1646. ดื่มกับซือถู
หลังจากนั้นหนึ่งวัน หวังหลินจึงออกมาจากแดนสวรรค์โบราณพร้อมกับ คำสาบานจากสี่ขุนพล
แดนสวรรค์โบราณสามารถเข้าหรือออกได้ผ่านรอยแยกที่เกิดขึ้นจากทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น รอยแยกนี้เป็นส่วนหนึ่งของผนึกของแดนสวรรค์โบราณ คนที่มีสายโลหิตจากแผ่นดินเซียนดาราจะรับรู้ว่าการออกมาผ่านรอยแยกเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เว้นแต่จะร่วมมือกันส่งคนเพียงคนเดียวออกมาเหมือนกับที่ทำกับจ้าวดินแดนปิดผนึก
บางทีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าอาจเป็นสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับที่นี่!
ก่อนที่จะเข้าไปในแดนสวรรค์โบราณ หวังหลินคาดการณ์ไว้หลายอย่าง แต่ออกมาตอนนี้ เขาเข้าใจขึ้นหลายอย่าง หลังจากก้าวออกมาจากรอยแยก หวังหลินหันกลับไปดูมันกำลังปิดลงอย่างช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจ
หวังหลินมองอวกาศเบื้องหน้า เป็นครั้งแรกที่อวกาศแห่งนี้ดูไร้ตัวตนราวกับไม่มีอยู่จริงๆ
หวังหลินไม่สามารถบอกคนอื่นได้ว่าดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของถ้ำเท่านั้น แม้เขาจะบอก แต่ก็มีน้อยคนที่จะเชื่อเขา และส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นบ้า
พอมองดาราจักรแห่งนี้ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
ด้านนอกดาวซูซาคุ ก้อนเมฆทัณฑ์สวรรค์ได้หายไปนานแล้ว เหล่าเซียนหลายพันคน รวมถึงซือถูหนานและคนอื่นๆ ต่างก็กำลังรอคอยการกลับมาของหวังหลิน
เมื่อพวกเขาเห็นร่างหวังหลินปรากฏตัว พวกเขาเริ่มส่งเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง แววตาของเซียนหลายพันคนมีแต่สายตาสรรเสริญพร้อมกับเรียกชื่อหวังหลินออกมาว่า “จ้าวดินแดนปิดผนึก”
พอฟังคำพูดของพวกเขา หวังหลินขบคิดเงียบๆ อีกครั้ง ค่อนข้างรู้สึกสับสน
‘จ้าวดินแดนปิดผนึก… จ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อนเป็นเพียงตัวหมากของราชันย์เทพ เขาไม่ใช่คนจากดินแดนชั้นในเพราะมีสายโลหิตเทพและมาจากแผ่นดินเซียนดารา… เขาไม่ได้มาที่ดินแดนชั้นในเพื่อช่วยเหลือแต่เพื่อวางแผนการทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อราชันย์เทพ… เขาไม่ใช่คนที่มีความคิดยืดหยุ่น บางทีตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาคงรู้สึกเมตตาต่อคนที่นี่และเกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้ขึ้น…’
‘อย่างไรแล้ว สุดท้ายเขาก็ไม่คนของที่นี่ เขาเป็นคนนอก…’
คลื่นเสียงตะโกนรู้สึกเหมือนพวกเขาห่างไกลจากหวังหลินมากจริงๆ หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้วหวังหลินจึงรู้สึกสับสนกับชื่อตำแหน่งจ้าวดินแดนปิดผนึก
การขบคิดเงียบๆ ของเขาจึงค่อยๆทำให้เซียนหลายพันคนสังเกตเห็น เสียงร้องตะโกนค่อยๆ หายไปและสายตาจับจ้องไปยังหวังหลินที่เดินเข้ามา
หวังหลินมองใบหน้าหลายคนตรงหน้า หัวใจรู้สึกขมขื่น เขาต้องการบอกทุกคนว่า ‘พวกเจ้าทั้งหมดเพียงแค่อาศัยอยู่ในถ้ำ ท้องฟ้าที่เห็นไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆ พื้นดินที่เราเห็นก็ไม่ใช่พื้นดินจริงๆ’
‘การต่อสู้ระหว่างดินแดนชั้นนอกของเราเป็นเพียงแผนการของคนอื่นเท่านั้น แม้แต่วิชาและเต๋าที่เราบ่มเพาะล้วนเป็นเรื่องเท็จทั้งหมด’
‘ทุกอย่างเป็นเรื่องเท็จ ไม่มีอะไรเป็นจริง’
สิ่งเดียวที่เป็นจริงคือสายโลหิต ความเจ็บปวดและซากศพกองเท่าภูเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น
แต่เขาจะพูดออกมาได้อย่างไร? ไม่มีทางที่เขาจะบอกเหล่าสหายเซียนเหล่านี้ถึงความจริงอันโหดร้าย
ตอนนี้หวังหลินพลันคิดถึงจิตวิญญาณแตกสลายจากโลกเจ็ดล้าน เขาพลันรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกันกับจิตวิญญาณแตกสลายเพราะประสบการณ์ที่สัมผัสได้ช่างคล้ายคลึงยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแตกสลายนั้นโชคดีกว่าหวังหลิน เพราะเขาเชื่อว่าได้ออกมาเจอโลกความจริงและออกไปจากโลกจอมปลอม
ความเงียบและความสับสนของของหวังหลินได้ถูกซือถูหนานสังเกตเห็นจนทำให้เขางงงันไปด้วย เขาไม่เข้าใจว่าหวังหลินเจออะไรในรอยแยก ตอนเข้าไปนั้นช่างมี จิตวิญญาณสูงส่ง แต่ตอนนี้กลับหดหู่อย่างเห็นได้ชัด
หวังหลินเดินมาเงียบๆ และมาถึงข้างซือถูหนาน แววตาสับสนดูเหน็ดเหนื่อยและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ซือถู ท่านมีสุราหรือไม่? ข้าอยากเมาอีก…ครั้งสุดท้าย…”
“ข้ามี!” ซือถูหนานไม่ถามว่าทำไมและพยักหน้าแทน
“หากเจ้าต้องการดื่มสุรา เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
….
ณ ภูเขาไร้ชื่อบนดาวซูซาคุ หวังหลินและซือถูหนานนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองเฝ้าดูท้องฟ้าอันมืดมิดและดื่มสุราอย่างเงียบๆ
ไม่มีใครเข้ามาขัดขวางพวกเขา เหล่าเซียนหลายพันคนนั่งอยู่บนดาวเคราะห์ และฝึกฝน พวกเขากำลังรอให้หวังหลินลงจากภูเขา รอให้หวังหลินพาพวกเขาไปที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า เพื่อช่วยดาราจักรทุกชั้นฟ้าและปกป้องดินแดนชั้นใน!
“ซือถู ผู้คนมีชีวิตไปทำไม…” หวังหลินจิบสุรา สายตาสับสนยิ่งกว่าเดิม
“ก็เพื่อหายใจไงเล่า!” ซือถูขบคิดเงียบๆ และวางขวดสุราในมือลง เขามองท่าทีของหวังหลินและขมวดคิ้ว จากนั้นเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้นในรอยแยกนั่น?”
หวังหลินส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาหยิบขวดสุราขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่
“ท่านจำตอนที่เราเมาเมื่อหลายปีก่อนได้หรือไม่?” หวังหลินมองซือถูหนานและนึกถึงอดีต
“ครั้งนั้น ข้าเมามายตอนที่ข้าตกอยู่ในอาการสับสน ข้าไม่ต้องการฝึกเซียน ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าต้องฝึก การฝึกเซียนมีแต่เรื่องที่ไม่มีความสุข… มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยและเสียงร้องไห้ไปไม่จบไม่สิ้น ข้าสังหารผู้คนไปเยอะมาก ข้าสังหารไปเยอะมาก…” หวังหลินเริ่มหัวเราะพลางดื่มไปอีก
“ครั้งนั้น ข้าบอกท่านว่าข้าไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงฝึกเซียน เพื่อมีชีวิตที่ยืนยาวหรือ? แต่มีชีวิตยืนยาวไปเพื่ออะไร? ทั้งหมดนั่นก็เพื่อเฝ้าดูผู้คนรอบตัวแก่ชรา เฝ้าดูคนรักตายจากไป เห็นสหายหลับตาลง ท้ายที่สุดสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือหัวใจที่ตายด้าน!”
“ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้น จะมีชีวิตยืนยาวไปเพื่ออะไรกัน? ซือถู ท่านพาข้าเข้ามาในโลกแห่งเซียน บอกข้าทีว่าชีวิตอันยืนยาวนี้มีไว้ทำไม?” หวังหลินดื่มสุราไปหมดขวดและโยนไปข้างๆ
“เหล่าเซียนไม่จำเป็นต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึก… ตอนที่เราอยู่บนดาวซูซาคุและเจ้าเพิ่งจะเริ่มบ่มเพาะ เจ้าไม่อยากละทิ้งครอบครัวไป ไม่อยากตัดสายใยทางโลก เจ้าไม่ต้องการตัดพวกเขาออกไป… นี่คือคำตอบที่ข้าตอบเจ้า”
“ในเมื่อเจ้าไม่สามารถตัดขาดมันและไม่ต้องการตัดขาด เจ้าจะรู้สึกเจ็บปวดเป็นธรรมดา เมื่อใดที่เจ้าตาย เมื่อนั้นก็คงไม่สำคัญอะไรนัก แต่เมื่อเจ้าไม่ตาย เจ้าบ่มเพาะไปอีกสองพันปีและบรรลุระดับนี้ขึ้นมาได้ จึงเป็นเหตุที่เจ้าสับสน ทำไมเจ้าถึงถามข้าว่าชีวิตที่ยืนยาวคืออะไร!”
“ความยั่งยืน ความยืนยาว ไม่มีอยู่ในชีวิตนี้ ที่เรียกว่าอายุยืนก็เพื่อให้ตัวเจ้าเองมีชีวิตยาวนานขึ้น เพื่อให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้เจ้าเป็นอิสระจนไม่มีใครสามารถสั่งการเจ้าได้”
“เราทั้งหมดต่างกลัวตาย เราไม่อยากตาย เราหวังให้มีชีวิตยืนยาว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่เข้าใจ!”
ซือถูหนานดื่มหมดขวดและโยนขวดเหล่านั้นไปข้างๆ ก่อนจะตะโกนใส่หวังหลิน “ดูเจ้าสิ เจ้าเห็นอะไรในรอยแยกนั่น บอกข้ามา!”
“สูงสุด… ข้าไม่ได้บรรลุระดับสูงสุด แม้ข้าจะบรรลุสูงสุด แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่เหมือนกับท่าน ข้าไม่เคยต้องการฝึกฝน ตอนข้าเยาว์วัย ข้าทำลงไปเพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่ผิดหวังในตัวข้า ข้ากัดฟันและเข้าสู่สำนักเหิงยั่ว!”
“แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? โชคชะตาเล่นตลกกับเรา ข้าบ่มเพาะเพื่อท่านพ่อ ท่านแม่ แต่ท้ายที่สุดทั้งสองท่านก็จากไป จากนั้นข้าบ่มเพาะเพื่อแก้แค้น ข้ากลายเป็นปีศาจร้ายและสังหารตระกูลเถิงทั้งหมด สายโลหิตหลั่งไหลไปดุจสายน้ำ!”
“หลังจากแก้แค้นได้ ข้าเกิดความสับสน ข้าเฝ้าดูต้าหนิวเติบโตขึ้นและเฝ้าดูครอบครัวของเขาตายจาก ข้าเฝ้าดูทั้งชีวิตของเขา ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอะไร ข้าไม่รู้ว่าเส้นทางของข้าอยู่ตรงไหน…”
“จนกระทั่งหวานเอ๋อร์ตายจึงทำให้ข้าเริ่มฝึกฝนเพื่อชุบชีวิตนาง…”
“ข้าอยากกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้นและเอาตัวรอดได้ ข้าไม่อยากตายก่อนที่หวานเอ๋อร์จะตื่น ข้าต้องการนำชีวิตของนางกลับมาจากโชคชะตา จากนั้นข้ากลายเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก ข้ากลายเป็นคนมีชื่อเสียงท่ามกลางการรบระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก”
“ข้าไม่ต้องการอะไรพวกนี้เลย มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ! ข้าไม่ได้ต้องการกลายเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก ข้ายังไม่ต้องการ!” หวังหลินมองซือถูหนานและหยิบขวดสุราขึ้นมา ดื่มไปครึ่งขวดจนน้ำสุราไหลออกมาจากมุมปาก
“เจ้า!” ซือถูหนานมองหวังหลินและเห็นแววตาสับสนของเขา ซือถูไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดออกมาได้ จึงได้แต่ถอนหายใจและเริ่มดื่มด้วยความโกรธ
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากบอกข้าเรื่องที่เจ้าเห็นในรอยแยก เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถามแล้ว ตกลงหรือไม่?”
ทั้งสองคนเงียบสนิทและดื่มสุราไปเรื่อยๆ จนแสงตะวันทอประกายบนเส้นขอบฟ้า เป็นสัญญาณของวันใหม่
หวังหลินเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “รอยแยกนั่นนำทางไปสู่แดนสวรรค์โบราณ…”
ซือถูหนานตกตะลึง จากนั้นพลันลุกขึ้นมองไปที่ท้องฟ้า ราวกับสายตาได้ เจาะทะลุไปในท้องฟ้าและเห็นรอยแยกที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
“แดนสวรรค์โบราณ!! นั่นเป็นแดนสวรรค์โบราณในตำนานจริงๆ!! มีเหล่าทวยเทพ ของจริงอยู่ที่นั่น! เจ้าได้เห็นเทพหรือไม่?” ซือถูหนานอ้าปากค้างและเต็มไปด้วยสายตาตกตะลึง
“ข้าเจอและสังหารไปแล้วคนหนึ่ง!” หวังหลินเผยสีหน้าขมขื่นและดื่มสุราไปหนึ่งอึก
ซือถูหนานจ้องหวังหลินอย่างตกตะลึง ผ่านไปสักพักจึงกะพริบตาปริบๆ และยิ้มอย่างขมขื่น
“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น? ด้วยนิสัยของเจ้า คงไม่สังหารเสียเปล่าๆ เจ้าได้ค้นความทรงจำของเทพตนนี้หรือไม่?”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ สายตาเผยความซับซ้อนอธิบายไม่ถูก เขาดื่มสุราในมือจนหมดขวดและโยนไปข้างๆ ก่อนจะมองไปที่ซือถูหนาน
“ข้าค้นความทรงจำของเทพและค้นพบความลับเกี่ยวกับเรื่องดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก…”
“ซือถู หากข้าบอกท่านว่าดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกต่างเป็นเรื่องโกหก ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงภาพมายา…ท่านจะเชื่อมันหรือไม่…”
“หากข้าบอกท่านว่า ทั้งท่านและข้า สหายเซียนทั้งหมดที่เรารู้จัก โลกที่เราเติบโตขึ้นนั้นเพียงแค่อยู่ในถ้ำ ท่านจะเชื่อมันหรือไม่…”
“หากข้าบอกว่าเต๋าที่เราฝึกฝนทั้งหมดถูกคนอื่นสรรค์สร้างขึ้นมา ท่านจะเชื่อมันหรือไม่…”
“หากข้าบอกว่าโลกที่เราอาศัยอยู่เป็นเพียงแค่ถ้ำ ถ้ำของราชันย์เทพ หรือก็คือดินแดนที่เขาเปิดขึ้นเพื่อรวบรวมเพลิงนรกานต์ ท่านจะเชื่อมันหรือไม่?”
“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่!?” ซือถูหนานปล่อยขวดสุราในมือจนหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัว