Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1590

Cover Renegade Immortal 1

1590. ฝันเหมือนจริง

แสงอาทิตย์ยามเช้าครู่ค่อยๆ สาดไปบนพื้นดิน ท้องฟ้ากระจ่างใส ก้อนเมฆปุยดุจขนนกกำลังกระจายไปบนท้องฟ้า ขณะที่แสงอาทิตย์กระทบก้อนเมฆในยามเช้ารุ่ง แสงสีส้มทอประกาย มองไกลๆ ดูราวกับเป็นความฝัน

ควันและเสียงสุนัขเห่าดังออกมาจากโรงเตี๊ยมหัวมุม หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ให้ความรู้สึกผิดแปลก ราวกับมันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น

สุนัขสองสามตัวกำลังวิ่งเล่นกันไปรอบๆ ส่ายหางไปมา

ไม่นานหลังจากนั้นเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นดังออกมาไกล ฝุ่นผงตลบอบอวลขึ้นมาจากเหล่าม้าที่กำลังวิ่ง บนหลังม้ามีชายร่างกำยำสวมชุดคลุมหลายคน ทุกคนมี สีหน้าเคร่งเครียดไปตามๆ กัน

ขณะที่พวกเขาเข้ามา เหล่าสุนัขส่งเสียงครางต่ำและหลบหลีกออกไปจากถนน เหล่าม้าวิ่งผ่านไปกับสายลม

บางทีเสียงม้าอาจจะดังเกินจนพื้นด้านนอกโรงเตี๊ยมสั่นสะเทือน แม้แต่ตัวอาคารดูเหมือนจะสั่นสะเทือนไปด้วย

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ซอมซ่อและดูเหมือนจะอยู่มานานแล้ว ขณะที่มันสั่นไหวได้ส่งเสียงราวกับทนต่อแรงสั่นไม่ไหว เสียงร้องตกตะลึงดังออกมาจากชั้นสองของอาคาร

“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ร้านของข้าอยู่ที่นี่มามากกว่าร้อยปีแล้ว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่เหล่าม้าวิ่งผ่าน มันไม่พังหรอก” เสียงเก่าแก่ดังลั่นไปทั่วโรงเตี๊ยม ในมุมของห้องนั่งเล่นมีชายชราตัวเล็กสวมเสื้อผ้าหยาบๆ เขาถือกล้องยาสูบในมือและเป่าควันอย่างสบายๆ

ตรงข้ามกับเขาเป็นเสี่ยวเอ้อร์จากคืนก่อน เขาวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนไหล่และ นำกาน้ำร้อนไปให้แขกทุกห้องบนชั้นสอง

ยามนี้ในห้องทางขวาสุดทางเดินบนชั้นสองมีชายหนุ่มยังคงสวมเสื้อผ้านอนอยู่ บนเตียง ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา

ขณะที่เหล่าม้าวิ่งผ่านไปและห้องสั่นเทา ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตา วางมือบนหน้าผากและมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง

‘โถ่ ความโลภเป็นเรื่องผิด ความโลภเป็นเรื่องผิด…ข้าดื่มสุราไปมากแค่ไหนกัน…’ ชายหนุ่มดูอายุราวๆ สิบแปดสิบเก้าปี เขาผอมบาง หน้าตาดูธรรมดาและเปล่ง กลิ่นอายของผู้รอบรู้

ใบหน้าผุดรอยยิ้มขมขื่นและปวดศีรษะ พลางลุกขึ้นไปข้างเตียง พยายามไปที่โต๊ะและรินถ้วยชาเย็นๆให้ตัวเอง หลังจากดื่มไปเล็กน้อยจึงรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

‘ดูเหมือนข้าต้องระมัดระวังการดื่มสุราจนเมามายในอนาคตแล้ว คืนก่อนข้าเมาจนหมดสติ หากข้าแค่เสียเงินก็คงเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากข้าเสียชีวิต…’ ชายหนุ่มถอนหายใจและดื่มชาเย็นๆ ไปอีกหลายอึก

ขณะนั้นเสียงเคาะประตูดังออกมา ตามมาด้วยเสียงของเสี่ยวเอ้อร์

“ท่านลูกค้าต้องการน้ำร้อนหรือไม่ขอรับ?”

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะยืนเร็วเกินไปและมึนงงอีกครั้ง พยายามเอ่ยขึ้นมา

“เข้ามา”

ประตูเปิดขึ้นดังเอี๊ยด เสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามาพร้อมกาน้ำ หลังจากเติมน้ำร้อนไปจึงยิ้มกลับไปที่ชายหนุ่ม

“ข้าเป็นเสี่ยวเอ้อร์อยู่ที่นี่มาสามปี ข้าไม่เคยเห็นใครดื่มสุราข้าวแล้วเมาเพียงแค่สองแก้ว เมื่อคืนไม่ว่าข้าจะปลุกท่านแค่ไหนก็ไม่ตื่น ข้าจึงพาท่านมาพักที่นี่ น้องชายดื่มไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นท่านจำเป็นต้องฝึกฝน ข้าได้ยินมาว่าข้าราชการของเมืองหลวงสามารถดื่มได้พันแก้วโดยไม่ล้มเชียวนะ”

ชายหนุ่มหันหน้าเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ เขาลุกขึ้นและคำนับฝ่ามือ “ขอบคุณพี่ชายที่ดูแล ข้าไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน แก้วแรกรู้สึกดีเยี่ยม แต่เมื่อ แก้วสองเข้าไปในท้อง ข้าก็เมาฟุบไปบนพื้น”

เสี่ยวเอ้อร์เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาและจากไปพร้อมกาต้มน้ำ หันกลับมามองและเอ่ยขึ้น “ท่านมาที่นี่เพื่อสอบเข้าราชการใช่หรือไม่? ตอนที่ท่านเมาเมื่อคืน ท่านพูดว่าท่านฝันว่ากลายเป็นเซียน ฮ่าฮ่า สิ่งที่ท่านพูดช่างน่าสนใจ หากท่านพอมีเวลาก็มาพูดคุยกับข้าได้ ฟังดูน่าสนุกยิ่ง”

เสี่ยวเอ้อร์เดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม ทางด้านชายหนุ่มมีใบหน้าแดงฝาดและส่ายศีรษะอย่างขมขื่น หลังจากเสี่ยวเอ้อร์จากไปจึงล้างหน้าด้วยน้ำร้อน และชำระล้างความเมาจากเมื่อคืน

เขาเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆ ที่มาพร้อมแสงแดด สายลมพัดใส่ใบหน้าให้ความรู้สึกดีๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องปล่อยลมหายใจยาว

เขายืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกพร้อมกับพึมพำ “หลังจากเมาเมื่อคืน ข้าฝันประหลาดมากและไม่ลืมเลย…”

“ความฝันนั้นสมจริงมากจนแทบแยกไม่ออก…มันเริ่มขึ้นเมื่อสามปีก่อนที่ลุงสี่มาถึง ข้าเข้าร่วมสำนักเหิงยั่ว…ฮี่ฮี่ ช่างน่าสนใจจริงๆ แต่ความฝันนั้นดูเหมือนยังไม่จบและข้าจำเรื่องการเข้าร่วมสำนักเหิงยั่วได้ สำนักเหิงยั่ว…สำนักแบบนั้นจะมีอยู่จริงได้อย่างไร จะมีเซียนได้อย่างไร? บัณฑิตแบบข้าไม่เชื่อเรื่องพลังของภูตผี ข่าวลือส่วนใหญ่เพื่อหลอกลวงคนกันทั้งนั้น” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ มองไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ จิตใจ ไร้เดียงสาของเขาเผยออกมาพลางสร้างผนึกขึ้นจากความทรงจำและชี้ไปที่ถ้วยชา

“วิชาแรงโน้มถ่วง!” ชายหนุ่มยิ้มและชี้ไปที่ถ้วยชา

ถ้วยชาไม่ขยับเคลื่อนไหวเลย มันแค่อยู่นิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มหัวเราะและพึมพำ “วิชาพวกนั้นช่างน่าสนใจมาก”

หลังเล่นอยู่สักพัก ชายหนุ่มขจัดความคิดและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เสื้อผ้า เงิน อาหารแห้ง ปากกา น้ำหมึกและหนังสือต่างอยู่ครบ จากนั้นเขาทำความสะอาดห้อง รอให้กลิ่นสุราหายไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน จากนั้นสวมกระเป๋า ไม้ไผ่ขึ้นบนหลังและเดินออกจากห้อง

เขาเป็นคนฉลาดตั้งแต่เด็ก ทว่าด้วยนิสัยอันเรียบง่ายและเติบโตขึ้นในหมู่บ้านใกล้ภูเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาจากบ้าน ท่านพ่อท่านแม่ส่งสายตาอ่อนโยนตามเขามาตอนที่ออกจากหมู่บ้าน เขาเหมือนนกน้อยที่กำลังสยายปีก

ห้องนี้สกปรกและเหม็นกลิ่นสุราก็เป็นเพราะเขา เขาทำความสะอาดมันแทนที่จะรอเสี่ยวเอ้อร์มาตามเช็ดให้

เขากินอาหารที่ชั้นล่างและจ่ายเงินไป จากนั้นยิ้มให้เสี่ยวเอ้อร์ก่อนจะออกเดินไปเผชิญกับแสดงอาทิตย์

แสงอาทิตย์ส่องไปบนร่างจนชายหนุ่มเป็นประกายไปด้วย เขาปลดปล่อยความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย หลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจเขา

เสื้อผ้าสะอาดและแต่งกายเรียบร้อยได้ทำให้เต็มไปด้วยพลังงาน เขาเดินบนถนนหลวง มองตรงไปข้างหน้าและเห็นเมืองหลวงของแคว้นจ้าวอยู่เลือนลาง

‘หวังหลิน เจ้าทำได้แน่! เมื่อข้าได้รับตำแหน่ง ข้าจะพาครอบครัวออกมาจากหมู่บ้าน ดูแลท่านจนแก่เฒ่า และทำให้พวกท่านมีความสุข’ ชายหนุ่มสูดหายใจลึกและก้าวเดินไป

สายลมเย็นๆ พัดผ่านนำพาเอากลิ่นหอมของดอกไม้เข้ามาหาเขา เสื้อผ้าของหวังหลินพัดพลิ้วไปตามสายลม เขาก้าวเดินออกไปเรื่อยๆ จากโรงเตี๊ยม

เสียงสุนัขเห่าล่องลอยไปตามสายลมและส่งเข้าไปในสถานที่บางแห่ง เสียงค่อยๆ บางเบาลงเรื่อยๆ

ชายหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีมักจะไม่รู้จักว่าความเหน็ดเหนื่อยคืออะไร ขณะที่หวังหลินเดินไปบนถนนหลวง สายตาเป็นประกาย กาลเวลาเคลื่อนผ่าน เขามักจะหยุดมองดูรอบๆ ภูเขาและป่าไม้ราวกับว่ามันร่มรื่นยิ่งนัก

แสงตะวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่หวังหลินก้าวเดินบนถนนอย่างสบายๆ ต้นไม้ใบหญ้าไม่หนาแน่นอีก ไม่นานจึงเผยให้เห็นแม่น้ำ

เสียงน้ำไหลล่องไปตามสายลม ในแคว้นจ้าวมีถนนหลวงหลายแห่งที่มีแม่น้ำตัดผ่าน

เช่นเดียวกับที่ด้านซ้ายหวังหลินตอนนี้คือภูเขา ด้านขวาห่างออกไปไม่ไกลคือแม่น้ำ มีเรือหลายลำกำลังล่องอยู่บนน้ำ

เส้นขอบฟ้าค่อยๆ มืดลง ก้อนเมฆสีดำเริ่มก่อตัว สายฟ้าดังสนั่นอยู่ไกลๆ แสงสายฟ้าแล่นเป็นประกายอยู่ภายในก้อนเมฆสีดำ ดูราวกับอสรพิษสีเงินไม่มีผิด

ท้องฟ้ากระจ่างสดใสในขณะกลางวัน แต่ก่อนที่กลางคืนย่างกรายเข้ามา ก้อนเมฆกลับเต็มไปด้วยท้องฟ้าและคาดเดาไม่ได้ ภูเขาสีเขียวไกลๆ กลายเป็นสีดำเพราะเหล่าก้อนเมฆ แม้ก้อนเมฆจะสีดำแต่ก็ไม่อาจปิดบังภูเขาได้สมบูรณ์

มองไกลๆ ดูราวกับภูเขาและก้อนเมฆกำลังต่อสู้กัน ภูเขาต้องการฉีกก้อนเมฆเป็นชิ้นๆ แต่ก้อนเมฆต้องการกลืนกินภูเขา ราวกับเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรและพยัคฆ์

นาทีนี้เสียงสายฟ้าดังกึกก้อง สายฝนเริ่มโปรยลงมา หวังหลินวิ่งไปหาต้นไม้และนำร่มออกมาจากกระเป๋าไม้ไผ่ ร่มคันนี้ท่านพ่อทำให้อย่างชำนาญและสามารถกางออกไปหนึ่งเท่า เมื่อเปิดขึ้นจึงไม่เพียงแต่จะปกคลุมกระเป๋าไม้ไผ่เท่านั้น แต่ยังปกคลุมร่างเขาที่อยู่ใต้ร่มไปด้วย

หวังหลินถือร่มอยู่ในมือขวา มองภูเขาไกลๆ ที่มีก้อนเมฆสีดำปิดยังไม่มิด เขามองสายฝนที่ตกลงพื้นดิน ตกลงบนใบไม้ ตกลงบนผิวน้ำ เกิดเป็นระลอกและตกลงบนเรือดังเปาะแปะ

“คนเฒ่าคนแก่ได้กล่าวไว้ว่า ก้อนเมฆดำเสมือนน้ำหมึกที่สามารถปกคลุมภูเขาได้ สายฝนสีขาวเสมือนลูกปัดกระโจนเข้าใส่เรือ…ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง” หวังหลินมองทุกอย่างและหัวเราะ

“บัณฑิตเช่นเจ้ากลายเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เจ้าเห็นสายฝนตกใส่เรือข้าและยังหัวเราะได้อีก น่าโกรธจริงๆ!” เสียงแจ่มใสดังออกมาจากเรือที่อยู่ใกล้ท่าจอด หัวเรือมีหญิงสาวน่ารักถือร่ม นางจ้องหวังหลินด้วยใบหน้ามืดมน ฝ่ามือละเอียดดุจหยกชี้มาที่เขา

หวังหลินตกตะลึงและหยุดเสียงหัวเราะ เกาศีรษะแกรกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version