่นๆ
อสูรรูปร่างมนุษย์ปรากฏในสายหมอก เพียงแค่ชำเลืองมองก็มิอาจบอกได้แล้วว่ามีพวกมันมากมายแค่ไหน!
รอบๆด้านมีแต่พวกมันเต็มไปหมด!
หญิงชราที่ทำให้ทุกคนรอบๆตัวงุนงงได้เอ่ยเสียงแหบพร่า “สหายเซียน ไม่ว่าเราทั้งหมดจะมาจากเผ่าไหน การอยู่ที่นี่ด้วยกันนั่นหมายความว่าเรามีชะตาต้องกัน ตอนนี้ข้าหวังว่าคงจะไม่มีใครออมมือต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพวกนี้…ข้าเคยอ่านบันทึกโบราณมา ดังนั้นจึงรู้จักสุสานโบราณแห่งนี้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้เราอยู่เพียงแค่ชายขอบด้านนอกเท่านั้นและต้องผ่านการทดสอบเพื่อให้มีคุณสมบัติผ่านเข้าสุสาน…”
ขณะที่เสียงของนางดังกึกก้อง อสูรร่างมนุษย์ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง พุ่งออกมาจากสายหมอกเข้าหาเหล่าเซียนที่เหลือทั้งยี่สิบห้าคน!
ฉากเหตุการณ์นี้ช่างน่าตกตะลึง มีพวกมันหลายพันตัว!
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาเห็นอารมณ์รุนแรงในอสูรดุร้ายเหล่านี้ หวังหลินสามารถใช้มันเพื่อจุดเพลิงไร้ลักษณ์ได้!
เหล่าเซียนเพลิงไร้ลักษณ์เป็นตัวตนที่ลึกลับยิ่งในดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นใน ซึ่งมีเซียนน้อยคนเคยเผชิญหน้า อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนเพลิงไร้ลักษณ์นั้นมีชื่อเสียงยิ่งในดาราจักรโบราณ!
เพราะเหล่าเซียนพวกนี้หาพบยากยิ่งในช่วงเวลาหลายหมื่นปี ยิ่งข่าวลือของเซียนเพลิงไร้ลักษณ์แพร่กระจายออกไป ผู้คนต่างคิดว่าทรงพลังดุจเซียนขั้นที่สาม!
ข่าวลือเรื่องเซียนเพลิงไร้ลักษณ์นั้นเต็มไปทั่วจิตใจของเซียนในดาราจักรโบราณ เซียนทั้งหมดที่นี่ทรงพลังและต้องเคยได้ยินเรื่องราวน่าหวาดกลัวมาแล้วทั้งนั้น
ลือกันว่าเพียงแค่สะบัดแขน เซียนเพลิงไร้ลักษณ์ก็สามารถเผาคนนับพันให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน…ลือกันว่าเพียงแค่เซียนเพลิงไร้ลักษณ์จ้องมองก็สามารถจุดเพลิงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดรูปแบบและไม่มีใครรอดชีวิต…ลือกันว่าเซียนเพลิงไร้ลักษณ์เป็นเสมือนฝันร้ายแก่คู่ต่อสู้และจุดอารมณ์อีกฝ่ายขึ้นมาเผาไหม้จนตาย…ลือกันว่าเพียงแค่เซียนเพลิงไร้ลักษณ์โกรธเกรี้ยวก็สามารถจุดความโกรธของทุกคนและจบลงด้วยการยืนอยู่บนกองซากศพขนาดเท่าภูเขา…ข่าวลือ…ข่าวลือ…ข่าวลือยิ่งๆขึ้นไป…
นอกจากเด็กหญิงเผ่าทำลายผนึกแล้ว ไม่มีใครที่นี่ แม้แต่สตรีชุดขาวก็ยังไม่รู้ว่าเซียนเพลิงไร้ลักษณ์ในตำนานกำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเขา…
ก่อนที่เพลิงไร้ลักษณ์ถูกจะเรียกใช้งาน มันจะมองไม่เห็น…
…………………………………………….