Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1645

Cover Renegade Immortal 1

1645. ข้อเสนอ

หวังหลินไม่ได้ต้องการต่อสู้เป็นตายกับสี่ขุนพลนี้จริงๆ หลังจากสัมผัสกลิ่นอายของแต่ละคนได้ เขาจึงมาที่นี่เพื่อส่งข้อเสนอ ไม่ใช่เพื่อต่อสู้

อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นคนจำพวกโอหังและไม่ยอมคุยกันดีดี จึงส่งผลให้เกิดการต่อสู้ก่อนหน้านี้

พอเห็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัว หวังหลินดวงตาส่องสว่างและลดมือขวาลง คันศรและเกาทัณฑ์หายวับเป็นละอองแสง แม้ว่าคันศรจะหายไปแล้ว หากหวังหลินต้องการก็สามารถเรียกใช้งานได้อีกครั้งในทันที เขาไม่กลัวว่าสี่ขุนพลจะลอบโจมตีขึ้นมาอีก

หวังหลินคำนับฝ่ามือให้วิหคศักดิ์สิทธิ์ วิหคศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เป็นชายชราและมีกลิ่นอาย คุ้นเคยยิ่งเหมือนวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกที่อยู่ในดินแดนตกสวรรค์

หวังหลินเอ่ยปากขึ้นอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่า ‘สหายเทพ’ หรอก ผู้น้อยขอคารวะท่านวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก”

วิหคศักดิ์สิทธิ์สวมชุดสีแดง มองหวังหลินด้วยท่าทีอันซับซ้อนและขบคิดเงียบๆ

หวังหลินเอ่ยอีกครั้ง “ข้าสงสัยอยู่หนึ่งเรื่อง ผู้อาวุโสและอีกคนที่อยู่ในดินแดน ตกสวรรค์… ท่านทั้งสองมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?”

“คนที่อยู่ในดินแดนตกสวรรค์คือร่างดั้งเดิมของข้า ในช่วงระหว่างสงครามครั้งใหญ่ ข้าเป็นหนึ่งในสี่ขุนพลที่ทิ้งร่างดั้งเดิมไว้ด้านนอก ที่เจ้าเห็นปัจจุบันนี้คือร่างอวตารของข้า แต่มันก็นานเกินไปแล้วจึงไม่มีทั้งร่างอวตารหรือร่างดั้งเดิมอีกต่อไป เจ้าจะคิดว่าเป็นข้าทั้งคู่หรือเป็นสองคนเลยก็ได้…”

“ข้าแทบไม่สามารถควบคุมร่างดั้งเดิมได้อีกแล้ว ข้าสามารถทำได้แค่เพียงพูดคุยกับเขาเพื่อให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและคิดอะไรอยู่ แต่ข้าไม่สามารถควบคุมความคิดและการกระทำได้…”

“เขาเหนื่อยมาก เขาต้องการกลับมาบ้านเกิด แต่ข้าต้องการค้นหาราชันย์เทพ…” วิหคศักดิ์สิทธิ์ส่ายศีรษะและถอนหายใจ

ชายชราพยัคฆ์ขาวผู้มีแววตาหวาดกลัว พลันเอ่ยขึ้น “ทำไมคันศรของลี่กวงไปอยู่ในมือเจ้า?”

“นี่คือความลับของข้า ท่านไม่จำเป็นต้องรู้” หวังหลินมองขุนพลพยัคฆ์ขาว จากนั้นส่งสายตากลับไปที่วิหคศักดิ์สิทธิ์

ใบหน้าขุนพลพยัคฆ์ขาวถึงกับบิดเบี้ยวแต่ก็ไม่พูดอะไรอีก

“ข้าจะทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนตกสวรรค์ก็ได้ วันนี้ข้ามาเพื่อทำข้อตกลงกับผู้อาวุโส” หวังหลินเอ่ยอย่างใจเย็น

“แดนสวรรค์โบราณ หรือที่เรียกกันว่าถ้ำของราชันย์เทพสีรุ้ง มีศิษย์ของสำนักเจ็ดเต๋าที่บาดเจ็บอยู่หลายคน พวกเขาที่ถูกเรียกว่าเทพ คือเซียนของแดนสวรรค์โบราณ”

“หากข้าใช้พลังทั้งหมด ท่านคิดว่าข้าจะสังหารทุกคนที่นี่ก่อนที่จะได้ฟื้นฟูและทำให้แดนสวรรค์โบราณแห่งนี้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายได้หรือไม่?” หวังหลินเอ่ยอย่างนิ่งเฉย แต่ทำให้สี่ขุนพลต้องขมวดคิ้ว

หากไม่มีคันศรของลี่กวง สี่ขุนพลคงไม่เชื่อหวังหลิน แต่หลังจากเห็นคันศรและเกาทัณฑ์ แรงกดดันที่มองไม่เห็นจึงผุดขึ้นมาในใจ

“คันศรของลี่กวงเป็นอาวุธทรงพลังยิ่งจากแผ่นดินเซียนดารา คันศรไม่ได้ใช้กันได้ง่ายๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปได้โลหิตเทพนั้นมาจากไหน แต่ถึงแม้เจ้าจะสามารถใช้คันศรด้วยโลหิตนั้นได้ ข้าสงสัยว่าแต่ละครั้งที่เจ้าใช้มันจะใช้พลังเทพในโลหิตมากแค่ไหน เจ้าไม่ใช่เทพ ดังนั้นเจ้าไม่สามารถเติมพลังในหยดโลหิตได้ เจ้าจะยิงออกไปได้สักกี่ครั้งเชียว?” คนที่พูดไม่ใช่วิหคศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นมังกรฟ้า ขณะที่เขามองหวังหลิน ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า

“ข้าใช้แค่สามเกาทัณฑ์ก็ทำลายที่นี่ได้แล้ว! แม้จะมีรูปปั้นอีกนับไม่ถ้วนด้านหลังพวกท่านและมีอารามประหลาดในส่วนลึกที่สุดก็ตาม! หากข้าเดาไม่ผิด อารามนั่นคือทางออกของถ้ำซึ่งควรจะปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์และไม่มีใครเปิดมันได้ มีรูปปั้นประหลาดอยู่ที่นั่นมากมายและเป็นสถานที่ที่ทรงพลังที่สุดในแดนสวรรค์โบราณ”

“ข้าทำได้อยู่แล้ว ท่านทั้งหมดน่าจะเข้าใจ” หวังหลินกวาดสายตาผ่านสี่ขุนพลและมองเข้าไปในส่วนลึก

ตอนแรกที่เข้ามาในแดนสวรรค์โบราณ ไม่เพียงที่สัมผัสวิญญาณของหวังหลินจะรับรู้ถึงสี่ขุนพลได้ เขายังสัมผัสอารามในส่วนลึกที่สุดของแดนสวรรค์ได้อีก กลิ่นอายที่อารามปลดปล่อยออกมาช่างรุนแรงยิ่ง!

ขุนพลเต่าดำไม่ได้พูดขึ้นเลยตลอดการสนทนา เขาขบคิดชั่วขณะและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้อเสนออะไร?”

“ข้าไม่สนว่าที่นี่จะเป็นถ้ำหรือไม่ ไม่สนว่าพวกท่านจะมีแผนการอะไร ข้ารู้แค่เพียงว่าข้าเกิดขึ้นในดินแดนชั้นใน และดินแดนชั้นในกำลังมีสงครามกับดินแดนชั้นนอก ดินแดนชั้นในขาดแคลนพลังอำนาจในการเผชิญหน้ากับดินแดนชั้นนอก แม้ข้าจะมีคันศรลี่กวง ข้าก็ไม่สามารถสังหารเซียนดินแดนชั้นนอกได้ทั้งหมด”

“พวกท่านคือเหล่าเทพโบราณของแดนสวรรค์โบราณ ข้าอยากให้พวกท่านทั้งหมดออกไปจากที่นี่ สังหารเหล่าดินแดนชั้นนอกและจบสงคราม!” หวังหลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาส่องสว่าง

วิหคศักดิ์สิทธิ์ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ดินแดนชั้นนอกก็มีแดนสวรรค์โบราณเช่นกัน…มีคนของสำนักเจ็ดเต๋าที่ติดตามนางสนมจักรพรรดิเทพและพวกเขาไม่ได้บาดเจ็บ เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ออกมานั่นก็เป็นเพราะแดนสวรรค์โบราณแบ่งออกเป็นสองส่วน แต่ก็ยังมีการเชื่อมต่อกันอยู่ลึกๆ หากเราเปิดประตูเพื่อออกไปจาก แดนสวรรค์โบราณ อีกฝั่งก็สามารถออกมาได้เช่นกัน ถึงตอนนั้นสงครามระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกก็คงรุนแรงยิ่งจนทำลายถ้ำแห่งนี้ได้!”

หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและเอ่ยอย่างเยือกเย็น “พวกนั้นจะไม่สามารถออกมาจากแดนสวรรค์โบราณของดินแดนชั้นนอกได้!”

ด้วยเหตุนี้ สี่ขุนพลจึงมองมาที่หวังหลิน

ขุนพลมังกรฟ้ารีบพูด “ก่อนหน้านี้มีคนจากดินแดนชั้นต่ำเรียกหาเราและขอให้ช่วยต่อต้านการรุกรานของดินแดนชั้นนอก ข้าส่งสมบัติเทพไปเพื่อช่วยผสานเข้ากับค่ายกลผนึกดินแดน มันควรจะทำให้ค่ายกลรั้งไว้ได้ร้อยปีและซื้อเวลาให้เราฟื้นฟูได้สำเร็จ แม้ผลลัพธ์จะมีขีดจำกัด แต่การที่เซียนดินแดนชั้นต่ำจะเปิดค่ายกลโดยไม่มีคนจากแผ่นดินเซียนดารามาช่วยคงเป็นไปได้ยาก”

“ข้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เวลาได้ผ่านมามากกว่าเก้าสิบปีแล้วและเหลืออีกสามปี สามปีนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เมื่อผ่านไปอาการบาดเจ็บของเราจะฟื้นฟูขึ้นมาอย่างสมบูรณ์!”

ตามแผนการเดิม แม้หวังหลินจะไม่เสนอข้อตกลงนี้ พวกเขาก็ยังออกไปภายในสามปีและต่อสู้กับสหายร่วมสำนักที่อยู่ดินแดนชั้นนอก จากนั้นจึงค่อยค้นหาราชันย์เทพ

อย่างไรก็ตาม เหล่าเซียนดินแดนชั้นต่ำถือว่าเป็นมดแมลงในสายตาพวกเขาอยู่แล้ว แม้พวกเขาจะออกไปก็ไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก ชีวิตที่สูญเสียไปมากแค่ไหนนั้น พวกเขาไม่สนใจ

ตราบใดที่ค้นหาราชันย์เทพเจอ ตราบใดที่ระดับบ่มเพาะของราชันย์เทพฟื้นคืนมาได้ พวกเขาก็แค่ทำลายทุกชีวิตในถ้ำแห่งนี้ จากนั้นกระตุ้นเต๋าแห่งสวรรค์ พอผ่านไปอีกหลายหมื่นปี ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนดังเดิม

อย่างไรก็ตามหวังหลินพบเจอพวกเขาและส่งข้อเสนอมา หากไม่ทำตามถึงกับขู่ว่าจะทำลายแดนสวรรค์โบราณด้วยพลังของตัวเอง นี่ทำให้พวกเขาต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

“สามปี ข้าสามารถซื้อเวลาให้พวกท่านสามปี จะไม่มีใครเข้ามาที่นี่และขัดขวางการฟื้นฟูพลัง!” หวังหลินเอ่ยเสียงราบเรียบ

สี่ขุนพลขบคิดเงียบๆ หวังหลินได้สัญญาว่าจะทำลายแดนสวรรค์โบราณของดินแดนชั้นนอกและสัญญาว่าจะปกป้องพวกเขาสามปี อย่างไรก็ตามยิ่งหวังหลินมีข้อตกลง พวกเขายิ่งรู้สึกว่าหวังหลินมีแผนการอื่นในใจ ทั้งสี่จึงสงสัยเกี่ยวกับแผนของหวังหลิน

วิหคศักดิ์สิทธิ์มองหวังหลินและเอ่ยถาม “เจ้าต้องการอะไรในข้อตกลงนี้?”

“ข้าต้องการให้ดินแดนชั้นนอกหมดสิ้นไป!”

“เมื่อท่านจากไปแล้ว ข้าต้องการไม่ให้เซียนดินแดนชั้นในตายอีก!”

“ข้าต้องการให้พวกท่านทั้งหมดสัญญากับข้าว่าเมื่อค้นพบราชันย์เทพ ท่านต้องให้ข้านำพาชีวิตทั้งหมดออกไปจากโลกนี้และให้พวกเขาเป็นอิสระ ไม่ให้มีชีวิตอยู่ในถ้ำและได้เห็นท้องฟ้าจริงๆ!”

“คำขอสุดท้ายคือ เมื่อเรื่องนี้จบลง ข้าต้องการเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา! ท่านจะต้องมอบทรัพยากรที่ข้าต้องการมาให้ด้วย!” หวังหลินตีหน้าผาก เส้นด้ายหนึ่งลอยออกมาและควบแน่นกลายเป็นใบไม้แห้งในมือ

“หากท่านตกลง เช่นนั้นก็ส่งสัมผัสวิญญาณของพวกท่านมาเอ่ยคำสาบานแห่งเต๋า หากท่านผิดสัญญา ท่านจะต้องตาย! หากไม่ตกลง ข้าจะนำคันศรลี่กวงออกมาและทำลายแดนสวรรค์โบราณแห่งนี้!” หวังหลินพูดก้าวร้าว เขาไม่ยอมให้สี่ขุนพลมีโอกาสลังเล

สี่ขุนพลขบคิดเงียบๆ และมองหน้ากัน พวกเขาเริ่มลังเลและไม่สามารถตกลงกับข้อเสนอของหวังหลินได้ทันที เงื่อนไขที่สามและสี่ค่อนข้างยากมาก

“ข้าจะให้เวลาพวกท่านหนึ่งวัน!” หวังหลินหันตัวกลับและเดินออกไป เขาหยุดห่างไปหมื่นฟุต นั่งลงบนพื้นแตกหักและหลับตา

เขาไม่สนการถกเถียงของสี่ขุนพล ความจริงแล้วหวังหลินยังมีจุดประสงค์อีกอย่าง นั่นเป็นเป้าหมายจริงๆ ของเขา ซึ่งนอกจากเรื่องการแก้ไขปัญหาสงครามระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกแล้ว เหตุผลที่เขายอมซื้อเวลาให้สามปีและต้องการให้เซียนของสำนักเจ็ดเต๋าออกไปจากที่นี่ก็เพื่อให้ไปค้นหาราชันย์เทพ!

หวังหลินคาดการณ์ไว้หลายอย่างเกี่ยวกับราชันย์เทพผู้ลึกลับคนนี้ แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เขาไม่มั่นใจว่าเซียนสีรุ้งกับราชันย์เทพมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน

ทั้งยังมีเรื่องของผีเฒ่าจางด้วย เขามีความลึกลับ และความลึกลับก็ชี้ไปที่ราชันย์เทพ!

‘จากเบาะแสหลายอย่าง เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นใน กลุ่มสภาราชันย์และนางสนมจักรพรรดิเทพที่อาศัยอยู่ในดินแดนชั้นนอก…กลุ่มของจ้าวดินแดนปิดผนึกที่อาศัยอยู่ดินแดนชั้นใน…’

‘เซียนเต๋าสีรุ้งเป็นผู้นำของดินแดนชั้นนอก ส่วนผีเฒ่าจาง…เขาเป็นคนของดินแดนชั้นใน…หลายสงครามที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีดูเหมือนพยายามพิสูจน์บางอย่าง… พวกเขากำลังค้นหาบางอย่าง…เพียงแค่การค้นหานั้นต้องใช้วิธีอันพิเศษและผลลัพธ์ทำให้เกิดสงครามขึ้นเรื่อยๆ…’

‘หากข้าเดาถูก สิ่งที่พวกเขากำลังค้นหาคือ…เต๋าแห่งสวรรค์?’ หวังหลินขบคิด

‘บางทีเมื่อคนพวกนี้ออกมาได้ ม่านความลับก็จะเปิดออก…เรื่องราวทั้งหมดยุ่งเหยิงอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ทำให้มันวุ่นวายมากขึ้น บางทีข้าอาจจะได้บรรลุเป้าหมายของตัวเองในความวุ่นวายนี้!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version