1779. ฝนตกทางทิศตะวันออก
ณ แกนกลางของโลกถ้ำ ในเตาหลอมที่ห่อหุ้มด้วยหมอกควันสีดำซึ่งเป็นค่ายกลห้าดอกไม้แปดประตู
ห้าดอกไม้เบ่งบานและมีเพียงดอกที่สามเท่านั้นที่แห้งเหี่ยว แต่ประตูทั้งแปดบานได้ผสานอยู่ในดอกไม้ดอกที่ห้า ซึ่งสามารถเป็นสิ่งใดก็ได้ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นใบหญ้า ต้นไม้ ผู้คน สัตว์ สิ่งใดก็สามารถเป็นประตูได้
ทำให้การหาประตูจริงๆ ท่ามกลางแปดบานในดอกไม้ดอกที่ห้านั้นถือว่ายากเย็นแสนเข็ญ!
หวังหลินไม่มีเบาะแสหรือร่องรอยอะไรแต่ก็ยังต้องเข้าไปยังดอกไม้ดอกที่ห้า ซึ่งคือชั้นสุดท้ายของถ้ำแห่งนี้
ดอกไม้ดอกที่ห้าจำเป็นต้องใช้วิญญาณดวงที่สามเพื่อให้มันเบ่งบาน วิญญาณ ดวงที่สามมีความทรงจำทั้งหมดเอาไว้ เมื่อมันถูกดูดซับ ดอกไม้จะเปลี่ยนไปและ สร้างโลกขึ้นมาโดยใช้ความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง
ท้องฟ้าไม่ได้เป็นสีเทาและคล้ายจะปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำ ด้านหลังก้อนเมฆมีดวงอาทิตย์เก้าดวงลอยอยู่ในท้องฟ้า ดวงอาทิตย์เปล่งแสงร้อนจ้าแต่พื้นดิน กว้างใหญ่เกินไป แม้จะมีดวงอาทิตย์เก้าดวงแต่ดูเหมือนยังมีหลายที่ที่แสงส่องไปไม่ถึง
สายลมพัดผ่านพื้นดินชื้น เตะฝุ่นผงให้พัดลอยออกไปยังเทือกเขา ยามที่สายลมส่งเสียง ใบไม้จำนวนมากพริ้วไหวเป็นเสียงกรอบแกรบ
ภายในเทือกเขามีตำหนักและอาคารหลายแห่งที่สร้างขึ้นจากหินหยก ซึ่งมีมากกว่าพันอาคารทับซ้อนไปกับภูเขา มองไกลๆ ยากจะบอกว่ามันคือตำหนักและอาคารที่ต่อเติมใส่ภูเขาหรือแกะสลักเอาไว้!
ตำหนักและอาคารทุกแห่งนั้นแตกต่างกัน และกระจายกันไปทั่วเทือกเขา!
ชั้นก้อนเมฆบางๆห่อหุ้มเทือกเขา ผลุบๆ โผล่ๆทำให้เป็นชั้นลึกลับ นกกระเรียนหลายร้อยตัวลินผ่านก้อนเมฆราวกับกำลังเดินเล่น
บนกระเรียนคล้ายจะมีคนนั่งอยู่แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเพราะมีก้อนเมฆบดบัง
ภายในเทือกเขามีสายน้ำไหลผ่าน มันไหลเวียนจนกลายเป็นแม่น้ำทอดยาวผ่านภูเขากลายเป็นบ่อน้ำซึ่งแตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย
หวังหลินนั่งอยู่บนก้อนหินหนึ่งข้างแม่น้ำ ทอดสายตามองออกไปและขมวดคิ้ว เสียงระฆังดังกึกก้องออกมาจากยอดเขาแต่เขาไม่สนใจ
หวังหลินอยู่ในดอกไม้ดอกที่ห้าแห่งนี้มามากกว่าสองเดือน แต่เขาก็ไม่มีเบาะแสอันใดเกี่ยวกับประตูของจริง
แม่น้ำใสแจ๋วจนเห็นเงาสะท้อน เขาสวมชุดสีฟ้าเปล่งแสงสีเขียวเบาบางแฝง การป้องกันจำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีเส้นด้ายสีแดงบนข้อมือและมีป้ายหยกแขวนไว้
หินหยกเป็นผลึกใสและไม่ธรรมดา เพียงมันกะพริบวาบกลับสวยงามยิ่ง
แต่ภาพสะท้อนของหวังหลินในสายน้ำนั้นแตกต่างจากหวังหลินในยามปกติ ภาพลักษณ์ของเขามีริมฝีปากสีแดง ฟันสีขาว คิ้วเรียวดุจกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดวงดาว โดยเฉพาะดวงตาที่ลึกล้ำราวกับมีพลังที่หยั่งไม่ถึง คนที่มีเพศเดียวกันจะรู้สึกยำเกรง เพศตรงข้ามจะรู้สึกชื่นชม
เขามีรูปลักษณ์ของชายอายุราวสิบแปดสิบเก้าปี ซึ่งเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดที่ หวังหลินเคยเห็นมาในชีวิต แต่หากเติมริ้วรอยแห่งกาลเวลาและเพิ่มเติมอายุเข้าไปในใบหน้า มันจะคล้ายคลึงอย่างยิ่งกับรูปปั้นที่หวังหลินได้มาจากทันหลาง!
พอมองภาพสะท้อนในแม่น้ำ หวังหลินยังรู้สึกแปลกตาแม้จะอยู่ที่นี่มาแล้วสองเดือน
‘หลังจากเข้ามาในดอกไม้ดอกที่ห้า ซึ่งเกิดขึ้นจากความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง ข้าก็ได้กลายเป็นเขา…’ หวังหลินถอนสายตาออกมาพลางนั่งลงและมองไปยังท้องฟ้า ในสองหูได้มีเสียงระฆังจากหอคอยใหญ่เริ่มดังกึกก้องอีกครั้ง
‘แผ่นดินเซียนดารา…ที่นี่คือแผ่นดินเซียนดารา ข้าไม่คิดว่าจะได้ก้าวเข้าไปบนแผ่นดินเซียนดาราผ่านความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง’ หวังหลินมองไปยัง เก้าดวงอาทิตย์ในท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มขมขื่น
โลกแห่งนี้เป็นของราชันย์เทพสีรุ้ง มันสร้างขึ้นจากความทรงจำของเขา กล่าวได้ว่าทุกอย่างที่นี่คือภาพมายาแต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
‘สำนักในแผ่นดินเซียนดาราเป็นสิ่งที่โลกถ้ำมิอาจเทียบได้…’ หวังหลินแตะต้องชุดคลุมเต๋าที่เขาสวมใส่ การป้องกันของมันสามารถป้องกันการโจมตีของเซียนขั้น เทวะได้เป็นอย่างดี
‘แต่ข้าจะหาประตูของจริงได้อย่างไร…บางทีคงมีแต่เพียงวิญญาณดวงที่สามที่รู้…รูปลักษณ์ของข้าตอนนี้ก็เกิดจากวิญญาณดวงที่สามเช่นกัน แต่ข้าบอกได้ว่าข้าไม่ได้ผสานเข้ากับวิญญาณดวงที่สามอย่างสมบูรณ์…’
‘ข้าไม่สามารถผสานกับมันด้วยซ้ำ’ หวังหลินยื่นมือเข้าไปในน้ำและแกว่งไปมา แต่ในจังหวะนั้นเขากลับขมวดคิ้ว
“ซูต้าว! เจ้ากล้านัก เสียงระฆังดังถึงสองครั้ง เจ้ายังไม่ทำความเคารพอาจารย์ที่เพิ่งออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะอีก!” น้ำเสียงแหลมดังกึกก้องด้านหลังหวังหลิน ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีก้าวเดินลงมาจากภูเขาและสวมเสื้อคลุมสีเดียวกับหวังหลิน เขาจ้ดจ้องหวังหลินด้วยสายตาเยือกเย็น
“ข้ามารับตัวเจ้าและพากลับไปลงโทษภายใต้กฎสำนัก!” ชายหนุ่มเยาะเย้ยพลางเข้ามาใกล้หวังหลิน ยื่นมือเข้าหาเรือนผมเพื่อต้องการลากผมหวังหลินกลับไปยังห้องโถง
ขณะที่มือเข้าไปใกล้ หวังหลินหันหน้ากลับมาจดจ้องชายหนุ่มด้วยความเยือกเย็น สายตานี้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสั่นเทา ราวกับสายตาหวังหลินคือกระบี่คู่หนึ่งแทงเข้าไปในวิญญาณ
ชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและยืนตรงเหมือนขอนไม้ ชั่วจังหวะนั้นพอ หวังหลินถอนสายตา เขาจึงหายใจต่อไป พยายามถอยไปหลายก้าวและเกือบฟุบลงไป เขามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
“เจ้า…เจ้า…”
ในโลกดอกไม้ดอกที่ห้านั้น หวังหลินได้มีรูปร่างเป็นราชันย์เทพสีรุ้งตอนที่ยังเยาว์วัยและมีความทรงจำในช่วงต้น เขารู้ว่าราชันย์เทพสีรุ้งตอนที่ยังเยาว์วัยมีท่าทีอ่อนแอและไม่ได้ทะเยอทะยานและโหดเหี้ยม
ราชันย์เทพสีรุ้งในอายุเท่านี้มีพรสวรรค์ยิ่งและควรถูกทางสำนักปกป้อง แต่อาจารย์เขามักจะปิดด่านบ่มเพาะอยู่ตลอด พรสวรรค์ของเขาทำให้ใครหลายคน ได้อิจฉา ชีวิตในสำนักจึงไม่ค่อยดีนัก
ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนหนึ่งที่มักจะกลั่นแกล้ง พวกเขาไม่เคยทำอะไรตรงไปตรงมาและมักจะทำท่าทีลึกลับอยู่ตลอด บ่อยครั้งที่มักจะลงโทษเขาด้วยการ ใช้กฎของสำนักมาอ้าง
ราชันย์เทพสีรุ้งไม่ได้รับความสนใจจากบรรพชนจนกระทั่งอีกสิบปีต่อมาเขาได้ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ใช่ซูต้าว ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ขณะที่ชายหนุ่มถอยห่างด้วยความหวาดกลัว หวังหลินก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม สีหน้าท่าทางอีกฝ่ายซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทั้งยังจินตนาการไม่ออกว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร
เขาหายตัวไปสักระยะหนึ่งแล้วและเพิ่งกลับมาเมื่อวาน ไม่คาดคิดว่าซูต้าวจะเปลี่ยนเป็นอีกคนขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ซูต้าวมักจะถูกเขากลั่นแกล้งได้ตามที่ต้องการ
“เจ้า…” ขายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากแต่น้ำเสียงหยุดชะงักลง หวังหลินคว้าลำคอและยกเขาขึ้นในอากาศ ลมหายใจขาดห้วง ใบหน้าแดงเถือกและคว้าแขนหวังหลินเอาไว้เพื่อพยายามเป็นอิสระ
แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร หวังหลินจับไว้อย่างมั่นคงไม่มีปล่อย
หวังหลินกุมลำคอชายหนุ่มเอาไว้และดึงเข้ามาใกล้ มองเขาและพูดเน้นทีละคำ “ห้ามมาตอแยข้า จะไม่มีครั้งถัดไปอีก”
ทัศนวิสัยของชายหนุ่มพร่าเลือนไปแล้ว เขาไม่สามารถพยักหน้าได้เลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทางของเขาได้เห็นว่าจะไม่มีวันคิดไปล่วงเกินหวังหลินอีก
หวังหลินคลายมือออกอย่างช้าๆและยิ้มออกมา ตบศีรษะชายหนุ่มและเอ่ยตอบ “ตามข้าไปบนภูเขา” เพียงเท่านั้นเขาก็หันหน้าเดินไปยังห้องโถงใหญ่บนยอดเขา
ชายหนุ่มจับลำคอและหายใจเข้า ใช้เวลาอยู่สักพักเพื่อฟื้นฟู ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและหวาดกลัว ตอนนี้เขารู้สึกถึงึวามตายและรู้ว่าซูต้าวอาจจะสังหารเขาเข้าจริงๆ จึงรีบติดตามหวังหลินไปทั้งที่ยังสั่นเทา
เส้นทางบนภูเขาคดเคี้ยวไปมา แต่ละก้าวเสมือนเดินไปบนก้อนเมฆ หวังหลินก้าวเข้าหายอดภูเขาโดยมีสายลมพัดเข้ามาใส่จนเรือนผมยาวสะบัดพริ้ว กลิ่นพื้นดิน แตะจมูกและให้ความรู้สึกปลอดโปร่งยิ่ง
‘พลังปราณสวรรค์หล่อเลี้ยงทุกชีวิต ยิ่งทำให้ผู้คนเหมาะแก่การกลายเป็นเซียนแม้แต่ใบหญ้าและต้นไม้ยังได้รับจิตวิญญาณ เหล่าอสูรยังได้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์…’ แม้หวังหลินจะรู้เรื่องพลังปราณสวรรค์และได้กลิ่นตุๆว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก ซึ่งหมายความว่าแผ่นดินเซียนดาราเป็นแบบนี้จริงๆ
มันแตกต่างจากโลกถ้ำอย่างสิ้นเชิง
มีก้อนเมฆสีดำอยู่ในท้องฟ้า ยิ่งพวกมันรวมตัวกันอยู่มากยิ่งเริ่มปะทะกันจนเกิดเสียงดังกึกก้อง สายฟ้าแล่นผ่านก้อนเมฆคล้ายอสรพิษสีเงิน
“มันกำลังจะตก…” หวังหลินมาถึงยอดเขาพลางพึมพำและเห็นห้องโถงอันงดงามอยู่ตรงยอด มันสูงมากกว่าพันฟุตและตั้งตรงคล้ายอสูรยักษ์
ด้านนอกอารามมีสี่เหลี่ยมพื้นที่มากกว่าหมื่นฟุต ใจกลางคือจุดที่เตาหลอมตั้งอยู่ มีก้านธูปหนาเท่าแขนจำนวนเก้าแท่งกำลังเผาไหม้เป็นควันสีเขียวลอยเข้าไปในอากาศ
ชั่วจังหวะนี้เองเหล่าเซียนเกือบร้อยคนเข้าไปยืนบนสี่เหลี่ยม แยกเป็นสองในสามกลุ่มและเข้าไปพูดคุยกัน
เมื่อหวังหลินมายังพื้นที่สี่เหลี่ยม สายฟ้าในท้องฟ้าส่งเสียงดังลั่น หยดสายฝนขนาดใหญ่ตกลงมา ก่อตัวเป็นม่านที่แม้แต่ผู้คนในที่นี่ยังเห็นว่ามันพร่ามัว
ขณะที่สายฝนตกลงไปทำให้เกิดเสียงเปาะแปะดังลั่น เสี้ยวนาทีนั้นทั่วทั้งสี่เหลี่ยมถูกปกคลุมด้วยสายฝนที่กำลังพัดลงมา ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่นสายฝนร่อนลงไป