Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 175

Cover Renegade Immortal 1

175. ขโมยสมบัติ

ดวงตาปิศาจตัวน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดง มันพุ่งเข้าหาอสูรตัวเล็กโดยไม่มีคำเตือนใด อสูรตัวเล็กนั้นต่างดุร้ายเช่นกัน สัมผัสวิญญาณของมันลอยออกมาและพุ่งเข้าหา

ทั้งสองปะทะกันทันทีและเนื่องจากสัมผัสวิญญาณที่หวังหลินวางไว้บนเจ้าปิศาจตัวที่สอง เขาจึงสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงได้ทันที การเผชิญหน้านี้เต็มไปด้วยอันตรายเมื่อมีเพียงหนึ่งที่ต้องอยู่รอด ปิศาจตัวน้อยจะถูกกลืนกินเสียเองหรืออสูรตัวเล็กกลายพันธุ์จะถูกรวมเข้ากับปิศาจตัวน้อย

ไม่นานหลังจากนั้นหวังหลินได้รับวิญญาณดวงหนึ่ง เจ้าปิศาจที่เขาสร้างขึ้นเป็นวิญญาณกลืนกินที่มีบุคลิกของวิญญาณเร่ร่อน เช่นนั้นตัวกลายพันธุ์จะเปรียบได้อย่างไรเล่า?

สองดวงวิญญาณเริ่มรวมเข้าด้วยกันและเจ้าปิศาจน้อยเริ่มเผยโฉม สัมผัสวิญญาณของตัวกลายพันธุ์ค่อยๆจางหายจนกระทั่งมันถูกเจ้าปิศาจน้อยดูดกลืนอย่างสมบูรณ์

กลุ่มของอสูรตัวเล็กล้อมรอบเจ้าปิศาจน้อยอย่างรวดเร็วและสร้างพายุทอร์นาโดสีดำขึ้นอีกครั้ง ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เหตุผลที่อสูรตัวเล็กพวกนี้สามารถรวมสัมผัสวิญญาณแต่ละตัวเข้าด้วยกันได้เป็นเพราะมีหัวหน้าอันแข็งแกร่งตัวหนึ่งชี้ทางให้ ความจริงที่สัมผัสวิญญาณของอสูรตัวเล็กสามารถรวมกันและกระทั่งกลืนกันและกันได้ต่างสัมพันธ์กันตามธรรมชาติ

เจ้าปิศาจน้อยกรีดร้องอีกไม่กี่ครั้งและเร่ิมจะพุ่งเข้าหาพายุทอร์นาโดอีกลูก ทว่าหวังหลินหายใจเยือกเย็นออกมา ปิศาจตัวน้อยหยุดลงทันที กระทั่งพายุทอร์นาโดยังหยุดหมุนและกลับเป็นอสูรตัวเล็กจำนวนมาก

หวังหลินเห็นได้ชัดเจนว่าในสายตาเจ้าปิศาจน้อยได้เผยความเจ็บปวดเนื่องจากกลัวหวังหลินลึกๆ

หวังหลินส่งข้อความหนึ่งออกมา เจ้าปิศาจน้อยกรีดร้องและอสูรตัวเล็กล้อมรอบหวังหลินทันที ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะที่ดวงตาสงบราวกับผิวน้ำ เขาไม่ได้ตอบสนองอะไรต่อการกระพือปีกของมันตอบตัว

หลังจากอสูรตัวเล็กพวกนั้นเข้าใกล้ พวกมันไม่ได้โจมตีแต่ยกเขาขึ้นไปด้านบนและกลับเป็นพายุทอร์นาโดสีดำแทน

เจ้าปิศาจฉวี่ลี่กั๋วต้องการติดตามไปด้วยแต่มันถูกทอร์นาโดตีกลับมา มันร้องคำรามหลายครั้งเพราะรู้สึกใส่ร้าย ในที่สุดก็เป็นหวังหลินที่เข้าใกล้และลากมันเข้าไปข้างใน

ขณะที่อยู่ในทอร์นาโดสีดำ เขาไม่ได้บินด้วยตัวเองแต่กลับยืนบนอสูรตัวเล็กสองสามตัวเท่านั้น พร้อมกับที่เขาถูกสัมผัสวิญญาณที่รวมกันล้อมไว้รอบกาย ดังนั้นพายุทอร์นาโดจุดอื่นจะไม่สามารถสังเกตเขาผ่านไปได้

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาออกคำสั่งอสูรตัวน้อยและพายุทอร์นาโดบินไปทางตำแหน่งที่เมิ่งหลังค่อมอยู่ทันที เมื่อเขาทำเช่นนั้นพายุทอร์นาโดที่เหลือติดตามไปด้วย ในไม่ช้าพายุทอร์นาโดทั้งสิบลูกก็มาถึงตำแหน่งที่พายุทอร์นาโดลูกอื่นทั้งหมดกำลังรวมตัวกัน

เมื่อพวกมันเข้าไปใกล้ สัมผัสวิญญาณอันทรงพลังสายหนึ่งกวาดผ่านพวกมันไป หวังหลินเริ่มตื่นตัวแต่สัมผัสวิญญาณไม่ได้หยุดและเพียงแค่กวาดผ่านไปเท่านั้น

ชัดเจนว่าสัมผัสวิญญาณไม่ได้สังเกตใกล้ๆ มันเพียงชำเลืองมองเท่านั้นและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ อาจจะเป็นในสายตามันไม่ได้มีอะไรผิดปกติในทอร์นาโดนี้ หวังหลินจ้องราชาทอร์นาโดและเหยียดยิ้มในใจ ไม่ต้องเอ่ยคำใดก็รู้ได้ว่าสัมผัสวิญญาณนั้นเป็นของตัวกลายพันธุ์ที่อยู่ในราชาทอร์นาโด

หวังหลินเกิดความเข้าใจบางอย่างของอสูรพวกนี้ ในทุกๆทอร์นาโดหนึ่งลูกจะมีตัวกลายพันธุ์อันทรงพลังข้างในหนึ่งตัว พวกมันมีหนึ่งตัวที่สามารถรวมสัมผัสวิญญาณเข้าด้วยกันและออกคำสั่งได้

เรื่องนี้เหมือนกับความแตกต่างระหว่างแม่ทัพและพลทหาร อสูรตัวเล็กตัวปกติคือพลทหาร อสูรกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าคือแม่ทัพ และหนึ่งในทอร์นาโดที่สูงเทียมฟ้าเป็นราชา

หลังจากเข้าไปใกล้ๆหวังหลินจึงสามารถเห็นเหล่ากลุ่มก้อนทอร์นาโดขนาดยักษ์ มีหอคอยสีดำสูงเทียมฟ้า เมิ่งหลังค่อมต้องอยู่ด้านในเป็นแน่

หวังหลินไม่ได้เร่งรีบ เหตุผลที่เขาบอกให้อสูรตัวน้อยนำมาที่นี่นั่นก็เพราะเขาตระหนักได้ว่าสามารถเข้าใกล้โดยไม่ให้มีการรับรู้ได้ หวังหลินทำสิ่งนี้ได้มีพื้นฐานมาจากโอกาส เขาไม่คิดว่าจะสามารถสังหารเมิ่งหลังค่อมได้แต่เพียงต้องการใช้โอกาสนี้ขโมยสมบัติบางอย่าง

สัมผัสวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ในเจ้าปิศาจตัวน้อยกลับแตกต่างจากที่ทิ้งไว้กับเจ้าปิศาจฉวี่ลี่กั๋ว เจ้าปิศาจฉวี่ลี่กั๋วถูกฝึกฝนเป็นเวลานานแล้วดังนั้นสัมผัสวิญญาณของหวังหลินจึงฝังลึกไว้กับมันอย่างแน่นหนา ในความเป็นจริงหวังหลินกระทั่งไม่จำเป็นต้องใช้ขอบเขตจวี่ เขาสามารถทำลายฉวี่ลี่กั๋วได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ทว่าในสถานการณ์ปกติเขาจะไม่ใช้สัมผัสวิญญาณที่ทิ้งไว้เพื่อโจมตี เขาเก็บมันไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น

ปกติหวังหลินใช้ขอบเขตจวี่เพื่อขมขู่และร่องรอยที่ทิ้งไว้จะค่อยๆแสดงผล นอกจากนั้นฉวี่ลี่กั๋วได้ฟื้นฟูความทรงจำบางอย่างทำให้มันแตกต่างกับวิญญาณเร่ร่อนอย่างมาก แต่ปิศาจตัวน้อยแตกต่างกัน แม้หวังหลินจะทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนปิศาจตัวน้อยซึ่งไม่ลึกมาก หวังหลินริเริ่มความคิดนี้ตั้งแต่ต้นจึงทำให้ปิศาจตัวน้อยไม่กล้าทรยศ

เหตุผลที่หวังหลินหยุดเจ้าปิศาจน้อยจากการรวมกับตัวกลายพันธุ์นั่นก็เพราะกลัวว่าการรวมร่างกันจะทำให้สัญลักษณ์สัมผัสวิญญาณของเขาบางลงซึ่งอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ด้วยความหลักแหลมของหวังหลินจึงไม่มีทางที่จะปล่อยเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น

แม้กระทั่งคนที่ดื้อรั้นเช่นฉวี่ลี่กั๋วยังถูกหวังหลินเลี้ยงให้เชื่อง ไม่มีทางที่ปิศาจที่สร้างจากอสูรง่ายๆจะเท่าเทียมได้

ใบหน้าเมิ่งหลังค่อมมืดหม่นราวกับน้ำโคลนขณะที่มองพายุทอร์นาโดข้างนอกอย่างขมขื่น เขาใช้ความสนใจเป็นพิเศษกับพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ที่สุดด้วยใบหน้าชั่วร้าย สัมผัสวิญญาณภายในทอร์นาโดลูกใหญ่ที่สุดต่างแข็งแกร่งเทียบเท่าลูกอื่นทั้งหมดรวมกันเสียอีก มันกระทั่งสามารถใช้สัมผัสวิญญาณของมันผลักพิษทะลายสวรรค์ให้ห่างไปไกลได้

ในช่วงเวลานี้เขาใช้อสูรวิญญาณในกระเป๋าไปทั้งหมดแล้ว แม้ว่าวิชาที่เขาใช้คือการสังเวยอสูรวิญญาณเพื่อสังหารพวกมันจำนวนมาก แต่มันพวกมันกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ามันทั้งหมด!

และหากเขาทำผิดพลาดเช่นนั้นคงถูกสัมผัสวิญญาณที่รวมตัวกันของอสูรพวกนั้นทั้งหมดกระแทกใส่ แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณการโดนแบบนั้นยังได้รับบาดเจ็บ

มันจะไม่ใช่บาดเจ็บเล็กน้อยแต่เป็นบาดเจ็บสาหัสที่สามารถทำให้ระดับฝึกตนลดต่ำลงอย่างมหาศาล ส่วนสมบัติเขากลับใช้จนเหลือเพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพบางอย่างแต่ผลลัพธ์เป็นสิ่งเดียวกัน

ขณะนี้เขามาถึงปลายเชือกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะพุ่งออกไป แต่ว่าลองพยายามทำไปแล้ว ตอนนั้นเขาใช้อสูรวิญญาณสังเวยมากกว่าสิบตัว แต่ขณะที่กำลังจะทะลวงฝ่าออกไปได้ พายุทอร์นาโดลูกใหญ่ที่สุดปะทะเข้าใส่ ไม่แค่มันป้องกันเขาไม่ให้ออกไป มันยังทำร้ายเขาด้วย

เมิ่งหลังค่อมคิดอย่างเจ็บแสบ “สวรรค์ต้องการให้ข้าตายหรือยังไง? ข้าได้ท้าทายสวรรค์ตอนที่ข้าฝึกฝนและในที่สุดข้าก็บรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง เดิมทีข้าคิดว่าจะใช้ระดับฝึกฝนนี้เพื่อได้เม็ดยาเปลี่ยนวิญญาณมาและบรรลุขั้นเปลี่ยนวิญญาณในครั้งเดียว แต่ว่า….” อดคิดย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อนไม่ได้ว่าเมื่อกลุ่มล่าสุดเข้ามา ทุกคนตายหมดยกเว้นพวกเขาทั้งสี่คน

มีพวกเขาหลายคนที่มีระดับฝึกตนสูงกว่าทั้งสี่แต่กลับตายไปทั้งหมด สี่คนเพียงรอดตายมาได้เพราะโชคช่วยเท่านั้น

หลังจากเตรียมการมาพันปีจึงสามารถเพิ่มระดับฝึกตนจากขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายเป็นขั้นตัดวิญญาณระดับกลางได้ เหตุผลที่เขาสามารถเพิ่มระดับฝึกตนได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะใช้งานหนึ่งในสมบัติสำคัญของสำนักมารยักษ์ซึ่งก็คือ หัวใจมารบรรพชน!

นี่เช่นกันที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาต้องถูกสำนักมารยักษ์ไล่ล่า!

เมิ่งหลังค่อมเผยใบหน้าดื้อรั้นพลันกัดฟันแน่นขณะที่สายตาตกไปบนเจ้าคางคก คางคกนี้ชื่อว่าลี่เทียน มันอยู่กับเขามาหลายพันปีและไม่เคยถูกละเลย เขามองมันเติบโตจากอสูรวิญญาณระดับต่ำจนเป็นระดับสูงเช่นทุกวันนี้ มันถูกนับได้ว่าเป็นอสูรเดียวดายเทียมไปแล้ว หากมีเม็ดยาบางอย่างเพื่อช่วยมันก็คงสามารถกลายเป็นอสูรเดียวดายที่แท้จริงได้ในอีกพันปี

แต่ตอนนี้เมิ่งหลังค่อมไม่มีทางเลือกอื่น เขาลูบเจ้าคางคกและกระซิบ “หากข้าสามารถเคลื่อนที่พริบตาในสถานที่บัดซบนี้ได้ เราคงไม่ต้องเจอสถานการณ์เช่นนี้ ลี่เทียน ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

เมื่อเขาพูด ฝ่ามือขวาพลันยื่นเข้าไปในปากคางคก ร่างของมันสั่นเทาและเผยใบหน้าเจ็บปวด ทว่ามันกลับไม่ต่อต้าน มันมองเจ้าของของมันอย่างสงบนิ่ง

เมิ่งหลังค่อมหลับตาแต่รีบเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาตอนนี้ไม่ปรากฎความสงสารพร้อมกับพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ลี่เทียน ข้าขอโทษ!” สิ้นคำพูดพลันมือขวารั้งกลับอย่างแรง ในฝ่ามือมีแกนพลังงานสีเขียวที่เปล่งพลังปราณขึ้นลงอย่างรุนแรง

คางคกลี่เทียนอ่อนแอลงจนกระทั่งมันไถลร่างลง มันร้องอย่างอ่อนแอขณะที่ตุ่มหนองทั้งหมดบนหลังมันเริ่มแตกและของเหลวสีดำกลิ่นเหม็นหึ่งปกคลุมทั่วร่าง กระทั่งเสียงร้องกลับไม่แข็งแกร่งสมจริงอีกต่อไป

เมิ่งหลังค่อมโยนแกนพลังคางคกเข้าไปในปากโดยไม่ลังเล ร่างกายเริ่มบิดงอและควันสีดำโผล่ออกมาจากใบหน้า เขาแผดเสียงร้องขณะที่ตุ่มหนองทั้งหมดบนใบหน้าแตกปุบปับ ของเหลวสีดำพุ่งออกมาทั่วบริเวณและปล่อยควันสีดำตกไปบนผนัง

ระดับแกนพลังในตัวอสูรวิญญาณมีหลายระดับ แต่เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งบรรลุระดับอสูรวิญญาณจะสร้างแกนพลังที่แท้จริงขึ้นมา แม้ว่าบางสายพันธุ์จะมีแกนพลังอยู่แล้ว พวกนั้นต่างเป็นของปลอม พวกมันแค่สร้างจากพลังปราณและใช้เป็นที่กักเก็บไว้

แกนพลังของจริงแตกต่างอย่างมากเนื่องจากเป็นพื้นฐานความสามารถของอสูรทั้งหมด เมื่ออสูรตัวหนึ่งบรรลุระดับอสูรวิญญาณระดับต่ำ แกนพลังปฐพีที่คล้ายคลึงกับแกนพลังของเซียนขั้นแกนพลังปราณจะถูกสร้างขึ้น ทว่ามันแตกต่างอย่างมากกับแกนพลังของเซียน

เมื่อมันกลายเป็นอสูรวิญญาณระดับกลาง แกนพลังปฐพีจะกลายเป็นแกนพลังสวรรค์ และเมื่อมันกลายเป็นอสูรระดับสูง แกนพลังสวรรค์ของมันจะกลายเป็นแกนพลังต้นกำเนิด ซึ่งห่างเพียงก้าวเดียวจากวิญญาณต้นกำเนิดของอสูรเดียวดาย

เมื่อมันบรรลุระดับอสูรเดียวดายเท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนแกนพลังต้นกำเนิดไปเป็นวิญญาณต้นกำเนิด หากถึงตอนนั้นมันจะกลายเป็นอสูรเดียวดายที่ทรงพลังอย่างแท้จริง

ควันสีดำบนเมิ่งหลังค่อมหนาแน่นขึ้นขณะที่เขานอนบนพื้นและคว้าคางคกไว้และกดมันเข้ากับหน้าผาก

ของเหลวข้นสีดำออกมาจากคางคกมาขึ้น ของเหลวนี้ปกคลุมตุ่มหนองบนใบหน้าเมิ่งหลังค่อมและเข้าไปภายใน ในที่สุดทั้งร่างคางคกได้กลายเป็นของเหลวสีดำซึ่งถูกเมิ่งหลังค่อมดูดซับจนหมด

หนอกบนหลังเมิ่งพองขึ้นและมีตุ่มหนองมากมายปรากฎบนนั้น ตุ่มนอกนี้ปกคลุมทั่วทั้งหลัง หากมองเขาตอนนี้คงดูคล้ายกับคางคกเป็นแน่แท้

ดวงตาเมิ่งหลังค่อมปิดสนิท ควันสีดำรวมตัวกันบนหน้าผากและสร้างเป็นลมหมุนสายหนึ่ง จากนั้นเขาลืมตาขึ้น รูม่านตาเป็นรูปสามเหลี่ยมพร้อมกับเผยแววตาอันโหดเหี้ยม

เขากำหมัดแน่น สายฟ้าสีดำปรากฎขึ้นและปะทุในฝ่ามือ สูดหายใจลึกและพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแหบแห้ง “วิชามารโบราณนี้น่าทึ่งจริงๆ ด้วยการใช้แกนดั้งเดิมของอสูรวิญญาณคางคกระดับสูง มันสามารถเพิ่มระดับฝึกตนของข้าไปถึงขั้นสูงสุดตัดวิญญาณระดับปลายได้ เวลานี้ข้าสามารถพุ่งผ่านไปได้แล้ว! แต่ราคาที่ข้าจ่ายไปมหาศาลเหลือเกิน หากข้าไม่ถูกบังคับให้จนมุมเช่นนี้…บัดซบ!”

เขาเดินช้าๆออกมาจากหอคอยสีดำ พลันสายฟ้าหนึ่งที่สร้างจากการรวมตัวกันของสัมผัสวิญญาณปรากฎขึ้นทันที เมิ่งหลังค่อมสายตาเฉียบแหลม ปล่อยควันสีเขียวออกมา จังหวะที่สายฟ้าสัมผัสวิญญาณเข้าไปในควันสีเขียวมันช้าลงเล็กน้อย เมิ่งหลังค่อมใช้โอกาสนี้กระโดเข้าไปในพายุทอร์นาโดลูกหนึ่ง

ทันใดนั้นพายุทอร์นาโดหยุดหมุนและอสูรตัวเล็กข้างในมันกระจายออก ทว่าพวกมันไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนไกลก่อนจะระเบิดแตกกระจาย ฝนโลหิตไหลลงมาจากท้องฟ้า

เมิ่งหลังค่อมมีสายตาโหดเหี้ยมอำมหิตขณะที่กระโดดไปทอร์นาโดลูกถัดไป

ไม่นานหลังจากนั้นสัมผัสวิญญาณนับล้านที่รวมตัวเข้าด้วยกันสร้างเป็นหอกเล่มหนึ่งพุ่งออกมาราวกับกำลังทำลายท้องฟ้า

หอกนี้ทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังขณะที่มันแล่นผ่านท้องฟ้า หนึ่งวินาทีอยู่ในอากาศและวินาทีถัดมามันเข้าใกล้ตัวเมิ่งหลังค่อม ทิ้งโซนิคบูมไว้เบื้องหลัง กระทั่งข้อจำกัดของบททดสอบปฐพียังได้รับผลกระทบพลันเปล่งเสียงดังสนั่น

พายุทอร์นาโดที่หวังหลินอยู่ข้างในกลับอยู่ด้านหลังห่างไกล ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เขาจ้องไปที่ร่างไม่สมประกอบของเมิ่งหลังค่อม พลันให้ความสนใจไปที่กระเป๋าคาดเอวของเขา

ส่วนสัมผัสวิญญาณรูปหอก เมิ่งหลังค่อมเพียงจ้องมองหนึ่งคราก่อนที่จะสร้างผนึกรูปหนึ่งขึ้นบนฝ่ามือและพึมพำบทสวดอันซับซ้อน ทันใดนั้นหม้อน้ำสีขาขนาดเล็กปกคลุมในควันลอยออกมาจากปาก

ขณะที่หม้อน้ำปรากฎขึ้น ควันสีเขียวหนากระจายออกทันที หอกร่อนลงบนหม้อน้ำขนาดเล็กนั้น ทั่งสองปะทะกับสร้างเสียงดังสนั่นและคลื่นกระแทกหนาสิบฟุตกระจายออกอย่างรวดเร็ว กระทั่งพายุทอร์นาโดยังถูกบังคับให้ถอยหนี พวกที่ไม่เร็วพอจะถูกคลื่นกระแทกจนอสูรตัวเล็กในทอร์นาโดพวกนั้นสลายกลายเป็นฝุ่น

ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายขณะที่เขาถอยกลับพร้อมกับทอร์นาโดลูกอื่นแตทดวงตายังจดจ้องบนเมิ่งหลังค่อมไม่กระพริบ

หม้อน้ำเล็กในอากาศถูกสะบั้นเหลือเพียงครึ่งซีกและหล่นลงจากท้องฟ้า แต่หอกที่ถูกปะทะนั้นด้านหลายเริ่มกลายเป็นสีเขียว ในไม่ช้าทั้งหอกได้กลายเป็นสีเขียว มันสั่นเทาก่อนจะแตกสลายกลายเป็นสัมผัสวิญญาณชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อเรื่องแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้น สัมผัสวิญญาณแทบทั้งหมดที่เป็นส่วนหนึ่งของหอกได้มีเศษสีเขียวติดอยู่ สีเขียวเริ่มกระจายออกอย่างรวดเร็วและภายในไม่กี่วินาทีสัมผัสวิญญาณทั้งหมดที่เป็นส่วนหนึ่งของหอกได้กลายเป็นสีเขียวอย่างสมบูรณ์

ขณะที่หม้อน้ำสีเขียวถูกสะบั้นเป็นครึ่งซีก ทันใดนั้นร่างกายของเมิ่งหลังค่อมอ่อนแอลง เขาไอออกมาเป็นโลหิตชีวิตหลายคำ หม้อน้ำสีเขียวนั้นคือสมบัติชีวิตเขา ด้วยการระดับฝึกตนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายของเขาจึงสามารถทนรับการโจมตีของสัมผัสวิญญาณที่รวมเข้าด้วยกันนับพันล้านได้ แต่ในตอนท้ายมันถูกแบ่งครึ่งออกจากกัน

เมิ่งหลังค่อมไม่มีเวลาที่จะรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสีย ดวงตาเปื้อนเลือดขณะที่จ้องสัมผัสวิญญาณสีเขียวที่กำลังปกคลุมน่านฟ้า

สัมผัสวิญญาณทั้งหมดที่เป็นสีเขียวระเบิดออกและกลายเป็นพลังปราณ เมื่อสัมผัสวิญญาณแตกสลาย ร่างกายของมันก็ตายเช่นกัน

ขณะที่สัมผัสวิญญาณระเบิด พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ที่สุดหยุดหมุนและอสูรตัวเล็กในนั้นหล่นลงจากท้องฟ้า

เมิ่งหลังค่อมยื่นมือออกมาและนำหม้อน้ำสีเขียวที่เหลือเพียงครึ่งซีกกลับเข้าไปในกระเป๋า เขาใช้โอกาสนี้หนีรอดและตรงไปทิศทางที่ทอร์นาโดหวังหลินพึ่งจะเคลื่อนผ่านไป

ขณะเดียวกันราชาทอร์นาโดร้องคำรามกึกก้อง ทันใดนั้นพายุทอร์นาโดทั้งหมดหยุดหมุนเผยให้เห็นอสูรที่กำลังบินอยู่ความยาวสิบจ้าง

ขนาดของมันมีหลายใหญ่กว่าพวกมันที่เหลือหลายเท่า แต่สำหรับหวังหลินมันไม่อาจเทียบกับมังกรเดียวดายในหุบเขาได้

ขณะที่อสูรร้องคำราม มันกระโดดออกมาพลันคลื่นเสียงกระจายจากจะงอยปากอันแหลมคมทันที แห่งไหนก็ตามที่คลื่นเสียงเดินทางผ่าน พื้นที่ของบททดสอบอัคคีแห่งนั้นจะเผยรอยฉีกขาดซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรงพลังแค่ไหน

ในเวลาเดียวกัน พายุทอร์นาโดที่เหลือทั้งหมดพุ่งเข้าหาเมิ่งหลังค่อมโดยเฉพาะหนึ่งในนั้นเป็นทิศทางที่เมิ่งหลังค่อมกำลังไป พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าหาโดยไม่สนใจชีวิตเพื่อที่จะหยุดเมิ่งหลังค่อมให้ได้ สัมผัสวิญญาณ คลื่นเสียง และการโจมตีหลากหลายแบบกระหน่ำดุจพายุฝนบนเมิ่งหลังค่อม ทว่าไม่มีสิ่งไหนที่สามารถหยุดเขาได้ ทุกครั้งที่เขาปะทะกับหนึ่งลูก พายุหมุนสีดำบนหน้าผากจะเร่ิมริบหรี่ลงเล็กน้อย

เขาลอบก่นด่าในใจเพราะรู้ว่าระดับฝึกตนที่เขาเพิ่มขึ้นมากำลังจะจบลง หากเขาหยุดเพียงชั่วขณะคงถูกคลื่นเสียงของราชาทอร์นาโดกระแทกได้ เมื่อคิดเช่นนี้จึงเหาะเหินอย่างรวดเร็ว

หวังหลินเห็นได้ว่าขณะที่อสูรราชาปล่อยคลื่นเสียงออกมามีแสงกระพริบหนึ่งพร้อมกับนิ้วสีทองหนึ่งนิ้วยื่นออกมาจากหน้าผากมัน

เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้เพราะว่าเมิ่งหลังค่อมกำลังเข้ามาใกล้ๆ ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะที่เขาเหยียดยิ้มและสัมผัสกระเป๋า ทันใดนั้นเส้นเอ็นมังกรลอยออกมา มันควบแน่นอย่างรวดเร็วและแตกกิ่งก้านสาขารวมกันเป็นจุดเดียวให้หนาขึ้น

เมื่อเมิ่งหลังค่อมเข้ามาใกล้ พายุทอร์นาโดที่เขาอยู่พลันถอยกลับ ในเหล่าพายุทอร์นาโดทั้งหมด พายุทอร์นาโดของเขานั้นแทบจะแยกแยะไม่ออก

ตอนที่เมิ่งหลังค่อมพุ่งเข้ามา หวังหลินโยนเส้นเอ็นมังกรออกทันที เมิ่งหลังค่อมพึ่งพุ่งผ่านทอร์นาโดไปลูกหนึ่งทันใดนั้นเขารับรู้ได้ถึงกระแสพลังปราณที่ผิดปกติ ขณะเดียวกันพื้นที่ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยพลังปราณจากอสูรที่ตายไปแล้ว เช่นนั้นเว้นแต่ว่าเขาจะตรวจสอบอย่างละเอียดถี่เว้นแล้วเท่านั้นมันจึงยากที่จะตรวจพบว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

เมิ่งหลังค่อมกำลังหนีจากความตายดังนั้นขณะที่เขาสังเกตมันได้จึงไม่ได้คิดมากเรื่องนั้น เขาไม่คิดว่าจะมีเซียนคนอื่นนอกจากตัวเอง ทว่าทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่าขาขวากำลังถูกดึงโดยพลังอันแข็งแกร่ง ใบหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที ต้องขอบคุณประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาไม่ต้องรอให้หันศีรษะกลับจึงสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งที่สร้างจากเส้นเอ็นอสูร ไม่มีทางที่อสูรตัวเล็กพวกนั้นจะใช้สมบัติวิเศษเป็นแน่ ดังนั้นจึงมีคำตอบเดียวนั่นก็หมายความว่าคือเซียนคนหนึ่ง!

ปกติแล้วเมิ่งหลังค่อมไม่สนใจมากเรื่องรูปแบบสมบัติอยู่แล้ว ทั้งหมดที่เขาจะทำคือใช้พลังปราณเล็กน้อยสลายมันและนำพิษเข้าใส่มันเพื่อวางพิษกับคนใช้

ทว่าตอนนี้รอบด้านเขาเต็มไปด้วยทอร์นาโดสีดำที่กำลังส่งคลื่นสัมผัสวิญญาณอย่างไม่สิ้นสุดออกมาพร้อมกับคลื่นเสียงโจมตี เขาต่อสู้พุ่งผ่านด้วยแรงพลังปราณในลมหายใจเฮือกสุดท้าย โดยเฉพาะสมบัติแห่งชีวิตของเขาแตกสลายไปจึงอยู่ในสภาวะเลวร้าย หากไม่ใช่การรวมกันของวิชามารโบราณกับคางคก เขาคงตายไปเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ถึงจุดวิกฤตนี้ เส้นเอ็นมังกรอันกระจ้อยร่อยราวกับอักษรแห่งความตายที่ประทับบนร่างเขา แม้ว่าเส้นเอ็นมังกรจะสูญสลายภายใต้พลังของเขา แต่นี่ทำให้เขาหยุดกึกไปชั่วขณะ

มันเป็นเพียงหยุดชั่วขณะแต่ยาวนานพอให้คลื่นเสียงมาถึงด้านหลังและการโจมตีของพายุทอร์นาโดรอบๆเข้าใกล้ได้

ฟางไม่สามารถฆ่าอูฐได้แต่อาจเป็นจุดแตกหักที่ทำให้อูฐถูกทับถมไปสู่ความตายได้

ผลลัพธ์ของเส้นเอ็นมังกรช่างคล้ายกับฟางข้าวนั้น

เมื่อเมิ่งหลังค่อมถูกคลื่นเสียงกระแทกจากด้านหลัง เขากระอักโลหิตออกมาและบินออกไป ขณะเดียวกันทอร์นาโดยักษ์ลูกหนึ่งผ่านร่างเขาไป มือหนึ่งยื่นออกมาและคว้ากระเป๋าบนเอว

ขณะนั้นเองเมิ่งหลังค่อมเห็นผ่านพายุทอร์นาโดอันเรือนราง เขาเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยของหวังหลิน เขาโกรธขึ้นและกระอักโลหิตอีกคำออกมา โลหิตกลายเป็นควันที่สามารถทำให้ผู้คนคลื่นไส้พร้อมกับไล่ล่าตามมาด้านหลังพายุของหวังหลิน

หวังหลินคว้ากระเป๋าถือไว้ เขาสั่งให้เจ้าปิศาจน้อยบินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไปที่พายุหมุนโดยไม่ลังเล นั่นเป็นทางเข้าของบททดสอบที่สอง ส่วนโลหิตมันถูกอสูรตัวเล็กที่สร้างทอร์นาโดป้องกันไว้ได้ ทว่าพิษภายในโลหิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และนับที่หวังหลินระมัดระวังอยู่เสมอเขาจึงกระโดดออกจากพายุทอร์นาโดจังหวะที่มันถูกโลหิตปะทะ ด้านหลังใกล้ๆเขาคือปิศาจสองตัว

จังหวะที่หวังหลินถึงพื้น เขาเข้าไปในพื้นดินด้วยวิชาหลบหนีปฐพีและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทอร์นาโดกลับติดเชื้อโลหิตและอสูรตัวเล็กข้างในตายไปทั้งหมด

แม้ว่าจะเกิดเรื่องราวมากมายทว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก ในเพียงชั่วพริบตากระเป๋าข้างเอวเมิ่งหลังค่อมหายวับไป

ตอนที่เมิ่งหลังค่อมถูกคลื่นเสียงกระแทกใส่ กระดูกและเลือดเนื้อเริ่มแตกหัก ตุ่มหนองบนหลังถูกทำลายพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวกลิ่นเหม็นสีดำออกมา อสูรตัวไหนที่สัมผัสกับของเหลวจะตายทันที

ซึ่งขณะเดียวกันนั้นเขาเห็นโลหิตที่โจมตีออกไปถูกป้องกันและหวังหลินหนีไปได้ เขาไม่รู้สึกเจ็บใจเท่าที่กระเป๋าถูกขโมยไป แต่กลับรู้สึกโกรธแค้นอยากสังหารหวังหลินอยู่ลึกๆ หากไม่ใช่หวังหลินเขาคงผ่านการขัดขวางนี้ได้และไปถึงบททดสอบที่สอง

แม้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปเนื่องจากการปรากฎตัวของหวังหลิน ด้วยความฉลาดของเมิ่งหลังค่อมเขาจึงตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองอยู่บนฝ่ามือของหวังหลินตลอดเวลา กระทั่งการดึงดูดความสนใจของพายุทอร์นาโดทั้งหมดนั้นด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเด็กบัดซบขั้นแกนลมปราณจะอยู่รอดปลอดภัยผ่านบททดสอบขั้นแรกได้เช่นไรกันเล่า?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version