1743. ความสุขในความฝัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พอทุกอย่างสงบลง เขาไม่อาจทำให้ตัวเองลืมไปได้
‘วันนี้อีกปีแล้ว…’ หวังหลินก้มหน้าอย่างขมขื่นและนั่งลง
นาทีนั้นมหาชั้นฟ้าซวนลั่วยืนอยู่บนยอดเขาและเฝ้าดูหวังหลินอย่างเงียบๆ
หลังจากนั่งลง หวังหลินถอนหายใจยาว แขนขวายื่นออกไป ใบเรือหน้าปีศาจปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกาย
ราวกับเขาไม่ต้องการให้ใครเห็นตัวเอง เขาเพียงต้องการใช้เวลาในวันนี้ไป อย่างเงียบๆ เท่านั้น
ท้องฟ้าในแดนสวรรค์กำลังสดใส แสงอาทิตย์ทอประกายออกมาจากไหนสักแห่ง มันส่องกระทบพื้น ไม่ได้ร้อนมากแต่อบอุ่น
ภูเขาที่หวังหลินอยู่กำลังเงียบสนิท เขาอยู่ในใบเรือหน้าปีศาจพลางมองไปยังท้องฟ้าอยู่ยาวนาน…
‘หวานเอ๋อร์…อีกไม่นานข้าจะไปแผ่นดินเซียนดารา…ที่นั่นข้าจะหาทางชุบชีวิตเจ้า…เชื่อข้า เชื่อข้า…เหมือนที่ข้าสัญญากับเจ้าไว้คราวนั้น แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าก็จะดึงเจ้ากลับมา!’ ด้วยความเงียบสงัดรอบกาย จิตใจเขาสงบนิ่งและโศกเศร้า
หวังหลินรู้สึกเหมือนไม่ได้มีเวลาอยู่ในโลกถ้ำแห่งนี้มากนัก อีกไม่นานเขาก็จะออกไปและมุ่งสู่แผ่นดินเซียนดารา
ในชีวิตหวังหลินเดินทางสู่สถานที่ต่างถิ่นหลายแห่ง ความโดดเดี่ยวอยู่กับเขาไปตลอดการเดินทาง แม้จะโดดเดี่ยวแต่ลี่มู่หวานก็อยู่กับเขา ทำให้ความโดดเดี่ยว เบาบางลงเล็กน้อยและยังพอทนได้
“วันนี้เป็นวันพิเศษ…หวานเอ๋อร์ เจ้าจำได้หรือไม่…” หวังหลินจำอายุตัวเองไม่ได้ จำวันเกิดไม่ได้ แต่เขาจำวันนี้เมื่อหลายพันปีก่อนได้
วันนี้คือวันที่เขาไม่มีวันลืม วันนี้ของทุกปีเขาจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่าเพื่อทำให้ตัวเองลืมๆ ไป หรือการหนีจนฝังเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่ก็ปิดด่าน บ่มเพาะจนเวลาแต่ละปีผ่านไปอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เขาจะดื่มคนเดียว รสชาติเผ็ดร้อนของสุราไหลลงลำคอแต่เขาไม่รู้สึกเผ็ดเลยเพราะความโศกเศร้า ความโดดเดี่ยวและความสูญเสียเต็มไป ทั่วจิตใจ ไม่ว่าสุราจะแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถชำระทั้งหมดออกไปได้!
‘หวานเอ๋อร์ ข้ารับหลี่เฉียนเหมยเข้ามา ข้าขอโทษ…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ หยิบขวดสุราขึ้นมาและดื่มลงไป
‘ความเมตตาขนาดนั้นเป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถตอบแทนได้…หวานเอ๋อร์…ข้าไม่ต้องการความรักในชีวิตนี้ เพราะการจากไปของเจ้าทำให้ข้าได้รู้ถึงคุณค่าของความรัก…ข้าไม่สามารถทนมันได้’
วันนี้เมื่อสองพันปีก่อน เสียงร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกับความคิดล้างแค้นได้จมสู่จิตใจหวังหลิน เสียงนั้นเบาบาง ทำอะไรไม่ถูกและทำให้รู้สึกได้แต่การขอโทษเท่านั้น…
เสียงนั้นทำให้หวังหลินหยุดและหันศีรษะไป เขาเห็นร่างหนึ่งที่ไม่รู้จักแต่อยากจดจำไว้ในชีวิตที่เหลือ
ร่างนี้คือสตรีของเขา…
หัวใจหวังหลินรู้สึกเจ็บปวดและดื่มสุราหมดขวด โยนไปข้างๆ และนำอีกขวดออกมา
ห่างออกไปไม่ไกล มหาชั้นฟ้าซวนลั่วกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นและมองแผ่นหลังของหวัหลิน ความเศร้าและความโดดเดี่ยวที่เปล่งออกมาจากร่างตรงหน้าทำให้เขาคล้อยตามไปด้วย
“หวานเอ๋อร์ รอข้านะ รอข้า…ใช้เวลาอีกไม่นาน ข้าทำมันได้แน่!!” หวังหลินดื่มสุราอึกใหญ่จนไหลเยิ้มออกมาจากมุมปาก เขาปาดแขนเสื้อ ปรากฏโลงศพ เลี่ยงสวรรค์ขึ้นตรงหน้า
หวังหลินมองลี่มู่หวานที่กำลังหลับใหลอยู่ในโลงศพ เผยรอยยิ้มอ่อนโยนแต่มันเหมือนเข็มทิ่มแทงในใจ
หวังหลินมองลี่มู่หวานอยู่นานก่อนจะค่อยๆ เปิดฝาโลง แขนซ้ายสั่นเทาพลางเลื่อนมือเข้าไปในโลงศพจนสัมผัสใบหน้าลี่มู่หวาน
เขาค่อยๆ ลูบใบหน้าลี่มู่หวาน ความเจ็บปวดในใจหวังหลินเปลี่ยนกลายเป็น คลื่นแห่งความโศกเศร้าเข้าถาโถมในใจอย่างรุนแรง
“หวานเอ๋อร์…” หยาดน้ำตาผุดขึ้นมาในดวงตาหวังหลิน มันหยดลงใส่ลี่มู่หวานและทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกชื้น
“เสี้ยววิญญาณของเจ้าหายไป…มันไม่ได้อยู่ในทัณฑ์สวรรค์อีกแล้ว แต่ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าใครเอามันไป ข้าจะนำมันกลับมา!!” หวังหลินพึมพำ หยิบขวดสุราขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ น้ำตาผสานกับสุราจนขมขึ้น แต่เขาก็ดื่มมันจนหมด!
หวังหลินโยนขวดสุราออกไป แขนขวาชี้ขึ้นกลางหน้าผาก แขนซ้ายชี้จุดกลางหน้าผากของลี่มู่หวานและหลับตาลง
“ภาพมายาหน้าปีศาจ ความฝันพันปี!” หวังหลินพึมพำ ใบเรือหน้าปีศาจรอบตัวเขาเกิดการบิดเบือน ใบหน้าปีศาจร้องคำรามและลอยออกมา จากนั้นหายไปตรงกลางหน้าผากของหวังหลิน สายหมอกรอบตัวเขาหนาแน่นจนไม่สามารถมองเห็น ทุกอย่างข้างใน
ซวนลั่วขบคิดเงียบๆ สีหน้าท่าทางซับซ้อน เขามีความคิดบางอย่างขึ้นมาแต่ก็ถอนหายใจ ชี้ไปที่หมอกรอบตัวหวังหลิน ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในสายหมอก
‘หวังหลิน ไม่ใช่ว่าข้าอยากรบกวนเจ้า แต่ข้าจำเป็นต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่ได้เพียงแค่เลือกศิษย์ของข้าคนเดียว ข้ายังต้องการคนที่จะปกป้องการเกิดใหม่ของข้าและคุ้มครองเผ่าพันธุ์เต๋าโบราณ คนนั้นต้องเป็นคนสำคัญที่สุด!!’ ซวนลั่วหลับตา
เมื่อเขาหลับตา ความคิดจึงเข้าไปในโลกความฝันที่หวังหลินอยู่ เขารู้สึกถึงความโศกเศร้าออกมาจากโลกใบนี้!
ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีเปลวเพลิงมหึมาอยู่ห่างออกไป เปลวเพลิงส่องสว่างขึ้นในท้องฟ้า เสียงการเข่นฆ่าและเหล่าวิชาปะทะกันจนได้ยิน
หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น สายตาสับสนค่อยๆ หายไป เขามองกลับไปยังทิศทางของทะเลเมฆาและรออย่างช้าๆ
ผ่านไปสักพัก สองลำแสงลอยผ่านเบื้องหน้าหวังหลิน เป็นหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี สตรีด้านหน้าดูซีดเผือดและเหนื่อยล้า ร่างกายสั่นไหว นางดูเหมือนนางฟ้าผู้อ่อนโยนและสง่างาม นางคือลี่มู่หวาน
บุรุษด้านหลังมีใบหน้าหื่นกาม ติดตามนางมาอย่างไม่เร่งรีบ
“น้องสาว กลุ่มเซียนสิบสามคนของเจ้าถูกข้าสังหารไปแล้ว เจ้าจะหนีไปไหนได้?” ขณะที่เขาเอ่ยขึ้นพลันสะบัดแขน เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของลี่มู่หวานถูกฉีกขาดจนเผยให้เห็นผิวกาย
ขณะที่ลี่มู่หวานกรีดร้อง ชายคนนั้นเลื่อนมือขวาขึ้นมา แววตาหื่นกามรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด
ชั่วจังหวะนั้นลี่มู่หวานได้เห็นหวังหลิน ตอนนี้จิตใจนางอ่อนแอจากการเผชิญกับความอับอายและอันตราย นางจำได้ว่าหวังหลินดูคุ้นหน้าคุ้นตา
“ท่าน! พี่ชาย ช่วยข้าด้วย!” พอนางเอ่ยปากจึงเปลี่ยนทิศทางและมาถึงด้านข้างหวังหลินทันที นางกัดฟันด้วยใบหน้ากังวลและรีบพูด “คนผู้นี้คือผู้อาวุโสของสำนักบ่มเพาะคู่แห่งแคว้นซวนหวู่ เขาพบว่าข้ามีเม็ดยาสวรรค์เบี่ยง เขาจึงตามข้ามา…” นางเป็นคนฉลาดและเผยเม็ดยาเพื่อให้หวังหลินลงมือปกป้อง
ทว่าก่อนที่นางจะพูดจบ นางตกตะลึงเพราะหวังหลินกำลังมองนางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สายตานี้ราวกับกำลังมองคนที่ตัวเองรักมาหลายพันปี สายตานี้ทำให้ ลี่มู่หวานสั่นเทา
“ท่าน…” ขณะที่ลี่มู่หวานกำลังเอ่ยปาก ชายหนุ่มห่างออกไปไกลได้เผยรอยยิ้มเยือกเย็น เขาเห็นหวังหลินแต่ไม่สนใจ พลันยกแขนขวาขึ้นมา ปรากฏกระบี่เหิน แปดเล่มยิงใส่หวังหลินดุจพายุหมุน
หวังหลินมองลี่มู่หวานและจับนางเอาไว้ ลี่มู่หวานเต็มไปด้วยสายตาอับอาย ส่วนหวังหลินมองไปยังหนุ่มน้อยมากตัณหาที่มีกระบี่เหินแปดเล่ม
เพียงกวาดสายตา กระบี่เหินทั้งแปดจึงบิดเบือนและแตกสลายทันที ส่วนชายหนุ่ม เมื่อสบตากับหวังหลิน หัวใจจึงสั่นไหวและกระอักโลหิต ขณะที่แววตาหวาดกลัวขึ้นมา ร่างกายฉีกกระชากด้วยพลังที่มองไม่เห็น
ทุกอย่างพลันเงียบสงัด ลี่มู่หวานดูตกตะลึงจนลืมตัว นางอยู่ในอ้อมแขนหวังหลิน สายตาเขามองมาที่นาง
“พี่…พี่ชาย…ท่าน…” ผ่านไปสักพักลี่มู่หวานจึงได้สติ ใบหน้าซีดทันที นางมองหวังหลินด้วยความอายปนหวาดกลัว
พอเห็นลี่มู่หวานเป็นแบบนี้ หวังหลินรู้สึกถึงสายใยในจิตใจและลดแขนลงอย่างช้าๆ
“ข้ามีนามว่า หวังหลิน” หลังจากหวังหลินเอ่ยปาก ลี่มู่หวานถอยไปมากกว่า หนึ่งพันฟุตทันที นางหยุดชะงักและมองหวังหลินอย่างเอียงอาย จากนั้นโค้งคำนับให้หวังหลินและรีบจากไป
เห็นได้ชัดว่าลี่มู่หวานหวาดกลัวเขาอย่างชัดเจน หวังหลินเผยรอยยิ้มมีความสุข แต่ความขมขื่นและความเศร้าได้ถูกซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มจนไม่มีใครได้เห็น
ห่างออกไปไกล มหาชั้นฟ้าซวนลั่วมองดูทั้งหมดอย่างเงียบๆ กระทั่งจิตใจเขายังรู้สึกถึงสายใยความเจ็บปวด เขามองหวังหลิน มองรอยยิ้มบนใบหน้าและขบคิดเงียบๆ
‘ต้องโดดเดี่ยวและเศร้าแค่ไหนถึงทำให้คนคนหนึ่งดูมีความสุขในความฝันได้?’ ซวนลั่วถอนหายใจ
หวังหลินยืนยิ้มจนกระทั่งร่างลี่มู่หวานหายวับไป จากนั้นจึงหลับตาลง ทุกอย่างรอบตัวหายไป พอลืมตาอีกครั้งเขาจึงอยู่ในแดนสวรรค์ บนภูเขาที่มองลี่มู่หวานที่กำลังหลับอยู่ในโลงศพ
ท้องฟ้าไม่เป็นสีครามอีกแล้วและเป็นยามกลางคืน ท้องฟ้ายามกลางคืนมี ดวงจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่กลางท้องฟ้า ราวกับมีร่างสองคนค่อยๆ ก้าวเดินด้วยกันอยู่ข้างหน้า
สองร่างนั้นคือหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี