Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1609

Cover Renegade Immortal 1

1609. คำถามในฝัน

มีคำกล่าวโบราณหนึ่งได้อธิบายความสวยงามของหญิงสาวตอนที่นางหันมาและยิ้มเอาไว้ ทว่าสตรีชุดขาวผู้นี้ไม่ได้ยิ้ม ดังนั้นฉากเหตุการณ์นี้จึงมีรสชาติแตกต่างกัน

สายตาคู่นี้ไม่คุ้นเคยยิ่ง

สายตาของสตรีชุดขาวกวาดผ่านหวังหลินแต่ไม่ได้เกิดความคุ้นเคยอันใด ราวกับนางกำลังมองคนแปลกหน้า

นางถอนสายตาออกมาก่อนจะหันตัวและทะยานออกไปไกล

หวังหลินยืนจ้องนางด้วยความตกตะลึงจนกระทั่งเขาไม่เห็นนางในระยะสายตาอีก

สายตาที่หันกลับไปทำให้นึกย้อนถึงอดีตที่ผ่านเลยมา…

หวังหลินหลับตา ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ

‘ในชีวิตข้า คนทั้งหมดที่ข้าพบเจอล้วนแฝงความคุ้นเคย…โจวลี่ก็เช่นกัน ฉีเฟยก็เป็นแบบนั้น หลิวเหมยก็ด้วย…’

‘สิบเก้าปีตั้งแต่ข้าออกมาจากแคว้นจ้าว เหล่าเซียนทั้งหมดที่ข้าเห็นในความฝันต่างให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน…’

‘มีเพียงนางคนเดียว เพียงแค่นางคนเดียว…’

ใบหน้าหวังหลินแก่ขึ้นเล็กน้อย เขาเอนหลังพิงกับต้นไม้และลืมตาขึ้นมา สายตาเผยความสับสนแต่เห็นได้ชัดว่ามีความเข้าใจอันซับซ้อน

หวังหลินเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขมขื่น

เขาไม่รู้ว่าเดินไปไกลแค่ไหน เขามิอาจเห็นตะวันขึ้นหรือตกดิน เขาไม่ได้ทิ้งรอยเท้าใดเอาไว้ในแคว้นฮัวเฝิน แต่เขาเดินไปไกลขึ้นและไกลขึ้นเรื่อยๆ

วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า…

แววตาซับซ้อนในตายิ่งรุนแรงแต่เขายังคงสับสนกับความจริงที่รับรู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเชื่อ แต่เขารู้สึกเหมือนยังมีความไม่จริงอยู่ แม้แต่เขาก็ไม่เชื่อตัวเอง

จากนั้นในวันหนึ่งหรือปีหนึ่ง ภูเขาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!

เป็นภูเขาไฟที่มอดไปแล้ว บางทีในอดีตของมันคงส่งเสียงและพ่นสายลาวาออกมามากมาย

แต่ตอนนี้มันมอดดับไปแล้ว

พื้นดินเต็มไปด้วยหลุมบ่อและก้อนหินสีดำกระจัดกระจายไปทุกที่ กลิ่นอายแห่งความตายห่อหุ้มบริเวณและไม่มีร่องรอยของคนมาหลายร้อยปี

หวังหลินหยุดอยู่ใต้ภูเขาไฟลูกนี้ จ้องมองภูเขาด้วยความสับสน ผ่านไปสักพักแววตาสับสนงุนงงได้หายไป ร่างกายสั่นเทาและถอยร่นโดยไม่รู้ตัว

‘เป็นลูกนี้หรือ…’ หวังหลินคุ้นเคยกับภูเขาลูกนี้ มันคือภูเขาเดิมกับที่ประทุขึ้นมาในภาพลวงตาที่เขาเห็นบนท้องทะเล!

รอยแตกร้าวสองรอยเหมือนมังกรขนดสองตัวพัวพันกันดุจอักขระที่คงอยู่ไป ชั่วกาลนาน ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์บอกถึงภูเขาลูกนี้!

หวังหลินมองไปที่ภูเขา เขาไม่หลอกตัวเองอีกต่อไปและไม่ปิดบังสิ่งที่คิดมานาน ภาพจากท้องทะเลได้ทับซ้อนกับสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้

ภาพมายาเหนือทะเลและความจริงเบื้องหน้าเขาก่อตัวเป็นพลังที่มองไม่เห็น พุ่งเข้าสู่ร่างกาย ความคิดสั่นสะท้าน พลังสายนี้ปัดเป่าสิ่งที่เขาหลอกตัวเองมามากกว่าห้าสิบปี เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับตัวเองและโลกใบนี้!

‘ตอนนั้นข้าน่าจะเข้าใจ…แต่ข้าไม่อยากเชื่อ หวังหลิน เจ้าก็เหมือนกัน ข้าหลอกตัวเอง แต่เจ้าลืมไปว่าข้าก็รู้วิธีหลอกลวงเช่นกัน…เจ้าโกหกตัวเอง แต่เจ้าจะหนีตัวเองได้จริงหรือ…’ หวังหลินชี้ไปที่ภูเขาไฟและหัวเราะ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความเศร้า

‘นางแค่คนเดียว…นางไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยกับข้า แค่สายตานั้นก็ประหลาดแล้ว… หวังหลิน อาา หวังหลิน หากข้าในวันนี้มาจากชาติที่แล้วและข้าในชาติหน้าจะได้อยู่กับลี่มู่หวาน เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้ากลับมาตัดเวรรมกับลี่มู่หวานหรือ…’

‘หากข้าในวันนี้คือการกลับชาติมาเกิดใหม่ เช่นนั้นข้าในท้ายสุดคือลบตัวตนของลี่มู่หวานออกไป ปล่อยนางไปเพื่อให้เรากลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน…’

‘หากข้าในวันนี้คือความฝัน และข้าในความฝันที่เป็นเซียนคือชีวิตจริง เช่นนั้นข้าที่กำลังหลับใหลอยู่ต้องการให้ลี่มู่หวานลืมข้าในความฝันเพียงเพราะความเศร้าของตัวเอง…’

‘ทั้งหมดนี้เพื่ออนาคตหรือไม่ เพื่อเกิดใหม่ครั้งหน้าหรือไม่ หรือเพื่อตื่นสู่โลก แห่งความเป็นจริง ทางไหนนางก็ไม่ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดที่กำลังรออยู่ ไม่ต้องเอาตัวรอดในฐานะวิญญาณแรกกำเนิดที่เสียหาย และไม่ต้องมีชีวิตดุจคนตายไปมากกว่าสองพันปี’

‘ปล่อยให้นางมีความสุขก่อนมาเจอข้าเพื่อให้นางจะได้มีชีวิตที่สงบสุข? นางอาจจะมีคู่ฝึกฝนเซียน แต่คงไม่ใช่เซียนชื่อหวังหลินที่ทำให้นางต้องรอ…’

‘เป็นเช่นนั้นหรือ…’ หวังหลินหัวเราะ เสียงหัวเราะมีน้ำตาไหลออกมา

ยิ่งเขาเข้าใจก็ยิ่งรู้เรื่องทุกอย่างในโลกนี้ มองทะลุชีวิตและความตาย และความจริงเท็จที่ปกติทำให้ผู้คนสับสน แต่ในตอนนี้เขารู้สึกแต่เพียงความเจ็บปวดที่ทำให้หัวใจบิดเบี้ยว

‘หวังหลิน เจ้าจะทำแบบนี้จริงหรือ…เจ้ายอมปล่อยให้นางลืมตัวเองจริงหรือ.. .เจ้าอยากให้คนอื่นตัดเวรกรรมที่อยู่กับเจ้ามามากกว่าสองพันปีจริงๆ หรือ?’ เสียงของหวังหลินฟังดูโศกเศร้า

“ข้าผ่านชีวิตนี้ไปมากมาย ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับเวรกรรม เวรกรรม…เวรกรรม…หวังหลิน เจ้ามองมันไม่ออก! แม้เจ้าจะฝึกเซียนไปตลอดชีวิต แม้ระดับบ่มเพาะของเจ้าจะน่าตกตะลึงแค่ไหน แม้เจ้าจะเป็นผู้ปกครองโลกนี้ เจ้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า เวรกรรมคืออะไร!”

‘เจ้ากลืนกินผลไม้เต๋าไปสามผลและกลับคืนสู่เมื่อสองพันปีก่อนด้วยวิชาเต๋าความฝัน เจ้าใช้ความคิดของตัวเองพร้อมกับเจตนาแห่งเต๋าอันซับซ้อนและพลังจากวิชาเต๋าความฝันเพื่อสร้างโลกใบนี้ขึ้นจากความทรงจำ!’ หวังหลินเอนเอียงและนั่งลงบน ก้อนหิน เส้นผมสยายไปทุกที่ราวกับเขาเป็นบ้า

‘เจ้าสร้างโลกใบนี้ ทุกอย่างที่นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้น เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่รู้? คิดจริงๆ หรือว่าข้ามองมันไม่ออก!’ เสียงหัวเราะของหวังหลินเจือปนด้วยความโศกเศร้า

‘เจ้าสร้างทุกอย่างขึ้นมาสมจริงมาก เจ้าสร้างทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบเกินไป เจ้าได้เรียนรู้เต๋าแห่งการหลอกลวงของหลิวจินเปียวและหลอกตัวเองให้ลืมไปว่าทุกอย่างนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่วิชาเต๋าความฝัน…แต่เจ้าประเมินข้าต่ำไป เจ้าประเมินตัวเองต่ำไป!’

‘เจ้าคือหวังหลิน จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึก ระดับบ่มเพาะฝืนลิขิตสวรรค์และ เจ้าสามารถสังหารเซียนขั้นที่สามได้ก่อนจะบรรลุขั้นที่สาม เจ้าเอาชีวิตรอดในหายนะแห่งความเป็นความตายและกำลังจะเข้าสู่ดินแดนดับสูญของเหล่าเซียนขั้นที่สาม!’

‘แต่ข้าก็เป็นหวังหลินเช่นกัน แม้ข้าไม่ได้ฝึกเซียน ข้าเข้าใจโลกและเข้าในความจริงของมัน ข้าไม่กลัวเทพหรือปีศาจ แม้เจ้าจะอยู่เบื้องหน้าข้า แล้วอย่างไรเล่า?’

‘เจ้าหลอกตัวเองและจมดิ่งตัวเองไปในโลกที่เจ้าสร้างขึ้น เจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้ด้วยพลังอำนาจของผลไม้เต๋าทั้งสามจะทำให้เจ้าสามารถสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาและเกิดใหม่ด้วยการสร้างวัฏจักรแห่งเวรกรรมพวกนี้ขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง!’

‘ข้าจะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?’

‘เจ้าอยากพบมหาบัณฑิตที่เป็นคนทำให้เจ้าเข้าใจโลก ดังนั้นซูต้าวจึงปรากฏตัวขึ้น…เจ้าต้องการตัดเวรกรรมกับหลิวเหมย ดังนั้นข้าจึงพบนางสองครั้งและนางได้มอบ เม็ดยาให้!’

‘ก่อนที่เจ้าใช้วิชาเต๋าความฝัน เจ้าได้ยินเรื่องผีเสื้อสีแดง ดังนั้นเจ้าจึงนำเรื่องเกี่ยวกับนางเข้าไปในความฝันด้วย เจ้าใช้ความฝันของตัวเองเพื่อเสร็จสิ้นเวรกรรม’

‘เจ้ารู้เรื่องเนี่ยนเทียนและสำนักหลอมวิญญาณ ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่าควรจะเสร็จสิ้นเวรกรรมนั้นไปด้วย เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? ตอนแรกข้าไม่เข้าใจและข้าก็สับสน แต่ตอนที่ข้าพบเจอต้าฝูและเห็นแสงที่เรืองออกมาจากแขนขวาตอนที่ไฟดับ ข้าจึงรู้!’

‘ข้าหลอกตัวเอง ข้าไม่ได้ทำให้ตัวเองคิดมากเกินไป แต่ว่าผ่านไปมากกว่าห้าสิบปีและข้าได้หลอกตัวเองไปมากกว่าห้าสิบปี วันนี้เข้าไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว!’

‘เจ้าคิดว่านี่คือเวรกรรม…ข้าจะบอกเจ้าว่าเจ้าคิดผิด เจ้าผิดอย่างสิ้นเชิง ข้าไม่สนเรื่องคนอื่น แต่เจ้าต้องการตัดเวรกรรมกับลี่มู่หวาน ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้!’

‘เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องดีสำหรับตัวนาง เพื่อให้นางไม่รู้สึกเจ็บปวดและให้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องหลอกลวง! ความจริงคืออะไร ความไม่จริงคืออะไร เจ้ารู้น้อยกว่าข้า! ทำไมเจ้าไม่เข้าใจเล่า!? ทำไมเจ้าไม่ตื่นขึ้นมา?!’

‘เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถตัดขาดได้ แต่เจ้าตัดมันได้หรือไม่? เจ้าตัดขาดมันได้หรือไม่?!?!’ หวังหลินร้องคำราม

ขณะที่ส่งเสียงคำราม โลกเกิดเสียงดังลั่น สายฟ้านับไม่ถ้วนดังกึกก้องและแสงไฟกะพริบวาบ ปกคลุมท้องฟ้าราวกับสรวงสวรรค์กำลังกริ้วโกรธ

วังวนยักษ์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า วังวนหมุนเป็นวงกลมราวกับต้องการฉีกโลกให้เป็นชิ้นๆ ข้างในวังวนผุดความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด

ในความว่างเปล่านั้นมีแสงสีแดงหนึ่งกำมือ ภายในแสงมีร่างที่นอนหลับตาอยู่สองคน หนึ่งในนั้นพยายามลืมตาขึ้นมาราวกับเสียงคำรามของหวังหลินเข้ากระหน่ำวิญญาณเขาและเผยสัญญาณการตื่น

‘เจ้าตัดขาดมันไม่ได้!’ หวังหลินยกแขนขวาชี้ไปที่วังวนในท้องฟ้า เส้นผมสีขาวพลิ้วไหว พลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหาท้องฟ้า

‘ในเมื่อเจ้าตัดขาดไม่ได้ ก็อย่ามาแทรกแซงข้า สิ่งที่เจ้าเรียกว่าเวรกรรมเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาข้า!’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ สายฟ้าส่งเสียงคำราม วังวนค่อยๆหยุดหมุน วังวนกลายเป็นเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเปลี่ยนกลายเป็นจุดสีขาวซึ่งก็คือวิหคสีขาว มันหมุนวนในท้องฟ้าอยู่สักพักก่อนจะบินจากไป

หวังหลินเข้าใจทุกอย่างมานานแล้ว เขาคือ มหาบัณฑิต เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

‘เวรกรรมคืออะไร ชีวิตและความตายคืออะไร จริงเท็จคืออะไร? ข้ามาที่นี่เพราะสามคำถามนี้ ไม่มีใครเข้าใจมากกว่าข้า ตั้งแต่วันนี้ต่อไป ไม่ว่ามันจะเป็นผลไม้เต๋า ความทรงจำ หรือโลกหลอกลวงใบนี้ อย่ามาแทรกแซงข้า!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version