1754. สร้างกฎ
ไม่นานนักสี่ขุนพลและศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าก็เข้ามา รวมถึงเหล่านางสนมจักรพรรดิเทพด้วย เมื่อคนทั้งหลายเข้ามาจึงมีสีหน้าซับซ้อนอธิบายไม่ถูกไปตามๆ กัน
เทพหนึ่งในนั้นที่มาจากแผ่นดินเซียนดาราพลันถอนหายใจและทะยานไปข้างหน้า เขาเข้าไปใกล้เตาหลอมโดยไม่ได้กระตุ้นเขตอาคมอันใดที่นี่ ด้านหลังเขานั้นคนอื่นๆ กลับมองดูซากปรักหักพังด้านล่าง บางส่วนหรี่ตาและหยุดลง
หลายคนติดตามเทพตนนั้นและเข้าสู่ซากปรักหักพัง ทว่าขณะที่เข้าไป สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนแปลง เส้นสีแดงผุดขึ้นมาเปล่งแสงเรืองรองและกักขังพวกเขาไว้ข้างใน
เส้นสีแดงที่ปรากฏขึ้นมาเหนือซากปรักหักพังส่งเสียงดังสนั่น ก่อตัวเป็นสิ่งกีดขวาง คนที่เข้าไปส่งเสียงร้องโหยหวนและรีบถอยหนี
เทพที่ผ่านไปอย่างปลอดภัยถึงกับตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาหันกลับมาเห็นเส้นสีแดงเข้าปิดบังทัศนวิสัย มันทำให้หูของเขาส่งเสียงอื้ออึง เขาลังเลและรีบเข้าไปในเตาหลอม
ราชันย์ที่ซ่อนตัวอยู่ถึงกับดวงตาส่องสว่างและเยาะเย้ย
ศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าที่ผ่านซากปรักหักพังเข้าไปในเตาหลอมได้ถือว่าโชคช่วย เขาเป็นชายชราและมีระดับบ่มเพาะไม่สูงมาก เขาเห็นดอกไม้ยักษ์เบื้องหน้าพร้อมกับหยดน้ำค้างทั้งสามร้อยหยด
คนสามคนที่เข้าไปก่อนเขาได้หายตัวไปแล้ว เขาลังเล สายตามองดูดอกไม้อยู่นานก่อนจะหยิบหยดน้ำค้างขึ้นมาหนึ่งหยดและเข้าไป
ขณะที่ชายชรากำลังเข้าไป หวังหลินซึ่งกำลังนั่งอยู่บนยอดเขาพลันมองไปยังท้องฟ้าทันที
‘คนแรกเข้ามาแล้ว! น่าเสียดายที่ระดับบ่มเพาะไม่สูงมาก…การมาที่นี่ได้ด้วยระดับบ่มเพาะต่ำต้อยดูเหมือนละเลยคำเตือนของข้าก่อนหน้านี้ รนหาที่ตายแท้ๆ! มาใช้เขาเป็นหนูทดลองกฎที่ข้าสร้างที่นี่ดีกว่า’ หวังหลินมีแววตาวาวโรจน์ สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปและค้นพบวังวนที่ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
วังวนหมุนอย่างต่อเนื่องจนมีภาพเลือนลางโผล่อย่างช้าๆ พอร่างที่ปรากฏขึ้นมาสมบูรณ์แบบ วังวนจึงหายไป
ร่างนี้คือชายชราผู้โชคดีจากสำนักเจ็ดเต๋า ขณะที่เขาปรากฏตัวจึงระมัดระวังและแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงไม่สามารถหา หวังหลินได้พบ
เขาขมวดคิ้วและลังเลอยู่เล็กน้อย ก้าวทะยานออกไปและกำลังออกห่าง ทว่าสีหน้าพลันเปลี่ยนเมื่อก้าวเท้า เขาเหยียบย่ำลงไปใส่ความว่างเปล่าและฟุบตกลงอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ชายชราถึงกับตกตะลึงโดยสิ้นเชิง จากนั้นใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากสูญเสียความสามารถในการเหาะเหิน แม้จะปลดปล่อยระดับบ่มเพาะออกมาก็ไม่สามารถหยุดยั้งร่างกายไม่ให้ร่วงหล่นได้!
หวังหลินดวงตาเปล่งประกายอยู่ตรงยอดเขา
‘มีประสิทธิภาพดีจริงๆ! โลกที่ล้มเหลวช่างน่าสนใจ! เสียดายที่หลังจากลองไปหลายกฎ มีเพียงกฎที่หยุดการเหาะเหินถึงใช้งานได้ มันไม่ส่งผลกระทบต่อสมบัติ และขึ้นอยู่กับระดับบ่มเพาะของเป้าหมาย เวลาที่ส่งผลก็แตกต่างกันอีก’ หวังหลินสะบัดแขนขวา มีแสงโลหิตกะพริบขึ้นมา กระบี่โลหิตพุ่งทะยานออกไปและหายวับเข้าสู่ชายชรา
ด้วยความเร็วของกระบี่โลหิตและพลังของวิชาหวังหลิน มันเพิ่มความเร็วถึงระดับบิดมิติ พริบตาเดียวปรากฏตัวด้านล่างชายชราไปแล้ว
ชายชราตื่นตระหนก ขณะที่ร่วงหล่นจึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ เสียงปะทุออกมาจากรอบร่างกาย
เขาระงับอาการตื่นตระหนกที่ไม่เคยเจอเอาไว้และสะบัดแขนดึงพู่กันขึ้นมา มันลอยไปด้านล่างและยกเขาขึ้นไป
ชายชราหน้าซีด แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงสูญเสียความสามารถในการเหาะเหินไปได้ อย่างไรก็ตามก่อนจะทันได้คิดอะไร แสงโลหิตกะพริบวาบ พู่กันที่ยกเขาขึ้นไปถูกกระบี่แทงจนทะลุถึงกลางหน้าผาก!
ชายชรากระอักโลหิตออกมาคำโต ตรงกลางหน้าผากมีโลหิตสาดกระจาย จากนั้นร่างกายสั่นเทาและแตกสลายทันที แม้แต่วิญญาณดั้งเดิมยังแตกสลายและตายอยู่ ตรงนั้น!
วินาทีที่เขาตาย หวังหลินสร้างผนึกและชี้ไปที่ท้องฟ้า วิญญาณดวงที่สามลอยออกมาห่อหุ้มผนึกที่เขาสร้างขึ้น
“ข้าขอสังเวยร่างเนื้อและวิญญาณนั้นเข้าผสานไปในร่างนี้!”
แขนสีดำปรากฏขึ้นมาด้านข้างชายชราที่ตายเมื่อครู่ แขนสีดำห่อหุ้มไปด้วยควันและยื่นมือเข้าหาชายชรา คว้าร่างเนื้อและวิญญาณอีกฝ่ายและหายวับไปในความ ว่างเปล่า
กระบี่โลหิตกลับมายังหวังหลินและส่งเสียงหึ่ง หวังหลินลดมือลงและเก็บวิญญาณดวงที่สามกลับเข้าไปในร่าง แววตาเย็นเยียบ
‘ข้าสัมผัสได้ว่าค่ายกลเขตอาคมได้สังหารไปแค่สามคนเท่านั้น รวมถึงคนผู้นี้ด้วย มันยังอีกไกล…’ หวังหลินขบคิดขั่วขณะและหลับตา สัมผัสวิญญาณของเขาเต็มไป ทั่วท้องฟ้า รอคอยคนถัดไปเข้ามา
‘หากไม่มีใครมาภายในเจ็ดวัน ข้าคงต้องย้ายไปสู่โลกอื่น’
ตอนนี้ทุกคนมาถึงตรงจุดดอกไม้แรกกันแล้วและมีหยดน้ำค้างทั้งสามร้อยหยด หวังหลินกำลังรอคอยคนถัดเข้ามาที่โลกนี้
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนผ่านไปถึงห้าวัน ช่วงห้าวันนี้หวังหลินรอคอยและ จมความคิดตัวเองไปในวิญญาณดวงที่สามเพื่อพยายามดูดซับความทรงจำให้มากขึ้น
ขณะเดียวกันเขาก็ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา หากคนที่สองที่เข้ามาคือเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจาง เขาจะจากไปทันที นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตั้งกฎไม่ให้เหาะเหิน เพราะด้วยกฎนี้เขาจึงมีเวลามากพอให้ทะยานหนีไป
‘น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถตั้งกฎสายโลหิตเทพหรือตั้งให้ลองต่อสู้ได้! แต่ก็ประเมินไว้แล้วว่าไม่มีโลกล้มเหลวใบไหนจะทำได้…อีกทั้งพวกมันก็แค่โลกที่ล้มเหลว’ หวังหลินถอนหายใจ
หลังจากผ่านไปถึงห้าวัน ในยามสายของวันที่หก หวังหลินพลันมองขึ้นไปเห็น วังวนปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออกของดาราจักร!
‘มีคนมาที่นี่! จะเป็นใครกัน…’ หวังหลินยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้า หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้จะมีกฎป้องกันไม่ให้เหาะเหิน แต่มันก็ยังมีเวลาจำกัด หวังหลินผ่านเวลาจำกัดไม่ให้เหาะเหินมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบ
เขาก้าวออกไปจากวังวน กระบี่โลหิตสั่นระริกอยู่เบื้องหน้า มันกระหายเลือด แต่ก็ฉลาด ดังนั้นจึงไม่ส่งเสียง หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นมาจ้องมองวังวนและสะบัดแขนขวา เขาและกระบี่โลหิตเลือนหายไป
หวังหลินเตรียมการไว้แล้ว หากเป็นเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจาง เขาจะหนีไปอย่างไม่ลังเล
วังวนส่งเสียงดังสนั่นและเร่งความเร็วขึ้นจนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่มีร่างเลือนลางสามคนกำลังปรากฏตัวขึ้น
ทั้งสามคนนี้ไม่สามารถโดนโจมตีได้ในวังวน ต้องรอให้วังวนหายไปเท่านั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี แต่หวังหลินไม่เร่งรีบนัก และมองดูใกล้ๆ
ขณะที่ร่างทั้งสามปรากฏตัวขึ้น หวังหลินตัดสินใจได้แล้วบางส่วนว่าไม่ใช่ เซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจาง ทว่าเขายังระมัดระวังและรอให้ทั้งสามปรากฏชัดเจน
ไม่นานนักวังวนก็หายไปและเห็นคนทั้งสามข้างใน พอมองดูแล้วหวังหลินจึงมี จิตสังหารขึ้นมาทันที!
ทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าแตกต่างจากคนของโลกถ้ำ ชุดคลุมเต๋าที่สวมอยู่นั้นเหมือนกับชายชราก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามาจากสำนักเจ็ดเต๋า!
ระดับบ่มเพาะแต่ละคนแตกต่างกัน หนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้น อีกสองคนยังอยู่ในขั้นที่สองซึ่งเป็นระดับทะลวงสวรรค์ครั้งที่ห้า
เมื่อวังวนหายไปและทั้งสามปรากฏตัวขึ้นชัดเจน หวังหลินจึงโจมตี กระบี่โลหิตท่องทะยานออกไป หวังหลินเข้าประชิด
ช่วงจังหวะนั้นดีเยี่ยม ขณะที่ทั้งสามกำลังมองไปรอบๆ และยังไม่กระจาย สัมผัสวิญญาณ ศีรษะของหนึ่งในคนที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ขั้นที่สองพลันหลุดออก จากบ่า กระบี่โลหิตตัดศีรษะผ่านในจังหวะเดียว
อีกคนถูกโลหิตของสหายร่วมสำนักกระเด็นใส่ แต่ขณะที่กำลังจะถอยหนีด้วยความหวาดกลัว ภาพทัศนวิสัยถูกร่างสีขาวปกคลุม ดัชนีของหวังหลินร่อนลงประทับกลางหน้าผาก ร่างกายพังทลาย
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เพียงพริบตากลับตายไปแล้วสองคน! เซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้นรีบล่าถอยโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันยื่นมือไปด้านหลัง คว้าก้านธูปและกำลังจะจุด
แต่ขณะนั้นเขาส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะได้จุดธูปพลันเริ่มร่วงหล่นจนสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล!
แสงสีโลหิตกะพริบวาบ จากนั้นหวังหลินสร้างผนึกประทับใส่เขา!
จากนั้นผนึกของหวังหลินกระแทกใส่เทพคนแรกที่ถูกกระบี่โลหิตตัดศีรษะ เขากระอักโลหิต ร่างกายพลันพังทลาย
ใช้เวลาไม่เกินสามลมหายใจก็สังหารได้สามคน! หวังหลินกำลังจะออกไปแต่ทันใดนั้นหยุดชะงักและมองไปด้านหลัง จิตสังหารผุดขึ้นมาในแววตาอีกครั้ง
‘มีคนอื่นเข้ามาด้วย!’
วังวนปรากฏขึ้นห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ร่างพร่าเลือนแต่ดูไม่เหมือนบุรุษ มันเหมือนร่างของสตรี