1669. สุรายังไม่ร้อน
ราชรถหลายคันมีหนังอสูรทั่วทั้งคัน ชำเลืองมองคราเดียวพวกมันดูไม่เหมือน ราชรถแต่กลับเหมือนอสูรโบราณ
บนผิวอสูรมีอักขระรูนแกะสลักเอาไว้อย่างซับซ้อนและเปล่งแสงสีแดงสว่าง พวกมันกระพริบวูบวาบในความมิดมืด ทำให้ดูประหลาดยิ่งกว่าเดิม
นอกจากราชรถสงครามเหล่านี้แล้วยังมีเสียงคำรามในที่ห่างไกลดังออกมาอีก เบื้องหลังเซียนนับแสนคนมีแผ่นหินจารึกขนาดยักษ์ที่มีเซียนเปลือยท่อนบนนับคนพันกำลังแบกเอาไว้
แผ่นหินจารึกนี้มีความสูงราวหมื่นฟุตและเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ สิ่งที่น่าตกตะลึง ก็คือมีโซ่ตรวนจำนวนเก้าเส้นล้อมรอบแผ่นหินเอาไว้ ปลายสุดของโซ่ตรวนมีโลงศพหนึ่งโลงตั้งอยู่
โลงศพทุกโลงมีความสูงพันฟุต มองไกลๆ ราวกับหนวดปลาหมึกจนเป็นภาพ น่าตกตะลึงยิ่ง
นี่คือกองกำลังแห่งใหม่ที่ดินแดนชั้นนอกรวมกันขึ้นมา เป็นทัพแรกในการสังหารหวังหลินและทำลายค่ายกลแห่งนี้!
ดินแดนชั้นนอกสูญเสียเซียนไปมากมายเกินไป คนที่รวมกันที่นี่ถือว่ามากสุดของดินแดนชั้นนอกแล้ว!
หวังหลินมองกองทัพเซียนดินแดนชั้นนอก แววตาเย็นเยียบยิ่งขึ้น ซื่อจื่อเฟิงมองดูทั้งหมดนี้ถึงกับหน้าซีด
หวังหลินยืนขึ้นและนั่งลงบนเตาหลอมจักรพรรดิ เรือนผมสีขาวพริ้วไสว
“ซื่อจื่อ อุ่นสุราต่อไป” หวังหลินเอ่ยคำพูดสงบนิ่งและจากนั้นก้าวเท้าไปข้างหน้า เสื้อผ้าสีขาวพริ้วสะบัด ความรู้สึกสมสง่าเต็มไปทั่วร่าง
ความคิดของซื่อจื่อเฟิงที่สั่นไหวพลันสงบนิ่งจากคำพูดของหวังหลินในทันที นางยกฝ่ามืองดงามขึ้นมาทัดผมไปหลังหู ริมฝีปากยกยิ้มและพยักหน้า
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องอยู่ด้านนอกค่ายกล เซียนนับแสนไม่ได้เข้ามาใกล้แต่หยุดห่างออกไป พวกเขารู้ดีว่าหวังหลินและค่ายกลนี้แข็งแกร่งแค่ไหน จึงนั่งลงและ ชี้ใส่กลางหน้าผากตัวเอง
เพียงเท่านั้น วิญญาณดั้งเดิมของเซียนดินแดนชั้นนอกนับแสนดวงก็ลอยออกมา เหล่าดวงวิญญาณปลดปล่อยแสงสว่างขึ้นในดาราจักรอันมืดมิด
นาทีนั้นเซียนขั้นที่สามจำนวนห้าคนได้ก้าวออกมา พวกเขาคือกลุ่มเซียนขั้นที่สามกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในดินแดนชั้นนอก
เซียนขั้นที่สามจำนวนห้าคนนี้ไม่ได้เข้าร่วมสงครามระหว่างดินแดนชั้นในแต่เป็นกองหนุนป้องกันดินแดนชั้นนอก ทว่าในยามนี้พวกเขาจำต้องออกมาเนื่องจาก สภาราชันย์มีคำสั่ง หากดินแดนชั้นนอกต้องจบสิ้นไป พวกเขาก็ต้องตายในการต่อสู้
ยามนี้ทั้งห้าคนนั่งเรียงต่อกัน ทั้งห้ารู้ดีว่าหวังหลินแข็งแกร่งแค่ไหน แม้จะโจมตีกันทั้งหมดในคราเดียวก็อาจไม่ใช่คู่ต่อกรของจ้าวดินแดนปิดผนึก
ทว่าด้วยการช่วยเหลือของดวงวิญญาณดั้งเดิมนับแสนดวงและไพ่ลับของ สภาราชันย์ พวกเขาเชื่อว่ามีพลังพอจะต่อกรได้ ทั้งห้าคนสร้างผนึกและประทับใส่แผ่นหลังของคนตรงหน้า
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง พลังของทั้งห้าคนรวมเข้าด้วยกันและพุ่งเข้าสู่คนตรงหน้า
คนแรกสุดคือ ชายชราผมขาว สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด ขณะที่พลังของเซียน สี่คนด้านหลังพุ่งเข้ามาใส่ เรือนผมพริ้วไหวโดยไร้แรงลม ดวงตาเปล่งประกายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ด้วยระดับบ่มเพาะของข้า สายโลหิตของข้า ขออัญเชิญวิชาโบราณ เต๋าทลายสวรรค์ หนึ่งเต๋ามอดไหม้ดับสูญ!” ชายชราคำรามพลางชี้นิ้วออกไป แสงสว่างวูบวาบและปรากฏปราณกระบี่หนึ่งแสนฟุต!
เหล่าดวงวิญญาณดั้งเดิมกว่าแสนดวงพุ่งเข้าไปและปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลัง
“ฟาดฟัน!” ชายชราผมขาวร้องคำราม แขนขวาสะบัดเข้าใส่ค่ายกลกงล้อ สามแก่นแท้ของหวังหลิน
ปราณกระบี่แสนฟุตรวบรวมดวงวิญญาณดั้งเดิมแสนดวงและพลังเต็มที่ของ เซียนขั้นที่สามทั้งห้าคน จากนั้นทะยานผ่านวิชาโบราณนี้ซึ่งได้เปลี่ยนกลายเป็น พลังแยกสวรรค์เข้าฟาดฟันลงไป
มองไกลๆ นี่ช่างเป็นฉากเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงยิ่ง กระบี่ยักษ์เริ่มขยายตัวออกจากแสนฟุตให้มีขนาดมากกว่าเดิมหลายสิบเท่าจนไร้ขอบเขต มันฟันลงใส่ค่ายกลกงล้อ
หวังหลินก้าวเท้าและยืนอยู่ในค่ายกล เขาเฝ้าดูกระบี่เข้ามาใกล้อย่างสงบนิ่งและไม่ได้ทำสิ่งใด ยอมให้กระบี่โจมตีอย่างรุนแรง
พริบตาเดียวกระบี่ก็มาถึงกงล้อ เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วดาราจักรดวงดาว ระลอกคลื่นแผ่กระจายผ่านค่ายกลอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งค่ายกลกงล้อสั่นเทาและเกิดเสียงซี่ๆ แต่มันไม่ได้รับความเสียหายเลย เมื่อกระบี่ร่อนลงไป เหล่าวิญญาณเซียนดินแดนชั้นนอกซึ่งถูกจองจำไว้หลายล้านดวงพลันกรีดร้องโหยหวนและเริ่มผลักดันกงล้อ ขณะที่กงล้อหมุน เหล่าวิญญาณของเซียนดินแดนชั้นในมีแส้ผุดขึ้นมาในมือและฟาดใส่วิญญาณเซียนชั้นนอกเหล่านั้น
ต้องขอบคุณแส้เหล่านี้ วิญญาณแค้นจึงเริ่มกรีดร้องโหยหวนรุนแรง ความเจ็บปวดนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นความแข็งแกร่งให้แก่กงล้อ
กงล้อได้หมุนครบหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงดังสนั่น
จากนั้นเกิดเป็นพลังสะท้อนเหนือจินตนาการปะทุขึ้นมาจากค่ายกล พลังสะท้อนพุ่งเข้าไปในกระบี่ยักษ์ ส่งมันลอยกลับไปก่อนจะแตกสลายเป็นชิ้นๆ
วิญญาณดั้งเดิมแสนดวงแตกสลายและหมองหม่น พวกมันไม่ได้ตายแต่แตกสลาย เซียนขั้นที่สามทั้งห้าคนถึงกับหน้าซีด โลหิตไหลออกจากมุมปากชายชราที่นำทัพ แต่แววตาต่อสู้รุนแรงยิ่ง
สองฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ใส่ท้องฟ้า เสียงแหบแห้งดังกึกก้องไปทั่วดาราจักร
เอ่ยคำรามด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน “วิญญาณดั้งเดิมหนึ่งแสนดวง เซียนหนึ่งแสนคน ควบแน่นพลังชีวิตทั้งหมด เราทั้งแสนขอสังเวยพลังชีวิตทั้งหมดแลกเปลี่ยนเป็นพลังโจมตีจากยุคโบราณเพื่อทำลายค่ายกลนี้และสังหารมันให้สิ้นซาก!!” ชายชราและอีก สี่คนด้านหลังกระอักโลหิต
ขณะเดียวกัน ร่างเซียนนับแสนทั้งหมดกระอักโลหิตออกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัยเยาว์หรือวัยกลางคน ทั้งหมดพลันแก่ชราในทันที ส่วนคนที่แก่อยู่แล้วถึงกับมีกลิ่นเน่าเปื่อย
การโจมตีที่กินพลังชีวิตของเซียนนับแสนคนนั้นรุนแรงถึงที่สุด!
“ยามที่โลกถือกำเนิด โลกมืดมิดและไร้แสงไฟหรือชีวิต ราชันย์เทพโบราณจุติ ลงมาและสรรค์สร้างชีวิตขึ้นมา เขาอัญเชิญแสงแห่งโลกยุคโบราณเพื่อส่องสว่างแก่โลกแห่งนี้!”
“ข้าขอสังเวยหนึ่งแสนชีวิตเพื่ออัญเชิญแสงโบราณ! แสงที่ให้กำเนิดทุกชีวิตแต่ก็ทำลายทุกชีวิตเช่นกัน!” ชายชราเอ่ยเสียงดัง
ขณะที่เสียงของเขาแผ่กระจาย ดวงวิญญาณดั้งเดิมแสนดวงรวมตัวกันจนยากจะแยกออก พวกมันสร้างหมอกหนาแน่นขึ้นมาจนทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของดาราจักรกลายเป็นความมืด
หมอกที่สร้างขึ้นเริ่มหมุนเร็วขึ้นจนกลายเป็นวังวนยักษ์ ใจกลางคือหลุมดำที่นำทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง
ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากหลุมดำ แสงนี้เป็นแสงสีทองและเรืองแสงแพรวพราว
พื้นที่บริเวณส่องสว่างด้วยแสงสีทอง แม้แต่กงล้อสามแก่นแท้ยังเริ่มหมุนช้าลง ราวกับกำลังหยุดหมุน
เหล่าวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวด ควันสีดำแยกออกมาจากร่างกายพวกมันราวกับกำลังสลายไปจากค่ายกล
ห่างออกไปไกลในดาราจักรโบราณ ราชันย์กำลังมองดู แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ยังลอบสังเกตการรบครั้งนี้อย่างลับๆ
‘ข้าไม่สนใจชีวิตของพวกเซียนในถ้ำ แม้แต่ข้าก็คงต่อกรกับวิชาที่สร้างขึ้นจากพลังชีวิตของเซียนแสนคนนี้ได้ยากนัก ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะใช้คันศรหรือไม่!’
หวังหลินยืนอยู่ในค่ายกล มองไปยังกลิ่นอายจากลำแสงที่ออกมาจากหลุมดำ เขาสัมผัสกลิ่นอายเบื้องหน้านี้ได้
ดวงตาสงบนิ่งพลันชี้ไปที่ดินแดนชั้นนอก
“ร่มบรรพกาลเผาดินแดน จงกางออกมาเผาทำลาย!” ณ ดินแดนชั้นนอก ร่มเพลิงยักษ์ปรากฏขึ้นมา แสงสีทองถูกผลักดันกลับไป เปลวเพลิงทำลายล้าง แผ่กระจาย
“เต๋าสีรุ้ง เปลี่ยนแปลงฟ้าดิน!” ขณะที่แสงสีทองและเพลิงสีแดงเข้าปะทะ หวังหลินเอ่ยคำพูดเสียงดังสนั่น แสงสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดงปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า พวกมันรวมกันกลายเป็นหอกสีรุ้ง!
“แสงโบราณทะลวงท้องฟ้า เช่นนั้นข้าจะทำลายมันด้วยหอกสีรุ้ง ร่มบรรพกาลเผาดินแดนจะซ่อมแซมหลุมดำ แม้แสงนี้อาจให้กำเนิดชีวิตแต่มันไม่สามารถทำลาย ข้าได้!” ร่มและหอกสีรุ้งระเบิดออกมา
หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและหันกลับมาหาซื่อจื่อเฟิง หยิบขวดสุราขึ้นมาจากหม้อและดื่มไปหนึ่งจิบ
“สุรายังไม่ร้อน ซื่อจื่อ อุ่นมันให้นานกว่านี้หน่อย”
“ได้ค่ะ”