1752. สนามไล่ล่า
วินาทีที่วิญญาณดวงที่สามปรากฏขึ้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่แขนขวาของหวังหลิน โดยเฉพาะสายตาของเซียนเต๋าสีรุ้ง ผีเฒ่าจางและสี่ขุนพลนั้นเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา
“นี่คือการไล่ล่า! พวกเจ้าจะเป็นผู้ล่าหรือข้าเป็นผู้ล่า…พวกเจ้าจะสังหารข้าและ ได้วิญญาณดวงที่สามไป แต่คนที่เข้ามาต้องเตรียมตัวถูกข้าสังหารไว้ด้วย…”
“ทั้งหมดมีสายโลหิตของแผ่นดินเซียนดาราและถือว่าตัวเองเป็นอมตะ…แต่ในการไล่ล่านี้ แม้พวกท่านจะตายหรือข้าตาย! ข้าก็จะไม่สังหารเทพแห่งแผ่นดิน เซียนดารามากนัก…ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งหมดจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน ปล่อยให้เกมอันโหดเหี้ยมนี้เริ่มต้นขึ้น…” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งเย็นเยียบพลางมองไปรอบๆและเผยรอยยิ้ม
แขนขวากำมืออยู่เบื้องหน้าทุกคน วิญญาณดวงที่สามหายกลับเข้าไปในร่าง หวังหลินสะบัดแขนเสื้อไปที่ประตู!
“ประตูถ้ำ จงเปิด!”
ใครที่มีวิญญาณดวงที่สามจะสามารถเปิดประตูสู่แกนกลางของถ้ำได้ ท่ามกลางคนที่มีเพียงหวังหลินเท่านั้นที่ทำได้! เขาไม่กังวลต่อจิตสังหารของทุกคนที่นี่เพราะไม่มีเจตนาจะออกไปไหน เขาอยู่ใจกลางของแกนกลางถ้ำ เพื่อเริ่มการฆ่าล้างสังหาร ครั้งสุดท้ายในโลกถ้ำ!
หวังหลินจะทำทุกอย่างที่ทำได้ในการฆ่าล้างสังหารครั้งนี้!
หลังจากสะบัดแขน เสียงดังสนั่นออกมาจากในประตู รอยแตกร้าวผุดขึ้นตั้งแต่ด้านบนจรดด้านล่าง ปริออกจากตรงกลาง แยกเป็นครึ่งส่วน!
เสียงดังกึกก้องไปทั่วโลกถ้ำแห่งนี้ ประตูค่อยๆ ขยับออกอย่างช้าๆ ราวกับมีมือล่องหนกำลังดันให้เปิดออก!
พายุเริ่มรุนแรงมากขึ้น เสียงร้องโศกเศร้ามหาศาลดังออกมา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึง!
นี่เป็นครั้งแรกที่ประตูได้เปิดขึ้นตั้งแต่ที่มันพังทลาย! เสียงดังสนั่นของมันทำให้สองหูของทุกคนอื้ออึงและต้องล่าถอย
แม้กระทั่งเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางยังถูกบังคับให้ล่าถอย
มีเพียงหวังหลินที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างสงบนิ่ง
ประตูเปิดออกมาในระยะหลักพันฟุต ทว่ามันเปิดได้เพียงแค่สามในสิบส่วนเท่านั้น
หวังหลินก้าวเดินด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ก้าวข้ามกลางประตูไปท่ามกลางสายตาของทุกคน เมื่อเขาเข้าไป สายตากวาดผ่านทุกคนโดยรอบ ในที่สุดจึงหยุดสายตาไปที่เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจาง
“ข้าจะรอพวกเจ้าข้างใน!” หวังหลินเอ่ยคำพูดดังลั่น ก้าวเข้าไปในประตูและ หายตัวไป
พอหวังหลินหายไป พายุจึงร้องคำรามและรุนแรงดังกว่าเดิมราวกับมันได้ถึงจุดสูงสุด บังคับให้ทุกคนต้องล่าถอยอีกครั้ง
‘รนหาที่ตาย!’ เซียนเต๋าสีรุ้งเต็มไปด้วยสายตาจิตสังหาร เขาคิดในใจว่าจะต้องสังหารหวังหลินแน่!
รวมถึงผีเฒ่าจาง ร่างเงารอบตัวเขาจดจ้องไปยังประตูที่หวังหลินหายตัวไป แววตากะพริบเย็นเยียบ!
ทั้งสองไม่ได้นำคำพูดของหวังหลินมาใส่ใจ แต่กลับรู้สึกเย็นเยียบขึ้นในใจ โดยเฉพาะสี่ขุนพลและนางสนมที่ได้ขบคิดเงียบๆ พลางถูกบังคับให้ล่าถอย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ครึ่งชั่วโมงหลังจากหวังหลินเข้าไป ประตูจึงเปิดออกอย่างสมบูรณ์ พายุแผ่กระจายอย่างบ้าคลั่ง ผลักดันทุกคนออกไปหลายหมื่นฟุต ทว่าวินาทีเดียวกันนั้นพายุพลันเลือนหายไป
ราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พลังที่ขัดขวางทุกคนไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว ประตูที่เปิดออกมาจึงแสดงต่อทุกคนอย่างชัดเจน!
เซียนเต๋าสีรุ้งเป็นคนแรกที่พุ่งออกไป แสงสีรุ้งกะพริบวาบ จากนั้นเขาปรากฏตัวใกล้กับประตูและก้าวเท้าเข้าไปข้างใน!
หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นผีเฒ่าจาง เขาไม่มีวันยอมให้วิญญาณดวงที่สามไปอยู่ ในมือของเซียนเต๋าสีรุ้ง ตอนนี้ทั้งคู่จึงเข้าประตูตามกันไป
คนที่สามที่เข้าไปคือ ราชันย์ เขาเปลี่ยนกลายเป็นเงาและเข้าไปใกล้ประตู ลังเลอยู่เล็กน้อย กัดฟันแน่นก่อนจะเดินเข้าไป
ต่อจากทั้งสามคนคือปรมาจารย์เต๋าความฝัน ตั้งแต่เริ่มเขาสงบนิ่งมาตลอด ตอนนี้จึงมาถึงเบื้องหน้าประตูอย่างช้าๆ เขาถอนหายใจและเดินเข้าไปข้างใน
ผ่านความเงียบไปชั่วขณะ คนที่เหลือด้านนอกประตูจึงตัดสินใจเข้าไป แต่ละคนเข้าไปด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ไม่คิดว่าหวังหลินสามารถเก็บรักษาวิญญาณดวงที่สามไว้ได้ ราวกับราชันย์เทพสีรุ้งคนใหม่จะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจาง!
พวกเขาเคยมาที่ประตูบานนี้ ผ่านไปอีกหลายพันหลายหมื่นปี ได้เข้าในประตูอีกครั้ง ราวกับหวนคืนสู่จุดต้นกำเนิด!
ขณะที่เซียนเข้าไปทีละคน กลุ่มสุดท้ายที่เข้าไปคือคนจากดาวเบญจธาตุซึ่งนำโดยชายชราชื่อหม่า พวกเขาจำต้องเข้าไปพร้อมกับถอนหายใจ
หลังจากทุกคนหายเข้าไปในประตู มหาชั้นฟ้าซวนลั่วจึงปรากฏตัว สายตามองประตูพลางขบคิดเล็กน้อยก่อนจะตามเข้าไปอย่างสบายๆ
‘บททดสอบของเด็กคนนี้น่าจะจบลงที่นี่’
โลกถ้ำยังเต็มไปด้วยหมอกปกคลุม แต่เสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วทั้งหมดค่อยๆ สงบนิ่งลงจนหายไป
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ประตูสู่โลกถ้ำเปิดค้างเอาไว้ราวกับกำลังรอให้ทุกคนที่มีคุณสมบัติได้เข้าไป
อย่างไรก็ตามประตูสู่แกนกลางของถ้ำนั้นสามารถเข้าไปได้ด้วยสายโลหิตจากแผ่นดินเซียนดาราเท่านั้น หากคนที่เหลือต้องการเข้าไป จำต้องยืมวิญญาณเหมือนปรมาจารย์เต๋าความฝัน!
เหล่าเซียนทั้งหมดที่สังเกตการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จึงรอคอยคนแรกที่โผล่ออกมาจากประตู ทั้งดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในก็เช่นเดียวกัน
มีน้อยคนนักที่รู้ความลับเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ด้านฉิงชุ่ยและซือถูจึงสังเกตการณ์จากแดนสวรรค์อย่างเงียบๆ
พวกเขาเข้าใจว่าคนแรกที่โผล่ออกมาอาจจะเป็นราชันย์เทพสีรุ้งคนใหม่! หากเป็นหวังหลิน นั่นหมายความว่างทุกอย่างจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ!
นี่คือเรื่องสำคัญซึ่งเป็นตัวกำหนดโชคชะตาของโลกถ้ำแห่งนี้ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โลกถ้ำจะกลายเป็นของราชันย์เทพสีรุ้งคนใหม่หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นขึ้น
แต่ไม่ว่าด้วยเรื่องไหน คนธรรมดาในโลกนี้ก็จะดำเนินชีวิตประจำวันกันต่อไป โดยไม่รู้ข่าวคราวอะไรเลย
ภายในประตู โลกเบื้องหน้าหวังหลินนั้นเลือนลางยิ่ง มันตกอยู่ในซากปรักหักพังอย่างสมบูรณ์เนื่องจากสงครามที่เกิดขึ้นที่นี่!
หวังหลินมองออกไปเห็นเตาหลอมขนาดยักษ์ชิ้นหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลาง ซากปรักหักพัง มันมีควันสีดำล้อมรอบเตาหลอมและดูเหมือนเชื่อมต่อกับโลกใบนี้
หวังหลินมีวิญญาณดวงที่สามอยู่ภายในซึ่งถูกเซี่ยฉิงผนึกเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ ต้องขอบคุณวิญญาณดวงนี้หวังหลินจึงเข้าใจแกนกลางของ โลกถ้ำยิ่งกว่าคนอื่นๆ
หวังหลินสูดหายใจลึกและมองดูเตาหลอม
‘ที่นั่นคือ แกนกลางของถ้ำ…ทั้งยังเป็นประตูไปสู่แผ่นดินเซียนดาราอีก…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและก้าวออกไป ทะยานอย่างรวดเร็วดุจลำแสง
เบื้องล่างคือซากปรักหักพัง พอจะมองออกว่ามันเคยเป็นดินแดนที่สวยงามแค่ไหน ที่นี่คือถ้ำจริงๆ
หรือพูดอีกอย่างว่ามันคือ ใจกลางของโลกถ้ำแห่งนี้!
อย่างไรก็ตามทุกอย่างตกอยู่ในซากปรักหักพัง ในใจหวังหลินเกิดความอ้างว้าง เพียงมองดูก็รู้สึกคิดถึง เขารู้ว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากเขาแต่มาจากวิญญาณ ดวงที่สาม
หวังหลินขบคิดเงียบๆ พลางทะยานผ่านซากปรักหักพัง เขตอาตมทั้งหมดที่นี่ พังเสียหายและไม่มีอีกแล้ว อย่างไรก็ตามหวังหลินหยุดเพียงชั่วสั้นๆ หลังจากนั้นก็ เริ่มทะยานออกไป เขามองดูด้านล่าง ดวงตาเผยแสงแปลกประหลาด
‘แม้เขตอาคมที่นี่พังทลายไปแล้ว แต่บางส่วนยังคงเหลืออยู่ พวกมันสามารถใช้สร้างเขตอาคมขึ้นใหม่ได้…’ หวังหลินมองลงไป ฝ่ามือสร้างผนึกโดยไม่ลังเล เส้นโลหิตผุดขึ้นในตาทั้งสองข้าง
เขตอาคมที่มองไม่เห็นร่อนลงใส่ซากปรักหักพังด้านล่าง แสงน่ากลัวจำนวนมากผุดขึ้นมาทันที
ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปไหม้ แสงน่ากลัวกลับส่องประกายเจิดจ้าเข้าห่อหุ้มหวังหลิน ดวงตามีเส้นโลหิตมากขึ้นอีก จากนั้นจึงหลับตา พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เส้นโลหิตจึงปรากฏตรงเบื้องหน้า
เส้นโลหิตพวกนี้เริ่มขยายสู่เส้นทางที่หวังหลินผ่านมาและปกคลุมซากปรักหักพังที่นี่อย่างสมบูรณ์
มองไกลๆ ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึง! เส้นโลหิตหนาเกือบเท่าแขนจนสังเกตได้ชัดเจน
หวังหลินหายใจถี่เล็กน้อย ชั่วขณะต่อมาจึงสะบัดแขน เส้นโลหิตหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ค่ายกลเขตอาคมสมบูรณ์แบบแล้ว
แสงน่ากลัวจากพื้นดินค่อยๆ หายไปและกลับคืนสู่ปกติ
หวังหลินมองไปกลับที่ทางเข้าและยิ้มเยาะ หันหน้ากลับมาและเข้าไปใกล้ เตาหลอมที่มีควันสีดำล้อมรอบ จากนั้นหายตัวเข้าไปในเตาหลอม