Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1592

Cover Renegade Immortal 1

1592. ชีวิตเหมือนของเล่น ข้าเป็นใคร?

แม่นางโจวพยักหน้าเบาๆ และลุกขึ้นพร้อมฉีเฟย ขณะที่ทั้งสองกำลังจะจากไป นางหันกลับมามองหวังหลินราวกับต้องการแกะสลักรูปลักษณ์เขาไว้ในใจ

แม่นางโจวลังเลชั่วขณะ ฉีเฟยออกไปจากเรือแล้วและเหาะเหินด้วยวิชาแรงโน้มถ่วง

“พี่หญิง เราไปกันเถอะ” น้ำเสียงของนางดังผ่านสายฝนเข้ามา

นางมองร่างหวังหลินที่กำลังสั่นเทาและกองอยู่ในมุมห้อง จึงเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ ฝ่ามือเรียวงามสัมผัสกระเป๋าจนปรากฏเสื้อคลุมหนาๆ ในฝ่ามือ นางคลุมหวังหลินอย่างเบามือและพึมพำ

“มีชาติที่แล้วอยู่จริงหรือไม่กันนะ…” นางถอนหายใจและจากไป

สายฝนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

สายฝนตกลงบนเรือที่กำลังล่องอย่างโดดเดี่ยวในแม่น้ำ เปล่งสัมผัสมิอาจบรรยายได้ออกมา มันคือกลิ่นอายแห่งความโดดเดี่ยว…

ระลอกน้ำดังกระทบเรืออย่างต่อเนื่อง เรือค่อยๆ ล่องไปไกลเรื่อยๆ และค่อยๆ หายเข้าไปในกลางคืนอันโดดเดี่ยว มีเพียงแสงตะเกียงพัดไปมาในความมืด

มองไกลๆ เปลวไฟพัดไปมาจากเรือดุจใบไม้ล่องไปบนแม่น้ำอย่างโดดเดี่ยวจนสุดเขตความฝัน…

เสียงสายฝนกระทบเรือดังไปเรื่อยๆ แต่หวังหลินยังคงฝันหวานอยู่ในกระโจมเรือ

เสื้อคลุมบนตัวหวังหลินมีกลิ่นหอมเบาบางแตะจมูกและเข้าไปในความฝัน

“ฉีเฟย…ศิษย์พี่หญิงโจว…หวังจัว…หวังเฮ่า…จางฮู่…” หวังหลินพึมพำในความฝัน หากสองสาวยังไม่จากไปและได้ยินคำพูดของหวังหลิน ทั้งสองคงตกตะลึง!

แต่สองคนนั้นไม่ได้ยินเสียงเขาในตอนนี้

ความฝันของหวังหลินดุจอีกชีวิตหนึ่ง ในความฝันนั้นเขาเห็นฉีเฟยในสำนักเหิงยั่วและเห็นศิษย์พี่หญิงโจวอีกด้วย…บนภูเขาเหิงยั่วนั้นยังมีวิหคสีขาวบินผ่านไป…

หลังจากนั้นอีกสักพัก เพลิงเทียนเล่มเล็กจึงค่อยๆ มอดดับและเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด

สายฝนหยุดลงในยามเช้าตรู่ เส้นขอบฟ้าค่อยๆ ทอแสงแต่มันไม่ได้สลายความมืดไปอย่างสิ้นเชิง โลกใบนี้ยังคงหม่นหมองราวกับเป็นคนอารมณ์ขุ่นมัว

ฝนตกตลอดทั้งคืนทำให้แม่น้ำเพิ่มปริมาณขึ้นเล็กน้อย แม้จะสังเกตด้วยตาเปล่าได้ยากยิ่ง แต่ตรงท่าน้ำสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน

สายฝนตกลงบนพื้นดิน กลายเป็นดินโคลนไหลลงสู่แม่น้ำ เรือลำหนึ่งล่องไปบนแม่น้ำอย่างช้าๆและเข้าใกล้ท่าเรือขึ้นเรื่อยๆ

ท้ายที่สุดเรือก็ล่องไปบนดินโคลนตรงชายฝั่งและหยุดลง

ตอนที่เรือกระแทกใส่ชายฝั่ง ศีรษะของหวังหลินกระแทกใส่ผนังเรือในทันที เขาลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บปวดและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน อย่างไรก็ตามพอมองไปรอบๆ กลับไม่เห็นหญิงสาวสองคนก่อนหน้านี้เลย

เมื่อคืนราวกับฝันไป ร่างหญิงสาวงดงามสองคนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในใจหวังหลิน

‘เป็นภาพมายาหรือนี่…’ หวังหลินสับสนและมองดูผ้าคลุมที่ปกคลุมตัวเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นของหญิงสาว เขาค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

อย่างไรก็ตามในความคิดเขา นอกจากร่างหญิงสาวสองคนนั้น มันเหมือนกับฝันไปจริงๆ เขายังเห็นหญิงสาวสองคนในความฝันเมื่อคืนด้วย

ทั้งหมดนี้ทำให้หวังหลินงุนงงอย่างมาก แท่งเทียนดับไปนานแล้ว ทำให้ข้างในกระโจมเรือแทบมองไม่เห็น

หลังผ่านไปสักพักหวังหลินเดินออกมาจากกระโจมเรือ มองดูโลกหม่นหมองในตอนนี้ รอบด้านมีหมอกสลัวจนเขามองเห็นได้ไม่ไกล สายลมพัดผ่านทั้งยังหนาวเย็น ทำให้เขาได้กลิ่นดินกลิ่นทราย จึงปล่อยลมหายใจยาว

‘เป็นไปได้ว่าข้าฝันจริงๆ…’ หวังหลินยืนอยู่ตรงหัวเรือ หลังจากฝนหยุดตก บริเวณนี้ก็เงียบสนิท ความเงียบทำให้หวังหลินราวกับอยู่คนเดียวในโลกนี้

พอมองไปรอบๆ หวังหลินรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวแผ่ออกมาจากร่างเขาโดยไม่รู้เหตุผล ขณะที่มองไปบนท้องฟ้า สัมผัสความโดดเดี่ยวยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

สายลมพัดผ่านทำให้เส้นผมสีดำของเขากระพือไปด้านหลัง สายลมกลับไม่สามารถเพิ่มความหนาวบนเสื้อผ้าของเขาได้

‘หนาวนิดๆ…’ หวังหลินก้มศีรษะ ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวถึงผุดขึ้นมารุนแรงขนาดนี้ ความโดดเดี่ยวทำให้เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงทุกอย่าง

และสตรีผู้ที่เขาไม่มีวันลืมคนนั้น…

ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นรวมกันอยู่ในร่างเขาและทำให้หยาดน้ำตาสองสายไหลรินลงมา

‘ทำไมข้าถึง…ร้องไห้…’ หวังหลินเงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเหมือนสายฝน สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจซึ่งแม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวเอง…

‘เกิดอะไรขึ้นกับข้า…’ หวังหลินก้มศีรษะและนั่งลงโดยไม่สนพื้นเปียกๆบนเรือ

ความสงบยามรุ่งสาง หยาดน้ำตาไหลรินเข้าผสานกับพื้นเปียก

ความรู้สึกที่เหมือนมีเขาอยู่คนเดียวในโลกช่างเป็นสิ่งที่คุ้นเคย ราวกับเขารู้สึกแบบนี้มานานแล้วและลิ้มรสความโดดเดี่ยวด้วยตัวเอง

หวังหลินค่อยๆ เข้าสู่ภวังค์ราวกับมีนรกอยู่เบื้องหน้า นรกแห่งนี้มีพลังดึงดูด ที่สามารถลากท้องฟ้าลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลึกเข้าไปในนรกมีรอยแตกและมีร่าง โดดเดี่ยวผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างใน

สถานที่แห่งนั้นช่างเงียบสงัด มีเพียงแต่เสียงดึงดูดอยู่เท่านั้น ร่างโดดเดี่ยว หันแผ่นหลังเข้าหาเขา แม้หวังหลินจะมองไม่เห็นใบหน้าได้ชัดเจน แต่เขาสัมผัสความโดดเดี่ยวและความเศร้าแผ่ออกมาด้วย

ในภวังค์ เขาเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีขาว เรือนผมสีขาวกำลังเดินข้ามผ่านดวงดาวอย่างเงียบงัน เรือนร่างนั้นเปล่งสัมผัสความโดดเดี่ยวอ้างว้างออกมาเช่นกัน

พอเห็นไปหลายอย่าง หยาดน้ำตาค่อยๆไหลริน ความเศร้าโผล่ออกมาจากดวงวิญญาณและโลกใบนี้ ราวกับโลกนี้คือวิญญาณเขา คือความฝันของเขา วินาทีนั้นเขาค้นพบว่าความรู้สึกเงียบสงบและโดดเดี่ยวอยู่ที่นี่

ภายใต้ท้องฟ้าสีหม่น หวังหลินมองดูแม่น้ำอย่างยาวนาน…เหลือเกิน…

จนกระทั่งสายลมหนาวพัดมาอีกครั้งทำให้เขารู้สึกเย็นวาบ เมื่อนั้นเขาเลื่อนแขนซ้ายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและชี้ใส่แท่งเทียนห่างออกไปไม่ไกล แท่งเทียนค่อยๆ ถูกจุดขึ้นมา

หวังหลินไม่ได้ทำไปโดยไม่รู้ตัว สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความเสียใจที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าราวกับอยู่มาชั่วนิรันดร์

ในความเงียบสงบและหม่นหมองแห่งนี้ แท่งเทียนค่อยๆ จุดขึ้นพลันกะพริบไปทั่วบริเวณ แม้จะอ่อนแรงแต่กลับส่งความอบอุ่นขึ้นด้วย

มองไกลๆ ร่างหนึ่งบนเรือส่งสัมผัสความอ้างว้างโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่เวลาผ่านไป ท้องฟ้าส่องสว่างขึ้น ความมืดมิดถูกขจัดออกไปจากผืนดิน แม่น้ำและบนเรือ รอบด้านค่อยๆ ชัดเจนและสิ่งที่เห็นอยู่ไกลยิ่งชัดเต็มสองตา

มีเพียงก้อนเมฆสีดำที่ยังคงเคลื่อนผ่านท้องฟ้า วิหคตัวหนึ่งราวกับจุดสีดำได้ล่องลอยออกมาจากภูเขาและพุ่งเข้าไปในก้อนเมฆสีดำ หลังจากทะลุผ่านไป มันบินวนอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนจะบินมาหาหวังหลิน

วิหคบินเข้ามาใกล้ในเวลาไม่นาน หวังหลินเงยศีรษะขึ้นไปมองวิหคตัวสีขาว ดูเหมือนมันจะมองลงมาที่หวังหลิน หวังหลินสังเกตร่องรอยแห่งความเศร้าออกมาได้ นั่นทำให้เขาตกตะลึงพร้อมกับเจ้าวิหคหายวับออกไปไกล

พอวิหคหายไป ความเศร้าในใจหวังหลินจึงจางหายอย่างช้าๆ เปลวเพลิงบนเทียนค่อยๆ มอดดับ

‘เกิดอะไรขึ้น…กับข้า’ หวังหลินดูเหมือนจะตื่นขึ้นจากภวังค์และจ้องมองหยดน้ำตาที่ยังอยู่บนนิ้ว เขาเฝ้ามองหยดน้ำตาร่วงหล่นลงมา

ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงยืนขึ้น เก็บของด้วยความงุนงงและความเศร้ามิอาจอธิบาย เขาเก็บเสื้อคลุมไว้ในกระเป๋าและเดินออกจากเรือ

วินาทีที่เดินออกไปจากเรือ เขามองกลับไปที่เรือก่อนจะเดินออกห่างไปไกล

ทว่าจังหวะนั้นเอง เสียงหอนดังออกมาจากก้อนเมฆไกลๆ เสียงดังสนั่นขึ้น หวังหลินมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวและเห็นฉากเหตุการณ์เกินจินตนาการ

ลำแสงหลายเส้นคล้ายแทงทะลุผ่านสวรรค์กำลังกะพริบอยู่ในก้อนเมฆสีดำ หนึ่งในลำแสงนั้นพลันหยุดลงด้านบนหวังหลิน เผยเป็นสตรีชุดสีฟ้า นางมองลงมาและพบกับสายตาของหวังหลิน

“เอ๋…” แววตาผุดความสงสัย

ชายหนุ่มหล่อเหลาเดินออกมาจากลำแสงอีกสายพลางเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรหรือ ศิษย์น้องหลิว?”

“ไม่มีอะไร ข้ารู้สึกเหมือนเคยเจอบัณฑิตผู้นั้นที่ไหนสักแห่งมาก่อน…” นางส่ายศีรษะและทะยานออกไปไกล

“แค่คนธรรมดา เราควรรีบไปพบอาจารย์และไปสถานที่ที่มีแสงสีทองปลดปล่อยออกมาเถอะ” ชายหนุ่มมองหวังหลินก่อนจะถอนสายตาและมองหญิงสาว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version