1498. โอกาสพูดคุย
หวังหลินคำนับฝ่ามือให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่และยิ้มแย้ม
“เมื่อการต่อสู้ระหว่างดินแดนชั้นนอกเริ่มขึ้น ข้าจะชดใช้เรื่องในวันนี้ ข้าหวังว่าสหายเซียนลั่วฟู่จะไม่คิดมาก”
นิสัยของหวังหลินยังไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ฉวยโอกาสทำปรมาจารย์ลั่วฟู่อับอาย ปรมาจารย์ลั่วฟู่ขบคิดเล็กน้อยและถอนหายใจ เขาฝืนยิ้มและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน
“สหายเซียนหวังมีระดับบ่มเพาะทรงพลังเพียงนี้ถือว่าเป็นคำอวยพรให้แก่ดินแดนชั้นใน ข้ามีเรื่องสงสัยอยู่หนึ่งเรื่อง สองคนนี้…เซียนขั้นที่สามจำนวนสองคนนี้มาจาก…” ปรมาจารย์ลั่วฟู่ยังพูดไม่จบ หวังหลินเพียงแค่ชี้ไปที่ขอบฟ้า
หวังหลินยิ้มและพยักหน้า
หลิงตงส่งสายตาไปหาปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ข้ามีนามว่า หลิงตง บรรพชนแห่งเผ่าหลิงตงของดินแดนชั้นนอก!”
แม้ปรมาจารย์ลั่วฟู่จะคาดการณ์ไว้บาง หลังจากได้ยินสิ่งที่หลิงตงพูดขึ้น เขายังตะลึง
“บรรพชนแห่งเผ่าหลิงตง!”
หลิงตงถอนสายตาและเอ่ยต่อ “เผ่าหลิงตงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ใหญ่ในดาราจักรโบราณ เรามีแค่หมื่นคนเท่านั้น”
ปรมาจารย์ลั่วฟู่คำนับฝ่ามือให้หลิงตง แม้หลิงตงจะเป็นทาสรับใช้ของหวังหลิน ในสายตาเขายังเห็นเซียนขั้นที่สามมีระดับเท่ากับตัวเอง หลังจากคำนับฝ่ามือจึงมองไปที่โจวจินผู้เงียบขรึม “ท่านคือ…”
“โจวจิน บรรพชนแห่งเผ่าหมาป่าสวรรค์ของดินแดนชั้นนอก!”
หลังจากปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้ยินเช่นนี้ เขาสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าไป ตอนที่เห็นหมาป่าโลหิตด้านหลังโจวจินเขาจึงคาดเดาเอาไว้บ้าง เขาได้ยินว่ามีเผ่าหนึ่งในดินแดนชั้นนอกที่ร่วมมือกับหมาป่าสวรรค์! เรื่องราวต่อเนื่องจากเผ่านั้นมาจากยุคโบราณ
ผู้คนของเผ่านี้เกี่ยวพันธ์กับหมาป่าและเพราะมีมรดกตกทอดมายาวนานจึงมีเพลิงนรกานต์มากมายจนเกิดเป็นเซียนขั้นที่สามหลายคน! ตอนที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้เห็นโจวจิน เขาจึงมั่นใจในตัวตนของโจวจิน!
‘หวังหลินออกไปดินแดนชั้นนอกมาแล้วจริงๆ!! จัดการรวบรวมสองบรรพชนมาเป็นทาสรับใช้ได้ นี่…’ ปรมาจารย์ลั่วฟู่มองหวังหลินและสายตาเปลี่ยนไป เขาเป็นเซียนขั้นที่สามด้วยตัวเองและรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำให้คนแบบเขากลายเป็นทาสรับใช้!
มันแตกต่างจากการสังหารแม่ทัพในกองพัน ทว่ามันคือการหลอมแม่ทัพให้กลายเป็นทาสรับใช้เสียเอง!
ต้องขอบคุณระดับบ่มเพาะของเขา ปรมาจารย์ลั่วฟู่จึงเห็นอักขระทาสแบบเดียวกันบนหลิงตงและโจวจินได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหวังหลินบังคับให้กลายเป็นทาสรับใช้!
นอกจากนี้แล้วหวังหลินยังไม่ได้กลายเป็นเซียนขั้นที่สามจริงๆ นี่กลับทำให้เรื่องราวยากยิ่งกว่าเดิม!
‘ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเผ่าหลิงตงเลย แต่เผ่าหมาป่าสวรรค์เป็นเผ่าใหญ่ในดินแดนชั้นนอก หวังหลินไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว! สิ่งที่เขาทำลงไปในดินแดนชั้นนอกต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตสะเทือนสวรรค์!’ ยากยิ่งที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่จะชื่นชมใครในชีวิต แต่ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมในตัวหวังหลิน!
ความมืดมนทั้งหมดก่อนหน้านี้หายไปจากปรมาจารย์ลั่วฟู่และคำนับฝ่ามือ “สหายเซียนหวังไปที่ดินแดนชั้นนอกมาใช่หรือไม่?”
“ข้าเพิ่งกลับมาจากดินแดนชั้นนอก” หวังหลินสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปของปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้ เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลและไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกัน ถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งกว่าและมีเซียนขั้นที่สามเป็นทาสรับใช้ เขาไม่ได้ทำตัวโอหังและค่อนข้างพูดจาสุภาพด้วยซ้ำ
“เยี่ยม เยี่ยม! ก่อนหน้านี้สำนักมารจากทะเลเมฆาส่งคำสั่งหนึ่งออกมา ภายใต้ข้อตกลงกับจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกมีข้อความหนึ่งถูกส่งต่อให้แก่ดาราจักรดวงดาว ทั้งสี่แห่งว่าดินแดนชั้นนอกเริ่มแสดงท่าทีรุกรานโลกของเราอีกครั้ง! เหล่าเซียนขั้นที่สามหลายคนในดินแดนชั้นในได้ร่วมมือกันเปิดม่านป้องกันระหว่างสี่ดาราจักร ดังนั้นจึงไม่แบ่งแยกอีกต่อไป!”
“สี่ดาราจักรเริ่มเตรียมการรบกับดินแดนชั้นนอก! ข้าเกลียดดินแดนชั้นนอกเข้ากระดูก ตอนที่ดินแดนชั้นนอกรุกรานเป็นครั้งแรก ข้าเป็นแค่ขุนนางเทพตัวน้อยและเห็นการต่อสู้อันโศกเศร้ากับตา…ในเมื่อสหายเซียนเพิ่งกลับมาจากดินแดนชั้นนอก เจ้าต้องเข้าใจเรื่องราวของดินแดนชั้นนอกได้เป็นอย่างดี ข้อมูลนี้จะทำให้เรารู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดินแดนชั้นนอกตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา!”
เซียนส่วนใหญ่ในดินแดนชั้นในต่างเก็บเรื่องตัวตนของดินแดนปิดผนึกไว้เป็นความลับ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่กล้าออกไปข้างนอก ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมาข้อมูลทั้งหมดถูกขัดขวางและช่างเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งต่อสงครามที่กำลังมาถึง!
คำพูดของปรมาจารย์ลั่วฟู่ผลักความตึงเครียดทั้งหมดก่อนหน้านี้ออกไป หวังหลินหัวเราะ
หวังหลินยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าพอมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับดินแดนชั้นนอกอยู่บ้าง”
“สหายเซียนหวังมีอะไรต้องทำหรือไม่? หากไม่มี เรามาสนทนากันสักพัก ข้ายังมีสุรารสเลิศจากแดนสวรรค์อยู่บ้างและไม่อยากดื่มคนเดียว เรามาดื่มกันสักหน่อยดีหรือไม่?” ปรมาจารย์ลั่วฟู่หัวเราะและสะบัดแขนใส่หวังหลิน
ดูเหมือนเขาจะลืมไปกับสิ่งที่บอกเมื่อครู่ว่าจะไม่ไปส่งหวังหลิน
หวังหลินเก็บเจ้ามารโบราณในมือและจากนั้นขบคิดเล็กน้อย
การเปลี่ยนเป็นเรื่องตลกเช่นนี้ทำให้เซียนหลายหมื่นคนรอบด้านอ้าปากค้าง แม้กระทั่งปรมาจารย์จงเฉินและลี่หยุนจื่อยังตกตะลึงและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและบอกได้ว่าปรมาจารย์ลั่วฟู่มีความสุขจริงๆ พวกเขาพอจะเดาความคิดของปรมาจารย์ลั่วฟู่ออกแค่บางส่วน
ไม่มีข้อบาดหมางระหว่างหวังหลินและปรมาจารย์ลั่วฟู่ หวังหลินเพิ่งกลับมาจากดินแดนชั้นนอกและคงกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในดินแดนชั้นในอีกไม่นาน ปกติเขาต้องการผูกมิตรกับคนแบบนี้อยู่แล้ว หวังหลินเองก็สุภาพยิ่งและไว้หน้าปรมาจารย์ ลั่วฟู่เพื่อก้าวถอยลงไป หากเขายังไม่ทำอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล ชีวิตที่อยู่มานาน หลายหมื่นปีคงไร้ค่า
ดังนั้นเขาจึงต้องการขจัดความตึงเครียดก่อนหน้านี้ หวังหลินมองออกและ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เซียนเฒ่าที่ฝึกฝนมานานหลายหมื่นปีต่างก็เป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าวางแผน แม้จะไม่ใช่เก่งกาจเหมือนเหล่ามารแต่ก็ไม่ไร้เดียงสา
ปรมาจารย์ลั่วฟู่ยิ้มแย้มและสะบัดแขน แสงสีทองผุดออกมาจากแขนเสื้อ ก่อเกิดเป็นถนนหนทางและมีเสียงไพเราะดังออกมาจากอากาศ
มีกระทั่งเงาของเหล่าเทพมากมายกำลังเต้นระบำไปตามถนนสีทอง เบื้องบนมีมังกรทองเก้าตัวกำลังส่งเสียงร้องและเปล่งกลิ่นอายทรงพลัง
ร่างเงาของเหล่าเทพนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาและโค้งให้หวังหลิน
ภาพมายาทั้งหมดเหล่านี้ยิ่งใหญ่และอธิบายเป็นคำพูดได้ยากยิ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงเจตนาของปรมาจารย์ลั่วฟู่ การโค้งคำนับจากเหล่าเทพมากมายตลอดทางเพื่อขอโทษต่อหวังหลิน
“สหายเซียนหวังหลิน ทางนี้!” เสียงหัวเราะของปรมาจารย์ลั่วฟู่ดังกึกก้อง หวังหลินคำนับฝ่ามือกลับมา ทั้งสองเดินเข้าไปในวังวนด้วยกัน
ภูเขาเทพปรากฏขึ้นและเต็มไปทั่ววังวน จากนั้นใจกลางวังวนมีทะเลสาบผุดขึ้นมาหนึ่งแห่ง มีเทพธิดาหลายตนกำลังเล่นอยู่ในทะเลสาบ หมอกสายน้ำชุ่มชื้น เห็นร่างเงาลางๆแต่ละคนในหมอกสายน้ำทำให้ดูมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
ด้านข้างทะเลสาบมีตำหนักหลังหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับเทพธิดาสองคนกำลังถือกาน้ำหินหยกสองชุด พลังปราณสวรรค์พรั่งพรูออกมาจากทั้งสอง เพียงแค่กลิ่นก็ทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว
ปรมาจารย์จงเฉินและลี่หยุนจื่อยืนอยู่ด้านข้างอย่างเคารพและมองทุกคนด้วยท่าทีซับซ้อน
เซียนหลายหมื่นคนรอบด้านเข้ามาใกล้อย่างช้าๆแต่ก็กระจัดกระจายกันออกไปตามคำสั่งปรมาจารย์จงเฉิน พวกเขากลับไปจัดวางค่ายกล
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในตำหนัก โจวจินและหลิงตงถูกปรมาจารย์ลั่วฟู่เชิญชวนมาเช่นกัน เหล่าเทพรินสุราให้ ปรมาจารย์ลั่วฟู่ยกขึ้นมาหนึ่งจอกและหัวเราะ “เรามาลืมเรื่องไม่พอใจจากก่อนหน้านี้ด้วยการดื่ม!” เขาดื่มไปหมดจอก
หวังหลินยกจอกขึ้นมาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณก่อนจะดื่มลงไป ดวงตาส่องสว่าง สุรานี้ไม่ได้มีรสเผ็ดร้อนแต่เมื่อมันลงไปในลำคอกลับเหมือนเปลวเพลิง ความอบอุ่นเต็มไปทั่วร่าง ลำคอเต็มไปด้วยความหอมหวาน
หวังหลินคร่ำครวญ “สุราดี!”
“สหายเซียนหวัง ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าเจ้าไปเจออะไรในดินแดนชั้นนอกบ้าง พอจะบอกข้าได้หรือไม่?” ปรมาจารย์ลั่วฟู่วางจอกเหล้าลงและยิ้มขึ้น
หวังหลินยิ้มพลางเล่าเรื่องไม่กี่อย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนชั้นนอก
คำพูดสงบนิ่งของหวังหลินทำให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดวงตาส่องสว่าง โดยเฉพาะตอนที่หวังหลินเล่าเรื่องการทำลายเผ่าสายฟ้ากระจาย โลกเจ็ดล้านและการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณเต๋าสลาย
ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดื่มไปอีกหนึ่งจอก ดวงตาเคร่งขรึม
‘โลกเจ็ดล้าน…จิตวิญญาณเต๋าสลาย ช่างเป็นคนที่น่าชื่นชมอะไรกันนี่! แม้เขาไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม แต่นิสัยของเขาช่างฝืนลิขิตสวรรค์!’
หลิงตงและโจวจินรู้แต่เรื่องการทำลายเผ่าสายฟ้ากระจายซึ่งเกี่ยวข้องกับ หวังหลินแต่ไม่รู้รายละเอียด หลังจากได้ยินที่หวังหลินเล่าไปจึงคล้อยตาม
จากมุมมองที่ต่างกัน จะเห็นปัญหาจากมุมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง โจวจินและหลิงตงมองหน้ากันเองและขบคิดเงียบๆ
ปรมาจารย์จงเฉินและลี่หยุนจื่อได้ยินที่หวังหลินเล่าเช่นเดียวกัน พวกเขาอ้าปากและตกตะลึง พวกเขาตกตะลึงเรื่องการกระทำของหวังหลินในดินแดนชั้นนอกและรู้สึกชื่นชมจิตวิญญาณเต๋าสลายไปด้วย
ปรมาจารย์จงเฉินลังเลเล็กน้อยและคำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโสหวังหลิน ท่านได้เจอจิตวิญญาณเต๋าสลายหลังจากนั้นอีกหรือไม่?”
หวังหลินส่ายศีรษะ หลังจากเผ่าสายฟ้ากระจายถูกทำลายไปแล้ว เขาเองก็ถูก ไล่ล่าและต้องรีบจากมา ดังนั้นจึงไม่ได้มีการติดต่อกับจิตวิญญาณเต๋าสลายอีกเลย
จากนั้นหวังหลินก็เล่าเรื่องการโดนไล่ล่าจากสภาราชันย์แห่งดินแดนชั้นนอก ฉากระทึกขวัญเหล่านี้ทำให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่เกิดแววตาลุกวาว เขาบอกได้ว่าประสบการณ์ทั้งหมดของหวังหลินเป็นของจริงและรู้ด้วยซ้ำว่ามันคงยากยิ่งที่เขาจะเอาชีวิตรอดในสภาวะนั้นได้
หวังหลินไม่ได้กล่าวถึงดินแดนตกสวรรค์และเรื่องสำคัญอย่างอื่น อย่างไรก็ตามแค่นี้มันก็มากพอจะทำให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่ตกตะลึงโดยเฉพาะตอนที่เขาได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับราชันย์
หากเขาเป็นเช่นนี้คงไม่ต้องเอ่ยถึงปรมาจารย์จงเฉินและลี่หยุนจื่อ หลังจากได้ยินเรื่องราวอันตรายทั้งหมดในที่สุดก็เข้าใจว่าหวังหลินได้ระดับบ่มเพาะนี้มาได้อย่างไร!
สายตาแต่ละคนมองหวังหลินด้วยความชื่นชม ลี่หยุนจื่อรู้สึกว่ายิ่งเขานึกถึงอดีตก็ยิ่งรู้สึกซับซ้อนเกินอธิบาย แต่เขาก็รู้ว่าหวังหลินไม่ได้ทุกอย่างมาเพียงเพราะโชคช่วย!
หวังหลินหันสายตาไปบนลี่หยุนจื่อ ขบคิดเล็กน้อยและจึงเอ่ยกล่าว “ลี่หยุนจื่อ ข้าเจอบรรพชนเจ้าด้วย จางซิงเย่!”
หลังเอ่ยขึ้นมา ร่างลี่หยุนจื่อสั่นเทา เขามองหวังหลินด้วยสายตาตื่นเต้น
“ผู้อาวุโส โปรดบอกข้าเถิดว่าบรรพชนอยู่ไหน!”