174. การกลายพันธุ์ของปิศาจ
ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขณะที่จ้องมองเจ้าปิศาจร่างใหม่ ขอบเขตจวี่ของเขาออกจากร่างตัวเองเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรแดงตัวหนึ่ง จากนั้นคำรามใส่อสูรตัวเล็ก
พลังอำนาจของเขาคือวิญญาณกลืนกินที่แสดงได้เต็มที่ ไม่ต้องพูดถึงอสูรตัวเล็กนี้กระทั่งเจ้าปิศาจฉวี่ลี่กั๋วยังกลัวจนร่างสั่นจมลงกับพื้นและไม่กล้าเคลื่อนไหว ความกดดันของนักล่าตามธรรมชาติทำให้จิตใจมันสั่นเทา
อสูรตัวเล็กเริ่มต่อสู้และร้องคำรามออกมาแต่เมื่อเทียบกับเสียงคำรามของหวังหลินกลับดูไร้อำนาจโดยทันที ในที่สุดอสูรตัวเล็กก็เริ่มขอความเมตตาผ่านทางแววตา
ขอบเขตจวี่รูปร่างมังกรจ้องอสูรตัวเล็กเป็นเวลานานก่อนจะกลับเข้าร่างหวังหลิน จากนั้นเขาสะบัดแขนและนำธงวิญญาณออกมา เจ้าปิศาจไม่ลังเลพลันเปลี่ยนเป็นหมอกแดงและเข้าไปในธงวิญญาณ
หวังหลินทิ้งเศษสัมผัสวิญญาณไว้ในธงก่อนจะเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นเขาสะบัดแขนอีกข้างและเส้นใยสัมผัสวิญญาณปรากฎทั่วห้อง นี่เป็นวิธีการตอบโต้ที่เขาสร้างไว้ต่อกรกับปิศาจ
ขณะที่หวังหลินสะบัดแขนอีกครั้งเส้นใยสัมผัสวิญญาณกลับเข้าหาเขาทั้งหมด
เหตุผลที่สามารถค้นหาอสูรตัวเล็กนี้ได้ไม่ว่ามันจะเร็วขนาดไหนก็ตามเป็นเพราะเส้นด้ายสัมผัสวิญญาณพวกนี้ เมื่อเขาสังเกตความแปรปรวนที่ผิดปกติในหมอกแดงจึงใช้ข้อจำกัดสัมผัสวิญญาณให้สร้างเส้นใยสัมผัสวิญญาณใยแมงมุมอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าอสูรตัวเล็กจะไปทางไหน หวังหลินสามารถติดตามมันได้ทันที พร้อมกับหลังจากที่มันกลืนกินวิญญาณพร้อมกับสัมผัสวิญญาณหวังหลินจำนวนมาก เครื่องหมายบนร่างมันจึงมีบทบาทสำคัญ
ภายใต้ผลลัพธ์ของทั้งสองอย่างนี้หวังหลินจึงไม่แปลกใจที่จะติดตามมันได้
หลังจากถอนสัมผัสวิญญาณของตัวเองออกมา เขายืนขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อขบคิดเล็กน้อยพลันเดินลงไปล่างหอคอย
ณ ธรนีประตูหอคอย หวังหลินเรียบเรียงทุกอย่างก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เจ้าปิศาจเห็นหวังหลินเข้าไปในพื้นดินจึงติดตามอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดาย ก่อนที่มันจะติดตามหวังหลินนานกว่านี้แต่ถูกจับได้ซะก่อนและถูกโยนเข้าไปในเส้นเอ็นมังกร
ตำแหน่งปัจจุบันนี้พลังต่อต้านรุนแรงมาก หวังหลินใช้พลังปราณไปเกือบเก้าในสิบส่วนเพื่อต่อต้านมัน ผลก็คือความเร็วของหวังหลินลดลงโดยอัตโนมัติ
ขณะที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า สัมผัสวิญญาณกระจายออกเพื่อสังเกตสิ่งที่อยู่ห่างไกลอย่างระมัดระวัง
ไม่กี่วันต่อมาใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป เขาเห็นผ่านสัมผัสวิญญาณว่ามีเมฆสีดำบินมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อไหร่ก็ตามที่เมฆดำเคลื่อนที่ ทอร์นาโดสีดำจะพยายามหลบหนี พวกมันไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วพอจึงแตกกระจายกลายเป็นอสูรตัวเล็กนับไม่ถ้วนและถูกเมฆสีดำกลืนกินไปทีละน้อย หวังหลินนำเม็ดยาเข้าไปในปากอีกครั้งขณะที่จ้องเมฆดำและจมดิ่งต่ำลงทันที
ไม่นานนักเมฆดำเคลื่อนที่ผ่านไป ด้านหลังเมฆดำคือราชาพายุทอร์นาโด ตอนนี้มันหมุนตัวเร็วมากจนสร้างคลื่นลมขนาดใหญ่จึงเป็นเหตุให้เมฆดำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
ราชาทอร์นาโดผลักเมฆดำไปยังตำแหน่งที่หวังหลินเคยผ่านและออกห่างไปไกล ไม่นานหลังจากนั้นราชาทอร์นาโดก็กลับมา เวลานี้มันเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้นขณะที่ปล่อยเสียงกรีดร้องดังสนั่นและหายตัวไปอีกครั้ง
หลังจากมันจากไปหวังหลินจึงเคลื่อนที่ข้างหน้าต่อเนื่องช้าๆ เขาเหยียดยิ้ม เมฆดำต้องถูกเมิ่งหลังค่อมสร้างมาแน่ หากไม่ใช่ราชาทอร์นาโดผลักมันออกไป เช่นนั้นอสูรตัวเล็กคงกระจายตัวออกอย่างเจ็บช้ำอีกคราแน่
หลังจากขบคิดอยู่ชั่วขณะดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เมิ่งหลังค่อมต้องมีสมบัติและเม็ดยาอยู่บนตัวค่อนข้างน้อยแน่ หากอสูรพวกนี้สามารถสังหารเขาได้ เช่นนั้นหวังหลินอาจจะพอมีเวลาอยู่บ้าง เมื่อคิดถึงสมบัติของเซียนขั้นตัดวิญญาณอันทรงพลัง หัวใจหวังหลินเริ่มเต้นเร็ว ถึงอย่างนั้นเขาถอนความคิดนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับสมบัติแล้ว ชีวิตของเขาสำคัญมากกว่า
หวังหลินถอนหายใจ เขายกเลิกความคิดที่ไม่มีวันเป็นจริงพวกนี้ทิ้งและเคลื่อนที่ต่อไป ทว่าหลังจากยืนยันตำแหน่งของเมิ่งหลังค่อมได้หวังหลินไม่ตรงเข้าหาอีกแต่กลับอ้อมไปรอบๆแทน
ครึ่งเดือนต่อมา เขาผ่านพื้นที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยทอร์นาโดสีดำที่ทำให้หวังหลินเห็นแล้วตกตะลึง
มันเป็นกลุ่มพายุทอร์นาโดที่หนาแน่นมาก จำนวนของอสูรตัวเล็กพวกนั้นต้องมีอย่างน้อยร้อยล้านตัว ศีรษะหวังหลินเสียวซ่าน นี่ทำให้ยิ่งระวังมากขึ้นไปอีกและใช้เวลาอีกหนึ่งเดือนเพื่อเคลื่อนที่อ้อมกลุ่มพายุทอร์นาโดพวกนั้น
พายุทอร์นาโดส่วนใหญ่ต่างถูกเมิ่งหลังค่อมดึงดูดไป ดังนั้นแม้ว่าระหว่างทางจะกลัวไปด้วยก็ไม่ได้มีอันตรายเกินขึ้นจริงๆ ตอนนี้หวังหลินอยู่ข้างในหอคอยแห่งหนึ่งขณะที่เขามองกลับไปตำแหน่งที่เมิ่งหลังค่อมอยู่
หลังจากเย้ยหยันในใจ หวังหลินออกจากหอคอยและมุ่งหน้าตรงไป เขาเพียงเห็นพายุหมุนยักษ์บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล
พายุหมุนยักษ์รูปร่างเดียวกันกับที่อยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าและชัดเจนว่ามันจะนำทางไปสู่บททดสอบที่สอง!
หวังหลินสูดหายใจลึกและเดินเข้าหาพายุหมุน ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้วิชาหลบหนีปฐพีแล้วเพราะว่าแรงต้านจากใต้ดินแข็งแกร่งเกินไป แม้เขาจะใช้พลังปราณทั้งสิบส่วนก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายต่อไปได้
ถึงเช่นนั้นวิชาหลบหนีปฐพีไม่ได้เพิ่มความขึ้นเฉพาะตอนที่เขาอยู่ใต้ดินเท่านั้น ตราบใดที่เขาเหยียบพื้นอยู่แม้จะไม่ได้เร็วเทียบเท่ากระบี่เหินแต่มันยังเร็วมากกว่าการวิ่งเสียอีก
ที่ผ่านมาหลายเดือนนี้หวังหลินใช้วิชาหลบหนีปฐพีมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความเชี่ยวชาญจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขารู้สึกได้ว่าวิชาหลบหนีปฐพีที่เขารู้จักเปรียบไม่ได้กับวิชาของแท้ที่กล่าวกันว่าสามารถพาคนผู้หนึ่งเดินทางห้าพันลี้ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ
เมื่อหวังหลินถอนหายใจออกมาเขาไม่ลืมกระจายสัมผัสวิญญาณออกเพื่อตรวจสอบรอบด้าน โชคดีที่พายุทอร์นาโดสีดำจำนวนมากพวกนั้นถูกเมิ่งหลังค่อมดึงดูดความสนใจ ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไปข้างหน้า เขากลับไม่เจออันตรายมากนัก
สามวันผ่านไปตอนนี้พายุหมุนอยู่ในระยะสายตา ขณะที่หวังหลินเดินระหว่างทางทันใดนั้นท่าทางเปลี่ยนไปและมุดลงใต้พื้นดินทันที พลันปรากฎพลังงานรุนแรงเริ่มต่อต้านเขา หวังหลินดื่มน้ำพลังปราณอึกใหญ่เพื่อปัดพลังงานนั้นออกไป
ไม่ไกลจากนั้นพายุทอร์นาโดสีดำปรากฎขึ้นทันทีตรงไปทางพายุหมุน เป้าหมายของมันคือเมิ่งหลังค่อม ทว่าเมื่อพวกมันมาถึงจุดที่หวังหลินซ่อนตัวอยู่ ทันใดนั้นพายุทอร์นาโดสีดำหยุดกึกและเริ่มหมุนรอบพื้นที่ทั่วบริเวณ
จิตใจหวังหลินจมดิ่ง เขาพยายามเข้าไปในมิติลูกปักก่อนหน้านี้แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ตั้งแต่มาถึงทะเลทรายที่นี่ ไม่เช่นนั้นเขาจะเข้าไปข้างในจนกว่าพายุทอร์นาโดจะเคลื่อนที่ผ่านไป
หวังหลินมองพายุหมุนในระยะสายตาและเริ่มคำนวน เขากัดฟันแน่นขณะที่แตะกระเป๋าและนำเจ้าปิศาจออกมา เมื่อเจ้าปิศาจเห็นอสูรตัวเล็กทั้งหมดเหนือหัว มันตื่นเต้นอย่างมากและพุ่งเข้าหาทันที
น่าเสียดายขณะที่มันปรากฎตัว พายุทอร์นาโดทั้งสิบรอบด้านต่างแผดเสียงพร้อมกัน สัมผัสวิญญาณมากกว่าหมื่นชิ้นรวมเข้าด้วยกันและกระแทกลงเจ้าปิศาจ
เจ้าปิศาจกรีดร้องอย่างโหยหวน การโจมตีของสัมผัสวิญญาณที่รวมกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่มันจะต่อกรได้ ร่างกายของมันเริ่มปลดปล่อยควันสีเขียว ทำให้มันต้องล่าถอยไปตำแหน่งที่หวังหลินอยู่ แต่ขณะนั้นการโจมตีระลอกที่สองพลันเข้ามา
ขณะเดียวกันหวังหลินนำธงวิญญาณออกมาและเขย่า เจ้าปิศาจตัวที่สองลอยออกมาพลันตกตะลึงชั่วครู่ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลม
เสียงกรีดร้องนั้นทำให้พายุทอร์นาโดทั้งหมดหยุดนิ่งและหยุดหมุนพลันเผยเป็นอสูรตัวเล็กข้างในจำนวนนับไม่ถ้วน อสูรตัวเล็กทั้งหมดถูกจ้องและพวกมันจ้องกลับไปปิศาจตัวที่สองของหวังหลิน กระทั่งการโจมตีรอบที่สองบนฉวี่ลี่กั๋วยังถูกหยุด
ดวงตาเจ้าปิศาจตัวน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่มันกรีดร้องอีกครั้ง อสูรตัวเล็กทั้งหมดเริ่มถอยกลับ ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองไปที่ปิศาจตัวน้อย
หวังหลินตื่นตะลึง ดวงตาเปล่งประกายพลันเริ่มขบคิด ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วกลับรู้สึกอับอายขายขี้หน้า พูดได้ว่าการฟื้นความทรงจำของมันไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป อย่างน้อมันก็ไม่ต้องรู้สึกอับอาย ขณะเดียวกันนั้นมันลอบคิด “นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว ข้าถูกน้องเล็กช่วยไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะเป็นคนแรกที่ติดตามอสูรร้ายตนนี้ ไม่สิ หากดำเนินต่อไปเช่นนั้น ทุกๆน้องเล็กของอสูรร้ายจะแข็งแกร่งมากกว่าข้า ไม่นะ ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!”
เจ้าปิศาจกัดฟันและพุ่งเข้าใส่หนึ่งในพายุทอร์นาโด หลังจากจับอสูรตัวเล็กพวกนั้นไม่กี่ตัวมันก็เริ่มกลืนกิน
อสูรตัวเล็กเริ่มตกใจกลัวและหลบหนี แต่อสูรตัวน้อยกรีดร้องออกมาอีกครั้ง พวกมันไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ดวงตาแต่ละตัวมีความกลัวฝังลึก
ยิ่งหวังหลินเห็นมากขึ้นก็ยิ่งดวงตาสว่างไสว ทันใดนั้นเขามีความคิดหนึ่งขึ้นมา ปิศาจตัวที่สองของเขาต้องดูเหมือนกับอสูรกลายพันธุ์ของพวกมันแน่ๆ มันต้องเกิดการเชื่อมต่อลึกลับระหว่างกันบางอย่างจึงทำให้เกิดฉากเหตุการณ์นี้ขึ้น
หากเป็นเรื่องจริง การที่สัมผัสวิญญาณของอสูรตัวเล็กรวมเข้าด้วยกันได้ก็ค่อยสมเหตุสมผล ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะที่เขาโผล่ออกมาจากผืนดิน
แม้ว่าอสูรตัวเล็กจะระมัดระวังตอนที่เขาปรากฎตัว แต่พวกมันไม่ได้หวาดกลัวหรือโจมตีเขา ขณะเดียวกันปิศาจตัวที่สองมองไปที่ฉวี่ลี่กั๋วที่กำลังกลืนกินอสูรตัวเล็ก มันแผดเสียงประหลาดออกมา ร่างกายอสูรตัวเล็กทั้งหมดสั่นสะท้าน สัมผัสวิญญาณพวกมันออกจากร่างกายไปรวมเป็นการโจมตีหนึ่งตรงไปที่ฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วยิ้มทันทีและเผยใบหน้าที่ดูเหมือนพยายามขอร้องเจ้าปิศาจตัวที่สอง มันรีบคายวิญญาณทั้งหมดที่กลืนลงไปก่อนจะกลับไปหาหวังหลินอย่างรวดเร็ว เมื่อมันอยู่ด้านหลังหวังหลินพลันเปลี่ยนใบหน้าเป็นเกลียดชังและจ้องเขม็งที่เจ้าปิศาจน้อย
มันลอบแอบบ่นในใจ “เจ้ารอเดี๋ยว! คอยไว้ก่อนเถอะ! ผลักข้าให้ไกลและข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองฉวี่ลี่กั๋ว เขาลอบถือหยกป้องกันที่ลี่มู่หวานทิ้งไว้ให้ สัมผัสวิญญาณของเขากระจายออกและตรวจสอบอสูรตัวเล็กทีละตัว ในที่สุดเขาก็พบว่ามีอยู่สิบตัวในนั้นถูกนับว่ากลายพันธุ์เนื่องจากมีสัมผัสวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่า
ขณะที่หวังหลินสังเกตนั้นเขาสามารถค้นหาตัวที่กลายพันธุ์ได้ทั้งหมดสิบตัว พลันหนึ่งในนั้นบินออกมาด้านหน้าเจ้าปิศาจตัวที่สองและกรีดร้องเสียงแหลม