Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1781

Cover Renegade Immortal 1

1781. กลืนเมฆาเพื่อให้ประตูปรากฏ

วิญญาณดวงที่สามมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับการแข่งขันในอีกห้าเดือน ในการแข่งขันนั้นหลังโจวลี่จากได้เคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆามาฝึกฝน ควบคู่ไปกับการ บ่มเพาะซึ่งทรงพลังอยู่แล้วในรุ่นนี้ โจวลี่จึงพุ่งทะยานเข้าสู่สิบอันดับแรก จบลงในตำแหน่งที่เก้าและได้รับรางวัลให้บ่มเพาะในบ่อน้ำตงหลิน

ส่วนซูต้าวนั้นหลังจากพ่ายแพ้สิทธิ์ในการบ่มเพาะเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา เขาก็ยิ่ง ขี้ขลาดกว่าเดิม ลักษณะนิสัยจึงผิดแปลกและเริ่มเข้าสู่ด้านมืด

เขาพ่ายแพ้ในการแข่งขัน กล่าวได้ว่าการแข่งขันนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของซูต้าวและเป็นเหตุผลใหญ่หลวงที่ว่าทำไมนิสัยเขาถึงได้เปลี่ยนไป

หลายปีถัดมาซูต้าวได้เข้าสู่ช่วงตกต่ำและไม่ค่อยพูดคุยกับผู้คน เขามักจะปิดด่านบ่มเพาะอยู่คนเดียวจนกระทั่งได้เจอบรรพชน บรรพชนสอนเขาและจึงค่อยๆ ได้ เงยหน้าขึ้นมา

น่าเสียดายที่สิ่งดีดีไม่ได้อยู่นานนัก ซูต้าวเผชิญกับเรื่องไม่คาดฝันจนต้องถูกขับไล่ออกจากสำนักตงหลิน จากนั้นอีกหลายปีต่อมาก็ไม่มีซูต้าวแห่งสำนักตงหลินอีกต่อไป สิ่งที่หลงเหลือคือ ราชันย์เทพสีรุ้งผู้ดิ้นรนและไม่ยอมแพ้จนกลายเป็นคนโหดเหี้ยมและอำมหิตจนสร้างสำนักเจ็ดเต๋าขึ้นมา!

ส่วนโจวลี่นั้น พอถึงวันที่ราชันย์เทพสีรุ้งบรรลุเต๋าของตนเอง เขาได้จับโจวลี่มาและสังหารอย่างโหดเหี้ยม

ทุกเหตุการณ์ฉายออกมาในใจหวังหลินดุจภาพเคลื่อนไหว เขานั่งอยู่ในภูเขาข้างแม่น้ำที่กำลังไหลเอื่อย มองดูแม่น้ำราวกับมองดูกาลเวลา

สามวันให้หลังจากอาจารย์ของซูต้าวสอนเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา อาจารย์ก็ได้ ปิดด่านบ่มเพาะ ส่วนโจวลี่ก็ปิดด่านบ่มเพาะเช่นกัน เขาเกลียดซูต้าวเหมือนที่ซูต้าวเกลียดเขาในอดีต

สายน้ำไหลต่อไป ความทรงจำของวิญญาณดวงที่สามกลับพร่ามัวในใจหวังหลินและถูกแทนที่ด้วยเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา

สำนักตงหลินเป็นหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลังในพื้นที่แถบนี้ แม้จะไม่ได้ทรงพลังเท่าสำนักตะวันม่วงแต่ก็ลึกลับและไม่ค่อยมีศิษย์โผล่ออกมาเพ่นพ่านด้านนอก

เคล็ดสุดยอดทั้งสามของสำนักนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังบนแผ่นดินเซียนดาราและ ถูกส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ

ท่ามกลางเคล็ดสุดยอดทั้งสาม เคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆานั้นลึกซึ้งยิ่ง มันเพ่งสมาธิไปยังก้อนเมฆ ราวกับสิ่งไร้ตัวตนคือ ยอดเต๋าในโลกนี้ หลังจากผสานเข้ากับก้อนเมฆจะสามารถใช้มันดูดซับแก่นแท้ รวมถึงใช้ร่ายยอดวิชาแห่งเต๋าเมฆา!

วิชาแรกของเคล็ดนี้คือ การสร้างอสูรเมฆาเป็นของตัวเอง ให้มันกลืนกินก้อนเมฆและกระจายหมอก! วิชานี้ถูกซ่อนเอาไว้ในเคล็ดพื้นฐาน หากบ่มเพาะเคล็ดพื้นฐานถึงขีดสุดจะสามารถรู้แจ้งมันได้เช่นกัน

สำหรับคนอื่นแล้วเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆาจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมากและความเข้าใจอันสูงส่ง ทว่าหวังหลินมีระดับบ่มเพาะสูงอยู่แล้ว จนโจวลี่หรือซูต้าวในอดีตเทียบไม่ติด อีกทั้งหวังหลินมีเจ็ดแก่นแท้ที่เขารู้แจ้งด้วยตัวเอง การบ่มเพาะเคล็ดพื้นฐานจึงเป็นเรื่องง่ายดาย

ควันหลายสายลอยออกมาจากแม่น้ำเบื้องหน้าและเข้ามาหาเขา หลังจากวนเป็นวงกลมไม่กี่ครั้งมันก็เข้าไปในร่างกาย ควันสีดำมีจุดเริ่มต้นและจุดจบที่แม่น้ำแห่งนี้ พวกมันเสมือนก้อนเมฆและลอยเข้าไปในร่างหวังหลินอย่างช้าๆ

ร่างหวังหลินกะพริบวาบอยู่ในก้อนเมฆ ไม่นานหลังจากนั้นจึงไม่มีแม่น้ำที่ เปล่งควันสีขาว เหล่าใบหญ้าเองก็เช่นกัน

เพียงไม่นานหวังหลินก็ไม่เห็นนิ้วมือตัวเองอีก ในระยะพันฟุตก้อนเมฆสีขาวเคลื่อนไหวราวกับมีมังกรอยู่ภายใน

‘น่าสงสัยจริงว่าข้าจะสามารถบ่มเพาะเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆานี้ต่อไปได้หรือไม่ เมื่อออกไปจากดอกไม้ไปแล้ว…’ หวังหลินขบคิดอยู่ในหมู่มวลก้อนเมฆสีขาว

แม้เขาจะบ่มเพาะวิชานี้เพียงแค่สองวัน หวังหลินได้เห็นว่ามันทรงพลังและยิ่งใหญ่แค่ไหน วิธีการดูดซับก้อนเมฆไว้ในร่างกายนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายจนกลายเป็นก้อนเมฆได้ จะทำให้แยกขาดจากโลกและทำให้ผู้คนมองทะลุเขาได้ยากกว่าเดิม

หวังหลินนั่งอยู่ข้างแม่น้ำจนหนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา ช่วงเวลานี้หวังหลินเอาแต่นั่งอยู่ที่นี่ ดูดซับสิ่งที่โลกสรรค์สร้างขึ้นมา ควันสีขาวหลายเส้นอยู่ในร่างเขาปลดปล่อยความอบอุ่นและความปลอดโปร่ง

ยิ่งเขาบ่มเพาะเคล็ดวิชามากเท่าไร ยิ่งเกิดสัญญาณบิดเบือนและการพังทลายมากเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่มากพอให้ความทรงจำกลับตาลปัตรและ เกิดการพังทลาย การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่ช่วยให้หวังหลินค้นพบประตูของจริง

ในวันนี้ก้อนเมฆรอบตัวหวังหลินหายวับไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อก้อนเมฆทั้งหมดเข้าไปในร่างหวังหลินแล้ว เขาจึงลืมตา นัยน์ตาดุจก้อนเมฆ มันพร่ามัวแต่มีพลังประหลาดที่สามารถยับยั้งคนอื่นได้ หากคนอื่นมองเข้ามาในดวงตาจะรู้สึกราวกับถูกก้อน เมฆหนาแน่นล้อมรอบและสูญเสียตัวตน

‘เคล็ดนี้…ไม่ธรรมดา!’ หวังหลินพ่นลมเหม็นออกมาจากปาก มันคล้ายหมอกสีเทาและเคลื่อนไหวดุจมังกร หลังจากโผล่ออกมายาวกว่าสามสิบฟุต มันค่อยๆ เลือนหายไป

‘ก้อนเมฆที่นี่ไม่หนาแน่นมาก ไม่มากพอจะบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้…หากข้าต้องการรู้แจ้งส่วนพื้นฐานและเปลี่ยนแปลงความทรงจำ ข้าต้องค้นหาเมฆมาดูดซับมากขึ้น’ หวังหลินยืนขึ้นและดวงตาส่องสว่าง ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ เป็นภาพที่เขาเป็น คนสร้างขึ้น

หนึ่งเดือนก่อนตอนที่อาจารย์ของซูต้าวสอนเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆาให้แก่หวังหลิน การเปลี่ยนแปลงความทรงจำดั้งเดิมได้ทำให้ประตูแปดบานที่ซ่อนเอาไว้ปรากฏขึ้นมา

แต่ความรู้สึกถึงประตูทั้งแปดบานพลันหายไปในทันทีและหวังหลินทำได้แต่เพียงรู้ตำแหน่งกว้างๆเท่านั้น ช่วงหนึ่งเดือนนี้ขณะที่หวังหลินฝึกฝนเคล็ดวิชา ได้เกิดการบิดเบือนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาพอได้เค้าโครงอยู่บ้าง ตำแหน่งของประตูแปดบานจึงชัดเจนขึ้นในหัวมากกว่าเดิม

หวังหลินลุกขึ้นและกระโจนขึ้นสู่อากาศ หายวับไปจากแม่น้ำเล็กๆ และปรากฏตัว ในท้องฟ้าเหนือสำนักตงหลิน ไม่หยุดแค่นั้นกลับมีก้อนเมฆสีขาวห่อหุ้มเขาเอาไว้และพุ่งทะยานออกไป

เคล็ดเต๋าเมฆา ก้าวพริบตา!

ณ ท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆสีดำปกคลุมพื้นที่ สายฟ้าส่งเสียงดังสนั่น สายฝนตกลงมายังพื้นเบื้องล่าง ก้อนเมฆสีดำปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่รวมถึงเมืองด้านล่างด้วย เมืองแห่งนี้มีคนธรรมดาของแผ่นดินเซียนดารามากมาย

หวังหลินนั่งอยู่ในก้อนเมฆสีดำ สองมือสร้างผนึกและโบกสะบัด สายฟ้ารุนแรงยิ่งขึ้นพร้อมกับมีแสงแปลบปลาบแล่นผ่านก้อนเมฆ ส่วนสายฝนเริ่มเทลงมาอย่างรวดเร็วทว่าก้อนเมฆที่เริ่มปั่นป่วนได้มีก้อนเมฆสีดำถูกแยกออกมาและดึงเข้าไปในร่าง หวังหลิน

พริบตาเดียวผ่านไปถึงเจ็ดวัน ก้อนเมฆสีดำเริ่มเบาบางและหายไปจำนวนมาก มีเศษเสี้ยวก้อนเมฆหนึ่งคล้ายจะมีจิตวิญญาณอยู่ในนั้นและเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่ง

พอมันสัมผัสกับก้อนเมฆอีกก้อน ก้อนเมฆนั้นจะเริ่มปั่นป่วนและถูกดูดซับ จากนั้นก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือได้เคลื่อนที่จากไปอย่างรวดเร็ว

วันแล้ววันเล่าผ่านไปในชั่วพริบตาจนล่วงเลยมาสองเดือนนับตั้งแต่ที่หวังหลินเรียนรู้เคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา ก้อนเมฆที่เลื่อนลอยไปที่ไหนสักแห่งพลันหดลงจนเปลี่ยนกลายเป็นมังกรเมฆเจ็ดตัวและเผยร่างที่อยู่ข้างใน

หวังหลินถอนหายใจยาวและลืมตา รูม่านตาหดหายไปและถูกแทนที่ด้วยก้อนเมฆ ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึง

‘ในสองเดือนนี้ข้าสามารถบ่มเพาะเคล็ดส่วนเริ่มต้นของเต๋าเมฆาไปจนถึงระดับเก้า อีกแค่ขั้นเดียวก็จะสมบูรณ์…แต่นี่ไม่ใช่การเก็บเกี่ยวใหญ่หลวงที่สุด ที่ได้ของจริงคือการเปลี่ยนแปลงความทรงจำในสองเดือนนี้ ข้าได้พบหนึ่งในแปดประตูเข้าแล้ว!’ หวังหลินเผยแววตาเป็นประกายลี้ลับ แต่ในดวงตาเขากลับเป็นก้อนเมฆที่ดู ประหลาดยิ่ง

ประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้นในแผนที่ที่เขาวาดในใจ

‘หากข้าโชคดี บางทีลองครั้งเดียวข้าอาจได้เจอประตูบานจริง…’ หวังหลินก้าวทะยานออกไปหาพื้นดินด้านล่างซึ่งคือป่าทึบที่มีภูเขาสูงตระหง่านมากมาย บางครั้งก็มีเสียงคำรามจากเหล่าสัตว์ดังกึกก้องในป่า

หวังหลินพุ่งทะยานเข้าไปในป่าและมุ่งหน้าสู่ประตูที่เขาสัมผัสได้ในใจ

หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็มาหยุดลงที่ต้นไม้หน้าตาดูธรรมดายิ่ง มันเพียง ร้อยฟุตเท่านั้น

ต้นไม้นี้คล้ายจะเอาชีวิตรอดได้มานาน ลำต้นขนาดประมาณห้าคนโอบ

อสรพิษตัวยักษ์มีความยาวกว่าพันฟุตกำลังรัดต้นไม้ต้นนี้ มันแผ่ลิ้นออกมาพลางมองหวังหลินด้วยสายตาเยือกเย็น

หวังหลินเมินเฉยเจ้าอสรพิษ วางแขนขวาไว้บนต้นไม้และหลับตาลง

เจ้าอสรพิษหดหัวลงและเลื้อยขึ้นต้นไม้ มันสัมผัสได้ว่าหวังหลินน่าหวาดกลัวแค่ไหนและไม่กล้าเข้าไปตอแย

หลังจากเลื่อนขึ้นไปได้หลายสิบฟุต เจ้าอสรพิษกระโจนออกไปจากต้นไม้และ ร่อนลงพื้น ใบไม้แห้งลอยขึ้นไปในอากาศก่อนที่มันจะหายตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เจ้าอสรพิษจากไป หวังหลินลืมตาขึ้นมามอง พุ่งตรงไปที่เจ้าอสรพิษและจับหางมันเอาไว้ มันบิดตัวเพื่อพยายามหนีให้เป็นอิสระ แสงสีดำมหึมาโผล่ออกมาจากร่างของมัน

เงาประตูบานยักษ์ค่อยๆ เผยออกมาบนหลังเจ้าอสรพิษ

อสรพิษตัวนี้คือ หนึ่งในแปดประตู ไม่ใช่ต้นไม้! หวังหลินสัมผัสได้ชัดเจนตอนที่เจ้าอสรพิษพยายามหลบหนี

หวังหลินจ้องมองประตูที่ปรากฏขึ้นบนหลังเจ้าอสรพิษ จากนั้นก้าวเดินเข้าไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version