1753. โลกที่ล้มเหลว
วินาทีที่หวังหลินหายตัวไป ควันสีดำรอบเตาหลอมเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วและ ส่งเสียงคำราม ระลอกคลื่นสีดำแผ่กระจายออกมาจากเตาหลอม โลกที่นี่เริ่มบิดเบือนราวกับมีเงานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา
ใบหน้าหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นตรงส่วนหน้าของเตาหลอม ใบหน้านี้ใหญ่โตและใช้พื้นที่เกือบครึ่งส่วนของเตาหลอม
แม้ใบหน้าจะดูพร่ามัว แต่หากมองไกลๆ จะเห็นได้ว่ามันคือ ใบหน้าของหวังหลิน
เตาหลอมคือ แกนกลางของถ้ำ ทั้งยังลึกลับมาก ใครก็ตามที่เข้าไปจะมีใบหน้าปรากฏขึ้นบนเตาหลอม ราวกับเป็นผนึกวิญญาณ
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินในตอนนี้คือ โลกสีดำทมิฬดูไร้ที่สิ้นสุดแต่เขาก็คล้ายจะสามารถก้าวข้ามได้ในอึดใจเดียว
ในโลกนี้มีของอยู่สิ่งเดียวนั่นคือดอกไม้สีเหลืองขนาดใหญ่ พื้นดินคือรากของมัน ท้องฟ้าคือใบไม้ของมัน ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานกลายเป็นโลกของมันเอง
ดอกไม้นี้เรียบง่ายมากและมีอยู่เพียงห้ากลีบเท่านั้น มันไม่มีกลิ่นหอมแต่หากมองดูที่ดอกไม้จะเห็นภาพมายาที่ไม่มีอยู่จริง
บนดอกไม้ยักษ์มีน้ำค้างขนาดพอเหมาะอยู่ทั้งสิ้นสามร้อยหยด!
น้ำค้างทั้งสามร้อยหยดเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับภาพนี้เป็นแค่ความฝัน
หวังหลินยืนอยู่โดยมีดอกไม้อยู่ตรงหน้า จ้องมองดอกไม้ด้วยความสงบนิ่ง เขามีวิญญาณดวงที่สามอยู่ แม้จะไม่ได้ผสานกับมันอย่างสมบูรณ์แต่ก็สามารถเข้าไปเห็นความทรงจำและข้อมูลเกี่ยวกับแกนกลางของถ้ำได้
“นี่ต้องเป็นโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยแห่ง…” หวังหลินพึมพำ
ในความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม นี่คือแกนกลางของถ้ำและเป็นจุดที่ ราชันย์เทพสีรุ้งเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะ เมื่อได้รับความเสียหาย กลไกป้องกันจึงเปิด ใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไป
แต่เนื่องด้วยการตายของราชันย์เทพสีรุ้ง มีผู้บุกรุกอย่างเหลียนต้าวเฟย และศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าที่ทรยศพร้อมกับเหล่านางสนม การป้องกันส่วนมากจึงถูกทำลายและบางส่วนก็เปลี่ยนแปลงไป
หวังหลินกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงจากความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม พอเขาได้เห็นดอกไม้สีเหลืองและน้ำค้างทั้งสามร้อยหยด จึงผ่อนคลายลง
“ดูเหมือนดอกไม้แรกยังเหมือนในความทรงจำจากวิญญาณดวงที่สาม ที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
โลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบ หวังหลินรู้มาจากความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม ตอนที่ราชันย์เทพสีรุ้งพยายามสร้างโลกถ้ำขึ้นมาในครั้งแรก เขาล้มเหลวไปถึง สามร้อยครั้ง!
แม้ทั้งสามร้อยครั้งจะล้มเหลว โลกที่สร้างขึ้นก็ยังอยู่ แม้จะไม่สมบูรณ์และ ขาดธาตุที่จำเป็นจำนวนมาก พวกมันก็ยังอยู่ พวกมันไม่ได้ถูกราชันย์เทพสีรุ้งนำมาใช้ ท้ายที่สุดเขาได้สร้างโลกใบที่ 301 ขึ้นมาซึ่งกลายเป็นโลกถ้ำในวันนี้
ราชันย์เทพสีรุ้งไม่ยอมละทิ้งความล้มเหลวทั้งสามร้อยใบนี้ ดังนั้นจึงหลอม พวกมันให้ปกป้องที่นี่ เปลี่ยนกลายเป็นน้ำค้างทั้งสามร้อยหยด! หากราชันย์เทพสีรุ้งยังมีชีวิตอยู่ สัมผัสวิญญาณของเขาสามารถแผ่กระจายเข้าไปในโลกพวกนี้และเปลี่ยนบางส่วนให้กลายเป็นเต๋าได้!
น้ำค้างทุกหยดมีโลกของมันเอง!
‘ในเมื่อโลกล้มเหลวทั้งสามร้อยแห่งยังอยู่ เช่นนั้นข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย มันสามารถกลายเป็นสนามไล่ล่าในรอบแรกได้!’
‘ข้าในตอนนี้ไม่สามารถไล่ล่าเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางได้ แต่คนอื่นนั้น ด้วยการใช้โลกล้มเหลวทั้งสามร้อยนี้ ข้ามั่นใจว่าสามารถสังหารได้บางส่วน…’
‘ยิ่งข้าสังหารมากขึ้น พลังของข้าในการต่อกรกับวิญญาณที่เหลืออีกสองดวงจะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง มีความลับเกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้ซ่อนอยู่ในวิญญาณดวงที่สาม
ความลับนี้เป็นเรื่องที่คนนอกไม่มีทางรู้ ลืมเรื่องเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางที่ไม่มีความทรงจำไปได้เลย แม้กระทั่งสี่ขุนพลและนางสนมก็ไม่ทราบ มันคือไพ่ตายสุดยอดของราชันย์เทพสีรุ้งที่ทิ้งเอาไว้ในโลกถ้ำแห่งนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเหลียนต้าวเฟยปรากฏตัวขึ้นมาฉับพลันเกินไปและเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ราชันย์เทพสีรุ้งคงไม่ต้องอัญเชิญเต๋าแห่งสวรรค์เข้ามากลืนกิน เหลียนต้าวเฟย ผลลัพธ์ของสงครามเมื่อคราวนั้นคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เป็นเพราะความลับนี้ หวังหลินจึงมั่นใจในการเริ่มเกมไล่ล่า! อีกทั้งด้วยไพ่ตายนี้ เขาจำเป็นต้องสังหารคนที่เข้ามาที่นี่ให้มากพอ!
‘โลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบ น่าสนใจมาก…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและ ก้าวออกไป เดินเข้าไปใกล้ดอกไม้และเข้าไปในน้ำค้างหนึ่งในนั้น
ระลอกคลื่นดังสะท้อนออกมาบนหยดน้ำค้างราวกับมีวังวนปรากฏขึ้น หวังหลินหายตัวเข้าไป ระลอกคลื่นสงบลงอย่างช้าๆ
หยดน้ำค้างไม่ได้ดูใหญ่นัก แต่มีอีกโลกหนึ่งข้างใน โลกใบนั้นขยายออกไปไม่รู้จบ แม้จะมีความคิดในการเข้าไป พอเห็นทุกอย่างแล้วเขายังตกตะลึง
เพราะอยู่ในดาราจักรดวงดาวอีกแห่ง!
ดาราจักรแห่งนี้ส่องสว่างและเต็มไปด้วยกลุ่มก๊าซ แต่มันเงียบสงัดไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายผ่านเข้าไปในดาราจักร
ขนาดของมันเทียบเท่าดาราจักรฟ้ากระจ่างและไม่มีดาวเคราะห์มากนัก มีทั้งสิ้นอยู่เก้าดวง กระนั้นก็ไม่มีพลังชีวิตใดโผล่ออกมา พวกมันไม่มีอะไรเลย!
ต้องขอบคุณความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม หวังหลินจึงรู้ว่าโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบได้แบ่งออกเป็นสามแบบอย่างคร่าวๆ รูปแบบแรกคือเอาไว้เก็บอสูรเทพที่ราชันย์เทพสีรุ้งนำมาจากแผ่นดินเซียนดารา ตลอดหลายพันหลายหมื่นปีที่ผ่านมาพวกมันนั้นตายหรือไม่ก็กลายพันธุ์ไปเป็นอย่างอื่นที่ทรงพลังขึ้น
รูปแบบที่สองคือ กลุ่มคนธรรมดาที่เขาจับมาจากแผ่นดินเซียนดารา เขายอมให้แพร่พันธุ์ได้ที่นี่และเฝ้าสังเกตในระยะยาว พยายามใช้วิธีนี้เพื่อศึกษาถึงความลับของเต๋าแห่งสวรรค์
ส่วนรูปแบบที่สาม โลกแบบนี้ไม่มีคน ไม่มีอสูรและไม่มีสิ่งมีชีวิต แม้แต่กฎของโลกก็ไม่ได้ตั้งเอาไว้ เมื่อศัตรูทะลวงเข้ามาข้างใน ราชันย์เทพสีรุ้งจะตั้งกฎขึ้นมาต่อกรกับศัตรู
รูปแบบที่สามยังแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือโลกที่ราชันย์เทพสีรุ้งไม่เคยตั้งกฎใดๆ ไว้เลย และอีกประเภทคือโลกที่เขาตั้งกฎเอาไว้แล้วและพวกมันก็ประคองตัวเองมาหลายพันหลายหมื่นปี
หากไม่ใช่คนที่ทรงพลังเท่าเหลียนต้าวเฟยและมีร่างเทพอมตะ การทะลวงผ่านโลกทั้งสามร้อยใบพวกนี้ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล หากไม่ระมัดระวังเพียงนิดเดียวคงได้ตายที่นี่ โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นในโลกรูปแบบแรก นั่นถือว่าเป็นสถานที่อันตรายเลยทีเดียว
ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบพวกนี้ไม่ได้สมบูรณ์นักเพราะเขาไม่ได้ผสานกับวิญญาณดวงที่สามทั้งหมด เขารู้ข้อมูลเพียงเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเท่านั้น
หวังหลินมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเปล่งประกาย
‘ที่นี่น่าจะเป็นโลกรูปแบบที่สาม! ข้าเพียงไม่รู้ว่ามันเป็นประเภทแรกหรือประเภทที่สอง…’ หวังหลินก้าวทะยานออกไปและมุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงมาก
หวังหลินปรากฏร่างขึ้นภายในดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวง เคลื่อนทะยานผ่านอย่างรวดเร็วราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ยังหาไม่พบ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หวังหลินเข้ามาแล้วได้ครึ่งชั่วโมง รวมเวลาที่เขาวาง เขตอาคมด้วยแล้วจึงเหลืออยู่ไม่มากนัก
หวังหลินยืนอยู่ดาวเคราะห์ดวงที่เก้าและขมวดคิ้ว
‘วิญญาณดวงที่สามไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการสร้างกฎ ดูเหมือนราชันย์เทพสีรุ้ง แค่ต้องแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณก็สามารถเปลี่ยนแปลงกฎของโลกรูปแบบที่สามได้’
ชั่วขณะต่อมาหวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปและกวาดผ่านทั่วบริเวณอีกครั้ง จากนั้นดวงตาจึงหรี่แคบฉับพลัน
เขาสัมผัสถึงระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปในอวกาศ ระลอกคลื่นนี้ดูเหมือนส่งเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง แต่มันซ่อนตัวเป็นอย่างดีจนยากจะตรวจจับได้
หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นและสังเกตไปที่ระลอกคลื่น ขณะที่ช่วงเวลา ครึ่งชั่วโมงกำลังจบ เขาจึงสัมผัสระลอกคลื่นนั้นออกมาจากดาวดวงที่ห้า
หวังหลินหายวับไปทันทีและปรากฏตัวในดาวเคราะห์ดวงที่ห้า มุ่งหน้าสู่ยอดเขา
ยอดเขาหัวโล้นราวกับกระบี่แทงถึงก้อนเมฆ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ระลอกคลื่นที่เขาสัมผัสได้มันออกมาจากภูเขาลูกนี้
‘น่าจะเป็นที่นี่…’ หวังหลินใช้สัมผัสวิญญาณจับจ้องไปในภูเขา แต่ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรมันก็ดูธรรมดามาก
‘ข้าจะรู้เมื่อได้ลอง! ข้าเป็นคนแรกที่เข้ามาในโลกนี้และสร้างกฎเอาไว้ข่มสายโลหิตเทพทั้งหมด!’ หวังหลินส่งข้อความออกไปยังภูเขา เมื่อข้อความนี้ส่งออกไป โลกจึงสั่นสะเทือน ดาวเคราะห์สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับกำลังพังทลาย
กฎที่ซ่อนตัวไว้คล้ายจะปรากฏขึ้นมา แต่ขณะที่มันกำลังโผล่ออกมา กลับมีเสียงดังสนั่นและทุกอย่างสงบลง
หวังหลินยังลอยอยู่ตรงนั้นและขมวดคิ้ว
‘โลกล้มเหลวแห่งนี้ไม่มีพลังในการสร้างกฎขนาดนั้น…เช่นนั้นก็เปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่น…’
ขณะที่หวังหลินกำลังตั้งกฎขึ้นมาใหม่ พายุรอบประตูได้หายไปแล้ว ประตูสู่แกนกลางของถ้ำเปิดออกอย่างสมบูรณ์ เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางพุ่งเข้ามาข้างใน ส่วนคนที่เหลือด้านนอกกำลังเข้ามากันเรื่อยๆ
เซียนเต๋าสีรุ้งเข้ามาก่อนเป็นคนแรก เขามองไปรอบๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว พุ่งทะยานผ่านซากปรักหักพังเข้าสู่เตาหลอม ซากปรักหักพังพวกนี้ไม่ได้ตอบสนองใส่เขา และเขาก็หายตัวเข้าไปในเตาหลอม
ผีเฒ่าจางตามมาติดๆ และหายตัวเข้าไปในเตาหลอมเช่นกัน
ด้านซ้ายและด้านขวาของเตาหลอมมีใบหน้าของเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางปรากฏขึ้นมา ใบหน้าของทั้งคู่ถูกห่อหุ้มด้วยควันสีดำและดูน่าหวาดกลัวเล็กน้อย
คนที่สามที่เข้ามาในนี้คือราชันย์ ขณะที่เขากำลังก้าวผ่านซากปรักหักพัง สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไปและหยุดลง ดวงตาส่องสว่าง ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นมาเปลี่ยน ตัวเองให้ล่องหนเพื่อหลบซ่อน
ด้านหลังเป็นปรมาจารย์เต๋าความฝัน ดวงตาหรี่แคบมองไปยังซากปรักหักพังด้านล่าง เผยรอยยิ้มขึ้นมาและก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งเข้าสู่เตาหลอม แต่ซากปรักหักพังด้านล่างเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย
ราชันย์ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว